แชร์

Chapter 10. เจ้าหมายถึงเรื่องใด

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-17 21:50:38

            “บ้านข้ายากจน ใบชานี้ก็ทำเอง ไม่รู้จะถูกปากท่านหรือไม่”

            “เพียงน้ำใจที่มอบให้ก็นับว่ามีค่ายิ่งนักแล้ว”

            เหมยซิงรินน้ำชาให้ แต่ดวงตาลอบมองอาหมานด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นดวงตาคู่นั้นเพียงแค่จ้องมองการเคลื่อนไหวของนาง ไม่มีแววร้องขอความช่วยเหลือใด นางก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ  เสียเอี๋ยนสังเกตสายตาของซุนเว่ยหมินที่กลอกตามองตามร่างเล็กที่เดินออกไปแล้ว

            “ท่านเชื่อใจนาง”  เสียเอี๋ยนถามยิ้ม ๆ นิสัยของชายผู้นี้ยากจะไว้ใจใครได้ง่าย

            ‘สภาพเช่นข้าไม่มีทางเลือกนัก’  เขาปากหนักเกินกว่าจะยอมรับสิ่งที่รู้สึกอยู่ข้างใน

            “เห็นทีว่าข้าต้องขอความช่วยเหลือจากนางแล้ว”

            ‘เจ้าหมายถึงเรื่องใด’

            “ข้าคงต้องการให้นางพาร่างนี้กลับเมืองหลวง”

            ‘ไยต้องเป็นนาง!’

             “กว่าข้าจะหลบผู้คนออกมาตามหาท่านก็มิใช่เรื่องง่าย คนที่ลอบสังหารท่านก็ยังจับตัวไม่ได้ ที่ข้ามาที่นี่ก็มาเพียงลำพัง ร่างของท่านนั้นข้าให้เยี่ยนฉือองครักษ์ของท่านค่อยดูแลมิให้ใครเข้าใกล้” เสียเอี๋ยนชี้หน้าตัวเองแล้วฉีกยิ้ม “ข้าคิดว่าคนที่ลอบสังหารท่านยังติดตามข้าอยู่ หากข้าพาร่างนี้กลับเมืองหลวงต้องถูกตามราวีจนอาจกลับเข้าเมืองหลวงไม่ทัน  ข้าคิดว่าให้แม่นางน้อยพาท่านไป ส่วนข้าจะล่อหลอกพวกมันไปอีกทาง”

            ‘เจ้าหาผู้ที่ไว้ใจอื่นมิได้แล้วหรือ’  เขาไม่ต้องการให้นางต้องมาลำบากเพราะเขาอีก ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาอยู่ในชายที่มีร่างเป็นผักนี้  เขารู้สึกเวทนาตัวเองยิ่ง ร่างกายที่ขยับได้เพียงแค่กลอกตาไปมา และปลายนิ้วเพียงเล็กน้อย  ที่นี่มีเด็กเล็กและติงเชาที่เจ็บป่วยไม่แพ้กัน จึงมีแต่เหมยซิงที่คอยดูแลเขาทุกอย่าง เรียกว่าพื้นที่ในร่างกายนี้ ผ่านสายตาของนางมาแล้วทั้งนั้น  แม้เขาไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ แต่ไม่รู้สึกยินดีที่ต้องให้ผู้อื่นมาคอยดูแลเช่นนี้

            “ในเวลาเร่งด่วน และสถานการณ์เช่นนี้ เห็นทีว่ายากยิ่ง” เสียเอี๋ยน กลับยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน “อย่าได้กังวล ข้ามั่นใจว่านางยินดีพาร่างและดวงจิตของท่านไปเมืองหลวงเป็นแน่”

            ‘เพราะเหตุใด?’

            บุรุษในชุดดำเหลือบตามองไปด้านหลัง รู้ว่าเด็กสาวหลบซ่อนไม่ไกลนัก เขาคลี่ยิ้มไม่คิดว่าที่นางทำเป็นการเสียมารยาท เพราะนางเป็นห่วงชายที่ขยับตัวไม่ได้คนนี้

            “แม่นางน้อย ข้าขอเชิญทางนี้สักครู่เถิด”

            “เอ่อ...”

            เหมยซิงยิ้มแหย คิดว่าตัวเองซ่อนตัวแนบเนียนแล้วยังถูกจับได้อีก นางเดินออกมาแล้วยกมือเสยผมตัวเองแก้เขิน นิสัยเดิมตั้งแต่โลกโน้นยังนำมาใช้ในโลกนี้แม้จะอยู่คนละร่างแล้วก็ตาม

            “แม่นาง”  เสียเอี๋ยนเรียกขึ้นน้ำเสียงกึ่งขบขัน แต่ที่อยากหัวเราะเพราะสายตาไม่พอใจของชายผู้ขยับตัวไม่ได้ต่างหาก

            “เรียกข้าเหมยซิงก็ได้”  นางแนะนำตัว แต่เสียเอี๋ยนกลับเลิกคิ้วสูง

            “นั้นใช่ชื่อของแม่นางน้อยแน่รึ”

            “เอ๊ะ!”   หญิงสาวเผลอทำตาโตแล้วแสร้งทำเป็นไม่ตกใจกับคำพูดของเขา “ชื่อของข้า ข้าต้องจำได้ซิ”

            เสียเอี๋ยนโน้มตัวลงยื่นหน้าไปใกล้ใบหน้าของเด็กสาว จ้องมองในดวงตาสีนิลที่จ้องตอบอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว และหลบสายตาของเขา  ซุนเว่ยหมินฮึกฮักอย่างไม่พอใจที่เห็นเสียเอี๋ยนเข้าใกล้เช่นนั้นแต่เขาขยับตัวไม่ได้ นอกจากเสียงครางอืออาในลำคอที่ทำให้เหมยซิงรีบย้ายสายตากลับมามองทางเขา

            “อาหมานเป็นอะไรไปรึ” เห็นเขาพยายามขยับตัวแล้ว นางอด เป็น ห่วงไม่ได้

            “เขาไม่ได้เป็นอะไรแค่เป็นห่วงเจ้า”

            “เป็นห่วงข้า?”  นางชี้ปลายนิ้วที่หน้าตัวเอง

            เสียเอี๋ยนยิ้มให้ แต่เหมยซิงกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ประหลาดชอบกล  “ข้ามีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากแม่นางน้อย”

            “เรื่องใดกัน”

            “พาคุณชายของข้ากลับเมืองหลวง”

            เหยมซิงอ้าปากค้างแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงฉีกยิ้มอยู่เช่นเดิมคล้ายยืนยันคำพูดตัวเอง  นางจึงได้สติและเอ่ยปากถามต่อ

            “เหตุใดเป็นข้า”

            “ก่อนอื่นข้าต้องขอเล่าก่อนว่าคุณชายของข้าก็เป็นเช่นเจ้า”  เขายิ้มแบบคนที่เหนือกว่า และไม่รอให้อีกฝ่ายถามอะไรรีบชิงลงมือพูดก่อน  “ดวงจิตของคุณชายข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของชายผู้นี้...เหมือนเจ้า”

            “ท่าน...ท่านรู้”   เหมยซิงทำหน้าตื่นตกใจแล้วมองหน้าอาหมานสลับกับชายที่ชื่อเสียเอี๋ยนไปมาอย่างงุนงง  “ถ้าเช่นนั้น...”

            “เรื่องที่เจ้าสงสัยข้าตอบให้ตอนนี้มิได้”  เสียเอี๋ยนรู้ว่านางจะถามอะไร “ดวงจิตของเจ้ามาจากอีกโลก แต่ร่างของคุณชายข้า และดวงจิตเพียงแค่อยู่กันคนละที่  ตอนนี้ร่างที่แท้จริงอยู่ที่เมืองหลวง ร่างนั้นหลับใหลไม่ตื่นฟื้นมาสามสิบราตรีแล้ว ดวงจิตจะอยู่นอกร่างเกินสี่สิบเก้าวันมิได้ ต้องรีบพาดวงจิตของคุณชายกลับคืนร่างให้เร็วที่สุด แต่ยามนี้ดวงจิตของคุณชายข้าอยู่ในร่างของคุณชายหานหงปิง จึงต้องพาร่างนี้ และดวงจิตกลับเมืองหลวงโดยเร็ว”

            เหมยซิงไม่ได้คิดตามที่เสียเอี๋ยนพูด สมองนางหยุดคิดตั้งแต่ได้ยินสี่สิบเก้าวันแล้ว  นางมาอยู่ที่นี่เกือบสองเดือน... มิเท่ากับว่า นางในโลกโน้นได้ตายไปแล้วหรือ

            เห็นสีหน้าตื่นตะลึง และซีดเซียวของเหมยซิงแล้ว ซุนเว่ยหมินทุกข์ร้อนในอกอย่างบอกไม่ถูก เขาได้แต่ส่งสายตาไปยังเสียเอี๋ยนที่ยังคงยิ้มกริ่มอย่างคนที่เหนือกว่า

            ‘เจ้าหมายถึงสิ่งใด ไยนางจึงเป็นเช่นนั้น’

            “แม่นาง สิ่งที่เจ้าใคร่รู้ และสงสัยนั้น มิอาจได้คำตอบจากที่นี่”  เสียเอี๋ยนเอ่ยอย่างใจเย็น  “อาจมีบางสิ่งรอแม่นางอยู่ที่นั้น”

            เหมยซิงได้สติจ้องตาของบุรุษในชุดดำเบื้องหน้า “หมายความว่าอย่างไร”

            “ถ้าเจ้าอยากรู้คำตอบในทุกสิ่งที่สงสัย เจ้าต้องเดินทางไปเมืองหลวง เมื่อถึงที่นั้นข้าจะให้ความกระจ่างแก่เจ้าได้”

            “...ถ้าข้าไม่อยากรู้แล้วล่ะ”  นางขมวดคิ้ว พูดในสิ่งตรงข้ามกับใจ

            “เช่นนั้นข้าคงต้องขอร้องให้เจ้าไปส่งคุณชายของข้า”  เสียเอี๋ยนรู้ว่านางอยากรู้ถึงเรื่องของตนเองมากเพียงใด แต่เห็นนางตอบเช่นนี้ก็รู้สึกพอใจในความฉลาดเฉลียวของนาง

            “แล้วเหตุใดท่านมิพาเขากลับไปด้วยตนเอง”

            “ที่คุณชายของข้าเป็นเช่นนี้เพราะถูกคนลอบสังหาร หากเป็นข้าที่พาเขากลับไปคนร้ายย่อมรู้แน่ว่าคุณชายยังไม่ตายและลงมืออีก เช่นนั้นจะทำให้การเดินทางล่าช้า เพราะเรามีเวลาไม่มากนัก”

            แม้ยามนี้ดวงจิตของซุนเว่ยหมินอยู่ในร่างคุณชายหานหงปิง แต่เขาก็เชื่อว่าเหล่านักฆ่าต้องไม่ปรานี  คนที่อยู่ใกล้เขาจะถูกต้องสงสัยทั้งสิ้น

            “มีเวลาไม่มาก”  นางเอ่ยขึ้นแล้วหันไปทางอาหมาน  แม้ระยะนี้เขาดูแข็งแรงขึ้นกว่าวันแรกที่นางพบเขา แต่สภาพร่างกายเช่นนี้...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status