공유

Chapter 9. เรียกข้า

last update 최신 업데이트: 2024-10-17 21:50:02

            “ขออภัยทุกท่าน”  เสียเอี๋ยนลุกขึ้นประสานมือคาวระเด็กสาว และหันไปทางชายที่อยู่ไม่ไกลนัก “ข้าชื่อเสียเอี๋ยนได้รับคำสั่งให้ออกติดตามหาคุณชายหานมานับเดือนแล้ว เมื่อทราบว่าคุณชายอยู่ที่นี่จึงได้รีบเข้ามา บุกรุกบ้านของพวกท่านโดยมิได้ตั้งใจ โปรดอภัยให้ด้วย”

            “คุณชายหาน?”  เหมยซิงขมวดคิ้วแล้วหันไปทางอาหมาน  เนื่องจากนางดูแลเขามาจนพอจะเข้าใจสายตาของเขาแล้ว จึงเห็นแววตาของเขามีประกายตื่นเต้นยินดี ซึ่งแสดงว่าต้องรู้จักกับคนผู้นี้

            ‘ไยเรียกข้าว่าคุณชายหาน’

            ซุนเว่ยหมินส่งเสียงถามอยู่ในใจ แต่เสียเอี๋ยนที่มีพรสวรรค์เรื่องเร้นลับเหนือธรรมชาติกระตุกมุมปากยิ้มเล็กน้อย ตอบกลับด้วยเสียงที่มี

 แต่ซุนเว่ยหมินที่ได้ยินเช่นกัน

            ‘ก็ร่างที่ท่านอ๋องยืมใช้อยู่นี่เป็นร่างของคุณชายหานหงปิง ข้าจำเป็นต้องเรียกท่านว่าคุณชายหานนะซิ!’

            “อาหมาน เจ้ารู้จักชายผู้นี้หรือไม่”  เหมยซิงถามเพื่อความแน่ใจ เห็นใบหน้านั้นพยักหน้าลงเล็กน้อย นางก็พยักหน้ารับหันไปทางพ่อบุญธรรมของและน้อง ๆ ที่ยืนมองอย่างงุนงง

            “อาหมานรู้จักชายผู้นี้”  นางเอ่ยขึ้นแต่ยังไม่ค่อยไว้ใจนัก จู่ ๆ โผล่เข้ามาก็น่าสงสัยไม่น้อย  “เหตุใดท่านจึงรู้ว่าอาหมานอยู่ที่นี่”

            “อาหมาน?”  เสียเอี๋ยนทำหน้างุนงง กลอกตามองไปยังซุนเว่ยหมินที่พยักหน้าเล็กน้อย

            ‘นางเรียกข้าว่าอาหมาน’

            “อ๋อ! คุณชายของเราถูกลอบทำร้าย ข้าได้ส่งคนออกติดตามมานานนับเดือนแล้ว และมีคนส่งข่าวว่าน่าจะอยู่แถบนี้ ทีแรกคิดจะเข้ามาสอบถาม แต่พอเห็นคุณชายก็ดีใจเกินไปจนลืมมารยาทไปสิ้น”

            เหมยซิงที่ยืนกอดอกแหงนหน้ามองชายที่เข้ามาใหม่อย่างประเมิน  มีความแคลงใจอยู่บ้าง เพราะบ้านของนางห่างไกลผู้คน ไม่คิดว่าจะมีใครล่วงรู้ว่าที่บ้านของนางรับคนแปลกหน้ามาอยู่เพิ่ม

            “ทุกท่าน ข้าขอคุยกับคุณชายสักครู่เถิด”

            “ท่านจะคุยได้อย่างไร อาหมานพูดไม่ได้”

            “อะไรนะ!”  เสียเอี๋ยนทำหน้าตกใจ ลืมไปว่าที่เขาสนทนากับซุนเว่ยหมินนั้นใช้การพูดด้วยกระแสจิต แม้ได้ขยับปากส่งเสียจึงคุยกันได้

            “ท่านเป็นคนดูแลอาหมานมิรู้หรือ?”  เหมยซิงหาทางจับผิด

            “เพราะดีใจที่ได้พบจนลืมไป”  เขายิ้มแก้เก้อ

            “ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่”  นางถามจ้องตาเขาอย่างจริงจัง เห็นใบหน้านั้นส่ายไปมาช้า ๆ จึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ

            “ข้าจะเอาน้ำชามาให้ รอสักครู่”

            “ขอบใจแม่นางน้อยมาก”

            นางจำใจต้องถอยห่าง พาน้อง ๆ ออกมารวมทั้งพ่อบุญธรรมด้วย เหมยลี่เบ้ปากเหมือนจะร้องไห้ ทำให้เหมยซิงอุ้มน้องสาวตัวเล็กขึ้นมาหอมแก้มนุ่ม ๆ เล่น

            “เหมยลี่คนดีเป็นอะไรไป”

            “เขาจะเอาอาหมานไป”

            “อาหมานไม่ใช่ของเราเสียหน่อย”  ติงเกาพูดขึ้น

            “ถ้าเป็นญาติของอาหมานจริง ๆ ก็ดีซิ อาหมานจะได้กลับบ้านไง”  ติงหยี่ปลอบน้องสาวตัวเล็ก เขารู้ว่าเหมยลี่มองอาหมานเหมือนของเล่นที่นางประคบประหงมดูแล

            “ใช่ ๆ อาหมานไม่สบายกลับบ้านไปจะได้มีหมอรักษาอย่างไรเล่า” ติงปิงเองก็ช่วยปลอบน้องสาวไปด้วย

            แต่ทั้งหมดที่พูดมาเหมือนจะปลอบใจเหมยซิงด้วยเช่นกัน  นางดูแลเขามาเกือบครึ่งเดือน แม้รู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องกลับไปในที่ที่จากมา

แต่นางก็อดเศร้าใจไปด้วยไม่ได้

            เด็ก ๆ มัวแต่ซ่อนความเศร้าที่อาหมานจะจากไป มีแต่ติงเชาที่รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ทั้งการมาของชายที่เรียกตัวเองว่า ‘เสียเอี๋ยน’ และคนที่ลูกสาวแบกมาจากป่าช้าที่ชายผู้นั้นเรียก ‘คุณชายหานหงปิง’  หากอาหมานเป็นคุณชายหานหงปิงตัวจริง  ไยเหมยซิงจึงจำไม่ได้ว่าคนที่นางดูแลเป็นคุณชายหาน

            เพราะบ้านเศรษฐีที่นางไปเป็นหญิงรับใช้นั้นคือบ้านตระกูลหาน!  คนพวกนั้นลงโทษนาง และเอานางไปโยนทิ้งในป่าช้าราวเศษสวะชิ้นหนึ่ง!.

          “ข้าไม่มีเวลาอธิบายเรื่องทั้งหมด”

เสียเอี๋ยนรีบเอ่ยขึ้นหลังจากไม่มีผู้อื่นในบริเวณนี้แล้ว “แต่ท่านอ๋องมีเวลาไม่มากแล้ว ต้องรีบกลับเมืองหลวงโดยเร็ว”

            ‘เหตุใดจึงรีบร้อนนัก’  ซุนเว่ยหมินเอ่ยตอบอยู่ในใจ โชคดีที่สามารถสื่อสารด้วยจิตได้ ทำให้เขาไม่ลำบากนัก

            “ดวงจิตของท่านอ๋องออกจากร่างมานานนับเดือนแล้ว  ท่านต้องรีบกลับเข้าร่างภายในสี่สิบเก้าวัน มิเช่นนั้นจะกลับเข้าร่างไม่ได้ตลอดไป”

            ‘เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้ ไยเจ้าเพิ่งหาข้าพบ!’  เขาก็มิได้อยากอยู่ในร่างผู้อื่นเช่นนี้

            “หาใช่ความผิดของข้า”  เสียเอี๋ยนเบ้ปาก “เป็นท่านที่ดวงจิตกระเด็นกระดอนออกจากร่างมาอยู่ในร่างของ....”

            ‘ข้าอยู่ในร่างของผู้ใด!’  ตั้งแต่ลืมตามา รู้เพียงแค่ว่านี้ไม่ใช่ร่างของตน แต่ยังไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นของใคร

            เสียเอี๋ยนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนกล่าวออกมา “เป็นคุณชายหานหงปิง”

            ‘หานหงปิง! เขามิได้พิกลพิการเจ็บป่วยหนักหนาอยู่เมืองหลวงหรอกหรือ? ไยมาอยู่หมู่บ้านกันดารแห่งนี้’

            “เรื่องนั้นข้าไม่รู้ แต่ข้ามั่นใจว่าใบหน้า และรูปนี้เป็นของคุณชายหาน เพราะข้าเคยพบเขามาก่อน”

            เสียเอี๋ยนโคลงศีรษะไปมา  เขาเคยพบคุณชายหานมาก่อนจริง เพราะคนในตระกูลหานเคยขอร้องให้เขาไปตรวจดูอาการคุณชายหงปิงที่ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด และยังมีไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้  หากไม่เพราะตระกูลหานเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเพราะทำการค้า  เป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวง และหานหงปิงเป็นเป็นบุตรชายคนโตของภรรยาเอก  ชะตากรรมของชายผู้นี้คงไร้คนเหลียวแล และทิ้งให้ตายอย่างน่าเวทนา

            แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดคุณชายหานหงปิงมาอยู่ที่นี่ และเหตุใดดวงจิตของจวิ้นอ๋องหรือซุนเว่ยหมิน ถึงมาอยู่ในร่างของคุณชายหานหงปิง

‘ทำอย่างไรดวงจิตของข้าจึงจะกลับเข้าร่างเดิมได้’

            “ร่างของท่านอ๋องเวลานี้อยู่ที่จวนแล้ว เดิมทีคิดว่าที่ท่านยังไม่ได้สติเพราะบาดแผลที่ได้รับ แต่เมื่อหมอหลวงขจัดพิษจนหมดแล้ว ท่านก็ยังไม่ตื่นฟื้น  ข้าเดินทางตามไปทีหลังจึงได้ตรวจดูว่าดวงจิตของท่านหลุดลอยออกจากร่าง ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าใช้ความพยายามค้นหาดวงจิตของท่าน  ดีที่ย้อนกลับมาที่เดิม  ภูตผีเสื้อหาท่านพบ”

เสียเอี๋ยนนิ่งไปครู่หนึ่ง รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวด้านหลัง เขาจึงหุบปาก และเมื่อร่างของเด็กสาวเดินเข้ามาพร้อมกาน้ำชา เขาก็คลี่ยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status