เมื่อณดลเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองในเวลาต่อมา...
เขาก็แทบจะจุ่มพู่กันระบายสีต่อไป ราวกับระบายอารมณ์เอากับผืนผ้าใบนั้น ด้วย...หากยังทำงานไม่ได้สักครึ่งหรอก เสียงโทรศัพท์มือถือในมือ ก็แทบจะแผดร้องจนแสบแก้วหูขึ้นมาดับฝันของเขาเสียก่อน
"ฮัลโหล เออ...ไอ้เขี้ยวเหรอ ฉันยุ่งอยู่ เร่งงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์นี้แล้ว ว่าไงนะ...จะรบกวนให้ฉันไปเป็นเป็นไกด์ให้ 2-3 วัน ฮะ...ให้เงินเท่าตัวเลยเหรอ เออ ค่อยน่าสนหน่อย แต่เดี๋ยว ๆ ฉันยังไม่กล้ารับปากสิวะ งานฉันยังไม่เสร็จ โอ.เค. งั้นก็ได้ แล้วฉันจะรีบโทร. ส่งข่าว โอเค.เพื่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะ"
อีกครั้งที่ณดลวางสายโทรศัพท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้รับข่าวดี ทดแทนเรื่องร้ายเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้รกสมองเมื่อครู่ก่อน และนั่นเองที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำงานที่ตัวเองรักและรับปากมาได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ในที่สุด
หากเพียงงานเสร็จ เขาก็แทบทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวยาวนั่นด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ด้วยเสียงโหวกเหวกหน้าบ้านนั่นล่ะ
ใครกันนะ มาโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแบบนี้ !
"ออกมาเลยนะคุณ ไอ้ฆาตกรโรคจิต"
ได้ยินแว่วๆ จำได้ว่าเป็นเสียงของหนุ่มหน้าละอ่อนข้างบ้าน ทำเอาปรี๊ดได้แต่เช้าอีกเหมือนกัน ก็นึกว่าเลือกบ้านเช่าทำเลดีสุดในจักรวาลแล้วนะ ยังจะต้องมารบกับบ้านใกล้เรือนเคียงทุกวี่วันเสียอีก
ลำพังรบยังไม่เท่าไหร่ นี่ยังจะหาคุกให้อีกต่างหาก ฆาตกรอะไรที่ไหนกันล่ะหว่า...
ณดล ถามตัวเอง ยกมือขึ้นเกาหัวแกร๊ก ๆ ขณะก้าวเดินออกไปทางหน้าบ้าน แล้วก็พบกับเด็กหนุ่มหน้าเดิม ๆ ผมเผ้ายับยุ่งเหมือนเดิม จะต่างไปบ้างก็ตรงที่ยืนตาบวมปูดอยู่ตรงหน้านี่ล่ะ
"อ้าว คุณนั่นเอง อะไรอีก ถึงมายืนโวยวายอยู่หน้าบ้านผมแบบนี้ แล้วนั่นอะไร คุณหอบหิ้วอะไรมา"
"อยากรู้ ก็แหกตาดูเอาเองสิ"
เด็กหนุ่มที่อยู่เพียงขอบรั้วไม้เตี้ยๆ กั้นกลางระหว่างกัน แทบจะยื่นส่งห่อผ้าขาว ๆ นั่นให้เขามองเห็นถนัดชัดเจนขึ้น หากเพียงณดลก้มลงมอง เขาก็แทบผงะ ตาสว่างในบัดดลเลยทีเดียว
"เฮ้ย...นี่มัน..เจ้าแมวขโมยเมื่อเช้านี่"
"ก็ใช่ไง...คุณมันคนบาป ชั่วโฉดโหดร้ายที่สุด คิดจะวางยาเบื่อแมว แค่เรื่องมันไปขโมยของกินเนี่ยนะ"
"เฮ้ย ผมเปล่านะ ผมจะวางยามันทำไม คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงผมจะไม่ชอบให้มันมาขโมยปลาปลาทูผมกิน แต่คนอย่างผม ก็ไม่เคยใจบาปขนาดนั้นหรอก"
"คุณไม่ใจบาป แล้วทำไมแมวฉันถึงตายล่ะ"
“ห๊ะ ! ถึงตายเลยเหรอ นี่มันไม่ธรรมตาแล้วนะ เดี๋ยวๆ ปลาทูนั่น ไม่ใช่ของผม"
"เอ้า ! คุณนี่ยังจะไปได้น้ำขุ่น ๆ ปลาทูมันอยู่ในบ้านคุณ คุณยังพูดได้อีกนะว่าไม่ใช่ของคุณ"
"ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ปลาทูนั่น...เอ้อ!มีคนเอามาให้ผม"
"มีคนเอามาให้คุณ...อย่างนั้นเหรอ”
"ใช่ เพื่อนสาวของผมเอง"
“อ้อ ! เหอะ...สมล่ะ ถ้างั้นให้ผมเดานะ คุณนี่คงเจ้าประตูดิน จีบสาวไม่เลือก เขาถึงได้เอาปลาทูแช่แข็งผสมยาพิษมาให้คุณกินแบบนี้ เวรกรรมของเจ้าสีนวลของผมแท้ๆ ที่ต้องมาตายแทนคุณแบบนี้"
พูดจบ น้ำตาลูกผู้ชายก็หลั่งริน ให้ณดลถึงกับสะท้อนใจ เห็นภาพอีกฝ่าย ร้องไห้จนตาบวมปูด ป้ายน้ำตาทิ้งลวกๆ ก็ให้นึกสงสาร ซ้ำยังรู้สึกผิดได้อีก ก่อนทอดถอนใจออกมา เมื่อเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างที่หันหลังจะก้าวเดินจากไป จนเขาแทบกระโจนข้ามรั้วไม้เตี้ยๆ แล้วรีบฉวยข้อมืออีกฝ่ายเอาก่อนอย่างลืมตัว
"เดี๋ยวก่อนสิคุณ...ผม เอ้อ...ผมขอโทษ ผมเสียใจด้วย แต่ผม..."
"คุณก็แค่เสียใจ แต่สำหรับผม มันมากกว่าความเสียใจไม่รู้เท่าไหร่เลยนะ...เจ้าสีนวล มันเป็นเพื่อนที่มีอยู่ของผม ผมเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เสียอีก"
ทอยส์ พูดเพียงเท่านั้น ก็ก้าวเดินจากไป หลังสะบัดมือจากเขา ให้ณดล ได้แต่มองตาม รู้สึกผิด พร้อม ๆ กับรู้สึกเหงาหงอยไปด้วย ให้ตายเถอะ ! ภายในวันเดียว เขาเจอเรื่องอะไรมากมายได้ขนาดนี้นะ อะไรก็ไม่เที่ยงแท้แน่นอนเสียจริง
ณดล ยืนนิ่งอึ้งอยู่นาน พักหนึ่งเชียวละกว่าที่เขาจะรีบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแสนสุภาพ แล้วก้าวเดินผ่านทุ่งหญ้าที่กั้นกลางระหว่างบ้านเขากับบ้านของอีกฝ่ายไป หากปลายคิ้วหนาๆ ของเขาก็อดขมวดมุ่นนิดหนึ่งไม่ได้ เมื่อเห็นรถเก๋งคันงามที่จอดอยู่หน้าบ้านของอีกฝ่าย รถใครวะ !
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็หยุดชะงักไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ลืมความตั้งใจของตัวเอง ที่จะมาปลอบโยนอีกฝ่ายเรื่องเจ้าเหมียวน้อยนั่น และไม่ลืมที่จะเด็ดดอกไม้สวย ๆ หอม ๆ จากหน้าบ้านเขามาด้วย หากเมื่อก้าวพันประตูรั้วเข้าไป เขาก็แทบหยุดกึกอีกครั้งเพราะเสียงทุ้ม ๆ ของชายหนุ่มอีกคนนั่น
"อย่าไร้สาระไปหน่อยเลยน่าคุณ ก็แค่แมวตายตัวเดียว คุณตีโพยตีพายร้องห่มร้องไห้จนผมต้องเสียงานเสียการมาถึงที่นี่ ไม่ไหวเลยนะทอยส์ หัดทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่กว่านี้หน่อยดีมั้ย"
ณคล แทบลืมหายใจ อดนึกถึงตอนตัวเองโวยวายไล่ฝ่ายนั้นไม่ได้ เรานี่ก็คงดูร้ายกาจในสายตาเขาไม่ต่างกันเลยนะ ที่สำคัญ การได้ค้นพบว่า ที่เขาหลีกหนีความวุ่นวายของโลกภายนอกมาอยู่ที่นี่ เพราะตัวเขาเอง ไม่อยากอยู่ในโลกที่หลายคนไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น อัลฟ่า เขาก็แค่อัลฟ่าคนหนึ่งบนโลกใบนี้เท่านั้น เพียงแต่เขาไม่คาดฝันเท่านั้น ว่าจะได้มาเจอกับเด็กหนุ่มอีกคน ที่แฟนหนุ่มมาคอยดูแล เด็กหนุ่มคนนั้น ชื่อทอยส์ สินะ
หรือเพราะเหตุนี้ ทอยส์ ถึงเลือกบ้านเช่าที่อยู่ลึกลับ สงบเงียบเรียบง่ายไม่ต่างกัน
"คุณไม่ไหว แล้วผมจะไหวมั้ยล่ะ ผมโทร. เรียกคุณมา เพราะต้องการกำลังใจนะ ไม่ได้ต้องการคำตำหนิด่าว่าสารพัดที่บั่นทอนจิตใจผมแบบนี้”
"ถ้างั้นคุณก็หยุดร้องไห้คร่ำครวญซะทีสิทอยส์ ผมรำคาญ เพราะผมก็ไม่ได้มาเพื่อต้องการฟังเสียงสะอื้นของคุณเหมือนกันนะ"
"รำคาญมากนัก ก็เชิญคุณกลับไปเลยไป ฉันมันงี่เง่าไร้สาระ ไหนจะเหมือนคู่ขาคนอื่นๆ ที่คุณเคยคบ เคยเจอมาล่ะ ถ้ามันจะน่ารำคาญขนาดนั้น เราเลิกๆ กันไปเลยดีมั้ย"
"ผมไม่ได้มาเพื่อขอเลิกกับคุณนะ นี่มันคนละเรื่องกันแล้ว"
"แต่ผมว่ามันเรื่องเดียวกัน เพราะในเมื่อเราไปด้วยกันไม่ได้ ก็อย่าฝืนเพื่อผู้ใหญ่ไปหน่อยเลยพอล คุณกลับไปเถอะ”
"คุณไล่ผมเองนะ จำไว้ด้วย...ผมไม่ได้เป็นคนผิดที่คิดจะก้าวออกไปจากชีวิตของคุณ"
หลังคำประกาศกร้าวท่าทางเอาจริงของอีกฝ่าย ใช่เพียงคำขู่ เพราะณดลเอง ยังกระโดดหลบแทบไม่ทันเมื่อฝ่ายนั้นผลุนผลันออกจากบ้านไป เวลานั้น...เขาทำตัวกลมกลืนกับพุ่มไม้หน้าบ้านนั่นอย่างที่สุด จนแน่ใจว่ารถเก๋งคันนั้นได้ขับผ่านออกไปจากซอยบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาจึงค่อยพ่นลมออกจากปากแรง ๆ อย่างโล่งอกโล่งใจ แล้วก้าวเดินเข้าไปในบ้าน
ห้วงเวลานั้น เขาพบว่าอีกฝ่ายกำลังขุดหลุมเตรียมฝังเจ้าเหมียวน้อยแสนรักอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ใบหน้าของทอยส์หม่นเศร้า จนเขารู้สึกผิด เป็นเขาคงรู้สึกแย่ที่ต้องมาเจอเรื่องดราม่าสารพัดในเวลามันใกล้กันแบบนี้
"ให้ผมช่วยนะครับ..."
ณดลเอ่ยประโยคนั้นออกมาให้ทอยส์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง และโดยที่ยังไม่ทันได้ให้คำตอบใดๆ จอบในมือของทอยส์ ก็ถูกมือหนาๆ ของใครอีกคนคว้าเอาไปจัดการต่อ โดยไม่รอคำตอบด้วยความลังเลใจหรือประหลาดใจใดๆ สักนิด
"นี่คุณจะตามราวีผมไปถึงไหนนะ”
"ผมราวีคุณที่ไหน ผมตั้งใจเอาดอกไม้มาวางไว้ให้เจ้าเหมียวต่างหาก แต่ในเมื่อคุณยังจัดการสุสานให้มันไม่เสร็จ ผมก็ต้องยื่นมือมาช่วยจริงมั้ย ใจคอจะให้ผมยืนดูดายได้ไง ถึงผมจะไม่ใช่เจ้าของปลาทูตัวจริง ผมก็รู้สึกผิดกับคุณอยู่ดี”
ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น เขาพูดโดยไม่มองหน้า เพราะยังคงใช้จอบฟันดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเห็นว่าหลุมกว้างโตได้ที่แล้ว เขาก็รีบยื่นมือออกไปหาทอยส์
"ส่งเจ้าเหมียวมาให้ผมเถอะคุณ ได้เวลาส่งมันกลับดาวแมวแล้วล่ะ"
ทอยส์ ยื่นส่งร่างเจ้าเหมียวน้อยในห่อผ้าขาวสะอาดให้ ดวงตาที่แห้งผากปราศจากน้ำตา กลับไหลรินลงมาอีกครั้ง
“เดินทางปลอดภัยนะลูก สีนวล”
"เอ้า คุณ เลิกร้องไห้ได้แล้ว คุณเคยได้ยินรึเปล่าที่เขาบอกว่าอย่าให้น้ำตาตกลงในหลุมศพน่ะ เดี๋ยวเจ้าเหมียวมันไม่ไปเกิดนะ"
ความไม่รู้จะปลอบโยนทอยส์ยังไงดี เขาเลยเลือกที่จะปลอบแกมขู่ไปด้วย เผื่อว่าอีกฝ่ายจะหยุดร้องไห้เสียที น้ำตาของทอยส์มันทำเอาเขาใจคอไม่ดีเลย
"ก็ดีสิ ผมจะได้มีมันเป็นเพื่อน ไม่ต้องเหงาแบบนี้"
"คุณเหงาเหรอ"
"งั้นสิ ผมอยู่คนเดียวนะ ผมไม่ได้..."
"ไม่ได้อะไร...อ้อ คุณคงจะพูดว่าไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนอย่างนั้นใช่มั้ย ผมเข้าใจแล้วน่า เพราะตะกี้ ผมก็เห็นแล้วว่าแฟนหนุ่มของคุณ เขาฉุนเฉียวออกไป แต่เดี๋ยวเขาก็ต้องกลับมาใหม่ เชื่อเถอะ เขาคงแค่งอนคุณน่ะ"
อัลฟ่าหนุ่มอย่างณดล พูดไปเรื่อยให้ทอยส์ถึงกับเลิกคิ้วสูงสูง คาดไม่ถึงในสิ่งที่เขาบรรยายออกมาได้ละเอียดลออขนาดนั้น
"อะไรนะ นี่คุณ..แอบฟังผมกับ เอ้อ..พอลคุยกันเหรอ"
"ผมไม่ได้แอบ ผมได้ยินเต็มสองหู ตอนผมเดินเข้ามาต่างหาก จะบอกอะไรให้ แบบนั้นเขาไม่เรียกคุยแล้ว เขาเรียกทะเลาะ เสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านขนาดนั้น แต่ก็ช่างเถอะคุณ...เอาเรื่องเจ้าเหมียวก่อนดีมั้ยมันควรสงบสุขได้แล้วละ"
เขาไม่รีรออะไรอีกต่อไปตามเคย นอกจากกลบหน้าดินลงไป ยังใช้จอบกระทุ้งสองสามที จากนั้นเขาก็บรรจงวางดอกไม้ที่เก็บมาตกแต่งอย่างสวยงามให้ทอยส์เผลอมอง แล้วยิ้มอ่อนออกมาได้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกขณะนั้น อย่างน้อย เขาก็ทำให้ทอยส์พอจะลืมความเศร้าไปได้ชั่วขณะนั่นล่ะ
"เออนะ คุณนี่ สงสัยจะเคยเป็นสัปเหร่อเก่าแน่ ๆ"
ณดลทำพิธีกรรมเล็กๆ นั่นเสร็จสิ้นพอดี เขาเงยหน้าขึ้นแล้วถึงกับส่ายหัว ให้กับความคิดของเด็กหนุ่มตรงหน้า
คนอะไรคิดแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น ขอประชดหน่อยเถอะ !
"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็คงขัดใจคุณไม่ได้หรอกนะ""ดีใจจริง ถ้างั้นไปแต่งตัวเลยนะคุณ เตรียมตัวไปฉลองกันดีกว่า"ชายหนุ่มปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเป็นครั้งแรก ให้เธอเผลอค้อน ยิ้มขัน"เอ๊ ! คุณ ไหนว่าเงินมีเท่าไหร่ ใช้ไปก็หมดได้ คุณสอนให้ฉันประหยัดเองนะ แล้วนี่ อึกอักอะไรก็ฉลองท่าเดียว จะเรียกว่าประหยัดได้ยังไงกันคะ""ก็...ผมยังไม่ได้บอกสักคำนี่นาว่าจะชวนคุณไปดินเนอร์นอกบ้านน่ะ ก็แค่จะขวนคุณไปตลาด วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้ออร่อยไห้คุณทานเอง โอเคมั้ยคุณ""แน่ใจมั้ยล่ะ ว่าทานได้""ดูถูกน่าคุณ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชักช้าผมเปลี่ยนให้เอง แล้วอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน"เหมือนจะบ่นพอได้ยินอย่างจงใจกลั่นแกล้งให้มาตาแทบโดดผลุงลงจากเตียงกว้างนั่นแทบไม่ทันเรื่องอะไรจะให้อีกฝ่ายฉวยโอกาส เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอให้โง่ล่ะ!"ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้ว ฉันทำเองได้ย่ะ"คาสโนวาหนุ่มทิ้งตัวลงบนเดียงกว้าง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขที่ได้เย้าอีกฝ่ายให้หน้าแดง เขินอายเล่นได้อย่างนั้น...หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวก้าวเดินลงมาที่ลานจอดรถ หากคราวนี้ เขาไม่ได้ตรงไปที่รถยนต์หรู แต่ไปที
อีกครั้งที่ทอยส์เฝ้าแต่คิดวกไปวนมา สมองของเขามันเต็มไปด้วยคำถามมากมาย...สับสน ว้าวุ่นจนค่อยๆ ฟุบหน้าลงกับท่อนแขนของอีกฝ่าย และเผลอหลับนิ่งไปในท่านั้น...ขณะเดียวกันณดลกลับค่อยๆ หรี่ตาลืมขึ้น พอเห็นว่าเด็กหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว เขาก็แอบยิ้ม นึกถึงคำพูดมากมายที่อีกฝ่ายพร่ำพูดสารพัดเพราะนึกว่าเขาหลับ จนกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว !แบบนี้ต้องแกล้งซะให้เข็ด ถึงจะโดนยิงบาดเจ็บก็ถือว่าคุ้มเชียวล่ะ อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ใจคนที่เขาแสนรักอย่างทอยส์!ณดลบอกตัวเองในใจ แล้วปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง หากการหลับครั้งนี้ เขาหลับตาลงอย่างสุขใจ ไร้กังวลจริงๆ"คุณคะ...คุณคะ"เสียงเรียกเบาๆ นั่นทำให้ทอยส์ขยับตัว พร้อมกับลืมตาขึ้นมองตามเสียงเรียกนั่น ด้วยความหวาคระแวง และพบว่าพยาบาลสาวเตรียมอุปกรณ์ในการเช็ดตัวชายหนุ่มมาครบมือ"ได้เวลาเช็ดตัวให้คนไข้แล้วค่ะ""ครับ...ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวสักครู่ รบกวนฝากคุณพยาบาลด้วยนะครับ""ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อีกไม่นานคนไข้ก็ฟื้นค่ะ”พยาบาลสาว บอกกับทอยส์ราวกับให้กำลังใจ ขณะที่ทอยส์หมุนตัวกลับออกไปจากห้องพักฟื้นพิเศษนั่นเงียบๆ กำลังคิดว่านอกจากกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ยังค
"หนาวเหรอทอยส์""ก็คุณเปิดขนาดนี้ ผมคงร้อนหรอกมั้ง"ทอยส์ โวยใส่ให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ"ผมขอโทษ ก็ใครจะคิดว่าคุณขี้หนาว เห็นเมื่อคืน...เหงื่องี้โทรมตัวเชียว”"หยุดนะ หุบปากของคุณไปเลย""ก็ได้ๆ ไม่พูดก็ได้ คุณนี่ เผด็จการชะมัด โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี"ชายหนุ่มยังไม่วายบ่น แต่เห็นบ่นๆ อย่างนั้น เขาก็เอื้อมมือไปเบาแอร์ให้ในระดับหนึ่งอยู่ดี จวบจนถึงหน้าบ้านของทอยส์นั่นล่ะ ที่เขาก้าวนำลงไปก่อนเพื่อเปิดประตูรถให้ โดยไม่ทันสังเกตสักนิดว่ามีใครบางคนดับบุหรี่อย่างรวดเร็ว และบดขยี้ด้วยรองเท้าหนาๆ อย่างขัดใจเต็มทีกับภาพที่เห็นเบื้องหน้านั่น"ไงทอยส์...ท่าทางจะสำเริงสำราญกันมาน่าดูชมเลยสินะ ไปปฏิบัติธรรมถึงไหนถึงกันมาเหรอครับ"แค่เพียงวางกระเป้าใบโตของทอยส์ไว้ตรงหน้าบ้าน เพื่อรอให้เธอไขประตูรั้วเท่านั้น ที่ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนจะโผล่พรวดออกมาจากจุดมีดอับมุมหนึ่งนั่น"พอล !""ใช่ ผมเอง ก็ยังดีนะที่คุณยังจำผมได้ ไอ้ผมก็นึกว่า คุณจะลืมไปแล้วว่าความหวานชื่นระหว่างเรามันเป็นยังไง"พอลน่าจะดื่มมาบ้างก่อนหน้านี้ ทอยส์ได้กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งเมื่อเขาก้าวตรงมายังร่างบางของทอยส์ที่แทบถอยหลังไปหลายก้าว
"คุณงดงามที่สุดเลยทอยส์!"ณดลพึมพำขณะกัมลงพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังสะท้านของอีกฝ่าย...ก่อนพลิกตัวทอยส์กลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง เพื่อครอบครองปากลงบนริมฝีปากอบอุ่นของทอยส์ ดื่มด่ำราวคนหิวกระหาย มือข้างหนึ่งนวดเฟ้นฐานอกเต็มไม้เต็มมืออย่างเมามัน ก่อให้เกิดความเสียวกระสันจนทอยส์แทบแหงนหน้ารับ พร้อมกอดบ่าณดลเอาไว้แน่น รู้สึกได้ถึงปลายเล็บที่จิกเข้าไปในเนื้อของเขา ก่อนเสียงร้องครวญครางด้วยความสุข จะดังแข่งกับเสียงฟ้าที่ครางครืนห่างออกไปณดล ค่อยเลื่อนใบหน้าต่ำลง หลังจากนวดเฟ้นแผงอกของอีกฝ่ายที่สะท้านสะท้อนขึ้นลง ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของเขาและทอยส์ ที่ประสานกันด้วยความซ่านเสียวเกินจะทน ก่อนทุกอย่างจะจบลงเมื่อทอยส์ถูกโอบรัดเอาไว้แน่นราวกับสุนัขติดเป้ง เนิ่นนานจนแทบลืมหายใจ !"คุณช่างน่ารักเหลือเกินครับทอยส์""อืมม์..""ขอบคุณ สำหรับความหอมหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัวของคุณนะ ยอดรักของผม"ณดลได้แต่ครางพึมพำแทบไม่ได้ศัพท์ โอบร่างของทอยส์เอาไว้อย่างแสนรัก เมื่อแสงเทียนค่อยมอดดับลง และแสงไฟที่ดับไปอย่างยาวนานก็ยังไม่มา ห้องทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยความมืดมิด มีเพียงเสียงลมหายใจที่หอบแรงของทั้งคู่เท่านั้นที่แท
"ฝนเบาลงหน่อยแล้ว เดี๋ยวผมไปต้มมาม่ารองท้องก่อนนะ ไม่งั้นน้ำในกระติกมันเย็นละก็ อดกันทั้งคู่แน่"หลังประโยคนั้น ณดลพยายามขยับตัวลุกขึ้น หากทอยส์เองก็ลุกตามด้วยรวดเร็ว"ผมไปด้วย ให้ผมไปช่วยคุณนะ""ทอยส์ นี่ยังกลัวอยู่อีกเหรอ""กลัวสิ หรือคุณไม่กลัว""ผมไม่กลัว เพราะผมไม่เคยสาบานกับใคร""ผมก็ไม่เคยสาบาน"เด็กหนุ่มโต้ทันควัน หากสองมือของเขาก็แทบจะโอบกอดณดลเอาไว้จากทางด้านหลังรวดเร็วหลังฟ้าดังเปรี้ยงลงมาอีกรอบ ในเวลาที่ณดลกำลังจะก้าวเดินต่อไป"ผมจะเชื่อได้มั้ยเนี่ย แค่คุณบอกไม่เคยสาบานยังเปรี้ยงปร้างลงมาถี่ขนาดนี้ ไปๆ คุณ ถ้ากลัว ตามผมมาก็ได้"ไม่ต้องเชื้อเชิญหรอก เวลานั้นทอยส์แทบไม่อยากปล่อยท่อนแขนยาวๆ ของตัวเอง ออกจากเอวของณดลอยู่แล้ว ไม่อยากห่างเขาสักนาทีเดียวเลยเหอะ !"ผมมีต้มยำกุ้ง กับบะหมี่หมูสับ คุณจะทานอะไร""อะไรก็ได้ ใส่ๆ ไปเถอะคุณ ผมไม่ได้หิวนักหรอก"คนบอกไม่หิว แทบจะมีเสียงท้องร้องจ๊อก ๆ ให้ได้ยินในท่ามกลางความมืด และเงียบชั่วขณะนั่น จนเขาเผลอยิ้มออกมา"ผมเชื่อคุณมากเลย...โอ.เค. ช่วยจุดเทียนให้ผมหน่อยนะ หรือไม่ก็แค่เอามือของคุณออกจากเอวผม แล้วมาถือเทียนให้ผมหน่อย"ทอยส์แทบละร่
"จริงๆ แล้ว บ่ายนี้เราต้องเดินทางออกจากเกาะถึงฝั่งกันนะครับ แต่มีอุปสรรคนิดหน่อยเพราะทางฝั่งรายงานมาว่า พายุจะเข้าบ่ายนี้ และเราไม่ควรออกเรือฝ่าพายุไปอย่างเด็ดขาด ค่ำคืนนี้ เราจะงดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เอาไว้ก่อน ขอให้ทุกท่าน พักผ่อนตามอัธยาศัยหลังอาหารมื้อเย็น ไม่ควรออกจากห้องพัก จนกว่าพายุจะสงบขอบคุณทุกท่านครับ"หลังดำน้ำขึ้นมาได้ไม่นาน เสียงประกาศตามสายไปทั่วทุกห้องพักก็ดังกระหึ่ม...บางคนกำลังเตรียมเก็บสัมภาระก็ถึงกับหยุดชะงักไปได้ทีเดียว โดยเฉพาะทอยส์ เพราะหลังเสียงประกาศก้องไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ให้เธอชะงักมือที่พับผ้าอยู่นั่น แล้วขยับตัวก้าวเดินไปเปิดประตูกว้างออก และพบว่าเป็นเจ้าของเสียงประกาศเมื่อครู่ก่อนนั้น"คุณณดล...""คุณเก็บของเรียบร้อยยัง""ยังครับ ก็นั่งพับเก็บอยู่ ไม่ต้องรีบแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไงก็ยังออกจากเกาะไม่ได้นี่ คุณเพิ่งประกาศออกไป ผมได้ยินอยู่”ทอยส์ ย้อนถาม ขณะที่ชายหนุ่มถือวิสาสะเข้าไปในห้องของเธอ แถมยังช่วยพับผ้ากองโตนั่นหน้าตาเฉยอีกด้วย"คนอื่นไม่รีบก็ได้ แต่คุณไม่รีบไม่ได้ เพราะห้องคุณอยู่ใกล้ทะเลมากกว่าห้องอื่น เป็นจุดที่อันตรายที่สุด""อะไรนะครั