6 มึงไม่รู้หรอก
โดย : wasin ××××× วายุรู้สึกปวดหัวเพราะอาการนอนไม่เพียงพอ และไม่ไหวจริง ๆ โชคดีที่หาญกับตุลย์มาหาเลยได้พาไปส่งโรงพยาบาล พยายามโทร. บอกซันแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย จนชายหนุ่มเกิดความน้อยใจขึ้นมา ว่าซันเล็งเห็นความสำคัญของเพื่อนมากกว่าคนที่เป็นแฟนอย่างเขา ก็สมควรแล้วละ ที่วายุจะน้อยใจแบบนี้ ! หลังจากตรวจเสร็จหมอให้นอนใส่น้ำเกลือและดูอาการสักหนึ่งถึงสองคืน บอกว่าวายุความดันสูง หากกลับไปพักที่ห้องอาจเกิดอันตรายได้ เขาจึงต้องยอม admit ที่โรงพยาบาล หาญกับตุลย์นั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้และมองวายุที่นอนหน้าซีดด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่คนหลังจะเอ่ยขึ้น “นี่ถ้าพวกกูไม่ไปเจอมึงก็คงจะเป็นอะไรอยู่คนเดียวในห้อง มึงหักโหมกับการอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนเลยใช่มั้ย” “มึงพักบ้างเถอะ อย่ากดดันตัวเองแบบนี้ดิ กูกับไอ้ตุลย์ยังอ่านแบบค่อยเป็นค่อยไปเลย” หาญว่า “ทำเล่น ๆ ไม่ได้หรอกเว้ย สัปดาห์หน้าก็จะสอบแล้ว” วายุกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ไอ้วายุ กูสองคนเป็นห่วงมึงนะเว้ย” ตุลย์บอก ส่วนหาญก็พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ใช่ ! กูกับไอ้ตุลย์เป็นห่วงมึงมาก มึงรู้บ้างมั้ย” “กูขอบใจมากเพื่อน แต่ตอนนี้พวกมึงกลับไปได้แล้ว กูอยากอยู่คนเดียว” “มึงอยู่คนเดียวได้เหรอ ให้กูกับไอ้ตุลย์เฝ้ามั้ย” อีกฝ่ายถาม คนไข้ส่ายหน้า “ไม่ต้อง กูอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวหมอกับพยาบาลก็แวะเวียนมาดูอาการกูเรื่อย ๆ เองแหละ” “มึงแน่ใจนะ” ตุลย์ยังไม่คลายความเป็นห่วง “แน่ใจดิ” วายุตอบ หาญลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปจับไหล่คนที่นอนอยู่บนเตียง “ถ้างั้นกูกับไอ้ตุลย์กลับก่อนนะ หายไว ๆ นะเพื่อน” “หายไว ๆ เพื่อน กูไปก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้มาเยี่ยมใหม่” ตุลย์เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากเพื่อน ๆ กลับไปแล้ววายุก็เอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางบนโต๊ะข้างหัวเตียง กดโทร. หาซันอีกครั้ง นานพอสมควรกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย “ฮัลโหล ! ไอ้ซัน มึงทำเชี้ยไรอยู่วะ มึงไม่รู้เหรอว่ากู…” “ใครวะ” ทว่าคนที่รับสายกลับไม่ใช่ซัน แต่เป็นเพื่อนของเขา วายุรีบกดตัดสายทันที ถึงได้รู้ว่าซันยังอยู่เฝ้าเพื่อนทั้งวันทั้งคืน แม้แต่ตอนที่เขาโทร. ไปหาก็ยังได้เพื่อนรับแทน ชายหนุ่มอดที่จะงอนไม่ได้ เพราะซันทำเกินไปจริง ๆ เห็นคนอื่นดีกว่าแฟนอย่างเขา “มึงคงจะรักเพื่อนมากกว่ากูสินะ ซัน” “มึงว่าไงนะไอ้อองตวน มีคนโทร. หากูงั้นเหรอ” ซันเพิ่งก้าวออกจากห้องของเพื่อนในอพาร์ทเมนท์ก็รีบคว้ามือถือจากอองตวนด้วยความตกใจ เพราะอองตวนเล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาเข้าห้องน้ำอยู่ก็มีคนโทร. มาหาเลยกดรับสายแทน พอถามใครอีกฝ่ายก็ไม่ตอบ แถมตัดสายทิ้งแบบดื้อ ๆ ทำเอาอองตวนถึงกับงงทีเดียว “ใช่ เห็นขึ้นชื่อว่า ‘คนในความลับ’ ใครเหรอวะ” อองตวนถามอย่างสงสัย “นั่นสิ มึงบอกพวกกูทีเถอะ ว่าใครคือคนในความลับของมึง” ตาต้าก็อยากรู้เหมือนกัน “ถ้ากูบอกมึงสองคนแล้วมันจะเป็นความลับเหรอวะ” ซันตอบ ก่อนจะกดโทร. กลับหาวายุ ครั้งแล้วครั้งเล่าคนเป็นแฟนก็ไม่ยอมรับสายสักที จนเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “มัวแต่ทำอะไรอยู่วะ ทำไมไม่รับสายกู” “คงไม่ว่างมั้ง” อีกฝ่ายว่า ซันทำท่าจะก้าวออกไป แต่ถูกอองตวนจับไหล่เอาไว้ “เดี๋ยว มึงจะไปไหน” “ไปหา ‘คนในความลับ’ ของกูอะดิ” เขาพูดเนิบนาบ “มึงยังไปไม่ได้ ลืมไปแล้วเหรอ ว่าวันนี้พวกเรานัดกันว่าจะไปกินข้าวข้างนอก” ตาต้าเตือนความจำเพื่อน “เมื่อตอนกลางวันก็ไปกับมึงแล้ว กลางคืนยังจะให้กูไปอีกเหรอฮึ !” “กลางวันกับกลางคืนไม่เหมือนกัน get ปะ” “ไปเหอะ” อองตวนคะยั้นคะยอ “เออ ก็ได้ ๆ” สุดท้ายซันก็ยอมเพื่อนเหมือนเคย “ดีมาก ๆ” อีกคนยิ้มพอใจ “รอไอ้แจ็คแป๊บ ป่านนี้ทำไมยังไม่ออกมาอีก เสริมหล่อเชี้ยไรเยอะแยะ แค่ไปกินข้าวก็ทำยังกับไปหาสาว ๆ งั้นแหละ” ตาต้าอดต่อว่าเพื่อนที่ยังไม่ออกมาจากห้องไม่ได้ คนที่กำลังโดนนินทาเปิดประตูพร้อมกับส่งเสียงมาก่อนตัว “กูเสร็จแล้ว ๆ นินทากูจังนะมึงไอ้ต้า” “มันเรื่องจริงนี่” เถียงกลับทันที “ล็อกประตูให้เรียบร้อย แล้วก็ไปกันได้แล้ว” อองตวนบอก เมื่อล็อกประตูเสร็จแล้วทั้งสี่หนุ่มก็เดินไปจากบริเวณนั้น ในขณะที่ซันพยายามส่งข้อความหาวายุ แต่คนเป็นแฟนก็ไม่ตอบกลับสักที เขาเลยคิดว่าอีกฝ่ายกำลังยุ่งกับการอ่านหนังสืออยู่มั้ง ถ้าว่างก็คงจะแชทมาเองแหละ วายุกินยาแก้ปวดเลยทำให้ง่วงและเผลอหลับไปจนเกือบเย็น ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็รินน้ำใส่แก้วที่อยู่บนโต๊ะดื่ม ก่อนจะหยิบมือถือกดเล่นจึงเห็นซันส่งข้อความมามากมาย เป็นคำขอโทษและคำให้กำลังใจ บอกว่าอย่าอ่านหนังสือติดต่อกันหลายชั่วโมง พักสายตาบ้างเถอะ “มึงคงคิดว่ากูกำลังอ่านหนังสืออยู่ละสิ แต่มึงไม่รู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้กูอยู่ที่โรงพยาบาล กูโทร. หามึงเกือบยี่สิบสายแล้วแต่ไม่รับ ปิดเสียงมือถือทำไม รำคาญกูเหรอ” วายุระบายคำพูดกับตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะซันส่งเมสเสจบอกว่า ‘กูขอโทษนะวายุ ที่กูไม่ได้รับสายมึง ทั้ง ๆ ที่มึงโทร. หากูเป็นสิบ ๆ สาย คือกูปิดเสียงเอาไว้น่ะเลยไม่ได้ยิน กูพยายามโทร. กลับแล้วแต่มึงก็ไม่รับสายกูเหมือนกัน…’ วายุกดโทร. หาซันอีกรอบแต่ดันติดสายซะอย่างนั้น “ได้ ! ถ้ามึงไม่อยากคุยกับกูก็ไม่ต้องคุย เชิญมึงอยู่กับเพื่อนของมึงให้สบายใจไปเลย กูก็จะไม่สนใจมึงเหมือนกัน” ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องเพราะโมโหและงอนซันเอามาก ๆ ก่อนจะนอนลงแล้วพยายามข่มตาให้หลับ ทว่าจิตใจมันกระวนกระวายเหลือเกิน ที่เขาเป็นแบบนี้เพราะใครล่ะ เพราะซันนั่นแหละ ! เมื่อซันกลับมาถึงห้องของตัวเองแล้วไม่เห็นวายุตอบกลับมาจึงเกิดความเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเดิม เลยบึ่งรถไปหาอีกฝ่ายทันที โดยไม่ลืมซื้อของติดมือเอาไปฝากด้วย เพราะคิดว่าวายุอ่านหนังสือเหนื่อย ๆ คงจะต้องการอะไรอร่อย ๆ กินสักหน่อย ทว่าพอซันมาถึงห้องของวายุกลับพบความว่างเปล่า ไม่เจอเจ้าของห้องอยู่ ซึ่งที่เขาเข้ามาได้ก็เพราะวายุเคยให้บัตรคีการ์ดอีกใบไว้นั่นเอง “อ้าว วายุ มึงไม่ได้อยู่ในห้องหรอกเหรอวะ” เดินหาจนทั่วก็ยังไร้วี่แวว เขาจึงไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกดโทร. หาวายุอีกครั้ง ปรากฎมีเพียงเสียง ‘บริการฝากหมายเลขโทร. กลับ’ เท่านั้น นั่นหมายความว่าแฟนหนุ่มน่าจะปิดเครื่อง ซันจึงทำหน้าเศร้า “วายุ นี่มึงปิดเครื่องเลยเหรอวะ มึงคงงอนกูมากใช่ปะ แล้วตอนนี้มึงไปอยู่ที่ไหน รู้มั้ยว่ากูเป็นห่วงแค่ไหน” ได้แต่ตั้งคำถามคนเดียวทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคนตอบไม่อยู่ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด “ดูดิ ออกไปก็ไม่ปิดแอร์ จะเปิดไว้ทำเพื่อ ?” เมื่อเห็นแอร์ถูกเปิดทิ้งไว้เขาก็หยิบรีโมตมากดปิดทันที ก่อนจะลุกขึ้น “เอ๊ะ หรือว่าเราจะไปถามหาวายุกับเพื่อนของมันดี ไม่ได้ ๆ ถ้าไปถามพวกนั้นก็ต้องสงสัยแล้วจับผิดเรา ก็รู้ทั้งรู้ว่ากลุ่มของเรากับกลุ่มของวายุเป็นอริกันนี่นา เฮ้อ !” ถามเองตอบเองเสร็จสรรพและนั่งลงเหมือนเดิม สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูเคร่งเครียดมากทีเดียว เนื่องจากคิดไม่ออกว่าจะไปตามหาวายุได้ที่ไหน จะไปดูที่ห้องของเพื่อนอีกฝ่ายก็ไม่ได้ เพราะไม่อยากให้หาญกับตุลย์จับผิดได้ ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่ สุดท้ายซันก็บอกกับตัวเองว่า “งั้นรอวายุอยู่ที่ห้องนี่แหละ เดี๋ยวมันก็คงกลับมาเอง” ปกติวายุจะเป็นคนติดห้อง คงออกไปทำธุระเหมือนเคยซันเลยไม่เอะใจอะไร รอนานหน่อยจนเขาผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ กระทั่งตื่นกลางดึกก็ยังไม่เห็นวายุกลับมา ซันเริ่มหงุดหงิดเพราะโทร. ไปอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับ “แน่ะ ! ไม่รับสายกูอีก จะไปไหนก็ไม่ยอมบอกกันเลยสักนิด กูเป็นห่วงมึงมากนะเว้ย” ซันจึงเอาแอคหลุมเข้าไปส่องเพื่อนของวายุ เลยได้รู้ว่าพากันไปเที่ยวร้านเหล้า เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้าทีเดียว “อ๋อ ที่มึงหายไปที่แท้ก็ไปเที่ยวร้านเหล้ากับเพื่อน ๆ สินะ สนุกสนานเหลือเกินนะ ได้ ! กูจะนอนรอมึงอยู่ที่ห้องนี่แหละ มึงกลับมาเมื่อไรกูจะสวดให้ยับเลยคอยดู” เขากำลังเข้าใจผิดคิดว่าวายุไปเที่ยวกับเพื่อน แต่แท้จริงแล้วตุลย์ลงรูปผิดดันไปกดโดนรูปเก่าที่ถ่ายกับวายุและหาญเมื่อครั้งมาที่นี่ด้วยกัน โดยซันไม่รู้ว่าตอนนี้แฟนหนุ่มนอนอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียวเพราะไม่มีใครเฝ้า กลายเป็นผู้ป่วยไร้ญาติ วายุสั่งไม่ให้เพื่อนส่งข่าวบอกแม่ของเขาเนื่องจากกลัวว่าท่านจะเป็นห่วง สุขภาพของดวงเดือนเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ถ้ารู้เรื่องของลูกชายอาจยิ่งแย่ลงก็เป็นได้ครบรอบ 3 ปีที่วายุและซันคบกัน…วายุไปเดินห้างฯ คนเดียว ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ คอนโดฯ ซันไม่ได้มาด้วย เพราะชายหนุ่มโกหกว่ามีธุระต้องทำ แต่ความจริงคือจะมาซื้อของขวัญให้อีกฝ่ายเนื่องในวันครบรอบ 3 ปีที่คบกันนั่นเองเหตุผลที่ไม่ยอมบอกตามตรงนั่นเป็นเพราะว่าเขาตั้งใจจะซื้อของขวัญไปเซอร์ไพรส์ หากซันรู้แผนของเขาก็จะพังแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องอุบไว้ก่อนทว่าขณะเดินเลือกนาฬิกาอยู่ที่ร้าน จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“วายุ !”เมื่อได้ยินเสียงเรียกวายุจึงหันขวับ ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชายหนุ่มก็อึ้งไป“เจนจิรา !”เจนจิรา เคยเป็นแฟนเก่าของเขาเมื่อสมัยเรียนมัธยมปลาย ก่อนที่จะมาเจอกับซัน เธอจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว ตอนคบกันแรก ๆ ก็ดูหวานชื่นแหละ แต่พอระยะเวลาผ่านไปสักพักทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงทีละนิด เมื่อเจนจิราพยายามตีตัวออกห่างจากวายุ ครั้นเค้นถามหาเหตุผลหนักเข้าเธอก็รำคาญจนสุดท้ายก็สืบจนรู้ว่าเธอแอบคบกับผู้ชายคนอื่น เขาเสียใจจนถึงขั้นประกาศว่า‘หากเธอไม่ได้รักกันแล้วเราก็ควรเลิกกัน เพราะฉันไม่อยากเป็นตัวสำรองของใคร’แต่วันนี้กลับเจอเธออีกครั้ง วายุเองก็ทำ
“นี่ กูถามมึงจริง ๆ นะ มึงไม่คิดจะกลับไปอยู่ห้องตัวเองบ้างหรือไง”เสียงถามที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยหน่าย กลับไม่ได้ทำให้คนที่กำลังกอดเอวของซันเอาไว้ระคายผิวได้แม้เพียงนิด ตรงกันข้ามวายุยังสามารถยิ้มหน้าระรื่นได้ดั่งเดิม พร้อมกับเอ่ยตอบกลับไปเหมือนกับตลอดหลายวันที่ผ่านมา“ถ้ากูกลับ มึงก็ต้องไปด้วย”ฟังคำตอบสิ่งที่ซันทำได้คือพ่นระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วก็ล้มเลิกการไล่ทางอ้อมไปเหมือนกับตลอดเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยว่าระยะหลังมานี้วายุมักจะทำตัวติดกันกับเขาแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงเข้าไปแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือหอบเอาเสื้อผ้ามานอนค้างกับเขา ซึ่งถ้าอยู่วันเดียวหรือแค่สองวันซันก็คงไม่ออกปากบ่นแบบนี้ หากแต่เจ้าตัวกลับปักกหลักอยู่แบบกึ่งถาวรเข้าไปแล้วพอโดนบ่นก็สวนกลับว่า...“งั้นมึงไปอยู่ห้องกู”สุดท้ายข้อพิพาทนี้ก็กลายเป็นเจ้าตัวที่ชนะไปทุกครา“แล้วเช้านี้มึงจะกินอะไรดี”“กินมึง…โอ๊ย! นี่! มันเจ็บนะเว้ย”ใบหน้าหล่อเข้าขั้นบึ้งตึงขึ้นมาทันที เมื่อแขนของตัวเองถูกฝ่ามือขาวฟาดเข้าให้จนเกิดรอยแดงจาง ๆ ในขณะที่คนกระทำกลับไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ ยังคงส่งสายตาน่ากลัวไปให้เหมือนเคย กลายเป็นฝ่ายของวายุที่ได้แต
หลังจากกิจกรรมในครั้งนั้นวายุกับซันก็ถูกถ่ายรูปลงโซเชียลและมีคนเห็นมากขึ้น ว่าทั้งคู่เข้าคอนโดฯ ด้วยกันบ่อย ๆ อีกทั้งรูปนั่งบนรถก็มี ที่ร้านอาหารก็มีเช่นกัน ทุกอิริยาบถหนีไม่พ้นสายตาของด้อมทั้งหลายที่คอยตามสอดส่องอยู่ทุกที่ทุกเวลา และเก็บทุกช็อตเด็ดไว้ในมือถือเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งคู่ไปรับไปส่งกันบ่อย ๆ จนด้อมของพวกเขากลับคืนมา ทุกคนเริ่มจิ้นตามและเกิดการปรองดองในที่สุด แล้วพากันอวยวายุกับซันฉ่ำฟินทุกครั้งเวลาเห็นวายุกับซันอยู่ด้วยกัน !ทว่าแฟนคลับส่วนใหญ่ก็ยังถกเถียงเรื่องที่ทั้งสองเป็นศัตรู แม้จะมีรูปสวีทหวานออกมาให้เห็น แต่บางคนก็ยังตั้งคำถามและสงสัยอยู่เสมอ มีกลุ่มหนึ่งที่อวยแบบไม่ลืมหูลืมตา แค่รู้ว่าวายุกับซันกิ๊กกั๊กกันก็ฟินแล้ว ถึงขั้นโพสต์ทวิตเตอร์แจกเงินหากทั้งคู่ประกาศคบกันจริง ๆเพื่อน ๆ ของวายุและซันก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้เยอะมาก เพราะไม่ว่าใครเจอมักถามเรื่องของทั้งสองบ่อยทีเดียว เพียงแค่พวกเขาตอบไม่เต็มปากเท่านั้นเอง บางครั้งใบ้ไปก็ไม่มีใครเชื่อหาญกับตุลย์ได้นัดอองตวน แจ็ค ตาต้าไปนั่งดื่มและกินข้าวแบบชิล ๆ ที่บาร์ริมแม่น้ำ สั่งอาหารเต็มโต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“เดี๋ยว เราจะใช้ห้องนี้จริง ๆ เหรอ” เสียงสั่น ๆ เข้าขั้นประหม่าอดถามออกไปไม่ได้ ทั้งมือยังดึงเสื้อด้านหลังของคนตัวโตเอาไว้แน่น หวังจะช่วยทำให้อีกฝ่ายมีเวลาคิดดูอีกสักหน่อยด้วยว่าตอนนี้ตรงหน้าของซันคือห้องพักหนึ่งที่อยู่ด้านบนของไนต์คลับ และมันคงไม่ได้แปลกหรือสร้างความหวั่นใจให้แก่ตัวของซันได้เท่ากับการเห็นลักษณะของมันแบบเต็มตา ตัวห้องที่อยู่หลังบานประตูนั่นมันถูกตกแต่งไปด้วยสีแดงฉานสมกับชื่อที่เรียกกันปากต่อปากว่าห้องเชือดสีแดงในตำนาน !ซันเคยได้ยินเพื่อนนกลุ่มคุยกันถึงห้องเชือดตรงหน้านี้ว่าการจะเข้าไปใช้บริการได้นั้นใช่ว่าจะง่ายเหมือนคิด ด้วยว่าหนึ่งเลยคือต้องเงินถึงพอสมควร เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูงสำหับห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา จนเรียกว่าสะดวกสบายและเร้าอารมณ์กว่าห้องทั่วไปหลายเท่า ทั้งการจะทำบัตรสมาชิกที่มีเพื่อเข้าใช้งานยังยากพอสมควร แต่ใครจะไปคิดว่าวายุจะแอบมาทำมันจนได้“กลัว?”คำถามของคนตัวโตไม่ได้รับการตอบมานอกจากริมฝีปากที่เม้มแน่น เพราะไม่รู้จะตอบไปยังไงดี ในเมื่อเขาไม่ได้กลัวเสียหน่อย ต้องเรียกว่าประหม่าสิถึงจะถูก“อะ อืม”ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบใดกลับมา ริมฝีปาก
ไนต์คลับชื่อดังกลางเมืองเวลานี้ไม่ต่างจากทุกวันเท่าไรนัก บรรยากาศโดยรอบพื้นที่หลายตารางเมตรยังเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายเพศเช่นเคย แต่ละกลุ่ม แต่ละคน ปลดปล่อยอารมณ์ที่ซุกซ่อนเอาไว้ในใจตามที่ตัวเองรู้สึก บ้างโยกย้ายไปตามจังหวะของเสียงเพลงเร้าใจที่ถูกเปิดขับกล่อม บ้างก็นั่งบริหารเสน่ห์ตัวเองไปเรื่อย ๆ หรือบ้างก็ปล่อยความเศร้าให้เหล้ารสดีเป็นตัวช่วยทว่า โต๊ะด้านในสุดนั้นดูเหมือนจะต่างออกไป แบบที่ต้องเรียกว่าออกแนวคล้ายกำลังจะมีเรื่องก็คงไม่ผิด“เฮ้ย มองหน้านี่หาเรื่องเหรอครับ อยากกินกับแกล้มแบบไม่ต้องสั่งเหรอ” เสียงของหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มวิศวะเอ่ยถามไปด้วยท่าทีกวน ๆ เรียกเสียงหัวเราะจากสมาชิกคนอื่นของกลุ่มขวาได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ทางซ้ายผู้ถูกทักทายมาแบบชนิดกระตุกต่อมโมโหนั้น กลับทำเพียงแค่ยิ้ม ๆ รักษามาดนิ่งเอาไว้ไม่ต่างจากเมื่อก่อน“ไม่ให้มองหน้าแล้วจะให้มอง...อะไรล่ะ”แม้จะเป็นคำตอบจากน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่กลุ่มฝั่งขวาก็รู้ได้ในทันที ว่านี่คือการโต้กลับแบบไม่ต้องสงสัย หากแต่เพราะไม่อยากให้เรื่องมันลุกลามใหญ่กว่านี้จนเสียบรรยากาศเลยจำต้องเก็บอารมณ์ไป แต่ไม่วายทิ้งความปากดีที่เป็
หลังกลับมาจากค่ายอาสาก็ติดกับเสาร์อาทิตย์พอดี วายุเอาแม่มาอ้างเพื่อให้ซันนอนที่บ้านนี้ต่อจนสำเร็จ บอกว่าแม่อยู่คนเดียวคงเหงาน่าดู ไหน ๆ เป็นวันหยุดแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนท่านซะเลยตั้งแต่เปิดตัววายุอ้อนเก่งมาก ชอบเอาแต่ใจทว่าไม่ได้ท็อกซิกแบบให้ซันตามใจ ถึงกระนั้นอีกคนก็ไม่ได้รำคาญเท่าไรนัก ตรงกันข้าม…ออกจะชอบใจด้วยซ้ำไป“วายุ ทำไมมึงถึงไม่อนุญาตให้กูไปหาเพื่อนอะ” ซันเอ่ยถามแฟนหนุ่มขณะนั่งพิงไหล่กว้างบนเตียงนอน เพราะเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาแจ็คได้โทร. มานัดซันให้ออกไปเจอที่ผับ แต่วายุก็ไม่ให้ไป บอกผ่านมือถือเลยทีเดียววายุยิ้มกว้าง “ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะกูอยากนอนกอดมึงทั้งวันทั้งคืนไง ถ้ามึงไปแล้วกูจะกอดใครล่ะ จะให้กูกอดหมอนข้างหรือไง”“เหตุผลแค่นี้ ?”“แล้วจะเอาแค่ไหนล่ะ”ครืด ครืด !จู่ ๆ เสียงสั่นของมือถือก็ดังขัดจังหวะทั้งคู่ วายุกับซันหันมองหน้ากัน“มือถือของใครสั่นวะ”“ของมึงแหละวายุ เพราะมือถือกูตั้งเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงที่กูชอบ แต่มึงอะตั้งระบบสั่น” ซันบอกวายุจึงหยิบมือถือของตัวเองที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างแปลกใจกับเบอร์ที่โทร. เข้ามาเพราะไม่คุ้นเลย“เบอร์ใครวะเ