คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ภาคินจะค้างที่ญี่ปุ่น สองวันที่ผ่านมาเขาและวาริสาเที่ยวกันอย่างเต็มที่พอกลับมาถึงโรงแรมต่างก็เหนื่อยและหลับยาวจนถึงเช้า
ชายหนุ่มอดแปลกใจตัวเองมาได้ที่เขานอนเตียงเดียวกับผู้หญิงที่เร่าร้อนอย่างวาริสาแต่กลับไม่มีความต้องการเรื่องบนเตียงเลย
“ว่านยังไม่อยากกลับเลยค่ะ เราอยู่ต่ออีกนิดไม่เหรอคะ” หญิงสาวพิงศีรษะบนไหลกว้างสองมือกอดเอวอย่างประจบ
“ผมต้องกลับไปทำงานนะว่าน เอาไว้หยุดครั้งหน้าเราค่อยมาเที่ยวกันอีกดีไหม”
“สัญญานะคะว่าจะพาว่านมาอีก ว่านชอบที่นี่มากเลยค่ะ”
“ถ้าคุณเด็กดีแบบนี้ผมก็จะมาบ่อยๆ”
“ว่านจะเป็นเด็กดีของคุณคินค่ะ สองวันมานี้ว่านมีความสุขมาก ขอบคุณนะคะที่พาว่านมาเที่ยว”
“ผมก็มีความสุขนะ”
“ว่านรู้นะคะว่าว่านเอาแต่ใจคุณทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องพาว่านมาเที่ยวอีก แต่ว่านก็อยากให้เราได้อยู่ด้วยกันบ้าง เหนื่อยไหมคะ”
“ไม่หรอก ผมว่าได้เที่ยวแบบนี้ก็สนุกดี”
“คุณคินต้องกลับไปทำงานต่อให้ว่านนวดให้ไหมคะจะได้ผ่อนคลาย”
“นวดเป็นเหรอ” เขาถามอยากแปลกใจ
“มันก็ไม่ได้ยากอะไรใช่ไหมคะ หันหลังมาสิคะว่านจะนวดให้”
มือเล็กเริ่มนวดไปบนไหล่กว้างอย่างไม่แรงนักก่อนขยับกายเข้ามาใกล้จงใจให้หน้าอกขนาดใหญ่เบียดกับแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามขณะที่ชะโงกหน้าเข้ามาถาม
“นวดแบบนี้ดีไหมคะ” เธอกระซิบข้างใบหู
“แทบไม่รู้สึกอะไรเลยแล้วอย่างนี้จะผ่อนคลายได้ยังไงล่ะ”
“ว่านไม่ค่อยถนัดนวด”
“แล้วถนัดอะไร”
“มันมีอีกหลายอย่างที่ว่านจะทำให้คุณผ่อนคลาย คุณอยากให้ว่านทำไหมล่ะคะ” เธอกระซิบด้วยเสียงยั่วยวน
“ว้าย” วาริสาตกใจเมื่อเขาหันกลับและจับให้เธอไปนอนอยู่บนเตียงกว้าง
“ไหนว่าอยากให้ผ่อนคลายแล้วจะตกใจทำไม”
“ว่านหมายถึงลงไปแช่ออนเซ็น”
“แน่ใจจะว่าหมายถึงเรื่องนั้น”
“แล้วคุณคินหมายถึงอะไร”
“ผมว่าคุณน่าจะรู้นะ ถึงได้ยั่วผมแบบนี้”
“คุณคินคะ สองวันมานี้คุณเย็นชากับว่านมากนะคะ เรานอนเตียงเดียวกันแต่คุณไม่สนใจว่านเลย” เธอพูดเสียงด้วยอารมณ์น้อยใจ
“ใครว่าผมไม่สนใจล่ะ ผมแค่กลัวคุณไม่มีแรงเดินเที่ยว”
คำตอบของภาคินทำให้วาริสายิ้มออก
“คุณคินของว่านน่ารักที่สุด แต่พรุ่งนี้ว่านไม่อยากออกไปไหน ว่านอยากอยู่กับคุณแบบนี้”
“ผมก็อยากอยู่กับว่านแบบนี้เหมือนกัน”
ภาคินประกบจูบลงบนริมฝีปากอิ่มอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเปิดปากรอรับทั้งสองแลกจูบดูดดื่มเร่าร้อนอย่างไม่มีใครยอมใครมือใหญ่ถอดชุดนอนตัวบางออกอยากรวดเร็วที่
“ทำรอยได้ไหม”
เขาถามด้วยเสียงแหบพร่าที่ต้องถามก่อนเพราะเธอมีอาชีพเป็นนางแบบและเขาก็ไม่อยากสร้างรอยบนตัวเธอเนื่องจากกลัวว่ามันจะส่งผลมาถึงตนเองทีหลัง
“ได้สิคะ อื้อ....”
วาริสาสะดุ้งเมื่อยอดอกสีสวยถูกครอบครองด้วยปากร้อนที่ดูดแรงอย่างคนกระหาย มืออีกข้างก็เคล้นคลึงอย่างหนักหน่วง
เสียงหวานครางกระเส่ามือจิกไปบนผ้าปูเมื่อเขาดูดดื่มเต้าอวบอย่างตะกละตะกลามมือใหญ่เลื่อนต่ำลงมายังใจกลางกายสาวส่งปลายนิ้วเข้าไปยังโพรงอย่างรวดเร็ว
“อ้าห์...คุณคินขา ดีจัง”
หญิงสาวยกสะโพกส่ายร่อนเข้าหาปลายนิ้วที่ขยับเข้าใส่ผ่านไปไม่นานเสียงหวานกรีดร้องเมื่อส่งเธอจนถึงสวรรค์ ชายหนุ่มถอดปลายนิ้วออกแล้วล้มตัวลงนอนหงายบน ส่งนิ้วที่เปียกชุ่มเธอดูดเลียอย่างรู้ใจ
“ถึงตาคุณแล้วนะว่าน”
วาริสายิ้มยั่วก่อนจะคลานขึ้นมาคร่อมทับชายหนุ่มพลางส่งสายตายั่วยวนให้เขา คืนนี้เธอตั้งใจแล้วว่าจะปรนเปรอเขาอย่างถึงใจ
เพราะมีคนส่งข่าวว่าเขาไปทานข้าวกับผู้หญิงที่มารดาติดต่อให้ เธอต้องทำทุกอย่างให้ภาคินหลงใหลและติดใจจนไม่มองคนอื่น
“อ้า...ซี๊ด....”
ภาคินสูดปากมือเล็กเอื้อมมากอบกุมท่อนเอ็นร้อนที่ขยายใหญ่ก่อนจะรูดรั้งขึ้นลงเป็นจังหวะ แล้วกดริมฝีปากสีแดงสดลงบนส่วนปลายของแก่นกายที่เป็นรอยบุ๋มใช้ปลายลิ้นเล็กตวัดไปมารอบรอยหยักอย่างชำนาญ
“อื้อ…อ่า...คุณเก่งมากนะว่าน....”
เสียงครางแหบต่ำออกจากปาก เขาเสียวซ่านและร้อนผ่าวไปทั้งตัวผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาติดใจจนถอดตัวไม่ขึ้น ชายหนุ่มดันข้อศอกกับพื้นที่นอนนุ่มผงกศีรษะดูเรียวปากที่กำลังกลืนกินก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์จนเขาแทบทนไม่ไหว ฝ่ามือใหญ่กดศีรษะให้แนบชิดสะโพกสอบขยับเข้าหาอุ้งปาก
“อือ....ว่าน....อีกนิด อื้อ อ้าห์.....”
น้ำขาวขุ่นพุ่งแรงเข้าไปลำคอจนหญิงสาวแทบสำลักแต่วาริสาก็ดูดกลืนอย่างไม่รังเกียจ เธอเต็มใจที่จะทำแบบนี้เพราะรู้ว่าเขาชอบ
“น้ำคุณหวานมากนะคะ”
“ถ้าชอบจะให้กินบ่อยๆ นะ”
เขาบอกก่อนจะพลิกให้ตนเองมาคร่อมเธอเอาไว้อีกครั้ง ภาคินรีบสวมถุงยางอย่างรวดเร็ว มือใหญ่ยกขาทั้งสองข้างของเธอพาดลงบนบ่าจากนั้นสอดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในโพรงถ้ำลึกทีเดียวจนสุดลำ
“อ๊ะ อื้อ...คุณคินเบาหน่อยว่านเจ็บ”
วาริสาร้องลั่นลำตัวของเธอสั่นคลอนจากแรงกระแทกที่เข้ามาอย่างไม่ปรานี ชายหนุ่มเร่งเครื่องขยับเข้าออกอยากรุนแรง ไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกเจ็บหรือไม่เพราะอารมณ์ของเขากำลังพุ่งสูงขึ้น ทุกจังหวะมันเข้าลึกและรุนแรง ภาคินสาดอารมณ์ลงไปอย่างเต็มที่
หญิงสาวครางออกมาฟังไม่เป็นศัพท์ความเจ็บเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านมันมากล้นจนเธอแทบรับไม่ไหวหน้าอกอวบกระเพื่อมไปตามแรงกระแทก เสียงครางสะท้านของหญิงสาว ทำให้เขาออกแรงมากขึ้นแรงขึ้นและเร็วขึ้น สองมือบีบเคล้นเต้าอวบอย่างไม่ปรานี
“ตอดแรงๆ ว่าน”
“สะ เสียว ว่านเสียว ที่รักขาแรงๆ ว่านขอแรงๆ”
ภาคินตอกอัดความแข็งร้อนลงไปอีกไม่กี่ครั้งวาริสาก็กรีดร้องอย่างสุขสม เขารีบดึงท่อนเอ็นออกจากนั้นพลิกให้เธออยู่ในท่าคลานเข่าก่อนจะสอดตัวตนเข้าไปทางด้านหลัง กระแทกเข้าลึกจนสุดโคนแล้วถอนออกเกือบสุด ทำแบบนั้นสลับกับจังหวะรัวเร็วไม่นานนักอารมณ์ก็ระเบิดออกมาพร้อมสียงครางต่ำ
“ดีเป็นบ้าเลยว่านชอบไหม”
“ที่รักขา ถ้าไม่ชอบว่านจะยอมเหรอคะ”
“ต่อเลยนะ”
“ยินดีค่ะ”
สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงและสาดอารมณ์ใส่กันอย่างเต็มที่ภาคินมีความสุขมากแต่เมื่อพายุตัณหาสงบลงเขาก็รู้สึกว่าความสุขที่ได้มันฉาบฉวย สุขที่ได้ร่วมรักแต่ไม่ได้สุขเพราะความรัก เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่เอาเปรียบวาริสาทั้งที่เธอไม่มีความผิดอะไรแต่เขากลับไม่เคยมองเธออย่างคนรัก
ชายหนุ่มมองร่างที่หลับลงไปเพราะความเหนื่อยแล้วถอนหายใจยิ่งเธอมอบความสุขให้เขามากเท่าไหร่เขาก็รู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น
งานแต่งงานของพลอยลลินณ์และภาคินผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้หญิงสาวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของภาคินเนื่องจากเรือนหอยังสร้างไม่เสร็จ แต่พลอยลลินณ์ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยเพราะบิดามารดาของเขาก็ดีกับเธอทุกอย่างเธอคิดเคยว่าการแต่งงานกับเขามันคือการแต่งงานเพื่อขัดดอกแต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วมันกลับเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนภาคินบอกให้หญิงสาวอย่าคิดมากเรื่องที่เธอเป็นหนี้เขาเพราะชายหนุ่มตั้งใจแล้วว่าจะให้พลอยลลินณ์ขัดดอกไปจนกว่าจะไม่มีลมหายใจ“ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้มัดหมี่ขัดดอกหมดเลยเหรอคะพี่คิน” สรรพนามที่หญิงสาวใช้เรียกชายหนุ่มเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานเพราะขอร้องแหละเธอก็รู้สึกว่าการเรียกแบบนี้มันดูเป็นครอบครัวมากกว่าเรียกว่าบอสอย่างเคย“ไม่มีทางหรอกยังไงมัดหมี่ก็ต้องอยู่กับพี่แบบนี้ไปตลอด”“แล้วถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งมัดหมี่ถูกล็อตเตอร์รี่แล้วเอาเงินมาใช้หนี้พี่คินได้หมดล่ะคะ”“เงินที่เอามาใช้กับเงินที่เอาไปมันคนละส่วนกัน”“พี่คินขี้โกงแบบนี้มัดหมี่ฟ้องเอาได้นะคะ”“จะไปฟ้องที่ไหนล่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแบบนี้พี่ว่าศาลก็ต้องยกฟ้อง”“แบบนี้มัดหมี่คงต้องขัดดอกไ
เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วภาคินและพลอยลลินณ์ก็ไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็นและเสื้อผ้าอีกคนละนิดหน่อยจากนั้นก็เข้าพักที่วิลลาที่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพากันออกไปไหว้พระและนั่งชมวิวทะเลระหว่างทานอาหารที่ร้านริมทะเล “มัดหมี่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงเงียบไป” “เปล่าค่ะ มัดหมี่แค่คิดอะไรเพลินๆ” “ยังคิดมากเรื่องเมื่อวานอีกเหรอ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ มัดหมี่แค่กำลังคิดว่าเรามากินข้าวร้านนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยได้นั่งมองทะเลแบบนี้เลย” “นั่นสินะ แต่ก่อนเราสองคนแต่ทำงานจนลืมมองสิ่งรอบตัวว่ามันสวยงามมากแค่ไหน แล้วมัดหมี่ชอบที่นี่ไหม” “ชอบค่ะ” พลอยลลินณ์ชอบทะเลมากแต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งมองแบบนี้บ่อยนัก “เราไปเที่ยวมัลดีฟส์กันดีไหม” “มัดหมี่ก็อยากไปนะคะ แต่ตอนนี้ตารางงานของบอสแน่นมากจนถึงวันแต่งงานเลยค่ะ” “เราไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์กันไหมส่วนญี่ปุ่นก็ค่อยไปช่วงที่หิมะตก” เดิมทีทั้งสองคนวางแผนกันเอาไว้แล้วว่าจะไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแต่พอเขารู้ว่าพลอยลลินณ์ชอบทะเลก็เลยลองถามเธอดูเผื่อว่าหญิงสาวจะเปลี
ภาคินขับรถไปส่งเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งจากนั้นเขารีบมาที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนี้พลอยลลินณ์ยังนอนหลับอยู่บนเตียง “ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล” ภาคินกล่าวขอบคุณพยาบาลที่อยู่เป็นเพื่อนพลอยลลินณ์ขณะที่เขาออกไปจัดการกับคนที่ทำร้ายเธอ “ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปรอข้างนอกถ้าคนไข้ตื่นหรือคุณต้องการความช่วยเหลือก็กดปุ่มฉุกเฉินตรงนี้นะคะ”“ได้ครับขอบคุณครับ”เมื่อพยาบาลเดินออกจากห้องไปแล้วภาคินก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆ พลอยลลินณ์“มัดหมี่ผมขอโทษนะ ถ้าวันนี้ผมอยู่กับคุณเรื่องก็คงไม่เกิด”เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณสุวิจักขณ์ร่วมมือกับวาริสาแล้ววางแผนทำร้ายพลอยลลินณ์แบบนี้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ที่เขาตามมาช่วยได้ทันภาคินรู้ดีว่าสาเหตุมันน่าจะมาจากที่เขาและพลอยลลินณ์จับได้ว่าคุณสุวิจักขณ์ลักลอบเปลี่ยนสเปกสินค้าและต้องหาเงินมาชดใช้บริษัทหลายล้าน แต่ภาคินไม่คิดเลยว่าวาริสาจะร่วมมือกับเขาด้วยชายหนุ่มจับมือหญิงสาวแน่นและสัญญากับตัวเองว่าจากนี้จะไม่ยอมปล่อยให้พลอยลลินณ์คลาดสายตาอีกเป็นอันขาด เขารู้แล้วว่าตัวเองรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน รักจนยอมแลกได้ทุกอย่า
ขับรถมาได้สักระยะภาคินก็ได้รับสายจากตำรวจท้องที่ซึ่งแจ้งว่าตอนนี้พวกเขามารออยู่บ้านพักของคุณสุวิจักขณ์แล้วแต่รถตู้สีดำที่ชายหนุ่มแจ้งยังมาไม่ถึงเมื่อได้ยินแบบนั้นภาคินก็อุ่นใจขึ้นแต่เขาก็ยังรีบร้อนที่จะไปที่นั่นอยู่ดี ระยะเวลาชั่วโมงกว่าบนรถเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและทรมานใจเป็นอย่างมากภาคินไม่รู้เลยว่าพลอยลลินณ์จะเป็นยังไงบ้างและคนร้ายจะพาเธอไปยังบ้านพักที่ตามตนเองคิดไว้หรือเปล่าแต่เท่าที่เคยรู้มาคุณสุวิจักขณ์มีบ้านพักอยู่ที่หัวหินเพียงแค่หลังเดียวเท่านั้นเมื่อไปถึงบ้านพักของคุณสุวิจักขณ์ภาคินก็ต้องแปลกใจเพราะรถของคนร้ายน่าจะมาถึงที่นี่แล้วแต่ทั้งบ้านกับว่างเปล่ามีเพียงรถของตำรวจที่จอดซุ่มอยู่ไกลๆ เท่านั้น“คุณภาคินใช่ไหมครับ” ตำรวจรายหนึ่งเดินมาถามเมื่อเห็นเขาจอดรถลงที่หน้าบ้าน“ใช่ครับคุณตำรวจ นี่พวกมันยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”“ผมว่าไม่น่าจะใช่ที่นี่แล้วนะ คุณลองดูพิกัดในมือถืออีกทีสิ”ภาคินรีบร้อนและคิดว่าจะต้องเป็นบ้านหลังนี้เขาจึงลืมเรื่องพิกัดมือถือไปจนสนิท และตอนนี้พิกัดหายไปแล้วแต่จุดสุดท้ายที่จับสัญญาณได้ก็ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่“สัญญาณหายไปแล้วหรือพวกมันจะรู้แล้วว่าพ
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะปราง” น้ำฝนถามหลังจากที่ได้ฟังมะปรางเล่าเรื่องของพลอยลลินณ์“นั่นสิฝน นิวว่าเราไปขอดูกล้องจากร้านดีไหม”“หรือเราจะแจ้งตำรวจ” เพื่อนอีกคนก็เสนอขึ้น“ปรางสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงก่อนดี”“แต่เราว่าต้องบอกแฟนของมัดหมี่ก่อนดีไหม มีใครในนี้ติดต่อแฟนของมันมีบ้างได้ไหมเราต้องบอกเขาให้รู้เรื่อง”“เดี๋ยวปรางจะไปขอดูกล้องวงจรปิดนะ คนที่เหลือลองหาทางติดต่อคุณภาคินดูนะ เขาเป็นคนมีชื่อเสียงแบบนั้นน่าจะติดต่อได้ไม่ยาก”“เดี๋ยวนิวจะลองถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเลขาผู้บริหารดูเผื่อเขาจะมีคอนแทคของคุณภาคินบ้างมะปรางรีบไปดูกล้องวงจรปิดเถอะ” นิวรีบบอกจากนั้นตัวเองก็พยายามติดต่อกับเพื่อนอีกคนที่ทำงานเป็นเลขาเหมือนกับพลอยลลินณ์มะปรางกับน้ำฝนไปขอทางร้านดูกล้องวงจรแต่โดยให้เหตุผลที่ว่าเพื่อนของเธอถูกจับตัวไป ทางร้านก็รีบอำนวยความสะดวกเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วทางร้านจะมีความผิดไปด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าพลอยลลินณ์เดินไปกับวาริสาและเธอก็ขึ้นไปบนรถตู้จากนั้นวาริสาก็ปิดประตูรถก่อนที่รถจะถูกขับออกไปจากบริเวณลานจอดรถ มะปรางถ่ายรูปทะเบียนรถพร้อมทั้งข
ภาคินและพลอยลลินณ์กลับมาถึงเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทั้งสองคนยังทำตัวเป็นเจ้านายและลูกน้องที่ดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นแต่พอได้อยู่กันตามลำพังแล้วภาคินก็จะกลายร่างเป็นผู้ชายอบอุ่นขณะที่พลอยลลินณ์ก็จะกลายเป็นคนช่างอ้อน “อีกตั้งสองเดือนเลยนะมัดหมี่ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมว่าเราไม่ต้องรอฤกษ์ดีไหม” ภาคินบ่นหลังจากที่มารดาของเขาเป็นคนไปหาฤกษ์แต่งงานมาให้ “มัดหมี่ว่าเร็วไปด้วยซ้ำนะคะ เรายังไม่รู้จักกันดีเลย” “เรารู้จักกันมาสามปีกว่าแล้วนะมัดหมี่ ผมว่าเวลามันนานมาก” “บอสจะนับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันไม่ได้นะคะ เราต้องนับวันที่เราตกลงคบกันสิคะถึงจะถูก” “ก็ผมจะนับแบบนี้” “เฮ้อ...มัดหมี่อยากให้ลูกน้องในบริษัทเห็นบอสเวลาที่งอแงเป็นเด็กแบบนี้จัง” “อยู่ต่อหน้าลูกน้องผมต้องวางมาดกันหน่อยสิ แต่เวลาอยู่กับมัดหมี่ผมเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด” ภาคินพูดขณะที่กอดเธอไว้อย่างหลวมๆ แล้วเกยปลายคงบนไหล่มน “แล้วจะกอดแบบนี้อีกนานไหมคะ” “ก็กอดจนกว่าจะหมดเวลาพัก” ตั้งแต่ประกาศเรื่องแต่งงานออกไปเวลาทานอาหารกลางวันพล