เธอยอมรับว่าเป็นผู้หญิงในคลิปที่อยู่บนเตียงกับบอสหนุ่มเพื่อแลกกับเงินที่บิดาเป็นหนี้ การแต่งงานที่สวยหรูจึงเป็นแค่วิวาห์ขัดดอก
View Moreการประชุมใหญ่ประจำปีของบริษัทเอสทีแอลเรียลเอสเต็ท ดีเวลล็อปเม็นท์คอนซัลติ้งจํากัดจบลงในเวลาสองทุ่มผู้เข้าประชุมทยอยออกจากห้องประชุมของบริษัทด้วยความเหนื่อยล้า การประชุมลากยาวมาตั้งแต่บ่ายโมงเพราะเรื่องที่ประชุมวันนี้เป็นเรื่องโปรเจกต์ใหญ่ที่บริษัทของเขาร่วมทุนกับนักลงทุนชาวต่างชาติเพื่อสร้างสร้างบ้านหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 10 หลังซึ่งแต่ละหลังราคาไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทเพื่อขายให้มหาเศรษฐีชาวต่างชาติที่ชอบในประเทศไทย
นอกจากนั้นยังมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดกลางอีก 100 ยูนิต กลางสุขุมวิทซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 15 ล้านบาทไปจนถึง 80 ล้านบาท
ภาคินชายหนุ่มวัย 31 ปีถึงมีซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโครงการนี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่ผู้บริหารคนอื่นออกจากห้องประชุมไปแล้ว
“มัดหมี่คุณรีบกลับไหม” เขาถามเลขาที่กำลังเก็บของเตรียมจะเลิกงาน
“ไม่ค่ะบอสมีอะไรจะใช้มัดหมี่คะ”
“เปล่าหรอกผมแค่กำลังสงสัยว่าทำไมจู่ๆ คุณยายถึงขึ้นราคาที่ดินจากเดิมที่ตกลงกันไว้แค่สิบล้านแล้วจู่ๆ เปลี่ยนมาเป็น สิบห้าล้าน ผมว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ คุณคิดเหมือนผมไหม"
“มัดหมี่ก็คิดเหมือนบอสเลยค่ะ ที่ดินของคุณยายมันก็ไม่ได้มากเท่าไหร่และก็ไม่เป็นปัญหาถ้าหากว่าเราจะไม่ได้ที่ดินตรงนั้น เพราะบอสซื้อก็เพราะอยากสร้างศาลาริมน้ำใช่ไหมล่ะคะ” เลขาสาวก็สงสัยเรื่องนี้
“ผมว่าถ้าราคาแบบนี้คงต้องไปคุยกับคุณยายอีกทีเพราะถ้าโครงการของเราเสร็จที่ตรงนั้นจะกลายเป็นที่ตาบอดทันที ผมไม่อยากรังแกคนแก่”
“มัดหมี่สงสัยว่าทำไมจู่ๆ ท่านถึงเปลี่ยนใจหรือว่ามีใครไปพูดอะไรให้ยายขึ้นราคา แต่คนที่บอกก็คงไม่รู้เรื่องโครงการเท่าไหร่เพราะถ้ารู้จริงคงไม่กล้าบอกให้ยายขึ้นราคา”
“นั้นสิ ผมอยากรู้เหมือนกันว่ามีใครเป็นคนไปพูดอีกอย่างครั้งนี้ยายเขาไม่ได้บอกเราโดยตรงๆ แต่บอกผ่านมาทางสุวิจักขณ์อีกที”
“หรือคุณสุวิจักขณ์จะมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้คะ”
“คุณคิดอย่างนั้นเหรอมัดหมี่”
“มัดหมี่ก็ไม่อยากจะใส่ร้ายหรอกนะคะ เพราะคุณสุวิจักขณ์เธอเป็นญาติของบอสแต่พักหลังมานี่มัดหมี่ได้กลิ่นแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
“พ่อบอกว่าเจอคุณสุวิจักขณ์ในบ่อน”
“นี่พ่อคุณยังเข้าบ่อนอีกเหรอไหนว่าเลิกเล่นแล้ว”
“เลิกแล้วค่ะ พ่อเคยเล่าให้มัดหมี่ฟังตั้งแต่สองเดือนก่อน”
“ผมนึกว่าพ่อคุณกลับไปเล่นการพนันอีกแล้ว”
“ถ้าพ่อยังไปเล่นการพนันอีกคราวนี้มัดหมี่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วนะคะ แค่มัดหมี่ต้องมาทำงานและรับเงินเดือนแค่ครึ่งเดียวมันก็ลำบากมากพออยู่แล้ว”
"คุณรับผิดชอบหนี้ทั้งหมดคนเดียวเลยเหรอ แล้วแฟนคุณล่ะ ได้ช่วยบ้างไหม"
“บอสหมายถึงพี่ต้นเหรอคะ”
“อือ เขาได้ช่วยเหลือบ้างไหม” เขาเคยเห็นแฟนหนุ่มของเลขามารับอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันบ่อย
“มัดหมี่กับเขาเลิกกันไปแล้วค่ะ”
“ถึงว่าช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นเขามารับคุณเลย” ภาคินแอบยิ้มในใจเพราะเขาไม่ค่อยชอบแฟนของเลขาเท่าไหร่ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ชอบ
"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า หรือคุณไม่ค่อยมีเวลาให้เขา"
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลาหรอกค่ะ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับพ่อ"
"เรื่องที่พ่อคุณเป็นหนี้สองล้านน่ะเหรอ”
“ค่ะ พี่ต้นเขาไม่อยากเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาไม่อยากรับผิดชอบเรื่องนี้”
“มันก็พูดยากนะ คุณคงเสียใจมาก”
“ก็นิดหน่อยค่ะ แต่มัดหมี่เข้าใจค่ะ เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเลยก็คงกลัวที่จะต้องคบกับคนที่มีหนี้สินแบบมัดหมี่”
“แต่คนเราถ้ารักกันจริงๆ ผมว่าจะต้องช่วยเหลือกันเวลาที่ลำบากนะ”
“โธ่บอสคะเงินสองล้านมันไม่ใช่น้อยๆ เลยต่อให้รักมากแค่ไหนก็ไม่มีใครเขาทุ่มเทเพื่อผู้หญิงคนเดียวหรอกค่ะ”
“ผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดยังไงแต่สำหรับผมถ้าลองรักใครแล้วเรื่องเงินมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“จริงสิคะพูดถึงเรื่องความรักมัดหมี่เพิ่งนึกขึ้นได้วันนี้คุณว่านโทรมาบอกมัดหมี่ว่าเธอจะไปฉลองงานวันเกิดของเพื่อนแล้วให้บอสตามไปทีหลังค่ะ”
“ที่ไหนล่ะผับXXXค่ะ”
“เขาบอกไหมว่าผมต้องไปถึงกี่โมง”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
“เพื่อนคนนี้ชื่ออะไรคุณรู้ไหม”
“น่าจะชื่อเชอร์รี่นะคะ”
“ไม่ใช่แล้วล่ะ”
“ไม่ใช่อะไรคะ”
“ก็คนที่ชื่อเชอร์รี่เพิ่งเกิดไปเดือนที่แล้วผมว่า ว่านคงจะหาข้ออ้างเที่ยวแล้วให้ผมตามไปจ่ายเงินมากกว่า”
“ไหนบอสบอกว่าถ้ารักแล้วเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” หญิงสาวถามกลับอย่างสงสัย
“มันก็จริงแต่จริงนะแต่เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่จำเป็นจะต้องจ่าย” ที่พูดแบบนี้เพราะเริ่มจะเบื่อผู้หญิงที่ชื่อว่านหรือวาริสานางแบบที่เจอกันเพราะเขาจ้างให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เมื่อหลายเดือนก่อน
“แต่เงินแค่นั้นมันอาจจะน้อยนิด”
“คุณอาจจะเห็นผมมีเงินมากมายรวยล้นฟ้าแต่กว่าผมจะมาถึงวันนี้ได้ผมก็ลำบากมาเหมือนกันเพราะฉะนั้นการใช้เงินของผมทุกบาททุกสตางค์มันต้องคุ้มค่าและมีเหตุผล”
“มัดหมี่ไม่เข้าใจบอสเลยค่ะเมื่อกี้บอสบอกว่ายอมจ่ายเพื่อคนรัก มาตอนนี้บอกว่าการใช้เงินทุกอย่างต้องมีเหตุผล”
“อย่าว่าแต่คุณเลยมัดหมี่ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวผมเหมือนกัน” ภาคินหัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง
“บอสมีอะไรจะใช้มัดหมี่อีกไหมคะ”
“ไม่นะ”
“นี่มันก็ดึกแล้วถ้าไม่มีอะไรมัดหมี่ขอตัวกลับเลยนะคะ”
“แล้วจะกลับยังไงดึกแล้วนะรถเมล์น่าจะหมด”
“เรียกแท็กซี่ไปก็ได้ค่ะ”
“คอนโดคุณ ยังอยู่ที่เดิมใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปส่งก็แล้วกัน”
“บอสต้องไปหาคุณว่านอีกนะคะ”
“วันนี้เหนื่อยมาก ผมอยากกลับไปพักมากกว่า”
“แต่คอนโดของมัดหมี่ไปคนละทางกับบ้านของบอสนะคะ”
“คืนนี้ผมว่าจะไปค้างที่คอนโดของผมน่ะ” เขาถอนหายใจเมื่อนึกถึงบรรยากาศที่บ้าน ภาคินไม่รู้ว่ามารดาของตนคุยกับใครมาเพราะทุกครั้งที่เจอหน้าก็มักจะพูดถึงแต่เรื่องแต่งงาน ซึ่งมันไม่เคยมีอยู่ในหัวของชายหนุ่มเลย
งานแต่งงานของพลอยลลินณ์และภาคินผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้หญิงสาวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของภาคินเนื่องจากเรือนหอยังสร้างไม่เสร็จ แต่พลอยลลินณ์ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยเพราะบิดามารดาของเขาก็ดีกับเธอทุกอย่างเธอคิดเคยว่าการแต่งงานกับเขามันคือการแต่งงานเพื่อขัดดอกแต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วมันกลับเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนภาคินบอกให้หญิงสาวอย่าคิดมากเรื่องที่เธอเป็นหนี้เขาเพราะชายหนุ่มตั้งใจแล้วว่าจะให้พลอยลลินณ์ขัดดอกไปจนกว่าจะไม่มีลมหายใจ“ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้มัดหมี่ขัดดอกหมดเลยเหรอคะพี่คิน” สรรพนามที่หญิงสาวใช้เรียกชายหนุ่มเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานเพราะขอร้องแหละเธอก็รู้สึกว่าการเรียกแบบนี้มันดูเป็นครอบครัวมากกว่าเรียกว่าบอสอย่างเคย“ไม่มีทางหรอกยังไงมัดหมี่ก็ต้องอยู่กับพี่แบบนี้ไปตลอด”“แล้วถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งมัดหมี่ถูกล็อตเตอร์รี่แล้วเอาเงินมาใช้หนี้พี่คินได้หมดล่ะคะ”“เงินที่เอามาใช้กับเงินที่เอาไปมันคนละส่วนกัน”“พี่คินขี้โกงแบบนี้มัดหมี่ฟ้องเอาได้นะคะ”“จะไปฟ้องที่ไหนล่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแบบนี้พี่ว่าศาลก็ต้องยกฟ้อง”“แบบนี้มัดหมี่คงต้องขัดดอกไ
เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วภาคินและพลอยลลินณ์ก็ไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็นและเสื้อผ้าอีกคนละนิดหน่อยจากนั้นก็เข้าพักที่วิลลาที่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพากันออกไปไหว้พระและนั่งชมวิวทะเลระหว่างทานอาหารที่ร้านริมทะเล “มัดหมี่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงเงียบไป” “เปล่าค่ะ มัดหมี่แค่คิดอะไรเพลินๆ” “ยังคิดมากเรื่องเมื่อวานอีกเหรอ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ มัดหมี่แค่กำลังคิดว่าเรามากินข้าวร้านนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยได้นั่งมองทะเลแบบนี้เลย” “นั่นสินะ แต่ก่อนเราสองคนแต่ทำงานจนลืมมองสิ่งรอบตัวว่ามันสวยงามมากแค่ไหน แล้วมัดหมี่ชอบที่นี่ไหม” “ชอบค่ะ” พลอยลลินณ์ชอบทะเลมากแต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งมองแบบนี้บ่อยนัก “เราไปเที่ยวมัลดีฟส์กันดีไหม” “มัดหมี่ก็อยากไปนะคะ แต่ตอนนี้ตารางงานของบอสแน่นมากจนถึงวันแต่งงานเลยค่ะ” “เราไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์กันไหมส่วนญี่ปุ่นก็ค่อยไปช่วงที่หิมะตก” เดิมทีทั้งสองคนวางแผนกันเอาไว้แล้วว่าจะไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแต่พอเขารู้ว่าพลอยลลินณ์ชอบทะเลก็เลยลองถามเธอดูเผื่อว่าหญิงสาวจะเปลี
ภาคินขับรถไปส่งเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งจากนั้นเขารีบมาที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนี้พลอยลลินณ์ยังนอนหลับอยู่บนเตียง “ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล” ภาคินกล่าวขอบคุณพยาบาลที่อยู่เป็นเพื่อนพลอยลลินณ์ขณะที่เขาออกไปจัดการกับคนที่ทำร้ายเธอ “ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปรอข้างนอกถ้าคนไข้ตื่นหรือคุณต้องการความช่วยเหลือก็กดปุ่มฉุกเฉินตรงนี้นะคะ”“ได้ครับขอบคุณครับ”เมื่อพยาบาลเดินออกจากห้องไปแล้วภาคินก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆ พลอยลลินณ์“มัดหมี่ผมขอโทษนะ ถ้าวันนี้ผมอยู่กับคุณเรื่องก็คงไม่เกิด”เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณสุวิจักขณ์ร่วมมือกับวาริสาแล้ววางแผนทำร้ายพลอยลลินณ์แบบนี้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ที่เขาตามมาช่วยได้ทันภาคินรู้ดีว่าสาเหตุมันน่าจะมาจากที่เขาและพลอยลลินณ์จับได้ว่าคุณสุวิจักขณ์ลักลอบเปลี่ยนสเปกสินค้าและต้องหาเงินมาชดใช้บริษัทหลายล้าน แต่ภาคินไม่คิดเลยว่าวาริสาจะร่วมมือกับเขาด้วยชายหนุ่มจับมือหญิงสาวแน่นและสัญญากับตัวเองว่าจากนี้จะไม่ยอมปล่อยให้พลอยลลินณ์คลาดสายตาอีกเป็นอันขาด เขารู้แล้วว่าตัวเองรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน รักจนยอมแลกได้ทุกอย่า
ขับรถมาได้สักระยะภาคินก็ได้รับสายจากตำรวจท้องที่ซึ่งแจ้งว่าตอนนี้พวกเขามารออยู่บ้านพักของคุณสุวิจักขณ์แล้วแต่รถตู้สีดำที่ชายหนุ่มแจ้งยังมาไม่ถึงเมื่อได้ยินแบบนั้นภาคินก็อุ่นใจขึ้นแต่เขาก็ยังรีบร้อนที่จะไปที่นั่นอยู่ดี ระยะเวลาชั่วโมงกว่าบนรถเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและทรมานใจเป็นอย่างมากภาคินไม่รู้เลยว่าพลอยลลินณ์จะเป็นยังไงบ้างและคนร้ายจะพาเธอไปยังบ้านพักที่ตามตนเองคิดไว้หรือเปล่าแต่เท่าที่เคยรู้มาคุณสุวิจักขณ์มีบ้านพักอยู่ที่หัวหินเพียงแค่หลังเดียวเท่านั้นเมื่อไปถึงบ้านพักของคุณสุวิจักขณ์ภาคินก็ต้องแปลกใจเพราะรถของคนร้ายน่าจะมาถึงที่นี่แล้วแต่ทั้งบ้านกับว่างเปล่ามีเพียงรถของตำรวจที่จอดซุ่มอยู่ไกลๆ เท่านั้น“คุณภาคินใช่ไหมครับ” ตำรวจรายหนึ่งเดินมาถามเมื่อเห็นเขาจอดรถลงที่หน้าบ้าน“ใช่ครับคุณตำรวจ นี่พวกมันยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”“ผมว่าไม่น่าจะใช่ที่นี่แล้วนะ คุณลองดูพิกัดในมือถืออีกทีสิ”ภาคินรีบร้อนและคิดว่าจะต้องเป็นบ้านหลังนี้เขาจึงลืมเรื่องพิกัดมือถือไปจนสนิท และตอนนี้พิกัดหายไปแล้วแต่จุดสุดท้ายที่จับสัญญาณได้ก็ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่“สัญญาณหายไปแล้วหรือพวกมันจะรู้แล้วว่าพ
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะปราง” น้ำฝนถามหลังจากที่ได้ฟังมะปรางเล่าเรื่องของพลอยลลินณ์“นั่นสิฝน นิวว่าเราไปขอดูกล้องจากร้านดีไหม”“หรือเราจะแจ้งตำรวจ” เพื่อนอีกคนก็เสนอขึ้น“ปรางสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงก่อนดี”“แต่เราว่าต้องบอกแฟนของมัดหมี่ก่อนดีไหม มีใครในนี้ติดต่อแฟนของมันมีบ้างได้ไหมเราต้องบอกเขาให้รู้เรื่อง”“เดี๋ยวปรางจะไปขอดูกล้องวงจรปิดนะ คนที่เหลือลองหาทางติดต่อคุณภาคินดูนะ เขาเป็นคนมีชื่อเสียงแบบนั้นน่าจะติดต่อได้ไม่ยาก”“เดี๋ยวนิวจะลองถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเลขาผู้บริหารดูเผื่อเขาจะมีคอนแทคของคุณภาคินบ้างมะปรางรีบไปดูกล้องวงจรปิดเถอะ” นิวรีบบอกจากนั้นตัวเองก็พยายามติดต่อกับเพื่อนอีกคนที่ทำงานเป็นเลขาเหมือนกับพลอยลลินณ์มะปรางกับน้ำฝนไปขอทางร้านดูกล้องวงจรแต่โดยให้เหตุผลที่ว่าเพื่อนของเธอถูกจับตัวไป ทางร้านก็รีบอำนวยความสะดวกเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วทางร้านจะมีความผิดไปด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าพลอยลลินณ์เดินไปกับวาริสาและเธอก็ขึ้นไปบนรถตู้จากนั้นวาริสาก็ปิดประตูรถก่อนที่รถจะถูกขับออกไปจากบริเวณลานจอดรถ มะปรางถ่ายรูปทะเบียนรถพร้อมทั้งข
ภาคินและพลอยลลินณ์กลับมาถึงเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทั้งสองคนยังทำตัวเป็นเจ้านายและลูกน้องที่ดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นแต่พอได้อยู่กันตามลำพังแล้วภาคินก็จะกลายร่างเป็นผู้ชายอบอุ่นขณะที่พลอยลลินณ์ก็จะกลายเป็นคนช่างอ้อน “อีกตั้งสองเดือนเลยนะมัดหมี่ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมว่าเราไม่ต้องรอฤกษ์ดีไหม” ภาคินบ่นหลังจากที่มารดาของเขาเป็นคนไปหาฤกษ์แต่งงานมาให้ “มัดหมี่ว่าเร็วไปด้วยซ้ำนะคะ เรายังไม่รู้จักกันดีเลย” “เรารู้จักกันมาสามปีกว่าแล้วนะมัดหมี่ ผมว่าเวลามันนานมาก” “บอสจะนับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันไม่ได้นะคะ เราต้องนับวันที่เราตกลงคบกันสิคะถึงจะถูก” “ก็ผมจะนับแบบนี้” “เฮ้อ...มัดหมี่อยากให้ลูกน้องในบริษัทเห็นบอสเวลาที่งอแงเป็นเด็กแบบนี้จัง” “อยู่ต่อหน้าลูกน้องผมต้องวางมาดกันหน่อยสิ แต่เวลาอยู่กับมัดหมี่ผมเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด” ภาคินพูดขณะที่กอดเธอไว้อย่างหลวมๆ แล้วเกยปลายคงบนไหล่มน “แล้วจะกอดแบบนี้อีกนานไหมคะ” “ก็กอดจนกว่าจะหมดเวลาพัก” ตั้งแต่ประกาศเรื่องแต่งงานออกไปเวลาทานอาหารกลางวันพล
วันนี้พลอยลลินณ์ไม่ได้วางแผนไปเที่ยวที่ไหนเธอจึงยังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเจ้านายหนุ่มผู้ที่มอบความสุขให้กับเธอนับครั้งไม่ถ้วน จะว่าไปแล้วเมื่อคืนทุกอย่างมันเกิดจากการดื่มแชมเปญเข้าไปมากเกินลิมิตหญิงสาวเลยคุมสติของตัวเองแทบไม่อยู่ แต่ก็พอรับรู้ว่าตนเองเร่าร้อนมากแค่ไหน คิดแล้วพลอยลลินณ์ก็รู้สึกอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่รู้ว่าวันนี้จะกล้ามองหน้าภาคินหรือเปล่าเมื่อคนที่นอนอยู่เริ่มดิ้นภาคินก็ลืมตาขึ้น เขามองหัวไหล่และแผ่นหลังขาวเนียนที่เต็มไปด้วยรอยแดงแล้วก็รู้สึกผิด เมื่อคืนเขารุนแรงกับเธอมากกว่าทุกครั้ง แต่นั่นก็เพราะเธอเองก็เร่าร้อนกว่าทุกครั้งเช่นกัน“อรุณสวัสดิ์มัดหมี่” คำทักทายแสนเชยทำให้คนที่เพิ่งจะตื่นเงยหน้าขึ้นมอง“อรุณสวัสดิ์ค่ะบอส กี่โมงแล้วคะ” พลอยลลินณ์ขยับตัวช้าๆ เพราะรู้สึกว่าร่างกายปวดร้าวไปหมด“เกือบเที่ยงแล้วล่ะ หิวหรือยัง”“ยังไม่หิวค่ะ บอสล่ะคะ หิวหรือยังเที่ยงนี้จะกินอะไรเดี๋ยวมัดหมี่สั่งให้“เลิกดูแลผมได้แล้วนะมัดหมี่”“ทำไมคะ” พลอยลลินณ์มองหน้าเขาอย่างสงสัยก่อนจะขยับตัวลุกนั่งพิงหัวเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงคอทำให้ภาคินลุกมานั่งด้วยอีกคน“อย่ามองแบบนั้นสิ ที
พลอยลลินณ์ยังคงหอบเหนื่อยไม่หาย ความสุขที่ได้รับการเติมเต็มมันช่างอิ่มเอมและมีความสุขและเมื่อคิดว่าจากนี่เขาและเธอจะได้แต่งงานกันอย่างถูกต้องความสุขนั้นมันก็เพิ่มมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวภาคินมองใบหน้าแดงระเรื่อของพลอยลลินณ์แล้วก็รู้สึกหลงใหล แม้จะเห็นว่าเธอหอบเหนื่อยแต่เขาก็ไม่อาจให้หญิงสาวได้หยุดพักได้นาน เพราะตอนนี้โพรงอ่อนนุ่มของเธอกำลังบีบรัดความเป็นชายของเขาอย่างรุนแรง ช่องทางรักของพลอยลลินณ์ทำให้ภาคินแทบคลั่ง ชายหนุ่มรีบถอนแก่นกายออกก่อนที่ทุกอย่างจะระเบิดออกจากนั้นก็จับร่างเธอให้พลิกหันหน้าเข้าหาโซฟาในท่าคุกเข่าสะโพกกลมกลึงลอยเด่นอย่างยั่วยวน พลอยลลินณ์จับพนักโซฟาแน่นในขณะที่เขากำลังลากไล้ความแข็งร้อนขึ้นลงกลางกลีบอย่างปลุกเร้า “พร้อมนะคนเก่ง” เสียงแหบพร่าก้มลงมากระซิบข้างหู มือใหญ่ดึงเธอเข้ามาชิดจนแผ่นหลังขาวเนียนแนบกับอกแกร่ง ความร้อนจากกายของเขากระตุ้นให้เธอขยับสะโพกเข้าหาอย่างเชื้อเชิญ หญิงสาวลืมสิ้นความอายรู้แค่ร่างกายกำลังรอให้เขาเข้ามาเติมเต็ม “อ๊ะ! ….” พลอยลลินณ์รู้สึกจุกแน่นเพราะเขากระแทกความใหญ่โตเข้ามาทีเดียวลึกสุดควา
ภาคินประคองพลอยลลินณ์มาบนห้องและกำลังจะพาเธอเดินไปยังห้องนอน แต่หญิงสาวกลับยืนนิ่งไปขยับไปไหน ตาคู่สวยฉ่ำปรือเพราะพิษแอลกอฮอล์ที่อยู่ในกายกำลังแล่นพล่าน“ขอบคุณนะคะบอสวันนี้มัดหมี่มีความสุขที่สุด” หญิงสาวสวมกอดเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวท่อนแขนเรียวคล้องไปบนลำคอแกร่ง ก่อนยืดตัวขึ้นมาจูบเขาแทนการของคุณสำหรับวันที่แสนพิเศษริมฝีปากเล็กแทะเล็มลงบนริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างยั่วยวน ภาคินจับท้ายทอยของเธอไว้แน่นก่อนจะขยี้จูบไปบนริมฝีปากสวยอย่างหนักหน่วง ลิ้นสอดแทรกเขาโพรงปากเล็กกลิ่นแชมเปญที่คละคลุ้งส่งให้อารมณ์ของทั้งสองพุ่งขึ้นได้อย่างง่ายดายฤทธิ์ของแอลกอฮอล์บวกกับความต้องการในส่วนลึกทำให้หญิงสาวร้อนแรงขึ้น เธอขยับร่างบดเบียดเขาหาร่างแข็งแกร่งอย่างลุ่มหลงภาคินนวดคลึงสะโพกกลมกลึงปลุกเร้าอารมณ์ของหญิงสาวขณะที่ปากยังคงจูบบดเบียดไม่ยอมห่าง มือที่คล้องอยู่บนลำคอเปลี่ยนมาลูบไปตามกล้ามหน้าท้อง แล้วเลื้อยต่ำลงไปยังเป้ากางเกงที่ตอนนี้มันตุงทนแทบจะปริ“เมาแล้วยั่วเก่งนะมัดหมี่”“ยั่วที่ไหนกัน”“ก็เห็นอยู่ว่ายั่ว”“ไม่ชอบเหรอคะ” เธอถามพลางเบียดกายเข้าหาจนไม่มีช่องว่าง“ชอบมากต่างหาล่ะ แต่คุณต้องทำแบบนี้กับ
Comments