Masukยิ่งคิดมาถึงตรงนี้ หญิงสาวก็น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่ได้ น้อยใจในโชคชะตาที่แม้จะเลือกคนที่ตนเองรักก็ยังไม่มีสิทธิ์ หนำซ้ำผู้ชายที่ต้องแต่งงานด้วยก็คือพี่ชายของเขา แบบนี้ไม่เพียงแต่ทรมานจิตใจเธอเท่านั้น หากเตวิชรู้เรื่องนี้ก็คงทรมานไม่ต่างกัน หญิงสาวไม่ได้อยากเป็นต้นเหตุให้ใครต้องเสียใจทั้งนั้น
ติ๊ดๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้ไอวารินตื่นจากภวังค์ แต่แล้วข้อความของบุคคลที่ส่งมาก็ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเศร้าหนักมากกว่าเก่า
‘ฉันรู้เรื่องหมดแล้วนะ ออกมาเจอกันที่สวนหลังบ้านหน่อยได้ไหม’ เตวิชส่งข้อความมา ไม่แปลกที่เรื่องจะไปถึงเขาเร็ว ชายหนุ่มเป็นคนฉลาด ต้องสัมผัสได้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ที่คุณหญิงเรียกเธอกับเตชินท์เข้าไปพร้อมกันแล้ว
ไอวารินไม่มั่นใจว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้หรือไม่ ด้วยจิตใจที่บอบช้ำและไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกไป เพราะรู้ดีว่าเตวิชจะต้องเสียใจ…แต่ถึงอย่างไร เธอก็ไม่สามารถหนีความเป็นจริงไปได้ สิ่งเดียวที่จะทำได้นั่นคือทำให้ชายหนุ่มตัดใจ และเปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่คู่ควรเข้ามา ในเมื่อไม่สามารถรักกันได้ เธอก็ไม่ควรเห็นแก่ตัวที่จะเก็บเขาไว้แบบนี้
ไอวารินตัดสินใจปาดน้ำตา พร้อมกับออกไปพบเตวิชตามที่ชายหนุ่มนัดไว้ แม้สภาพจิตใจจะยังไม่พร้อมก็ตาม แต่ถึงอย่างไร การจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับตัวเขาเอง
เตวิชยืนรอด้วยใจที่ไม่เป็นสุข สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ ตั้งแต่ที่เตชินท์มาเรียกไอวารินไป แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่ขนาดนี้ เพราะผู้หญิงที่เขารักกำลังจะเป็นเมียพี่ชาย! และมันน่าโมโหนักที่มารู้เรื่องนี้จากการที่ได้ยินคนใช้ในบ้านพูดกัน ชายหนุ่มต้องอดทนอย่างมากที่จะไม่เข้าไปถามคุณหญิงย่ากับคุณแม่โดยตรง เพราะอยากพูดคุยกับไอวารินเสียก่อน และมั่นใจว่าเธอต้องไม่อยากให้งานแต่งงานเกิดขึ้น ขอเพียงหญิงสาวพูดมาเขาก็พร้อมที่จะปกป้องและขัดขวางงานจนถึงที่สุด
“คุณเล็ก”
ไอวารินเรียกชื่อชายหนุ่มท่ามกลางความเงียบงัน ทันทีที่เขาหันมา น้ำตาก็ไหลอาบแก้มเยียนอย่างห้ามไม่ได้
“ขวัญ…”
เตวิชเดินเข้าไปโอบกอดร่างบางด้วยความรักใคร่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เรียกได้ว่านี่คือการกอดกันครั้งแรกของทั้งคู่ก็ว่าได้ มันไม่อยากห้ามใจของตนเองอีกต่อไปแล้ว เพราะเขารักเธอมาตลอด ในวันนี้ที่กำลังจะสูญเสียไอวารินไป ยิ่งตอกย้ำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าที่ผ่านมา ตนเองต้องการไอวารินมากแค่ไหน และเธอเองก็คงต้องการเขาไม่ต่างกัน...
ไอวารินเพิ่งได้สติจึงรีบเตือน ก่อนจะค่อยๆ ผลักอกร่างสูงออกอย่างช้าๆ ในขณะที่เจ้าตัวกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือง่ายๆ
“มีคนเห็นก็ดีสิ จะได้รู้ว่าที่กำลังคิดจะทำกันอยู่ มันทำให้ใครต้องเสียใจบ้าง” เตวิชพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนที่จะดึงไอวารินเข้ามากอดด้วยความโหยหาอีกครั้ง
“คุณเล็กกำลังพูดเรื่องอะไรคะ” ไอวารินเอ่ยถามด้วยความรู้สึกที่ยากเกินบรรยาย ไม่อยากจะคิดว่าการที่ทั้งสองคนจะเผยความรู้สึกต่อกันครั้งแรก จะเป็นวันที่เธอกำลังเสียใจที่สุด
“เธอก็รู้มาตลอดว่าฉันคิดยังไงกับเธอ และฉันจะไม่มีทางให้เรื่องระหว่างเธอกับพี่ใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ ขวัญ” ราวกับว่าถ้าพูดช้าไปกว่านี้มันจะสายเกินไป เพราะที่ผ่านมา เตวิชคิดว่าตนเองปล่อยปละเรื่องความรู้สึกที่มีต่อไอวารินมานานเกินไป จนถึงวันที่ผู้ใหญ่คิดจะจับคู่ให้เธอกับพี่ชายของเขา
“อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ” หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ห้ามไม่อยู่จึงปล่อยให้มันไหลรินอาบแก้มด้วยความเสียใจที่วันนี้ตนเองไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ
“ทำไมจะไม่ได้ ที่ผ่านมา ฉันมั่นใจว่าเธอไม่ได้รักพี่ใหญ่ และก็มั่นใจว่าเราสองคนใจตรงกันมาตลอด”
“ขวัญแน่ใจเหรอว่าพี่ใหญ่จะยอม” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากที่คุยกับพี่ชายตนเองเมื่อครู่นี้ ฝ่ายนั้นดูยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะได้แต่งงานกับไอวาริน“คุณใหญ่ไม่ได้รักขวัญ หรือแม้แต่ตอนที่แต่งงานกัน ขวัญเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะค่ะว่า พอถึงเวลา คุณใหญ่เองก็พร้อมที่จะเลิกกับขวัญเหมือนกัน” ไอวารินพูดด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างเธอกับเตชินท์จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากคำว่า ‘หน้าที่’ เท่านั้น“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันอยากให้ขวัญรู้ไว้นะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอขวัญเสมอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดทบทวนมาอย่างดี เตวิชเองก็ไร้หนทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเธอ“อย่ารอขวัญเลยค่ะคุณเล็ก ชีวิตคุณเล็กยังมีอะไรอีกมาก อย่าต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงอย่างขวัญเลยนะคะ” ไอวารินพูดไปน้ำตาไหลไป รู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความหวังดีที่เตวิชมีให้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง และเธอเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้“ผู้หญิงอย่างขวัญเป็นยังไง ผู้หญิงอย
“ขวัญ…เราหนีไปด้วยกันนะ”เตวิชเดินเข้ามาพร้อมกับกุมมือบางไว้แน่น ในเมื่อไม่สามารถคัดค้านงานแต่งงานครั้งนี้ได้ หนทางเดียวที่จะช่วยไอวารินได้นั่นก็คือการพาเธอหนีไปพร้อมกับเขา“คุณเล็กล้อขวัญเล่นหรือเปล่าคะ”ไอวารินเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ‘หนีตาม’ อย่างนั้นเหรอ เธอกับเขาเพิ่งเรียนจบมา เงินเก็บก็ยังมีไม่มากพอที่จะสร้างตัว ที่สำคัญ หญิงสาวไม่อยากทำตัวให้คนในบ้านนี้ต้องลำบากใจ“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะขวัญ ในเมื่อทุกคนอยากบังคับเธอมาก ฉันจะปกป้องเธอเอง เราหนีไปด้วยกันนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดดีแล้วว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้“คุณเล็กคิดว่าที่เราทำอยู่มันถูกต้องแล้วเหรอคะ” พร้อมกับค่อยๆ ดึงมือตนเองออกจากการเกาะกุม ไอวารินไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจใคร แต่เลือกที่จะอยู่กับความจริง ความจริงที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องแต่งงานกับเตชินท์“ขวัญ…เชื่อใจฉันนะ” เตวิชมองหน้าหญิงสาวที่รักด้วยสายตาเศร้า ลึกๆ เขาเองก็รู้ว่าต่อให้หนีไปสุดโลก คนมี
“ผมรู้ครับว่า ตอนนี้ ผมอาจจะดูไม่เอาไหน แต่แม่เชื่อเถอะนะครับว่าผมทำได้ ผมจะไม่ทำให้ใครต้องลำบาก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หากพูดถึงเรื่องอนาคต ถ้าให้พูดตามจริงตอนนี้ เขาเองก็ยังคงมืดบอดไร้หนทาง แม้คิดอยากจะเปิดผับเป็นของตนเอง แต่ก็ยังต้องศึกษาเรื่องนี้อยู่มากถึงจะเป็นจริงได้“แล้วลูกอยากให้ขวัญต้องมาลำบากไปด้วยหรือไง” พูดเพื่อเตือนสติลูกชายอีกครั้ง จริงอยู่ว่าไม่ได้อยากจะไปขัดใจลูกชาย แต่กับเรื่องนี้ นางมองว่าถึงอย่างไรไอวารินก็เหมาะสมที่จะได้แต่งงานกับเตชินท์ และเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูล“แต่ผมรักขวัญจริงๆ นะครับแม่ ให้โอกาสผมกับขวัญได้รักและดูแลกันไม่ได้เหรอครับ” เตวิชไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งของชีวิตผู้ชายจะต้องมาขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นแม่ด้วยเรื่องความรัก แต่เพื่อไอวารินแล้วเขายอมทำได้ทุกอย่าง“ถ้าลูกบอกว่าลูกรักขวัญ แม่คิดว่าลูกควรปล่อยขวัญไปนะตาเล็ก ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตาใหญ่จะดูแลขวัญได้ดีแค่ไหน ส่วนความรักของลูกกับขวัญ มันอาจจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบเดี๋ยวก็หายไป เชื่อแม่เถอะว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว&
เตวิชเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ คนอย่างเตชินท์มีเพียบพร้อมทุกอย่าง จะมีเมียกี่คนก็ยังได้ แต่กลับมายอมทำตามผู้ใหญ่ที่สั่งให้แต่งงานกับเด็กในบ้านเช่นนี้ ถ้าไม่ได้เกลียดกันมาก่อนเขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพี่ชายกำลังแอบรักไอวารินอยู่กันแน่!“หรือว่าพี่แอบรักขวัญ” เอ่ยถามขึ้นอย่างใจคิดทันที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลที่แท้จริงของเตชินท์คืออะไรกันแน่“หึ สำหรับฉัน ความรักมันไม่มีจริง และถ้าต้องรักใครสักคนแล้วเป็นบ้าแบบนาย ฉันขอไม่มีความรักดีกว่า เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเล็ก อ่อนแอ คุณย่ากับคุณแม่เลยไม่ไว้ใจให้นายได้ตัดสินใจอะไรเองสักที”เตชินท์พูดออกไปราวกับต้องการกรีดแผลในใจน้องชาย สำหรับเขา เตวิชเป็นเด็กเก่งในทุกเรื่อง แต่มักจะใจร้อนไม่ฟังใคร ทำให้ในหลายๆ ครั้งตัดสินใจผิดพลาดและต้องคอยให้ผู้ใหญ่ตามแก้ปัญหาเสมอ“ได้ ถ้าพี่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับขวัญ งั้นผมจะไปคุยกับคุณหญิงย่าเอง” เตวิชพูดอย่างหมายมั่น ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่“ก็ลองดู”เตชินท์นิ่งไปอย่างไม่อยากจะสนใจ
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เจ้าของห้องอดสงสัยไม่ได้ ปกติแล้วหากเขาทำงานอยู่จะไม่ค่อยให้ใครเข้ามารบกวน ดังนั้นคนที่กล้ารบกวนเขาเวลานี้ก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากบุคคลที่กำลังนึกถึงพอดี“เข้ามาสิเล็ก” เตชินท์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูน้องชายแล้วอย่างแน่นอน และคนเลือดร้อนอย่างเตวิชคงไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ และเมื่อประตูเปิดออกก็ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้เดาผิดไปแม้แต่นิดเดียว“เรามีเรื่องต้องคุยกันพี่ใหญ่” เตวิชเดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกลับมีทีท่านิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียจนน่าหมั่นไส้“เรื่องมันใหญ่ถึงขั้นนายต้องมารบกวนเวลาทำงานฉันเลยหรือไง” เตชินท์ปิดแฟ้มเอกสารลง พร้อมกับมองหน้าน้องชายในสายเลือดอย่างหาคำตอบ“พี่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร ผมต้องการให้พี่ปฏิเสธงานแต่งของพี่กับขวัญ” เตวิชพูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม“ทำไม เพราะนายกับขวัญรักกันหรือไง” เตชินท์ยังคงพูดด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม เพราะคิดอยู่แล้วว่าเตวิชจะต้องมาคุยด้วยเรื่อ
ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ เขากับผู้เป็นพี่ชายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลังจากที่ผู้เป็นพ่อเสียไป อีกฝ่ายจะดูนิ่งเงียบมากขึ้น ด้วยเพราะบทบาทหน้าที่การเป็นประธานบริษัทที่ได้รับ ทำให้เตชินท์มีบุคลิกเงียบขรึมและน่าเกรงขามต่างจากสมัยเด็กที่เป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นของน้องอย่างสิ้นเชิง“อย่าทำให้เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ ขวัญไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ อีกอย่าง ขวัญก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย”ไอวารินมั่นใจว่าไม่มีทางใดที่จะเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้ และเธอไม่อยากให้เตวิชต้องลำบากไปด้วย“ไม่เห็นมีเรื่องต้องลำบากใจ ถ้าอยากให้ขวัญแต่งงานนักก็ให้แต่งกับฉัน เปลี่ยนจากคนพี่เป็นคนน้องจะเป็นไรไป” เตวิชพูดด้วยความโมโห เขาไม่ต้องการให้การถูกบังคับแต่งงานเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม“แต่ว่า…”“ไม่ต้องกลัวนะขวัญ ฉันจะไปคุยกับพี่ใหญ่เอง” คราวนี้พูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ก่อนที่ไอวารินจะยอมรับคำแต่โดยดี เตวิชในตอนนี้ใจร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร และจะไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน“ขวัญรอฉันที่ห้องก่







