หลังจากอึดอัดจนแทบอาเจียนกับท่วงท่าทอดสะพานเสริมใยเหล็กของเจนจิรากลางโต๊ะอาหารค่ำอยู่นานจนแทบอาเจียน อเล็กซิสก็ปลีกตัวออกมายืนสูบบุหรี่อยู่นอกตึกใหญ่
ควันบุหรี่สีตะกั่วลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ดวงตาคมกริบจับจ้องมองแผ่นฟ้ากว้าง กระทั่งหางตารับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของใครบางคนจึงหันไปมอง
เขาขยี้ก้นบุหรี่กับถ้วยแก้ว ก่อนจะก้าวยาวๆ ตรงไปยังเงาตะคุ่มที่พบเห็น
“ทำอะไรน่ะ”
“อ๊ะ...”
เขาคว้าแขนเจ้าของเงาตะคุ่มเอาไว้ และก็พบว่ามันเรียวเล็กเกินกว่าจะเป็นเรียวแขนของบุรุษ
“เตยหอม...”
แม้จะมองไม่ชัดนัก แต่แววตาตื่นตระหนกแบบนี้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าหล่อน
“เอ่อ... ปล่อยเตยก่อนค่ะ”
เขายอมปล่อยแขนเรียวออกจากอุ้งมือ แต่ก็ยังไม่ยอมขยับออกห่าง
“มาทำอะไรมืดๆ ตรงนี้ เดี๋ยวงูเงี้ยวก็ฉกเอาหรอก”
“เอ่อ... เตยทำต่างหูหล่นน่ะค่ะ พยายามหาแต่ก็ยังหาไม่เจอเลยค่ะ”
ดวงตาของอเล็กซิสละจากดวงหน้าของเตยหอม มามองที่ติ่งหูเล็กเพื่อจะมองต่างหู แต่เส้นผมสีดำขลับบดบังเอาไว้ทำให้เขาต้องยื่นมือไปเกลี่ยเส้นผมนุ่มนั้นจนพ้นทาง และจ้องมองต่างหูที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว
แม้จะมีแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟของตัวตึกสาดส่องกระทบลงมา แต่เขาก็ต้องเพ่งอยู่นานกว่าจะเดารูปร่างของต่างหูเล็กนั้นได้
ต่างหูที่เห็นมันเป็นรูปหัวใจยาวตุ้งติ้ง แต่มองไม่ออกว่ามันทำมาจากอะไร
“เอ่อ...”
หลังจากยืนนิ่งงันอยู่นาน เตยหอมก็เอียงหน้าหนีสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ พร้อมกับก้าวถอยหลัง
อเล็กซิสเองก็เลื่อนมือลงไปลูบต้นขาของตัวเอง เพื่อกลบเกลื่อนความประหม่า
“ฉันก็แค่อยากจะเห็นต่างหูของเธอน่ะว่ามันเป็นแบบไหน จะได้ช่วยหาถูก”
“เอ่อ... ค่ะ...”
“ว่าแต่มันทำจากอะไรหรือ ดูสวยสะท้อนแสงไฟดี”
“มันจากทองคำขาวค่ะ”
“แฟนซื้อให้หรือถึงดูเธอหวงนักหนา”
เตยหอมยิ้มเศร้าหมอง น้ำใสๆ เอ่อล้นขอบตา เมื่อนึกถึงเจ้าของต่างหูคู่นี้
“มันคือของขวัญชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่แม่ของเตยเก็บเงินซื้อให้ค่ะ”
อเล็กซิสอยากจะเอามือตะบันหน้าตัวเองนัก ที่ใส่ความเด็กดีอย่างเตยหอมแบบเมื่อกี้นี้
“ฉันจะช่วยเธอหานะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เตยหาเองได้ค่ะ”
เขาไม่ควรจะมาอยู่ใกล้หล่อนแบบนี้ เพราะมันจะเป็นอันตรายสำหรับตัวหล่อนเอง
“ให้ฉันช่วยแหละดีแล้ว จะได้หาเจอไวๆ ไง”
“แต่เตย...”
“อย่าพูดมากน่ะ มาช่วยกันหาเถอะ จะได้เจอไวๆ ไงล่ะ”
แล้วคนพูดก็ย่อตัวลง และคลานหาตามซอกของก้อนอิฐ รวมถึงกระถางต้นไม้ข้างๆ ด้วย
“ว่าแต่เธอแน่ใจนะว่าทำหายแถวนี้”
“ค่ะ”
หล่อนรู้ดีว่าควรจะอยู่ให้ห่างเขา แต่หัวใจกลับรู้สึกดีไม่น้อยที่ได้เห็นเขาแบบนี้
เตยหอมย่อตัวลง และก็ตั้งหน้าตั้งตาหาต่างหูข้างที่หล่นหายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่กี่นาที คนตัวโตก็อุทานขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“เจอแล้ว เตยหอม”
“จริงเหรอคะ”
หล่อนดีใจจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ รีบลุกขึ้น และเดินไปคุกเข่าลงข้างๆ เขา
“จริงสิ นี่ไงล่ะ”
เขาชูต่างหูที่หล่อนทำหล่นหายตรงหน้า หล่อนฉีกยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต
“ขอบคุณมากนะคะคุณอเล็ก” หล่อนยกมือขึ้นประกบกันแล้วไหว้ขอบคุณ
“อืม บอกแล้วไงว่าถ้าให้ฉันช่วยหาน่ะ ยังไงก็ต้องหาเจอ มาฉันใส่ให้”
“ไม่... ไม่เป็นไรค่ะ เตยใส่เองได้ค่ะ” เตยหอมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน แต่เขาไม่ยอม
“มืดๆ แบบนี้ เธอจะใส่เองได้ยังไงกันล่ะ เดี๋ยวก็หล่นหายอีกหรอก มานี่ หันข้างมา”
“แต่ว่า... เตย...”
“กลัวอะไรฉันนักหนา ฉันไม่กินหรอกน่ะ”
แล้วเขาก็เอามือประคองใบหน้าของหล่อนเอาไว้ โชคดีมากที่เขาไม่ทันสังเกตเห็นความบวมช้ำบนใบหน้าของหล่อน
“อยู่เฉยๆ สิ...”
หล่อนกลั้นใจอยู่นิ่งๆ แต่หัวใจสั่นไม่หยุดเลย ยิ่งเขาขยับหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้จนเกินกว่าเหตุแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งแทบจะเป็นลมเป็นแล้ง
“ยังหารูไม่เจอเลย นิ่งๆ นะ”
“เอ่อ... เตยใส่เองดีกว่าค่ะ”
“อย่าดื้อน่า นี่ไงเจอรูแล้ว”
นี่เขาจำเป็นต้องก้มหน้ามาใกล้จนปลายจมูกเฉียดแก้มนวลของหล่อนด้วยเหรอ
เขาจะรู้ไหมนะว่าหล่อนกำลังสั่นสะท้านไปทั้งจิตวิญญาณเพราะการใกล้ชิดกัน
“ใส่ยากจริง แป๊บนะ”
“เอ่อ... พอแล้วล่ะค่ะ เตยใส่ต่อเอง...” หล่อนยกมือขึ้นจะช่วยเขาใส่ต่างหู แต่เขาปัดมือของหล่อนทิ้ง และเอาปลายจมูกโด่งมาชนแก้มนวลซ้ำ
“อุ๊ยยย...”
“โทษที มืดน่ะ ไม่ทันระวัง”
เขาพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ตรงกันข้ามกับหล่อนที่แทบเป็นลมอยู่แล้ว
“โอเค... เสร็จแล้ว...”
หล่อนรีบถลันตัวลุกขึ้นยืนทันควัน และถอยหลังออกห่าง ซึ่งเขาที่หยัดกายยืนขึ้นในเวลาพร้อมๆ กันก็คว้าแขนเรียวเอาไว้ ซึ่งแรงกระชากของเขาทำให้กายสาวเซถลาเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้างอย่างไม่มีทางเลือก
“นี่ยังไม่ขอบคุณฉันเลยนะ”
“เอ่อ...”
หล่อนถูกเขารวบร่างเอาไว้แนบอก ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำลงมาใกล้ ใกล้มากจนหล่อนใจคอไม่ดี
“คุณ... อเล็ก...”
เขาฉีกยิ้มน่ามอง ปากร้อนจัดค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“มาทำอะไรกันมืดๆ ตรงนี้คะ”
เสียงไม่พอใจของเจนจิราดังขึ้น และมันก็ทำให้หล่อนตื่นจากฝันหวานทันควัน
“คุณเจน...”
หล่อนรีบถอยหลังออกห่างจากร่างของอเล็กซิส หน้าตาซีดเผือด เพราะหวาดกลัว แม้จะรู้ดีว่าเจนจิราไม่กล้าออกฤทธิ์ออกเดชต่อหน้าอเล็กซิสก็ตาม
“น้องเจนออกมาทำไมครับ”
“แล้วพี่อเล็กล่ะคะ ออกมาทำอะไรตรงนี้”
เจนจิราเดินเข้ามาสอดแขนเล็กของตัวเองรัดลำแขนกำยำของอเล็กซิสเอาไว้ แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
เตยหอมก้มหน้ากล่าวลา ก่อนจะรีบปลีกตัวเดินจากไป โดยมีสายตาอาฆาตของเจนจิราตามติดไปไม่ต่างจากเงา
“พี่ออกมาสูบบุหรี่น่ะ แล้วก็เจอเตยหอมเข้าพอดี”
“แม่นี่ชอบออกมาอ่อยลูกชายคนสวนค่ะ”
เจนจิรารีบใส่ร้ายเตยหอม ก่อนจะชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่ออเล็กซิสดึงแขนออกไปจากการเกาะกุมของหล่อน
“เตยหอมทำต่างหูหล่นหายน่ะ เธอก็เลยออกมาหา”
“เหรอคะ” หล่อนอดกระแทกเสียงไม่ได้
“ครับ”
อเล็กซิสก้าวเดินกลับเข้ามาภายในตัวคฤหาสน์ โดยมีเจนจิราเดินตามมาติดๆ
“ผู้ใหญ่กำลังคุยกันเรื่องงานแต่งงานของเราสองคนค่ะ”
“ครับ”
“เจนดีใจนะคะที่เราสองคนจะได้แต่งงานกันในเร็วๆ นี้”
คนที่ก้าวเอาก้าวเอาไม่ยอมรอ ชะงักเท้ากึกทันควัน และหันกลับไปมองคนพูด
“น้องเจนหมายความว่ายังไงครับ”
เจนจิรายิ้มหวาน เดินเข้ามาเกาะแขนของอเล็กซิส “ก็ผู้ใหญ่กำลังจะเลื่อนงานแต่งของเราสองคนให้เร็วขึ้นไงล่ะคะ”
“จะเร็วขึ้นได้ยังไงกันครับ ก็ในเมื่อน้องเจนยังเรียนไม่จบเลย อีกตั้งสองสามปีไม่ใช่เหรอครับ”
“แหม ไม่รู้อีกกี่ปีต่างหากค่ะ เจนสอบไม่ค่อยผ่าน เจนคิดว่า เจนจะลาออก แล้วมาเป็นแม่บ้านให้พี่อเล็กแทนค่ะ”
“อย่าดีกว่าครับ ยังไงการศึกษาก็สำคัญกับคนเรามากกว่าการแต่งงาน”
“แต่สำหรับเจน มีผัวสำคัญกว่าค่ะ”
อเล็กซิสมองผู้หญิงที่พยายามเอานมถูไถแขนตนเองด้วยความอัศจรรย์ใจ
แม่ของเขาย้ำนักย้ำหนาว่าเจนจิราเป็นผู้หญิงเรียบร้อย นิสัยดี แถมยังประพฤติตัวดีไม่มีด่างพร้อย แต่จากที่เห็นเจ้าหล่อนแสดงกับเขามาหลายครั้ง หล่อนน่าจะเสียซิงไปตั้งแต่อายุสิบสองแล้วมั้ง
“เอ่อ... เจนหมายถึง... เจนอยากดูแลพี่อเล็กในฐานะภรรยาน่ะค่ะ” เจนจิรารีบแก้ตัวเมื่อเห็นอเล็กซิสมองมาด้วยสายตาแปลกๆ
อเล็กซิสดึงแขนของเจนจิราออกจากแขนของตัวเอง ก่อนจะรีบเอ่ยขอตัว
“พี่ขอตัวไปคุยกับคุณแม่ก่อนนะครับ พี่อยากรู้ว่าเราต้องเลื่อนงานแต่งเข้ามาจริงหรือเปล่า”
“จริงแท้แน่นอนค่ะ”
เขาฝืนยิ้มให้กับเจนจิรา ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องโถงกว้างที่มารดานั่งอยู่ด้วยความร้อนใจ
“อ้าว พ่ออเล็กมาพอดีเลย”
เขาหย่อนกายลงนั่งข้างๆ มารดา ก่อนจะเอ่ยถามโดยไม่คิดจะอ้อมค้อม
“คุณแม่จะเลื่อนงานแต่งงานระหว่างผมกับน้องเจนให้เร็วขึ้นหรือครับ”
“อ้าว รู้แล้วเหรอลูก”
“น้องเจนบอกผมครับ”
เจสสิก้ายิ้มกว้าง “ดูท่าทางลูกของแม่แล้ว กำลังดีใจจนเนื้อเต้นเลยใช่ไหมล่ะ”
หน้าของเขาเครียดขนาดนี้ มารดายังคิดว่าเขากำลังดีใจได้ยังไงกันนะ
“ผมต้องการกำหนดเดิมครับ”
“อย่างอแงสิลูกรัก ผู้หญิงอย่างหนูเจนน่ะหาไม่ได้แล้วนะในโลกใบนี้ ทั้งเรียบร้อย ทั้งนิสัยดี แถมเรื่องผู้ชายก็ไม่เคยมีให้ด่างพร้อยเลยด้วย”
“แต่น้องเจนยังเรียนไม่จบ และผมก็ยังไม่พร้อมครับ”
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ