บ้านคุณกิตติโชจน์
เสียงเปิดประตูรถทั้งสามคนต่างพากันเดินเข้าบ้านคุณกรณ์ได้แต่สงสัยตลอดทางกลับบ้านแต่ไม่ปริปากพูดเพราะกลัวจะขัดใจแม่ของตนเลยรอให้ถึงบ้านก่อนดีกว่าค่อยถามคุณพ่อหน้าจะคุยรู้เรื่องกว่าระหว่างเดินเข้าประตูบ้านคุณกรณ์ค่อยๆเดินอย่างช้าๆ มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเอง เรียกพ่อของตนให้หยุดแล้วปล่อยแม่เดินเข้าบ้านไปก่อนเพื่อจะได้คุยกันสะดวก “พ่อครับ” เสียงอ่อยเบาๆของคุณกรณ์เรียกพ่อให้หยุดเดินแล้วชะเง้อคอมองผู้เป็นแม่ที่กำลังเดินเข้าบ้านเพราะกลัวจะได้ยิน “ว่ายังไง…มีไรจะถามพ่อล่ะ” คุณกิตติโชจน์หันกลับมาตอบด้วยโทนเสียงปกติ “ก็เรื่องหมั้นแหละครับ ผมว่ามันเร็วไป” “มันไม่เร็วไปหรอกตามกำหนดที่แม่แกบอกนั้นแหละรับปากแก้วทิพย์เค้าไว้แล้วถ้าไม่ทำมันจะเสียผู้ใหญ่ได้น่ะสิ” ไม่ว่าคุณกรณ์จะเลือกคุยกับใครก็ดูท่าน่าจะไม่เป็นผลอุตส่าห์เลือกคุยกับพ่อแล้วแท้ๆ “โธ่ พ่อครับช่วยผมเถอะครับ” สายตาเว้าวอนและน้ำเสียงที่ดูสิ้นหวังของคุณกรณ์ส่งไปหาผู้เป็นพ่อ “ไม่เอาละ ฉันไม่คุยกับแกแล้วดีกว่ารีบเข้าบ้านไปกันแม่แกรออยู่” ผู้เป็นพ่อเบือนหน้าหนี คุณกรณ์ได้แต่เดินตามหลังพ่อตนเองเข้าบ้านไปขณะที่แม่ของเขานั้นนั่งรอที่จะคุยเรื่องงานหมั้นอยู่ที่โต๊ะห้องรับแขกมืออีกข้างถือแก้วกาแฟดื่มอย่างสบายใจ คุณกรณ์ไม่สบตาแม่ของตนรีบเดินอย่างเร็วแต่มันก็ไม่รอดสายตาของคุณอุไรไปได้เรียกคุณกรณ์มานั่งคุยที่โต๊ะทันที “จะรีบไปไหนไวเชียวนะมาคุยกับแม่ก่อน” “ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนไม่ได้เหรอครับแม่” “พ่อแกยังไม่เปลี่ยนเลย ไม่ต้องไปมาคุยกับแม่ก่อน” ใบหน้างอง้ำเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจของคุณกรณ์เดินมานั่งลงที่โต๊ะตามที่คุณอุไรบอกอย่างว่านอนสอนง่ายไม่อยากขัดใจแม่ของตน “คุณว่าสินสอดเราจะให้เท่าไหร่ดีคะคุณ” คุณอุไรหันไปถามสามีของตนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยเสียงร่าเริง “คือผมว่าเราหักหนี้ไปเลยดีไหม…แก้วทิพย์ติดหนี้ผมอยู่” “อะไรนะคุณให้ยืมไปตอนไหนฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เรื่องหนี้ที่คุณกิตติโชจน์ให้แก้วทิพย์ยืมนั้นไม่มีใครรู้นอกจากเค้าทั้งสองคนแล้วก็ไอรินอีกคนนั้นจึงทำให้คุณอุไรและคุณกรณ์ดูตกใจอย่างมาก “ก็วันที่คุณถามผมไปพบแก้วทิพย์ครั้งนั้นไง แก้วทิพย์ไปยืมหนี้นอกระบบมาคุณก็รู้ดอกมันโหดแค่ไหนแล้วอีกอย่างนะมันส่งลูกน้องมันมาเก็บหนี้ถึงบ้านเลยอยู่กันสองคนแม่ลูกแล้วเป็นผู้หญิงด้วยมีแต่อันตรายทั้งนั้น” “ตายแล้วคุณน่าสงสารจริงๆ…ฉันไม่รู้มาก่อนเลยดีแล้วที่คุณช่วย แล้วคุณให้ยืมไปเท่าไหร่คะ” “สามล้าน” “งั้นฉันว่าเอาค่าสินสอดเท่านี้ก็ได้ค่ะคุณ” คุณกรณ์เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็นึกแผนที่จะแกล้งไอรินออกฉันว่าแล้วเธอมันก็ซื้อได้ด้วยเงินเหมือนกัน “แม่ครับผมว่าเยอะไปนะครับ คุณป้าก็คงไม่ยอมให้เรายกหนี้หรอกครับ” คุณกรณ์พูดแทรกขึ้น “จริงด้วยคุณ…แก้วทิพย์ขี้เกรงใจเหมือนพิชิตสามีของเธอไม่มีผิดผมว่าล้านห้าดีมั้ยครึ่งๆ” “ถ้างั้นก็เอาตามที่คุณว่าแล้วกันค่ะ” เสียงโทรศัพท์ดัง “ว่าไงครับเพื่อน นี่แกยังจำเบอร์ฉันได้อยู่เหรอ” เสียงของวายุเพื่อนซี้ของคุณกรณ์และยังเป็นหุ้นส่วนกิจการในการทำธุรกิจอีกด้วย “คืนนี้ว่างมั้ยวะ…มีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อย” “สำหรับมึงกูว่างตลอดว่าแต่เรื่องเล็กหรือใหญ่วะ” “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกกูแค่อยากฟังความคิดเห็นของมึง” “งั้นเราคุยเรื่องรีสอร์ทที่จะขยายสาขาไปต่างจังหวัดด้วยเลยดีมั้ยกูจะได้นัดผู้จัดการคนใหม่มาคุยด้วยจะแนะนำให้รู้จักคนนี้เก่งใช้ได้เลย” “งั้นก็แล้วแต่มึงแล้วกัน…ไว้เจอกันเพื่อน” บ้านไอริน ฟ้าใสชวนมะขามกับปิ่นไปบ้านไอรินเพราะอยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตดีหลังทุกคนรู้เรื่องไอรินกับคุณกรณ์แล้ว “สวัสดีค่ะแม่” เสียงพร้อมเพียงของทั้งสามคนยกมือสวัสดีแก้วทิพย์แม่ของไอรินที่กำลังเก็บข้าวของอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวแก้วทิพย์พยักหน้าเป็นการรับไหว้เด็กๆ “มาหาไอรินกันเหรอลูกไอรินล้างจานอยู่ในครัว…นั้นไงเดินมาพอดี” “ล้างจานเก็บของเสร็จหมดแล้วนะแม่งั้นหนูกับเพื่อนขึ้นห้องก่อน” สิ้นเสียงไอรินที่คุยกับแม่ของตนนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปที่ห้องพร้อมๆ กับเพื่อนทั้งสามของเธอด้วย “หลังจากวันนั้นเป็นไงบ้างวะ แม่มึงโกรธมั้ย” “สายไปละ…คุณลุงคุณป้ากำหนดวันหมั้นของกูกับตาลุงนั้นแล้วแม่กูก็ตกลงด้วย” “ห้ะ” เสียงตกใจพร้อมกันของทั้งสามคน “กูขอโทษนะไม่หน้าพูดเรื่องวันนั้นเลยกูก็แค่สงสัยคิดว่ามึงคนสองแอบคบกันแล้วไม่ยอมบอกพวกกู” มะขามก้มหน้าก้มตาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดต่อไอริน “กูก็ขอโทษมึงด้วยนะที่มึงโทรมาแล้วไม่ได้โทรกลับ” “กูก็ขอโทษด้วยนะ” เสียงของฟ้าใสกับปิ่นที่พยายามขอโทษไอรินเช่นกัน “ไม่เป็นไรกูเข้าใจพวกมึงดีกูไม่เคยมีความลับกับพวกมึงเลย” “มึงคงเครียดมากสินะใบหน้าเหมือนคนอมทุกข์ซะอย่างนั้น…คืนนี้ไปผ่อนคลายหน่อยมั้ย” ยัยฟ้าใสสาวปาร์ตี้ประจำกลุ่มที่ในหัวมีแต่เรื่องเที่ยวตลอดเวลาพูดขึ้นชวนไอรินและเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันคืนนี้ “กูว่าก็ดีเหมือนกัน…นานๆ ทีจะไปเที่ยวกับพวกกูออกสักหน่อยดีกว่า” ปิ่นพูดขึ้น “พวกมึงไปกันเลยกูไม่อยากไปคลับ” “งั้นเราไปร้านเหล้านั่งชิวกันก็ได้นิฟังเพลงไปผ่อนคลายสบายๆ” “กูไม่อยากไปไหนจริงๆ พวกมึงไปกันเถอะไม่ต้องเป็นห่วงกูสบายมาก” ไอรินพูดด้วยโทนเสียงเป็นธรรมชาติใบหน้าสดใสเพื่อไม่ให้เพื่อนๆของเธอนั้นต้องรู้สึกผิดต่อเธอ “งั้นก็ตามใจมึง…ถ้าเปลี่ยนใจอยากตามมาก็โทรมาได้” “ถ้างั้นพวกกูกลับกันก่อนนะ” “เคมึง…ขับรถกันดีๆ” สถานบันเทิงที่หนึ่ง เสียงนักดนตรีบรรเลงเพลงกันในยามค่ำคืนผู้คนมากมายต่างก็กำลังนั่งประทานอาหารฟังเพลงที่นักร้องได้ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอย่างลึกซึ้งเป็นร้านนั่งชิวสบายๆ แถมอาหารตาก็ไม่ต่างจากในคลับเลยถูกใจวายุยิ่งนัก “มาแล้วเหรอวะ…แล้วไหนมึงบอกผู้จัดการมึงจะมาด้วย” “กูโทรบอกแล้วเดี๋ยวก็คงตามมาทีหลัง ว่าไงเรื่องอะไรจะปรึกษากู” “กูกำลังจะหมั้น” วายุตกใจว่าเรื่องที่คุณกรณ์พูดจะจริงหรือโกหกเพราะคุณกรณ์ไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนจริงๆ จังๆ เลยเพราะมีเรื่องฝังใจทำให้ไม่กล้าคบใครได้อีกที่ผ่านมาก็แค่กินเล่นๆ แล้วเอาเวลาไปแอบคบกันตอนไหน “อะไรนะนี่กูได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย เสือแบบมึงจะยอมเป็นแมวซะงั้น” วายุพูดไปหัวเราะไป กูอยากจะเห็นผู้หญิงคนนั้นจังว่าเอามึงอยู่ได้ไง” “พ่อเค้าเป็นเพื่อนกับพ่อกูแม่กูเลยให้หมั้นทำไงได้ขัดใจก็ไม่ได้” “แบบนี้มันไม่แฟร์สำหรับมึงเลยแล้วทำไมมึงไม่ประท้วงไปวะ” “ก็กู…” คุณกรณ์พลางนึกถึงเรื่องคืนอันแสนเร่าร้อนนั้นขึ้นมาในหัว “ช่างเถอะไม่มีอะไรแต่ประเด็นสำคัญคือแม่เค้าติดเงินพ่อกูอยู่เลยจะเอาหนี้มาหักล้างค่าสินสอด ทำไมผู้หญิงนี่ซื้อได้ด้วยเงินเหมือนกันหมดทุกคนเลยวะ” คุณกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงที่แค้นฝังใจกับเรื่องในอดีตที่ยากจะลืม “ทำไมมึงไม่ลองเสนอข้อตกลงการหมั้นกับคู่หมั้นมึงดูล่ะ…กูจำมาจากละครอีกที ฮ่าๆ” “ยังไงวะ” “สัญญาการแต่งงานไงถ้าไม่ได้รักกันมึงก็ลองเสนอเงินดู” ความคิดของวายุนั้นทำให้คุณกรณ์คิดเรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นแค่ลองใช้เงินดูอะไรๆ ก็ง่ายไปซะหมดยิ่งผู้หญิงเห็นแกเงินอย่างเธอแล้วคงไม่ยาก “ความคิดมึงนี้ดีมาก ขอบใจว่ะเพื่อน” สักพักผู้จัดการคนใหม่ของวายุก็เดินเข้ามาที่โต๊ะคุณกรณ์เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มคนนี้ปรากฎว่าผู้จัดการคนใหม่ของวายุคือคนเดียวกันกับที่เจอคืนก่อนนั้นก็คือทิศแฟนเก่าของไอรินมันจะบังเอิญอะไรขนาดนี้ไม่ถูกชะตากับไอ้หมอนี้เลยจริงๆ “ขอโทษด้วยครับที่มาช้าพอดีผมวนหาที่จอดรถอยู่น่ะครับ” “ไม่เป็นไรนั่งสิ…นี้คุณกรณ์เพื่อนของฉันเองแล้วก็เป็นหุ้นส่วนฉันด้วยทักทายสินี้ไงผู้จัดการคนใหม่ที่กูบอกมึง” “สวัสดีครับผมทิศนะครับเป็นผู้จัดการของคุณวายุครับผม” ทิศทักทายคุณกรณ์ตามที่วายุบอกและยังจดจำใบหน้าของคุณกรณ์ได้เป็นอย่างดีตีเนียนไม่รู้จักจะดีที่สุดเพราะกลัวว่าจะกระทบกับหน้าที่การงานตนได้ “อ๋อ” คุณกรณ์ยังคงจำทิศแฟนเก่าของไอรินได้เป็นอย่างดีเช่นกันนึกถึงคืนนั้นที่ไอรินได้ระบายเรื่องของไอ้หมอนี้ให้ฟังเลยเกิดอาการหมั่นไส้ตอบไปแค่สั้นๆ กวนประสาทเล่น “งั้นเรามาคุยเรื่องงานกันเลยดีมั้ย” วายุพูดขึ้น “ไม่ต้องคุย…เอาตามที่มึงคิดเลยกูเชื่อใจมึง” สายตาคุณกรณ์พลางมองทิศแสดงความไม่เป็นมิตรต่อทิศเท่าไหร่นัก “อ้าว ทำไมอารมณ์เสียขึ้นมาซะได้วะ” “ไม่มีไรหรอก” ไม่นานเท่าไหร่นักก็มีชายผู้หนึ่งร่างสูงใส่เสื้อฮาวายสีกรมผมสีบลอนด์ทองพร้อมกับแว่นกันแดดของเค้า วายุกวักมือเรียกให้เดินมาที่โต๊ะชายผู้นี้ชื่อเคนเป็นเพื่อนของคุณกรณ์และวายุเด็กเกเรที่ทางบ้านส่งให้ไปเรียนต่างประเทศกลับมาสักที “นี่มึงชวนมันมาเหรอ” คุณกรณ์พูดขึ้น “ใช่…กูเห็นว่ามันพึ่งกลับมาเลยชวนมันมาด้วย” “กูเห็นหน้ามันอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมอีก” “เอาหน่า เพื่อนกันทั้งนั้น” เคนเดินมาถึงโต๊ะแล้วนั่งที่ว่างข้างๆ ทิศผู้จัดการวายุพร้อมทักทายทุกคน “เป็นไงบ้างวะ…คิดถึงกูกันมั้ย” “คิดถึงสิวะ นี่มึงกลับมาได้กี่วันแล้ว” “ห้าวันได้เกือบจะอาทิตย์นึงละ” “ลืมแนะนำให้รู้จักนี่ผู้จัดการคนใหม่กู” “ผมทิศ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ทิศยื่นมือเพื่อที่จะ shake hands กับเคนทั้งคู่ต่างจับมือกันและกันเพื่อเป็นการทักทาย “อ้าวมึงเป็นไงสบายดีมั้ยวะ” เคนหันมาพูดกับคุณกรณ์ “ก็ดี” คุณกรณ์ตอบแบบห้วนๆนัยน์ตาคมแสดงความขึงขัง “นี่มึงรู้มั้ยว่าครีมกลับมาแล้ว” “ถ้ามึงไม่มีเรื่องไรจะพูดก็นั่งเงียบๆ ไปซะ” คุณกรณ์มองเคนด้วยสายตาที่ไม่พอใจและน้ำเสียงที่เริ่มจะมีน้ำโห "กูก็แค่บอกให้มึงรู้จะโมโหทำไมวะกูไม่ได้คิดอะไรกับครีมแล้ว ทั้งกูและมึงก็ไม่มีใครได้ใจครีมสักคนขนาดมึงคบอยู่หลายปีครีมยังทิ้งมึงไปแต่งงานกับไอ้เศรษฐีนั้นได้เลย” น้ำเสียงเย้ยหยันของเคนพูดใส่คุณกรณ์ไม่หยุด “ไอ้เคนมึงหยุดพูดดิ” เสียงของวายุพูดขึ้นเพื่อไม่ให้สองคนนี้ทะเลาะกัน “ก็บอกให้ฟังเฉยๆ วัวเคยค้าม้าเคยขี่” “ไอ้เคน!!!” เสียงตะคอกของคุณกรณ์ที่เริ่มจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ตะโกนใส่เคน “เฮ้ยพวกมึงใจเย็นๆ กันดิวะนานๆ ทีจะเจอกันหยุดทะเลาะกันได้แล้ว” “กูก็แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ ดูถ้ามึงโมโหแบบนี้แสดงว่ายังรักครีมอยู่สินะ” “มึงวางใจได้เลยเพราะไอ้กรณ์กำลังจะหมั้นแล้ว”บ้านคุณกิตติโชจน์“กลับมากันแล้วเหรอลูก” เสียงคุณอุไรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเด็กทั้งสองเดินเข้าบ้านมาพร้อมกันด้วยใบหน้าที่ดูเบิกบาน“หิวมั้ยหนูรินเลิกงานมาเหนื่อยๆ…มาๆ นั่งที่โต๊ะกับแม่ดื่มน้ำก่อนนะเจ้ากรณ์ก็ด้วย”“คิดว่าแม่จะไม่เรียกผมซะแล้วนะครับเนี่ย”“ดูพูดเข้าสิ…วันนี้กลับบ้านเร็วทำไมไม่พาน้องแวะกินอะไรก่อนเข้าบ้านล่ะตากรณ์ต้องให้แม่บอกอยู่เรื่อยเลย”“รินอยากกลับมาทานข้าวพร้อมคุณแม่กับคุณพ่อค่ะ…อร่อยกว่าทานข้างนอกเยอะเลย” น้ำเสียงออดอ้อนกับท่าทีที่น่าเอ็นดูของไอรินพลางตอบเอาใจคุณอุไรที่นั่งอยู่ข้างๆ“ปากหวานจริงๆ เลยเด็กคนนี้แม่หลงเพราะหนูรินน่ารักแบบนี้ไง ฮ่าๆ” คุณอุไรคลี่ยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจที่ลูกสะใภ้คนโปรดช่างเอาอกเอาใจคนแก่อย่างเขาเก่งซะจริง“ผมก็หลงครับคุณแม่ ฮ่าๆ” เสียงอ่อนเสียงหวานของคุณกรณ์เอ่ยขึ้นตามคุณอุไรแม่ของตนพร้อมพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อยหันมองหน้าไอริน“งั้นก็รีบๆ มีหลานให้พ่อกับแม่เร็วๆ เข้าสิ ฮ่าๆ” คุณอุไรพูดขึ้นมาเช่นนี้เด็กๆ ทั้งสองจึงหันมองหน้ากันคุณกรณ์จ้องมองไอรินตาเป็นประกายสองแก้มของเธอก็เริ่มแดงก่ำพลางยิ้มเขินๆ รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อบ่ายเบี่ยงก่อนดีกว่า ฮ่าๆ”“
ห้องทำงานคุณกรณ์เขาเดินมาแอบอยู่ข้างหลังประตูเพื่อรอจังหวะที่ไอรินเดินเข้ามาในห้องจะได้แกล้งแมวน้อยของเขาให้ตกใจเล่นและสิ่งที่คาดไว้ก็มาถึงเธอผลักประตูเข้ามาคุณกรณ์เห็นแค่ด้านหลังเธอจากนั้นจึงโผเข้าไปกอดจนอีกฝ่ายเกือบเสียหลักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าไม่ได้มีแค่ไอรินที่เดินเข้ามาแต่ยังมีเลขาของเขาอีกคนที่กำลังยืนจ้องมองดูการกระทำของพวกเขาชนิดที่เรียกได้ว่าอ้าปากค้างสตั้นกันไปเลยสามวิตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอั้มอึ้งจนพูดไม่ออกทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงหน้าประตูเพราะเห็นทั้งคู่กอดกันเข้าอย่างจังเต็มสองตา“เอ่อออ…ขอโทษค่ะคือดิฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเลยนะคะ” เสียงตกใจของเลขาสาวเอ่ยพร้อมยกแฟ้มเอกสารในมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตนเองทันที“เห็นอะไรกันคะ? ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” ไอรินเอ่ยพร้อมกับท่าทางที่เลิ่กลั่กคุณกรณ์เห็นอย่างนั้นก็แอบขำเธอเบาๆ ในความลนลานของเธอ“ก็อย่างที่เห็นนั้นแหละผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีมีคนไม่อยากให้บอกคนอื่น” น้ำเสียงจอมทะเล้นของคุณกรณ์เอ่ยอีกทั้งยังขยับก้มหน้าลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเค้าพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจหนำซ้ำยังใช้มือทั้งสองข้างของเขาดึ
ณ ร้านเช่าชุดแห่งหนึ่งสามสาว มะขาม ฟ้าใสและปิ่น ช่วยกันเลือกชุดอย่างตื่นเต้นจับตัวนั้นมาใส่ตัวนี้อยู่ไม่หยุดลองแล้วลองอีกอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ไอรินจากที่ดูตื่นเต้นดีใจช่วยพวกเธอเลือกชุดมาสักพักแล้วแต่เมื่อได้เห็นท่าทีของพวกนางก็ถึงกับขอตัวนั่งพักที่โซฟาก่อนเพราะศึกนี้คงอีกนานเจ้าสาวอย่างเธอแค่ลองชุดเดียวก็เหนื่อยจะแย่แล้วผิดกับเพื่อนๆ ของเธอซะจริงไม่มีทีท่าจะเหนื่อยกันบ้างเลยหรือไงไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนอารมณ์เหมือนกับตอนผู้หญิงแต่งหน้าแล้วอย่ามาเร่งเลย ฮ่าๆ“พวกแกว่าฉันใส่ชุดนี้เป็นไง…สวยมั้ย” เสียงมะขามเอ่ย“สวยมึงเอาชุดนี้เลย” เสียงยัยปิ่นพลางตอบพร้อมชูชุดในมือทั้งสองข้างให้เพื่อนๆ ได้ช่วยเลือก“มึงว่าชุดไหนสวยกว่ากันระหว่างปาดไหล่หรือเกาะอกดี”“กูว่ามึงเอาเกาะอกเลยสวยแซ่บสีฟ้าเข้ากับน้ำทะเล ฮ่าๆ”“พวกเราจะเริ่ดเกินเจ้าสาวไม่ได้นะ ฮ่าๆ” ฟ้าใสเอ่ยหัวเราะ“นั้นสิ…ลืมคิดเบาๆ นะพวกมึง ฮ่าๆ”“มึงก็พูดได้สิมะขามมึงได้ผู้แล้วแถมเป็นผู้ใหญ่อบอุ่นที่เอาใจเก่งอีกต่างหาก อิจสุดๆ ไม่รู้แหละกูขอจัดเต็มไว้ก่อน” ว่าแล้วฟ้าใสก็เดินไปเลือกชุดที่ราวเสื้อผ้าเลือกแล้วเลือกอีกเอาจนถูกใจ“เต็มที่
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ร้านเช่าชุดแต่งงานเสียงรถแล่นมาจอดยังบริเวณหน้าร้านเช่าชุดทั้งคู่เดินลงจากรถมาด้วยใบหน้าที่ดูสดใสพลางส่งยิ้มให้กันและกันอย่างมีความสุขร่างเล็กหยุดเดินแหงนดูหุ่นที่สวมใส่ชุดเจ้าสาวผ่านกระจกใสบานใหญ่ที่ตั้งโชว์อยู่ภายในร้านเป็นชุดเดรสสีขาวปาดไหล่ผ้าซีทรูกระโปรงยาวปักด้วยไข่มุกนับร้อยเม็ดสวยสะกดตาจนต้องหยุดมองแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเธอจะมีวันที่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวกับเขาเหมือนกันดีใจจนพูดไม่ออก ไอรินพลางมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่คุณกรณ์จะรีบจูงมือเธอเดินเข้าร้านไปด้วยความตื่นเต้น“ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงพนักงานบริการสาวในร้านเอ่ยพร้อมพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม“คุณกรณ์ใช่ไหมคะ…เชิญด้านนี้ได้เลยค่ะ” พนักงานสาวเดินนำพวกเขาทั้งคู่มายังห้องลองชุด VIP พร้อมกับนำชุดที่ทางร้านมีทั้งหมดหลากหลายสไตล์มาให้พวกเขาได้เลือกไม่ว่าจะเป็นชุดไทย ชุดจีนยกน้ำชา ชุดพิธีการต่างๆ เยอะจนเลือกไม่ถูกกันเลยที่เดียว“เดี๋ยวนะคะ…จะให้ลองทั้งหมดนี้เลยเหรอ” เสียงไอรินหันไปถามคุณกรณ์ที่ตอนนี้เขาก็ได้แต่ยืนงงเช่นกันว่าทำไมมันถึงเยอะขนาดนี้“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาพลางตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะสิ้นหวัง
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู“เดี๋ยวรินทำธุระเสร็จจะรีบลงไปนะคะ” เธอพลางตอบคนหน้าประตูเพราะคิดว่าคงเป็นป้าแม่บ้านที่คุณอุไรให้มาตามเธอลงไปทานข้าวซึ่งก็ไม่มีเสียงป้าแม่บ้านตอบกลับมามีแต่เสียงเคาะประตูอยู่ไม่หยุดมิหนำซ้ำยังเคาะเร่งเป็นจังหวะอีกด้วย จนเธอต้องเดินไปเปิดประตูทั้งที่ยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวพร้อมกับปล่อยผมยาวที่เปียกชุ่ม“เล่นเป็นเด็กไปได้” ไอรินพูดพึมพำให้กับการกระทำที่ดูเหมือนเด็กเช่นนี้ทำเอาเธอก็อดอมยิ้มไม่ได้โตแค่ตัวอย่างที่คุณอุไรว่าไว้ไม่มีผิด ฮ่าๆ เธอพอจะเดาได้แล้วล่ะว่าเป็นใครที่ชอบแกล้งเธอในบ้านหลังนี้เห็นทีคงมีแค่คุณกรณ์คู่หมั้นของเธอสินะ ไอรินเพียงแค่หมุนลูกบิด ทันทีที่เสียงดัง แกร๊ก คุณกรณ์ก็รีบผลักประตูเข้ามาในห้องเธออย่างรวดเร็วอีกทั้งยังโผกอดไอรินจากด้านหลังอีกด้วยกลิ่นหอมสบู่อ่อนๆ จากตัวเธอทำเอาจมูกโด่งของคนพี่เริ่มทำงานคลอเคลียไปที่ข้างหูของเธอทีละนิด~“ทำไมไม่รีบไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองล่ะคะ…คุณพ่อคุณแม่รอทานข้าวอยู่น้าา” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยถาม“พี่คิดถึงรินไม่เห็นหน้าแล้วใจจะขาด”“เวอร์อีกแล้วนะคะเนี่ย…ปล่อยรินได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดทุกคืนเลย…แล้วทำไมไม่เก็บของ
เสียงโทรศัพท์ดัง“มีอะไรอีกวะไอ้ยุ!!!” เสียงเข้มของคุณกรณ์พลางขึ้นเมื่อกดรับสายอีกครั้ง“กูลืมบอกมึง…ว่าตอนนี้ครีมไปหามึงที่หัวหินแล้ว”“มึงว่าไงนะ!!!…แล้วมึงไม่รีบบอกกูให้เร็วกว่านี้วะ” เสียงตกใจเอ่ย“ก็กูลืมมมไงเพื่อน…กูกดโทรหามึงแล้วแต่สายมึงไม่ว่าง”“แม่กูโทรมาเทศน์กูซะยาว…แล้วใครบอกครีมวะว่ากูกลับมาที่นี้อีกไอ้เคนเหรอ!!! อย่าบอกนะว่าเป็นมึง”“เฮ้ยๆ มึงอย่ามาโทษกูครั้งนี้ไม่ใช่กูโว้ย!!! ไอ้เคนก็ไม่หน้าใช่ป่านนี้มันคงไปม่อสาวอยู่ไหนสักที่ไม่มาสนใจเรื่องของมึงหรอก…แต่ว่าเรื่องแค่นี้สืบดูคงไม่ยากเกินกำลังครีมหลอกว่ะ”“เออ งั้นแค่นี้กูรีบไปดูรินก่อนเดี๋ยวบังเอิญเจอกันกูจบเห่แน่”“เออๆ กูเอาใจช่วยมึงวะเพื่อน” เสียงปลายสายกดวางคุณกรณ์วางโทรศัพท์ลงบนเตียงนอนแล้วรีบเปิดประตูห้องพักหยิบรองเท้ามาใส่ผิดๆ ถูกๆ ใส่ยากใส่เย็นไม่ทันใจขว้างมันทิ้งซะเลยรีบร้อนจนต้องเดินเท้าเปล่าออกมาจากห้องพัก เขามุ่งตรงมายังชายหาดด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนกวาดสายตามองหาแฟนเด็กของเขาไปทั่วหาดเห็นไอรินกำลังเดินกลับเข้ามาพอดีจึงรีบเดินดุ่มๆ ไปหาเธอ“ทำไมตื่นแล้วไม่ปลุกพี่มาเดินเล่นด้วยกันล่ะเดินคนเดียวจะสนุกได้ไง” ทันทีท