ภายในห้องนอนที่ตกแต่งเอาไว้ในสไตล์นอร์ดิก แลดูโล่ง โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก แต่ดูอบอุ่นเรียบหรูดูแพง ซึ่งมีโทนขาว เทาเป็นหลัก ทั้งผ้าปูและเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งภายใน ผนังของห้องใช้สีพาสเทลอ่อนๆ บ่งบอกให้รู้ถึงรสนิยมของคนอาศัยที่มีใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญหมอวายุเป็นคนที่ชอบความเงียบสงบ แต่คนรอบข้างมักจะนำพาความวุ่นวาย เข้ามาภายในชีวิตของเขาไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะเรื่องการหมั้นระหว่างเขากับนุชวรา
คนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ ค่อยๆ พลิกกายบิดตัวหาวออกมา เมื่อเธอรู้สึกสบายตัวที่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม บวกกับที่นอนไม่หลับมาทั้งคืน เนื่องจากตื่นเต้นกับการมาตามนัด เพื่อรับฟังรายละเอียดในขั้นตอนของการทำร่างกายให้พร้อม สำหรับการตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้หญิงสาวหลับยาวไปหลายชั่วโมง
"อืม..." ฝนสุดาครางออกมาจากในลำคอ พร้อมกับบิดขี้เกียจอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อเธอไม่อยากลุกออกจากเตียงนุ่มนี่เลยสักนิด จากนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆ พลิกกายกลับมานอนหงาย เธอปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะพบว่าเพดานของห้องนอน แปลกไปจากที่คุ้นเคย แน่นอนเพราะนี่มันไม่ใช่ห้องของเธอ
หญิงสาวพยายามตั้งสติ นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอได้วูบไปหลังจากที่ตกใจเสียงแตร แต่มีอ้อมแขนของใครบางคนมารับร่างอรชรของเธอไว้ทัน ฝนสุดสุดาค่อยๆ กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะพบกับแผ่นหลังของชายร่างใหญ่ ที่กำลังนั่งทำงานไม่ได้สนใจว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงจะตื่นหรือยัง ฝนสุดาพอจะเดาได้ว่าเขาคือใคร แต่ที่เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่พาเธอไปนอนพักที่เตียงคนไข้ในโรงพยาบาล
"ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม" เสียงทุ้มดังขึ้น ในขณะที่หมอหนุ่มยังคงตั้งอกตั้งใจ ใช้นิ้วจิ้มไปที่แป้นโน้ตบุ๊กมือระวิง
"มีตาหลังหรือไง" ฝนสุดาพูดพึมเพาออกมาเบาๆ ทั้งที่เธอควรเอะอะโวยวาย ที่ถูกผู้ชายพาเข้าห้อง แถมยังอยู่กับเขาสองต่อสองแบบนี้ มันผิดวิสัยของหญิงสาว ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ทำไม ถึงไว้ใจหมอหนุ่มที่เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง
“เปล่า ความรู้สึกของผม มันสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องนี้” หมอหนุ่มพูดออกมา โดยที่เขานั้นยังคงตั้งอกตั้งใจ ใช้นิ้วจิ้มลงไปที่แป้นพิมพ์
“คุณไม่คิดจะหันหน้ามาคุยกับฉันหน่อยเหรอคะ”
เมื่อพูดจบประโยค ฝนสุดาถึงกับมือขึ้นปากเอาไว้ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอพูดถ้อยคำแบบนั้นออกไป ซึ่งมันเป็นเหมือนกับการเชื้อเชิญ ให้เขาเข้ามาหาเธอบนเตียง หมอหนุ่มละสายตาออกจากจอโน้ตบุ๊ก พร้อมกับใช้ปิดเครื่องพับหน้าจอลงไป เมื่อเขาทำงานเสร็จพอดี ซึ่งงานที่ว่านั้นคือขั้นตอนและรายละเอียดในการทำกิ๊ฟต์ของฝนสุดา ก่อนจะลุกเดินมาหาหญิงสาวที่เตียงนอน
“นี่คุณ! หยุด ถอยไปเลยนะ ห้ามเข้าใกล้ฉันเกินสองเมตร” หญิงสาวรีบพูดดักขึ้น เมื่อหมอวายุกำลังจะนั่งลงที่เตียง ซึ่งฝนสุดาไม่สามารถคาดเดาใจเขาได้ เพราะหมอหนุ่มมีใบหน้าที่เรียบเฉย จนเธอไม่รู้ว่าเขาเคยยิ้มให้ใครหรือเปล่า ไม่ว่าเธอจะเจอกับเขากี่ครั้ง ก็เห็นแต่ใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา
หมอวายุไม่ได้ใส่ใจคำพูดของฝนสุดาเลยสักนิด เขากลับหย่อนก้นนั่งลงที่เตียง ใกล้ๆ เธอ พร้อมกับใช้สายตาคม จับจ้องมาที่ใบหน้างามของหญิงสาว ซึ่งเธอนั่งนิ่งแทบลืมหายใจ เมื่อได้เห็นใบหน้าหมอหนุ่มในระยะเผาขน ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา แก้มออกสีชมพูระเรื่องบอบบางยังกับตูดเด็ก คงไม่เคยออกแดดจ้า
เมื่อได้สติ ฝนสุดารีบดึงผ้าห่มมาคลุมเรียวขาของเธอเอาไว้เพราะหญิงสาวสวมใส่ชุดเดรสสีหวานมุ้งมิ้งลายดอกสั้นเลยเข่า
“ทำไมไม่รู้จักระวัง ถ้าคุณตั้งครรภ์แล้วเจอเหตุการณ์เหมือนอย่างวันนี้ อาจจะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะแท้งสูงมาก คุณคงไม่อยากทำกิฟต์บ่อยๆ หรอกนะ รู้หรือเปล่าว่าค่าใช้จ่ายมันแพงมาก ถ้าเทียบกับวิธีธรรมชาติที่ไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท”
น้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงไปด้วยนัยลึกซึ้ง ขณะที่สายตาคมยิ่งลึกล้ำจนหยั่งไม่ถึง แต่ถ้อยคำที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมานั้น กำลังทำให้ฝนสุดามีใบ้หน้าที่ร้อนผ่าว เมื่อเธอเข้าใจในความหมายของประโยคสุดท้ายที่เขาพูดถึง วิธีธรรมชาติคงไม่พ้นเรื่องอย่างว่า ซึ่งเธอนั้นไม่เคยคิดที่จะเอาตัวเข้าไปพันผูกกับผู้ชายคนไหนมาก่อน
“ฉันจะกลับบ้าน ขอตัวนะคะ” ฝนสุดาพูดพร้อมกับดันตัวลงจากเตียง
หมับ!! แต่ก็ช้ากว่าหมอวายุ เขาได้คว้าลงไปที่ข้อมือเรียวของเธอเอาไว้แน่น จนร่างอรชรของเธอถลาไปนั่งลงที่ตักของเขาพอดิบพอดี
“ว้าย!...” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ แทนที่หญิงสาวจะขัดขืน เธอกลับตกอยู่ในภวังค์ ฝนสุดารู้สึกใจเต้นแรงตึกตัก จนหมอวายุสัมผัสได้ ซึ่งในเวลานี้หัวใจของเขาก็ไม่ต่างจากหญิงสาวที่นั่งอยู่บนตัก ถ้าวัดระดับการเต้นของหัวใจ มันคงเหมือนกับแผ่นดินไหวปาเข้าไปหลายริกเตอร์
ในวันนี้เธอเพิ่งรู้ว่าอ้อมกอด กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากกลิ่นกายของผู้ชาย ที่โชยมาแตะปลายจมูกช่างหอมรัญจวนจนชวนให้หลงใหล ทำให้จังหวะของระบบการหายใจสามารถติดขัดได้ เมื่อเธอนั้นอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด ทั้งที่ควรจะรีบลุกออกจากตักของหมอหนุ่ม ตั้งแต่วินาทีแรกที่ถลาลงไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ทว่าในเวลานี้เธอกลับจงใจที่จะถ่วงเวลาเอาไว้ เมื่อความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้เธออยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าผมมีลูกมีเมียอยู่แล้ว พ่อกับแม่ยังจะยัดเยียดนุชวราให้กับผมอยู่อีกไหมครับ” หมอหนุ่มถามออกมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ จนบิดามารดาไม่สามารถเดาความคิดของเขาออก ซึ่งคนทั้งคู่คิดว่าลูกชายเพียงแค่อยากรู้คำตอบเท่านั้น “พ่อกับแม่ไม่ใช่คนใจร้าย ที่จะพรากลูกพรากเมียใครหรอกนะ ถ้าหมอมีลูกมีเมียอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็จะไม่บังคับให้ลูกต้องหมั้น หรือแต่งงานกับนุชวราหรอก แต่ลูกชายของแม่โสดไม่มีใคร แล้วทำไมจะแต่งงานกับหนูนุชไม่ได้ หรือว่าลูกชอบไม้ป่าเดียวกัน แม่ไม่ยอมแน่” ผู้เป็นมารดาเริ่มคิดไปต่างๆ นานา เมื่อลูกชายมีท่าทางที่อิดออด ไม่อยากจะแต่งงานกับสาวสวยที่เพอร์เฟกต์อย่างนุชวรา “ผมไม่มีใครหรอกครับแม่ แต่ขอเวลาอีกสามเดือนได้ไหมครับ ผมไม่เคยขออะไรจากแม่เลย ถ้าหากว่าผมจะต้องหมั้นหรือแต่งงานกับนุชวราจริงๆ ขอให้ผมได้ใช้ชีวิตในแบบของผม เพียงแค่สามเดือนจะได้ไหมครับแม่”
“เอวาขอร้องได้ไหมคะ ระหว่างที่เราคบกันและคุณยังการันตีในความสัมพันธ์ของเราให้ใครต่อใครได้ทราบ ก็ให้เกียรติเอวาบ้างหน่อยเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า เมื่อเธอนั้นได้กลายเป็นเพียงแค่แฟนในนาม แต่เรื่องบนเตียงกลับเล่นจริงไม่ใช้สแตนด์อิน “รอให้หมอวายุหมั้นและแต่งงานกับนุชวราเมื่อไหร่ ผมจะปล่อยคุณไปให้เป็นอิสระ” เขาช่างเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว แม้ว่าเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่เอวาได้รับนั้น จะเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่หญิงสาวก็ปรารถนาอยากใช้ชีวิตร่วมกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงมากกว่า “คุณพายุ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีคุณไม่คิดที่จะมีใจให้เอวาบ้างเลยหรือไง” คราวนี้หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พัดพ้อ เมื่อเขาให้ความสำคัญในตำแหน่งแฟน เพียงแค่ต้องการให้หล่อนเป็นไม้กันหมาให้เขาเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาของชายหนุ่ม ก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนโต จึงถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่หมอวายุนั้นถูกบังคับ ให้ทำตามความประสงค์ของบุพการี ทั้งการเรียนและเรื่องของหัวใน ท้ายที่สุดเขาต้องเรียนแพทย์ ทั้งที่
ผับใจกลางเมือง มิรากำลังนั่งดื่มอยู่กับเบส สายตาของเธอได้เหลือบไปเห็นหญิงสาว ที่มีรูปร่างคุ้นตา แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่ขวัญดาวหรือเปล่า เนื่องจากโต๊ะโซนวีไอพี ซึ่งถัดออกไปจากเธอพอสมควร หญิงสาวกำลังนั่งดื่มอยู่กับคาสโนว่าตัวพ่ออย่างพายุ นักธุรกิจหนุ่มที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่เขายังคงเป็นคุณชายเจ้าสำราญไม่เลิกรา“ถ้าผมจะกลับมาคบกับคุณอีกจะได้ไหม มิรา” น้ำเสียงของกัปตันหนุ่มฟังดูน่าหลงใหล แต่มิรากลับรู้สึกไม่ไหว ถ้าหากเธอจะต้องมานั่งร้องไห้ เมื่อเขาบอกเลิก และที่เธอยอมออกมาดื่มเป็นเพื่อนแฟนเก่าก็แค่ต้องการปลอบโยน ที่เขานั้นได้เสียบิดาไป ในขณะที่แฟนใหม่ขอยุติความสัมพันธ์ ซึ่งมิราไม่มีวันจะกลับไปเป็นแฟนกับเขาอีกเป็นเด็ดขาด “เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้ว อย่าพยายามทำให้ทุกอย่างกลับมาที่เดิม เมื่อใจสองดวงได้เปลี่ยนไปแล้ว มิราจะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีให้กับเบสเสมอนะ” คำพูดของอดีตคนรัก ทำให้กัปตันหนุ่มซาบซึ้งใจ เขาไม่น่าทิ้งเธอไปทั้งที่คบกันมาเป็นสิบปี
ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปรือลงอย่างช้าๆ เมื่อเธอกำลังจินตนาการว่าตัวเองนั้น กำลังเป็นนางเอกในซีรี่ย์ ที่มีหมอหนุ่มหน้าตาดี เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยทำให้เธอตั้งครรภ์ ก่อนที่หญิงสาวจะไม่มีมดลูก “คุณ... คุณฝนสุดา หลับอีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มของหมอหนุ่มที่ดังข้างใบหูของเธอ จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ “เอ่อ... ขะ ขอโทษค่ะ” ฝนสุดารีบดีดตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับใบหน้าที่เหลอหลา ก่อนจะกล่าวขอโทษเขาออกมาด้วยคำพูดที่ติดอ่าง พร้อมกับรีบก้มหน้าลงต่ำ เพื่อหลบสายตาคมของหมอหนุ่ม เมื่อเธอเดาความรู้สึกของเขาไม่ออก การวางสีหน้าที่เรียบเฉยตลอดเวลา พร้อมกับเก๊กท่าวางมาดเข้ม บวกกับบุคลิกของหมอหนุ่มดูหล่อเท่สมาร์ต แต่ทว่าบางทีก็ดูลึกลับจนน่าค้นหา ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยของฝนสุดาอดที่จะหวั่นไหว ให้กับหมอวายุไม่ได้ “ผมเพิ่งบอกคุณไปไม่กี่นาที จะลุกจะเดินต้องระวัง ไม่อย่างนั้นคุณมีสิทธิ์แท้งแน่ ถ้าย้ายตั
ภายในห้องนอนที่ตกแต่งเอาไว้ในสไตล์นอร์ดิก แลดูโล่ง โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก แต่ดูอบอุ่นเรียบหรูดูแพง ซึ่งมีโทนขาว เทาเป็นหลัก ทั้งผ้าปูและเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งภายใน ผนังของห้องใช้สีพาสเทลอ่อนๆ บ่งบอกให้รู้ถึงรสนิยมของคนอาศัยที่มีใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญหมอวายุเป็นคนที่ชอบความเงียบสงบ แต่คนรอบข้างมักจะนำพาความวุ่นวาย เข้ามาภายในชีวิตของเขาไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะเรื่องการหมั้นระหว่างเขากับนุชวรา คนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ ค่อยๆ พลิกกายบิดตัวหาวออกมา เมื่อเธอรู้สึกสบายตัวที่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม บวกกับที่นอนไม่หลับมาทั้งคืน เนื่องจากตื่นเต้นกับการมาตามนัด เพื่อรับฟังรายละเอียดในขั้นตอนของการทำร่างกายให้พร้อม สำหรับการตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้หญิงสาวหลับยาวไปหลายชั่วโมง "อืม..." ฝนสุดาครางออกมาจากในลำคอ พร้อมกับบิดขี้เกียจอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อเธอไม่อยากลุกออกจากเตียงนุ่มนี่เลยสักนิด จากนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆ พลิกกายกลับมานอนหงาย เธอปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะพบว่าเพดานของห้องนอน แปลกไปจากที่คุ้นเคย แน่นอนเพราะนี่มันไม
หลายวันผ่านไป หลังจากที่นายแพทย์หนุ่มหนุ่มพยายามเลื่อนนัดนุชวรามาหลายครั้ง ในวันนี้เธอจึงจำเป็นที่จะต้องบุกไปหาเขาที่โรงพยาบาล จนทำให้หมอหนุ่มจำใจต้องออกมารับประทานมื้อเย็นกับหญิงสาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขานั้นจะรู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องออกไปรับประทานมื้อเย็น ภายใต้แสงเทียน หล่อนคงอยากสร้างความประทับใจให้กับเดตแรกระหว่างเธอกับหมอวายุ "พี่หมอค่ะ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนกับว่า กำลังลำบากใจที่ออกมาทานข้าวกับนุช" นุชวราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ เมื่อหล่อนพยายามเข้าใกล้ แต่หมอวายุกลับมีท่าทีถอยห่างออกไป ทั้งที่เขาก็ไม่มีใครทำไมไม่รับปากตกลงหมั้นกับเธอสักที "พอดีว่าช่วงนี้ผมมีเรื่องเครียดนิดหน่อย การเป็นหมอต้องอยู่ภายใต้แรงกดดัน ซึ่งคนไข้ได้ฝากชีวิตไว้กับแพทย์ที่รักษา ผมจึงอยากทุ่มเทชีวิตนี้ให้กับวงการแพทย์ ถ้านุชเจอใครที่ถูกใจ ก็รีบคว้าเอาไว้อย่าฝากความหวังไว้ที่ผมเลยนะครับ" ใบหน้าอันหล่อเหลาของหมอหนุ่ม ดูเรียบเฉยไร้วี่แววของการมีใจ บางครั้งนุชวราก็อยากเอ่ย