เสียงหยาดฝนโปรยปรายลงบนหลังคากระเบื้องเคลือบเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ท้องฟ้าภายนอกถูกบดบังด้วยเมฆดำทะมึน บรรยากาศเย็นชื้น แต่ภายในห้องบรรทมกลับอบอุ่นจากเปลวเทียนที่ส่องสว่างอยู่ปลายเตียงเหวิ่นจือหยูนอนหลับตาอยู่บนเตียงไม้แกะสลัก ดวงหน้าดูสงบ ทว่าหัวใจของนางกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพในห้วงฝันชวนประหลาดปรากฏข
“วาดรวี คุณต้องช่วยผม”เสียงภาษาที่คุ้นเคย แต่ไม่รู้จัก เรียกชื่อเธอเหวิ่นจือหยูกำลังยืนอยู่ข้างถนนท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าสีเทาหม่น รอบกายเต็มไปด้วยแสงไฟส่องวูบวาบจากรถยนต์ที่แล่นไปมา บีบแตรเสียงดัง เสียงเครื่องยนต์ดังกึกก้อง ผู้คนเดินขวักไขว่ในอาภรณ์แปลกตา ภาพเบื้องหน้าที่เห็นแตกต่
ท้องฟ้ายามเช้าปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์อ่อนโยนในยามรุ่งอรุณทอแสงผ่านต้นเหมยที่ปลูกเรียงรายอยู่กำแพงจวน ลมเย็นโชยพัดผ่านอาณาเขตของจวนขุนนางตระกูลเหวิ่น องค์รัชทายาทหลี่หยวนเจ๋อและเหวิ่นจือหยูเดินทางมาพร้อมกับขบวนทหารองครักษ์ หลังจากการก่อกบฏถูกกำจัดจนหมดสิ้น วังหลวงกลับคืนสู่ความสงบ เป็นเวลาเหมาะสมที่ทั้ง
ณ ตำหนักหลวงอันโอ่อ่า ฮ่องเต้ประทับบนตั่งใหญ่กลางห้องทรงงาน พระพักตร์เคร่งขรึม แววพระเนตรจับจ้องไปยังฮองเฮาซึ่งนั่งเคียงข้างเบื้องหน้าคือหลี่หยวนเจ๋อ ผู้กำลังรอพระบิดาตัดสินพระทัย บรรยากาศเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนที่สุรเสียงทรงอำนาจจะดังขึ้น “ก็จริง หลี่จวิ้นมีความดีความชอบที่ช่วยเปิดโปงแผนการกบฏ” ฮ่
ภายในท้องพระโรงอันโอ่อ่าของวังหลวงแคว้นหลี่ แสงตะวันยามเช้าสาดส่องผ่านบานหน้าต่าง ที่ประดับประดาด้วยม่านแพรสีทองที่พลิ้วไหวตามสายลมเย็น บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบสุข หลังจากเหล่ากบฏถูกปราบปรามจนสิ้นซาก ขุนนางที่ภักดีต่อราชวงศ์ต่างคุกเข่ารายล้อมอยู่เบื้องล่างอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่บนบัลลังก์มังกร ฮ่อง
ในห้องโถงพระตำหนักหลงเฟิ่ง หลังการต่อสู้สงบลงบรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว บนพื้นยังคงมีรอยเลือดของเหวิ่นลี่หยาที่สิ้นใจด้วยคมดาบของพระสวามีตนเอง ขุนนางกบฏที่เหลืออยู่ต่างคุกเข่าตัวสั่น ดวงหน้าซีดเผือด บางคนมีบาดแผลจากการต่อสู้ หลายคนลอบเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบขมับบนบัลลัง