ณ สนามบาสเกตบอล
ตอนนี้ฉันต้องเข้ามานั่งรอนายเรียวตะแข่งบาสเกตบอลกับอีกคณะ นั่นก็คือคณะแพทย์นั่นเอง นายเรียวตะเป็นที่คนหวงของเอามากๆ และไม่เข้าว่าใจทำไมครอบครัวของเธอและของเขาต้องให้มาอยู่กับเรียวตะที่เพ้นท์เฮ้าส์ของเขา อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉันป่วยหนัก และไม่มีใครดูแลที่คอนโด รู้ตัวอีกที เพื่อนสนิทของฉันที่ชื่อเกรซก็มาเจอฉันนอนโทรม จนต้องพาเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นครอบครัวของเรียวตะและฉันก็ไม่ยอมให้ฉันห่างไกลสายตาของพวกเขาอีกเลย
และวันนี้ที่ฉันต้องมานั่งดูนายเรียวตะซ้อมบาส ก็เพราะว่านายนั่นเอาแต่โทรตามฉันไม่เลิก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร และไปรอรับฉันถึงหน้าคณะบริหาร จนฉันต้องยอมใจอ่อนมาดูเรียวตะที่นี่ยังไงล่ะ
เรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น ฉันโกรธนายนั่นมากเลยนะ แต่ฉันก็ทำอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ไม่พอใจลึกๆ แล้วหนีเขาเข้าห้องไป เมื่อตื่นเช้ามาต่างคนก็ไม่ต่างไม่พูดถึงเรื่องของเมื่อวาน และปล่อยให้เรื่องมันจบไปเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
‘เพราะอะไรนะเหรอ??’ เพราะฉันตกหลุมรักนายเรียวตะยังไงล่ะ ฉันตกหลุมรักนายนั่นมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่จำความได้ เขาก็คอยดูแลฉันมาตลอด และที่ห่างกันไปเพราะนายนั่นต้องบินไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นตอนมัธยมปลาย ทำให้ฉันและเขาต้องห่างกันหลายปี และเมื่อฉันเข้ามหาวิทยาลัยที่ไทย นายนั่นก็ย้ายกลับมาเรียนต่อที่มหาลัยเดียวกับเธอ แต่อยู่กันแค่คนละคณะเท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้เราต่างคนต่างอยู่ ‘เพราะว่าอะไรอีกนะเหรอ??’ ก็เพราะว่าก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อมัธยมปลายที่ญี่ปุ่น ฉันเคยสารภาพรักกับเรียวตะอย่างไงล่ะ และสิ่งที่ได้รับกลับมานั่นมันทำให้เธอนั้นแทบลมทั้งยืน เพราะนอกจากเขาจะไม่ได้รักเธอแล้ว เขายังเย็นชาใส่เธออีกตั้งหาก
‘เรียวตะ ฉันรักนายนะ รักนายแบบไม่ใช่เพื่อนรักกัน แต่ฉันรักนายแบบแฟน’
‘พลอยใส ฉันรับรักเธอไม่ได้หรอก ขอโทษด้วย ฉันมีคนรักของฉันอยู่แล้ว ตัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปซะ ฉันไม่ได้รักเธอ ต่อไปนี้หากไม่จำเป็นจริงๆ เราไม่ต้องติดต่อกันจะดีกว่า เพราะเธอกำลังทำให้ฉันอึดอัดใจ’
และคำพูดของเขาทำให้ฉันนั้นตีตัวออกห่างและเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน จนพ่อและแม่ฉันนั้นเป็นกังวลใจ จนฉันนั้นต้องพบจิตแพทย์เลยล่ะ และเวลาผ่านไปหลายปีที่ฉันไม่ได้เจอเขาก็ทำให้สภาพจิตใจของฉันดีขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อได้มาเจอเขาอีกครั้ง สิ่งที่ฉันสร้างกำแพงไว้ มันก็กลับพังทลายลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันสัญญากับตัวเองไว้ว่า ฉันจะต้องเข้มแข็งกว่าที่ผ่านมา
ฉันที่กำลังนั่งอยู่บนอัฒจรรย์และคิดอะไรเพลินๆ เพื่อรอนายนั่นอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทักทายใกล้ใบหูของเธอ
“อะ แฮ่ม สวัสดีครับ น้องพลอยใส”
เมื่อฉันได้ยินและมองไปก็มีหนุ่มหน้าตี๋สุดหล่อ ที่เป็นเดือนของคณะแพทย์เข้ามาหาฉัน นั่นก็คือ ‘ไรอัน’ นั่นเอง
“อ้าว พี่ไรอัน สวัสดีค่ะ” เธอทักทายเขาและฉีกยิ้มแสนหวานให้กับเขา
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว ไม่เหงาเหรอครับ แล้ววันนี้เพื่อนสนิทของเราไม่มาด้วยเหรอ” ไรอันถามออกไปด้วยความสงสัย ซึ่งหญิงสาวก็เข้าใจได้ทันที เพราะปกติแล้วฉันจะมีเพื่อนสนิทก็คือเกรซที่เล่าไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ ที่มานั่งเป็นเพื่อนฉัน และพี่ไรอันก็เป็นรุ่นพี่ปีสี่ที่ดีกรีแรงไม่น้อยหน้ากว่านายเรียวตะเลยแม้แต่น้อย ชอบมาแข่งบาสที่โรงยิมแห่งนี้กับคณะของเรียวตะ
“คือว่า วันนี้ยัยเกรซต้องรีบกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้านค่ะ เลยไม่ว่างมา ส่วนพลอยก็เบื่อๆ เหมือนกันค่ะ ที่ต้องมานั่งรอเพื่อน แต่ชินแล้วล่ะค่ะ แล้ววันนี้พี่ไรอันไม่ลงเล่นบาสเหรอคะ” เธอตอบกลับไรอัน
“วันนี้พี่เหนื่อยๆ น่ะ วันนี้เลยไม่อยากลงเล่น ปล่อยให้พวกเขาเล่นกันไปดีกว่า”
“ใช่ค่ะ พลอยเห็นด้วย เห็นมาเล่นแทบทุกวันเลย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าเน้อะ”
เธอพูดเห็นดีเห็นงามไปกับไรอัน เพราะเธอนั่นก็แสนจะเบื่อเหมือนกันที่ต้องมานั่งเฝ้าเรียวตะสองถึงสามวันต่อสัปดาห์ ไม่เข้าใจว่าทำไมเรียวตะต้องให้เธอมานั่งเฝ้าตลอดเวลาด้วยเหมือนกัน
“ถ้าพลอยใสเบื่อ งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่าไหม หรือไปช้อปปิ้งกันดี จะได้ไม่เบื่อ” ไรอันเสนอความคิดของตัวเองออกมา
“ดีเลยค่ะ งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่าค่ะ อยากกินซูชิกับไอติมอร่อยๆ” เธอยิ้มหวานออกมา
“ได้เลยครับ วันนี้พี่ขอเป็นเจ้ามือเองนะครับ”
และไม่นานทั้งสองก็พากันเดินออกไปจากโรงยิม โดยไม่สนสายตาที่อาฆาตอยู่ในสนามบาสเกตบอลเลย
พลั่ก!!!
“ไอ่เรียวตะ มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี้ยะ ตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ” ออสติน วิ่งมาปัดลูกบาสที่กำลังจะโดนเข้าใบหน้าหล่อๆ ของเรียวตะ ที่กำลังยืนหยุดนิ่งอยู่กลางสนามโดนไม่สนใจอะไรเลย
“กูไม่เล่นละ วันนี้ไม่มีอารมณ์” พูดจบเรียวตะก็เดินออกไปจากสนามทันที ท่ามกลางเสียงตะโกนด่าของเหล่าเพื่อนๆ ของเขาตามหลังมา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย นอกจากผู้หญิงที่เดินออกไปพร้อมกับไอ่หนุ่มหน้าตี๋นั่นเอง
สามเดือนผ่านไป....งานวิวาห์ของเรียวตะและพลอยใสถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตที่โรงแรมห้าดาวกลางเมืองของหญิงสาวแขกมากหน้าหลายตาก็มาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวภายในห้องโถงใหญ่ถูกตกแต่งประดับไปด้วยดอกทิวลิปหลากสีและมีเสียงเพลงบรรเลงชวนหน้าหลงใหลใบหน้าของหญิงสาวถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงดูสดใสและละมุนในเวลาเดียวกัน ผมของเธอถูกเกล้าขึ้นสูงและประดับด้วยมงกุฏเพชรสีเงินส่องแสงระยิบระยับ ส่วมใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวปาดไหล่ปักด้วยคริสตัลเผยสัดส่วนด้านบนโชว์เอาคอดกิ่วของเธอ และกระโปรงบานไล่ระดับเลเยอร์ฟูฟ่องทำให้ดูเหมือนเจ้าหญิงในนิยายเธอเดินยิ้มหวานควงแขนผู้เป็นพ่อเดินมายังหน้าเวที หลังจากนั้นคุณดนัยก็ยืนมือหญิงสาวส่งต่อให้กับชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าสามีของเธออย่างถูกต้องตามกฎหมายนับตั้งแต่นี้ไป นั่นก็คือเรียวตะ ที่กำลังยืนรอรับเจ้าสาวส่วมชุดทักซิโด้สีดำ ยื่นมือมารับมือหญิงสาวที่เขาคิดถึงตลอดเวลาจากผู้เป็นพ่อของเธอ“ต่อจากนี้ไปพ่อขอฝากลูกสาวคนเดียวของพ่อให้กับเรียวตะดูแลด้วยนะ สัญญาได้ไหมว่าจะดูแลเธออย่างดีเหมือนที่พวกเราดูแลและเลี้ยงดูเธอมา” คุณดนัยพูดออกมาต่อหน้าชายหนุ่ม“ผมสัญญาครับ ต่อจากนี้
ณ ประเทศมัลดีฟส์...รุ่งเช้าพลอยใสและเรียวตะก็เดินทางไปยังสนามบินและบินด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปยังประเทศมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อมาถึงสนามบินก็เดินทางมายังท่าเทียบเรือและตรงไปยังที่พักที่ตั้งอยู่ในทะเลภายในที่พักเป็นวิลล่าขนาดไหนที่มองเห็นวิวทะเลน้ำสีฟ้าสดใสและมองเห็นพระอาทิตย์ตกในยามเย็น ภายในห้องตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ภายในห้องนอนสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างเต็มตาและภายนอกหน้าระเบียงถูกออกแบบให้เป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว และยังมีบันไดให้เดินลงไปว่ายน้ำและดำน้ำเล่นกับปลาฉลามบนเกาะแห่งนี้“เดินทางมาหลายชั่วโมง เหนื่อยไหมคนดี” เรียวตะถามพลอยใสที่เดินเข้ามาภายในห้องและเปิดประตูออกไปสูดอากาศที่หน้าระเบียงของวิลล่า“ไม่เหนื่อยเลย พลอยชอบที่นี่มากเลยเรียวตะ ขอบคุณนะ”“พลอยใสชอบ ฉันก็ดีใจ นี่ก็บ่ายโมงแล้ว เราทานอาหารกันก่อนดีกว่าไหม??”“อืม ได้สิ”“จะทานที่นี่หรือว่าไปห้องอาหาร”“ไปห้องอาหารก็ได้ค่ะ พลอยอยากเห็นวิวหลายๆ ที่”“ได้สิ งั้นเราไปทานอาหารที่ห้องอาหารกัน”เมื่อมาถึงยังห้องอาหารทั้งสองคนก็ทานอาหารโดยจัดเซตซีฟู้ดชุดใหญ่ จนเธอ
“พลอยใส” ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ปิดประตูห้องและเดินเข้ามาหาเธอหญิงสาวที่เห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเอามือคล้องคอชายหนุ่มไว้ทั้งสองข้าง ทำให้เขาใช้มือของตัวเองกอดเอวเธอไว้หลวมๆชายหนุ่มก้มจูบที่หน้าผากเธออย่างอ่อนโยน“คนดี ฉันก็อยากให้ลูกของเรากลับมาเหมือนกัน”“…”“แต่ฉันว่ารออีกสักหน่อย รอให้ร่างกายของเธอพร้อมกว่านี้ดีกว่านะ”เรียวตะพูดกับเธออย่างอ่อนโยน เพราะตั้งแต่ที่เขาทั้งสองเสียลูกไป และร่างกายของเธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ทำให้ร่างกายของเธอนั้นยังอ่อนแอ เขาจึงงดทำกิจกรรมรักกับเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการมันมากแค่ไหนก็ตาม“นะ นายไม่อยากมีลูกกับฉันเหรอ??” พลอยใสที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกน้อยใจและร้องไห้ออกมาเขาพาเธอนั่งลงบนเตียงและใช้มือเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าของเธอเบาๆ“อยากมีสิ อยากมีมากๆ ด้วย แต่ร่างกายของเธอยังไม่พร้อม รออีกนิดดีกว่านะ”“แต่ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ร่างกายฉันดีขึ้นมากๆ แล้ว และตอนนี้ก็อยากให้ลูกของเรากลับมาหาเรามากๆ ด้วย” ชายหนุ่มได้ยินได้ดังนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ภายในใจสักครู่หนึ่ง“งั้นเอาอย่างนี้ดีไหม?? พรุ่งนี้เราจะไปโรงพยาบาลกัน และไปตรวจความพร้อมของร่างกายของเธอ และขอ
“พลอยใส ฮึก เธอฟื้นแล้ว ฮึก ขอบคุณพระเจ้าที่ยังเข้าข้างผม” เรียวตะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกหมอให้เข้ามาตรวจร่างกายของเธอ“พลอยใส ขอบคุณที่เธอฟื้นขึ้นมา ฉันคิดถึงเธอมากๆ เลยนะรู้ไหม” เรียวตะโผล่เข้ากอดร่างเธอที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้พลอยใสยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ด้วยความดีใจเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะใช้มือเรียวบางเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของชายหนุ่ม เธอส่ายหน้าออกมาเบาๆ เพื่อบอกกับเรียวตะว่าไม่ต้องร้องไห้และไม่นานหลังจากนั้นหมอก็เข้ามาตรวจอาการของพลอยใสทันที และนำเครื่องช่วยหายใจออกจากหญิงสาวเรียวตะจึงเอาน้ำขึ้นมาให้เธอดื่มทันที“ค่อยๆ ดื่มนะ พลอยใส”“ขอบคุณนะเรียวตะ”หลังจากดื่มน้ำเสร็จเรียวตะก็วางแก้วน้ำลงข้างเตียงและหลังจากนั้นก็กุมมือเธอและบีบนวดให้เบาๆ“เรียวตะปลอดภัยดีใช่ไหม??”“ฉันสบายดี เธอล่ะ เจ็บตรงไหนไหม??”“ฮึก ฉันเจ็บจังเลย แต่นายไม่เป็นอะไรฉันก็ดีใจแล้ว ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอหน้าของนายอีกแล้ว” พลอยใสร้องไห้ออกมา“พลอยใส อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม” “ฉันคิดถึงนายจัง”“ฉันก็คิดถึงเธอ ต่อไปนี้ฉันสัญญาจะดูแลเธออย่างดี และจะไม่ห่างเธอไปไหนอีกแล้ว” เรียวตะโผล่เ
เรียวตะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่ารอบกายของเขานั้นเต็มไปด้วยผ้าพันแผลและสายน้ำเกลือเต็มตัว เมื่อหันไปมองข้างๆ ก็ทำให้มาเฟียอย่างเขาต้องน้ำตาคลอ เพราะภาพตรงหน้าคือผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในตอนนี้กำลังนอนหลับไหลไม่รู้สึกตัว และตามตัวก็มีผ้าพันแผลเช่นเดียวกับเขา แต่เหมือนจะหนักกว่าเขามากๆ ด้วย และใบหน้าของเธอตอนนี้ถูกครอบด้วยฝาออกซิเจนเอาไว้ น้ำตาลูกผู้ชายของเขาค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มและสะอื้นเบาๆ“พลอยใส” เขาเรียกเธอเบาๆ แต่ทว่าเอเดนกับออสตินก็รีบวิ่งเข้ามาดู พร้อมกับเรียกหมอเข้ามาดูเขาทันที“อาหมอครับ เพื่อนผมป็นยังไงบ้างครับ??” ออสตินถามออกไป“ร่างกายตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เพียงแต่ร่างกายได้รับบาดเจ็บและยังอ่อนแรง นอนพักอีกสัก 2-3 วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้” อาหมอเล่าอาการของเรียวตะให้หลานของตัวเองฟัง“ขอบคุณครับอา” ออสตินกล่าวขอบคุณอาหมอก็เดินออกไปทำหน้าที่ต่อทันที“มึงเป็นไงบ้างเรียวตะ” ออสติมถามออกมา“กูไม่เป็นอะไร”“กูบอกเลยว่าสภาพมึงกับพลอยใสก่อนหน้านี้พวกกูแทบจะบ้า” เพราะออสตินนึกถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้พวกเขาใจหายไปเช่นเดียวกันเพราะว่าเพื่อนของเขา ดื้อด้านและต่อต้านพวกเข
Ryota Part..วันนี้ผมตื่นเช้าขึ้นมา รู้สึกใจมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้ ผมบอกไม่ถูก และวันนี้ผมมีบินไปดูงานที่ญี่ปุ่นในตอนเย็นด้วย แต่ผมกลับไม่อยากไปไหนเลย ผมอยากอยู่กับเธอ ‘พลอยใส’ คนรักของผม และว่าที่ภรรยาของผมเต็มตัวในอนาคต ทุกวันนี้ผมกับเธอตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนผมก็ไม่ยอมให้เธอห่างจากข้างกายของผมเลยพอรู้สึกว่าเราทั้งสองต้องห่างกันผมก็รู้สึกงอแงขึ้นมาทันที บอกให้เธอไปกับผมด้วยเธอก็ไม่ยอมไปแต่นั่นแหละครับ ผมคิดว่าคงไม่กี่วันก็จะกลับมาเลยยอมใจอ่อนปล่อยให้เธออยู่ที่ประเทศไทย แต่มีข้อแม้ว่าต้องกลับไปอยู่ที่บ้าน ห้ามอยู่คนเดียว ซึ่งเธอก็รับปากผม ทำให้ผมนั้นโล่งใจไปได้นิดหน่อยในช่วงที่ผมคุกเข่าขอเธอแต่งงานในสนามบิน ตอนนั้นผมรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก กลัวว่าเธอจะไม่รับรักจากผม เพราะว่าผมเคยบังคับให้เธอหมั้นกับผมในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ทว่าเหมือนผมก็ชนะใจของเธอได้ และสุดท้ายเธอก็ตอบตกลงยอมแต่งงานกับผม ผมดีใจมากๆ เลยล่ะผมคิดว่าหลังจากที่ผมกลับมาครั้งนี้จะวางแผนเรื่องการจัดงานแต่งงานเลย แล้วจะพาเธอไปตรวจครรภ์ด้วย เพราะผมรู้สึกว่าเธอต้องมีเจ้าตัวเล็กให้ผมแน่นอน ผมทั