@ร้านลมเย็น
ร้านที่ถูกเลือกเป็นร้านที่เคยมาเมื่อหลายปีก่อน ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นจะว่าเธอเที่ยวบ่อยก็ได้ เจ้าของร้านถึงขั้นจำซินกับมะนาวได้ เพราะเป็นลูกค้าสาวสวยที่ชอบมาคู่กันประจำ
ทว่าเดี๋ยวนี้เปลี่ยนคนดูแลแล้ว อะไรหลายอย่างจึงเปลี่ยนแปลงไปจนแทบจะจำบรรยากาศเดิมไม่ได้
แต่ก็เหมือนกับการได้ย้อนกลับไปคิดถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่ตรงนี้ยังคงเต็มไปด้วยลูกค้าที่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน บรรยากาศของร้านค่อนข้างสบาย ๆ เน้นฟังเพลงและพบปะพูดคุยกัน เหมือนกับตอนนี้ที่ลูกค้ายังเป็นนักศึกษา ซึ่งมาเรียนกับเที่ยวเล่นโดยไม่ต้องมีเรื่องให้คิดมากมาย
ไม่ต้องมีความทรงจำเลวร้ายให้จดจำ
“เอาเบียร์หรือเหล้าดี”
“เบียร์ก็พอแล้วมั้ง เบา ๆ” ซินบอกเพื่อนแล้วหันมองบรรยากาศรอบ ๆ ทั้งที่ออกมาคลายเหงา ทว่าเธอกลับรู้สึกว่ามันยิ่งเหงา ยิ่งเศร้ากว่าเดิมหลายเท่า ไหนจะเพลงอกหักที่กำลังเล่นอยู่ตอนนี้ สู้เปิดหนังดูซีรีส์อยู่ห้องคงดีกว่า
“มาเที่ยวทั้งที แต่งตัวสวยขนาดนี้ก็ทำหน้าให้มันสวย ๆ ค่ะ ดูนั่นเด็กน่ากินทั้งนั้น” มะนาวพยักพเยิดหน้าให้เพื่อนหันไปมองโต๊ะหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชาย
ซินหันไปมองและยอมรับว่ามีแต่คนหน้าตาดี ให้เดาอายุก็คงไม่ยาก เพราะร้านนี้มีแต่เด็กมหาวิทยาลัยทั้งนั้น วัยทำงานจะมีสักกี่คนเชียว คนพวกนั้นคงเด็กกว่าเธอแน่นอน
“เด็กมหา’ลัยเนี่ยนะ อยากจ่ายค่าเทอมให้หรือไง”
“ฉันจะโดนผัวกระทืบเอา แต่ถ้าแกน่ะได้อยู่ อยากมีภาระไหมล่ะคนสวย” มะนาวยิ้มพลางหัวเราะเขิน
“ดู ๆ คนนั้น งานดีมากแก”
“พัก ไม่อยากมี ชวนมาดื่มไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวฉันก็ฟ้องพี่บอลหรอก” ซินส่ายหน้าให้เพื่อนอย่างระอา
“แหม แกก็ นานทีจะได้มาหาอาหารตาสักที” มะนาวก็คิดเล่น ๆ พอให้หัวใจกระชุ่มกระชวย อย่างไรเธอก็มีครอบครัวแล้ว เพียงแค่แซวเล่นให้เพื่อนอารมณ์ดีด้วยก็เท่านั้น “ฉันไม่จริงจังหรอก แต่แกจริงจังได้อยู่น้า”
“อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว”
“ดีตรงไหนคะ ถ้าฉันไม่มาเห็นแกวันนี้นะ แต่งตัวอย่างกับป้า หน้าก็ไม่ทาแม้แต่แป้งฝุ่น”
“ก็สวยได้อยู่” อย่างน้อยซินก็ทาครีมกันแดดทุกวัน กลางคืนก็ใช้ครีมบำรุงตลอด
“สวยอะสวย แต่แกสวยได้มากกว่านี้ค่ะ ไม่บอกไม่มีใครรู้เลยนะ ว่าแกเคยเป็นดาวมหา’ลัย” มะนาวเหนื่อยหน่ายกับเพื่อน มันก็ปีกว่าแล้วเพื่อนยังไม่มูฟออนจากตรงนั้นสักที
“มาแล้ว ดื่มให้เมาหลับไปเลยดีกว่า” ซินไม่เถียงเพื่อนต่อ เธอทำแค่ยิ้มบาง ๆ ทว่าไร้ซึ่งอารมณ์ ก่อนจะรินเครื่องดื่มใส่แก้วของตัวเองและเพื่อนสนิท
“ฉันอยากให้แกมีความสุขนะซิน ถ้าไม่อยากมีคนใหม่ตอนนี้ก็ลองคุยเล่นกับใครไปก่อนก็ได้ ซื้อกินก็สบายใจดี” มะนาวบอกเพื่อนแบบติดตลก
“ก็ไม่ได้เหงาขนาดนั้นไหม” ซินหัวเราะในลำคอหนึ่งที มันก็มีบ้างที่คิดเรื่องพวกนั้น มีบ้างที่ต้องระบาย จะว่าเหงามันก็เหงาแต่ที่เหงาเพราะเธอมัวเอาแต่คิดถึงใครบางคนมากกว่า
“พี่นาว !”
ขณะที่สองสาวกำลังนั่งดื่มและคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เสียงทุ้มของใครสักคนก็ดังขึ้นอยู่ห่าง ๆ พอทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมอง เสียงแหลมของมะนาวก็ร้องลั่น
“ไอ้หมากระเป๋า !” มะนาวยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นใครคนนั้น
ซินรู้สึกคุ้นแต่ก็จำไม่ได้ น่าจะเป็นรุ่นน้อง แต่เธอไม่เห็นรู้จัก จึงได้แต่ส่งยิ้มให้ตามมารยาท
“พี่มากันสองคนเหรอ มานั่งกับพวกผมนี่”
“ชวนฉันไปนั่งหรือชวนไปจ่าย”
“โหพี่ ไม่ขนาดนั้น”
“โต๊ะไหน” มะนาวถามพลางมองหา ก่อนที่รอยยิ้มของเพื่อนจะผุดขึ้นตรงริมฝีปากแล้วหันมามองหน้าซิน
“ไปมะ นั่นน้องโรงเรียนฉัน”
“ไม่รู้จักใครสักคน มีแต่เด็ก” ซินส่ายหน้าพรืด เธอรู้สึกอึดอัดที่ต้องไปอยู่ร่วมกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าความรู้สึกพวกนี้มันเริ่มเป็นตอนไหน ทั้งที่เมื่อก่อนถึงไหนถึงกัน ชนแก้วกับโต๊ะนั้นโต๊ะนี้อย่างกับนักการเมืองหาเสียง
“ไปเถอะน่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันรู้จักตั้งหลายคน น้องรหัสพี่บอลก็อยู่ น้องพีไง แกก็รู้จัก”
“จำไม่ได้”
“น้องพีที่เคยขอไลน์แกตอนปีสี่ไง ตอนนั้นน้องอยู่ปีสอง” มะนาวบอกเพื่อนก่อนจะลุกขึ้นไปพร้อมกับขวดเบียร์อีกสองขวด
“พี่สาวกู พี่มะนาว มีผัวแล้ว ผัวศิษย์เก่าคณะเรา”
ทันทีที่มะนาววางสะโพกลงกับเก้าอี้ น้องโรงเรียนเก่าอย่างโน่ก็เริ่มแนะนำให้เพื่อนรู้จัก
“กวนตีนละไอ้หมากระเป๋า” สาวรุ่นพี่ว่าแต่ก็ยิ้ม พลางโค้งศีรษะให้เด็กรุ่นน้องที่ยกมือไหว้กันใหญ่
“เพื่อนพี่ไม่มา”
“ยัยซิน !” มะนาวเรียกเพื่อนจนคนทั้งโต๊ะหันไปมอง
ซินเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนมอง มีรอยยิ้มของคนคุ้นหน้าส่งมาให้ สายตาสงสัยของใครอีกหลายคน และมือของเพื่อนที่กวักเรียกเธอ สุดท้ายแรงกดดันเหล่านั้นก็ทำให้เธอต้องลุกขึ้นอย่างจำยอมจากเก้าอี้ของตัวเองและถือแก้วเดินไป
“นั่ง ๆ ครับพี่ซิน ไม่ต้องเกร็ง พวกผมไม่กัด” คนที่ว่าก็คือโน่หรือไอ้หมากระเป๋าของมะนาว เดี๋ยวนี้ไม่ใช่หมากระเป๋าแล้ว ไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่มะนาวชอบไปหยิกแก้มทุกเช้า คือหนุ่มหน้าตาดีของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่สาว ๆ หลายคนรู้จัก
ซินเลือกนั่งตรงเก้าอี้ที่เว้นว่างไว้สองที่ข้าง ๆ เพื่อนตัวเอง และอีกตัวก็เว้นระยะห่างกับเด็กรุ่นน้องอีกคนเอาไว้ ข้างกันนั้นคงเป็นแฟนสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่ส่งยิ้มมาให้เธออย่างเป็นมิตร
“คนนี้พี่ซิน” โน่ยังจำเธอได้ ตอนนั้นเพื่อนของมะนาวโดดเด่นกว่าใคร ขนาดเป็นแค่เด็กปีหนึ่งยังอยากจีบเธอเลย จนตอนนี้ก็ยังสวยอยู่ ทว่ารู้สึกถึงแววตาของเธอที่ไม่สดใสอย่างตอนนั้นแล้ว
คนทั้งโต๊ะต่างมองมาที่รุ่นพี่คนสวยพลางยกมือไหว้กันใหญ่ ซินเริ่มทำตัวไม่ถูกจนใครคนหนึ่งที่เธอคิดว่าคุ้นหน้าเอ่ยถาม
“สบายดีไหมพี่ซิน จำผมได้ไหม”
“สบายดีค่ะ น้องคือ...” เธอขมวดคิ้วมองก่อนที่ความทรงจำเก่า ๆ สมัยที่ยังเมาหัวราน้ำกับเพื่อนจะกลับมา
“พีเหรอ”
“ครับ นึกว่าจะลืมกันแล้ว”
“อย่า ๆ พี่พี เดี๋ยวเมียก็มาอาละวาด”
ซินหัวเราะเบา ๆ กับเสียงปรามของรุ่นน้องในโต๊ะ เวลาเปลี่ยน อะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนตาม ตอนนั้นพีเป็นเด็กรุ่นน้องที่มาถูกตาต้องใจเธอ แลกเบอร์แลกไลน์กันไปตามประสา เดี๋ยวนี้มีคนข้างกายกันหมดแล้ว ทุกคนล้วนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมด และต่างก้าวไปข้างหน้า
เว้นไว้แต่เธอ ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหนสักที
“ไอ้ไมล์ยังไม่มาอีกเหรอวะ”
“กูว่าแม่งแวะหอไหนสักหอ ไอ้นี่มันฮอต แค่ขี่รถผ่านหอสาวก็เรียกให้จอดแล้ว”
บทสนทนาของคนในโต๊ะที่พูดถึงใครบางคนนั้นทำให้ซินรับรู้ได้ว่าที่ว่างตรงนี้คงจะมีใครสักคนมานั่ง เพียงได้ยินก็รู้สึกอึดอัดล่วงหน้าไปแล้ว
“เพื่อนกูน่าจะรับจ๊อบขับแกร็บไหม”
“มึงก็ว่ามันเกิน เพื่อนกูก็ไม่ได้ขนาดนั้น” โน่ว่าพลางหัวเราะ คนที่ถูกพูดถึงนั้นก็เพื่อนในกลุ่มเดียวกัน จริงอยู่ว่ามันสาวเยอะ แต่รู้จักมันดีกว่าใคร มันไม่ได้มั่วขนาดนั้น
“คราวก่อนอาจารย์เรียกไอ้ไมล์ว่าไงนะไอ้เบส” ผู้ชายที่นั่งฝั่งซ้ายมือของซินถามเพื่อนที่อยู่ตรงข้ามกัน
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่ถูกพูดถึงคงหน้าตาดีจนเพื่อนต้องนินทากันเรื่องนี้หรือไม่ก็คงเจ้าชู้จนน่ากลัว
“ว่าไงเสือร้าย” เบสตอบแล้วหัวเราะ
“ขนาดอาจารย์ยังรู้มึงคิดดู”
“ไม่รู้ได้ไง ก็น้องบริหารกับน้องยาหยีสถาปัตย์ไปเป็นรถไฟชนกันหน้าห้องอาจารย์ตอนไอ้ไมล์คุยเรื่องฝึกงานอยู่”
“น้องไม่รู้จักจบเองหรือเปล่าวะ คือคิดกันไปเองไง”
“พี่ชักอยากเห็นหน้าไอ้นี่ละ” มะนาวที่นั่งฟังมานานเริ่มอยากรู้ว่าคนที่ถูกพูดถึงนี้หน้าตาเป็นอย่างไร วีรกรรมอะไรจะเยอะขนาดนั้น
“นั่นไงมันมาแล้ว ไอ้นี่มันเสือจริง ๆ หนังเหนียวด้วย” เพื่อนหัวเราะลั่น กระทั่งคนที่ถูกกล่าวหามานั่งเก้าอี้ที่ว่างตัวสุดท้าย รอยยิ้มของเพื่อนเชิงขบขันก็ยังติดอยู่บนหน้า
ตอนที่ 15 อาการมันเป็นยังไงหลายวันมานี้ซินยังคงใช้ชีวิตปกติ จะมีที่ไม่ปกติก็คงเป็นการที่มีใครสักคนมากวนใจเธอทุกวัน มาให้เห็นจนรำคาญตาทุกเช้าก่อนเข้างาน ทั้งช่วงพักกินข้าว ไปถึงตอนเลิกงาน ถึงแม้ว่าหลายวันที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่ได้คุยกับพันไมล์เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใคร แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตมีเรื่องให้คิดเพิ่มรอยยิ้มของเขาทำให้เธอต้องกลับมาคิดรำคาญใจทุกวัน อยากหาวิธีที่จะไม่ได้เจอเขา แต่สุดท้ายก็ต้องได้เจอเพราะไอ้เด็กบ้านั่นชอบโผล่หน้ามาตลอด ทั้งที่เธอกับเขาก็ทำงานกันคนละตึกส่วนโน่เธอก็ได้คุยกับเขามากขึ้น จนเริ่มสนิทกันเพราะเด็กรุ่นน้องคนนี้นิสัยน่ารักกว่าพันไมล์หลายเท่า บางทีที่เขาว่างก็จะมานั่งคุยด้วยและเล่าเรื่องยัยมะนาวให้ฟัง ซินไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยัยมะนาวถึงรักเด็กคนนี้เหมือนน้องชายจริง ๆซินกลับห้องมาพร้อมกับข้าวที่เพิ่งสั่งไปเมื่อครึ่งชั่วโมง วันนี้เธอตั้งใจว่าจะเปิดหนังดูสักเรื่องเพื่อฆ่าเวลา รอเวลาเพื่ออาบน้ำและเข้านอน มันเป็นอย่างนี้ตลอดจนเธอชินแล้ว แถมคิดไม่ออกว่าต้องทำอะไรนอกจากเรื่องพวกนี้ครืด~ข้อความจากใครบางคนส่งเข้ามา เธอหยิบมันขึ้นมาดูเพราะปกติก็จะเป็นเรื่องงาน ทว่า
ตอนที่ 14 ต้องการอะไรตอนนี้เวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งเป็นช่วงที่พนักงานออฟฟิศหลายคนลงมากินข้าวกลางวัน เพราะถ้ามากินช่วงเที่ยงจะมีพนักงานของฝั่งโรงงานมากมายจนแทบไม่มีที่นั่ง หลังจากเลิกประชุมกับเด็กฝึกงาน ซินก็กลับขึ้นมาบนห้องเพื่อหยิบกระเป๋า เธอลืมหยิบเงินติดตัวลงไปด้วยพอตอนจะกลับลงไปด้านล่างก็ได้ยินเสียงสนทนาของใครบางคนดังอยู่ตรงบันได“ไมล์ ๆ เพื่อนเราขอไลน์” เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง เท่าที่ฟังสรรพนามแบบนั้นเธอคิดว่าคงเป็นพวกเด็กฝึกงาน เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมาปิ๊งรักกันที่นี่เธอชินแล้ว“ไม่เล่น” เสียงที่ตอบกลับไปทำเอาซินหยุดฝีเท้า เธอไม่มั่นใจว่าใช่แต่ก็คุ้นเหลือเกืน“เฟสก็ได้”“ไม่เล่นเหมือนกัน” เขาคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำให้เธอคิดถึงตอนที่พันไมล์เมินเฉยกับยาหยีเลย“เพื่อนเราไม่เล่นจริง ๆ มันไม่ชอบอะไรแบบนี้” โน่ช่วยตอบเมื่อเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของเพื่อนสนิท“อ้อ โอเค”พวกนั้นแยกย้ายกันไปแล้วซินถึงก้าวลงมาจากบันได แต่เธอกลับคิดผิดเพราะยังเหลือผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ พอจะก้าวถอยหลังก็ไม่ทันเสียแล้ว“พี่ ผมว่าจะขึ้นหาพอดี”“มีอะไรหรือเปล่าโน่”“ไอ้ไมล์อยู่ฝั่งโรงงาน แล้วห
ตอนที่ 13 เด็กฝึกงานหน้าคุ้นหลายวันต่อมากิจวัตรประจำวันของซินเป็นเหมือนเดิมทุกวันมาเกือบสองปีแล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำงาน ข้าวเช้าก็คือกับข้าวหน้าบริษัท กลางวันก็กินที่โรงอาหารของที่นั่น เลิกงานก็กลับห้อง มันเป็นอย่างนี้มาตลอดถึงแม้บางครั้งจะน่าเบื่อเหลือเกิน แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร คิดออกก็แค่เปิดหนังดูอยู่ที่ห้อง จนตอนนี้แทบไม่มีเรื่องไหนที่เธอไม่เคยดู ถึงขั้นที่ว่าต้องดูรายการทำอาหารแล้วก็มีบางครั้งวันหยุดก็หาอะไรมาลองทำเอง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอลองซื้อเตาอบมาลองทำขนม มันก็สนุกดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดมากกับตัวเอง“น้องซิน ขนมที่เราทำมาเมื่อวานอร่อยมาก ทำขายได้แล้วนะพี่ว่า” สาวรุ่นพี่อย่าง นิด ที่นั่งทำงานอยู่ในห้องเดียวกันเอ่ยชม คงเป็นเพื่อนร่วมงานที่เธอสนิทที่สุดแล้วเพราะได้ทำงานด้วยกันตลอด เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลและใจดีกับซินที่สุด คนอื่นเธอไม่ค่อยสนิท แต่คุยกันได้ เดินผ่านก็มีทักทายส่งยิ้มให้กันบ้าง ไม่ได้ไปเกาะกลุ่มสุงสิงอย่างที่คนอื่นทำบริษัทที่เธอทำงานอยู่แบ่งเป็นสองโซนคือฝ่ายบริหารกับฝ่ายผลิต เธออยู่ตึกฝ่ายบริหารที่ใครก็เรียกว่าพวกออ
ตอนที่ 12 โชคชะตาพาไปหลายวันต่อมา“ไอ้ไมล์มายัง” เต๋าหันไปถามเพื่อนหลังจากตัวเองออกไปซื้อน้ำแข็งที่ร้านของชำหน้าปากซอย ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้วยังไม่เห็นหัวไอ้คนที่กำลังถามถึงเลย“กำลังมา มันกลับไปหลับที่ห้องเพิ่งตื่น” คนที่ตอบเป็นโน่ ที่คุยกับพันไมล์มากที่สุดวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของพวกเขา อีกไม่กี่วันก็ต้องเตรียมตัวไปฝึกงาน วันนี้เลยถือโอกาสสอบเสร็จเป็นข้ออ้างในการชวนเพื่อนดื่มเหล้า ทั้งที่ความเป็นจริงก็ชวนกันดื่มตลอด“ชักช้า เปิดตัวช้าเหมือนเป็นพระเอกตลอดไอ้ห่าไมล์ ไม่ใช่ว่าหิ้วสาวไป***อีกแล้วนะ”“ช่วงนี้ไม่เห็นมี”“ไม่มีเหี้ยไร วันก่อนก็เพื่อนพี่มึง” เบสว่าพลางหัวเราะ“นั่นแหละที่กูเห็นล่าสุด” โน่ยอมรับ แต่เขาก็ไม่เห็นใครอีกเพราะช่วงนี้มีสอบ งานก็เยอะ ไหนจะต้องเตรียมตัวไปฝึกงานอีก คนบ้าอะไรมันจะคลั่งเซ็กซ์จนต้องทำตลอดขนาดนั้น“ก็คงไม่มีหรอก กูก็ไม่เห็น” เต๋าเห็นด้วยกับความคิดโน่ ปกติถ้ามีพวกเขาจะรู้กันอยู่แล้ว“มานู่นละ” เบสส่งสัญญาณให้เพื่อนหันไปมอง จนเห็นคนที่เป็นหัวข้อสนทนากำลังขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่เข้ามาในบ้านพอดีบ้านหลังนี้เช่าอยู่ด้วยกันสองคนคือโน่กับเบส แต่พวกเขาก็
ตอนที่ 11 รู้สึกผิดเสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้งเรียกคนที่กำลังนอนหลับใหลให้ตื่นขึ้น ซินปรือตาขึ้นมอง แสงสว่างจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีม่านสีขาวบดบังเล็ดลอดเข้ามา ทำให้รู้ว่ามันคงสายมากแล้ว หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความเมื่อยล้า ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เจ็บปวดไปทั้งร่างกายขนาดนี้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่บนเตียง “อืม” เสียงของคนที่นอนอยู่ตรงนั้นดังขึ้นเบา ๆ คล้ายว่าเธอไปปลุกเขาให้ตื่น“ซิน ! เปิดประตูให้พี่หน่อย !”หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกเมื่อเสียงเคาะประตูยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้ชายที่นอนอยู่ก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันมามองหน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้ม“ไง อีกสักรอบไหม” “ซิน !” เฮือกหญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นระส่ำ เสียงเรียกของคนรักเก่ายังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทราวกับว่ามันไม่ใช่ความฝัน เปลือกตาบางของเธอปิดลงอีกครั้งเพราะรู้สึกปวดหนึบทั้งเบ้าตา ปวดหัว ปวดไปทั้งตัวมันคือความฝันทั้งหมดเลยใช่ไหม ภาพเลือนรางและไม่ชัดเจนในหัวเธอพวกนั้น แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันสมจริงเหลือเกินใช่ มันคือความฝัน“เธอ เที่ยงแล้ว”ซินเบิกตาโพลงเมื่อเสีย
ตอนที่ 10 ค่ำคืนที่ยาวนาน NCเขาผละตัวออกจากเธอ ก่อนจะขยับมาทาบทับกันเพื่อมอบจูบที่เร่าร้อนจนเกิดเสียงลามก ผละออกเพื่อจูบไซร้ที่ซอกคอ เลื่อนไปหาเนื้ออวบอิ่มที่กระเพื่อมไหว ตวัดลิ้นเลียวนปลายป้านสีเข้มอยู่ครู่หนึ่งก็เลื่อนตัวลงไปอีกจนถึงหน้าท้องแบนราบซินรู้สึกเหมือนลมหายใจขาดช่วงเมื่อไอร้อนรินรดอยู่บนต้นขา เรียวขาถูกจับให้อ้าออกด้วยมือเขาแล้วเจ้าตัวก็แทรกกายเข้ามาตรงนั้น หัวใจเธอสั่นสะท้าน เมื่อปลายจมูกโด่งปัดป่ายอยู่บนกลีบเนื้อแดงฉ่ำ ปลายลิ้นแนบนาบลงบนเนื้ออ่อนนุ่ม ปาดเลียจนเธอร้องท้วงบิดเร่า ๆ กับสัมผัสแสนสยิวที่เขามอบให้“อื้อ พันไมล์ พอแล้ว~” หญิงสาวครวญครางร้องขอ“หวาน” เขาเอ่ยชมเธอแล้วจูบที่จุดนั้นเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เร่งจังหวะตวัดลิ้นและดูดกลืนน้ำหวานที่ไหลหลั่งออกมาจนเปรอะเลอะทั่วเรียวขา“อ๊า~ มะ ไม่ไหว ไมล์ พอแล้ว” ซินสะบัดหน้าไปมากับสัมผัสจาบจ้วงของเขา มือเล็กขยำผ้าห่มจนมันยับย่น เธอปัดป่ายมือไปมาไม่เป็นสุข เมื่อเขาปลุกเร้าอารมณ์ความต้องการส่วนลึกภายใน หลอกให้เธอหลงไปกับความกระสันเสียวที่แผ่กระจายทั่วร่างกาย“น้ำโคตรเยอะ” เขาพร่ำบอกเธอสลับกับการปาดเลียกลางร่องด้วยลิ้นร้อนระอุ