@ร้านลมเย็น
ร้านที่ถูกเลือกเป็นร้านที่เคยมาเมื่อหลายปีก่อน ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นจะว่าเธอเที่ยวบ่อยก็ได้ เจ้าของร้านถึงขั้นจำซินกับมะนาวได้ เพราะเป็นลูกค้าสาวสวยที่ชอบมาคู่กันประจำ
ทว่าเดี๋ยวนี้เปลี่ยนคนดูแลแล้ว อะไรหลายอย่างจึงเปลี่ยนแปลงไปจนแทบจะจำบรรยากาศเดิมไม่ได้
แต่ก็เหมือนกับการได้ย้อนกลับไปคิดถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่ตรงนี้ยังคงเต็มไปด้วยลูกค้าที่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน บรรยากาศของร้านค่อนข้างสบาย ๆ เน้นฟังเพลงและพบปะพูดคุยกัน เหมือนกับตอนนี้ที่ลูกค้ายังเป็นนักศึกษา ซึ่งมาเรียนกับเที่ยวเล่นโดยไม่ต้องมีเรื่องให้คิดมากมาย
ไม่ต้องมีความทรงจำเลวร้ายให้จดจำ
“เอาเบียร์หรือเหล้าดี”
“เบียร์ก็พอแล้วมั้ง เบา ๆ” ซินบอกเพื่อนแล้วหันมองบรรยากาศรอบ ๆ ทั้งที่ออกมาคลายเหงา ทว่าเธอกลับรู้สึกว่ามันยิ่งเหงา ยิ่งเศร้ากว่าเดิมหลายเท่า ไหนจะเพลงอกหักที่กำลังเล่นอยู่ตอนนี้ สู้เปิดหนังดูซีรีส์อยู่ห้องคงดีกว่า
“มาเที่ยวทั้งที แต่งตัวสวยขนาดนี้ก็ทำหน้าให้มันสวย ๆ ค่ะ ดูนั่นเด็กน่ากินทั้งนั้น” มะนาวพยักพเยิดหน้าให้เพื่อนหันไปมองโต๊ะหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชาย
ซินหันไปมองและยอมรับว่ามีแต่คนหน้าตาดี ให้เดาอายุก็คงไม่ยาก เพราะร้านนี้มีแต่เด็กมหาวิทยาลัยทั้งนั้น วัยทำงานจะมีสักกี่คนเชียว คนพวกนั้นคงเด็กกว่าเธอแน่นอน
“เด็กมหา’ลัยเนี่ยนะ อยากจ่ายค่าเทอมให้หรือไง”
“ฉันจะโดนผัวกระทืบเอา แต่ถ้าแกน่ะได้อยู่ อยากมีภาระไหมล่ะคนสวย” มะนาวยิ้มพลางหัวเราะเขิน
“ดู ๆ คนนั้น งานดีมากแก”
“พัก ไม่อยากมี ชวนมาดื่มไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวฉันก็ฟ้องพี่บอลหรอก” ซินส่ายหน้าให้เพื่อนอย่างระอา
“แหม แกก็ นานทีจะได้มาหาอาหารตาสักที” มะนาวก็คิดเล่น ๆ พอให้หัวใจกระชุ่มกระชวย อย่างไรเธอก็มีครอบครัวแล้ว เพียงแค่แซวเล่นให้เพื่อนอารมณ์ดีด้วยก็เท่านั้น “ฉันไม่จริงจังหรอก แต่แกจริงจังได้อยู่น้า”
“อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว”
“ดีตรงไหนคะ ถ้าฉันไม่มาเห็นแกวันนี้นะ แต่งตัวอย่างกับป้า หน้าก็ไม่ทาแม้แต่แป้งฝุ่น”
“ก็สวยได้อยู่” อย่างน้อยซินก็ทาครีมกันแดดทุกวัน กลางคืนก็ใช้ครีมบำรุงตลอด
“สวยอะสวย แต่แกสวยได้มากกว่านี้ค่ะ ไม่บอกไม่มีใครรู้เลยนะ ว่าแกเคยเป็นดาวมหา’ลัย” มะนาวเหนื่อยหน่ายกับเพื่อน มันก็ปีกว่าแล้วเพื่อนยังไม่มูฟออนจากตรงนั้นสักที
“มาแล้ว ดื่มให้เมาหลับไปเลยดีกว่า” ซินไม่เถียงเพื่อนต่อ เธอทำแค่ยิ้มบาง ๆ ทว่าไร้ซึ่งอารมณ์ ก่อนจะรินเครื่องดื่มใส่แก้วของตัวเองและเพื่อนสนิท
“ฉันอยากให้แกมีความสุขนะซิน ถ้าไม่อยากมีคนใหม่ตอนนี้ก็ลองคุยเล่นกับใครไปก่อนก็ได้ ซื้อกินก็สบายใจดี” มะนาวบอกเพื่อนแบบติดตลก
“ก็ไม่ได้เหงาขนาดนั้นไหม” ซินหัวเราะในลำคอหนึ่งที มันก็มีบ้างที่คิดเรื่องพวกนั้น มีบ้างที่ต้องระบาย จะว่าเหงามันก็เหงาแต่ที่เหงาเพราะเธอมัวเอาแต่คิดถึงใครบางคนมากกว่า
“พี่นาว !”
ขณะที่สองสาวกำลังนั่งดื่มและคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เสียงทุ้มของใครสักคนก็ดังขึ้นอยู่ห่าง ๆ พอทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมอง เสียงแหลมของมะนาวก็ร้องลั่น
“ไอ้หมากระเป๋า !” มะนาวยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นใครคนนั้น
ซินรู้สึกคุ้นแต่ก็จำไม่ได้ น่าจะเป็นรุ่นน้อง แต่เธอไม่เห็นรู้จัก จึงได้แต่ส่งยิ้มให้ตามมารยาท
“พี่มากันสองคนเหรอ มานั่งกับพวกผมนี่”
“ชวนฉันไปนั่งหรือชวนไปจ่าย”
“โหพี่ ไม่ขนาดนั้น”
“โต๊ะไหน” มะนาวถามพลางมองหา ก่อนที่รอยยิ้มของเพื่อนจะผุดขึ้นตรงริมฝีปากแล้วหันมามองหน้าซิน
“ไปมะ นั่นน้องโรงเรียนฉัน”
“ไม่รู้จักใครสักคน มีแต่เด็ก” ซินส่ายหน้าพรืด เธอรู้สึกอึดอัดที่ต้องไปอยู่ร่วมกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าความรู้สึกพวกนี้มันเริ่มเป็นตอนไหน ทั้งที่เมื่อก่อนถึงไหนถึงกัน ชนแก้วกับโต๊ะนั้นโต๊ะนี้อย่างกับนักการเมืองหาเสียง
“ไปเถอะน่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันรู้จักตั้งหลายคน น้องรหัสพี่บอลก็อยู่ น้องพีไง แกก็รู้จัก”
“จำไม่ได้”
“น้องพีที่เคยขอไลน์แกตอนปีสี่ไง ตอนนั้นน้องอยู่ปีสอง” มะนาวบอกเพื่อนก่อนจะลุกขึ้นไปพร้อมกับขวดเบียร์อีกสองขวด
“พี่สาวกู พี่มะนาว มีผัวแล้ว ผัวศิษย์เก่าคณะเรา”
ทันทีที่มะนาววางสะโพกลงกับเก้าอี้ น้องโรงเรียนเก่าอย่างโน่ก็เริ่มแนะนำให้เพื่อนรู้จัก
“กวนตีนละไอ้หมากระเป๋า” สาวรุ่นพี่ว่าแต่ก็ยิ้ม พลางโค้งศีรษะให้เด็กรุ่นน้องที่ยกมือไหว้กันใหญ่
“เพื่อนพี่ไม่มา”
“ยัยซิน !” มะนาวเรียกเพื่อนจนคนทั้งโต๊ะหันไปมอง
ซินเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนมอง มีรอยยิ้มของคนคุ้นหน้าส่งมาให้ สายตาสงสัยของใครอีกหลายคน และมือของเพื่อนที่กวักเรียกเธอ สุดท้ายแรงกดดันเหล่านั้นก็ทำให้เธอต้องลุกขึ้นอย่างจำยอมจากเก้าอี้ของตัวเองและถือแก้วเดินไป
“นั่ง ๆ ครับพี่ซิน ไม่ต้องเกร็ง พวกผมไม่กัด” คนที่ว่าก็คือโน่หรือไอ้หมากระเป๋าของมะนาว เดี๋ยวนี้ไม่ใช่หมากระเป๋าแล้ว ไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่มะนาวชอบไปหยิกแก้มทุกเช้า คือหนุ่มหน้าตาดีของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่สาว ๆ หลายคนรู้จัก
ซินเลือกนั่งตรงเก้าอี้ที่เว้นว่างไว้สองที่ข้าง ๆ เพื่อนตัวเอง และอีกตัวก็เว้นระยะห่างกับเด็กรุ่นน้องอีกคนเอาไว้ ข้างกันนั้นคงเป็นแฟนสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่ส่งยิ้มมาให้เธออย่างเป็นมิตร
“คนนี้พี่ซิน” โน่ยังจำเธอได้ ตอนนั้นเพื่อนของมะนาวโดดเด่นกว่าใคร ขนาดเป็นแค่เด็กปีหนึ่งยังอยากจีบเธอเลย จนตอนนี้ก็ยังสวยอยู่ ทว่ารู้สึกถึงแววตาของเธอที่ไม่สดใสอย่างตอนนั้นแล้ว
คนทั้งโต๊ะต่างมองมาที่รุ่นพี่คนสวยพลางยกมือไหว้กันใหญ่ ซินเริ่มทำตัวไม่ถูกจนใครคนหนึ่งที่เธอคิดว่าคุ้นหน้าเอ่ยถาม
“สบายดีไหมพี่ซิน จำผมได้ไหม”
“สบายดีค่ะ น้องคือ...” เธอขมวดคิ้วมองก่อนที่ความทรงจำเก่า ๆ สมัยที่ยังเมาหัวราน้ำกับเพื่อนจะกลับมา
“พีเหรอ”
“ครับ นึกว่าจะลืมกันแล้ว”
“อย่า ๆ พี่พี เดี๋ยวเมียก็มาอาละวาด”
ซินหัวเราะเบา ๆ กับเสียงปรามของรุ่นน้องในโต๊ะ เวลาเปลี่ยน อะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนตาม ตอนนั้นพีเป็นเด็กรุ่นน้องที่มาถูกตาต้องใจเธอ แลกเบอร์แลกไลน์กันไปตามประสา เดี๋ยวนี้มีคนข้างกายกันหมดแล้ว ทุกคนล้วนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมด และต่างก้าวไปข้างหน้า
เว้นไว้แต่เธอ ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหนสักที
“ไอ้ไมล์ยังไม่มาอีกเหรอวะ”
“กูว่าแม่งแวะหอไหนสักหอ ไอ้นี่มันฮอต แค่ขี่รถผ่านหอสาวก็เรียกให้จอดแล้ว”
บทสนทนาของคนในโต๊ะที่พูดถึงใครบางคนนั้นทำให้ซินรับรู้ได้ว่าที่ว่างตรงนี้คงจะมีใครสักคนมานั่ง เพียงได้ยินก็รู้สึกอึดอัดล่วงหน้าไปแล้ว
“เพื่อนกูน่าจะรับจ๊อบขับแกร็บไหม”
“มึงก็ว่ามันเกิน เพื่อนกูก็ไม่ได้ขนาดนั้น” โน่ว่าพลางหัวเราะ คนที่ถูกพูดถึงนั้นก็เพื่อนในกลุ่มเดียวกัน จริงอยู่ว่ามันสาวเยอะ แต่รู้จักมันดีกว่าใคร มันไม่ได้มั่วขนาดนั้น
“คราวก่อนอาจารย์เรียกไอ้ไมล์ว่าไงนะไอ้เบส” ผู้ชายที่นั่งฝั่งซ้ายมือของซินถามเพื่อนที่อยู่ตรงข้ามกัน
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่ถูกพูดถึงคงหน้าตาดีจนเพื่อนต้องนินทากันเรื่องนี้หรือไม่ก็คงเจ้าชู้จนน่ากลัว
“ว่าไงเสือร้าย” เบสตอบแล้วหัวเราะ
“ขนาดอาจารย์ยังรู้มึงคิดดู”
“ไม่รู้ได้ไง ก็น้องบริหารกับน้องยาหยีสถาปัตย์ไปเป็นรถไฟชนกันหน้าห้องอาจารย์ตอนไอ้ไมล์คุยเรื่องฝึกงานอยู่”
“น้องไม่รู้จักจบเองหรือเปล่าวะ คือคิดกันไปเองไง”
“พี่ชักอยากเห็นหน้าไอ้นี่ละ” มะนาวที่นั่งฟังมานานเริ่มอยากรู้ว่าคนที่ถูกพูดถึงนี้หน้าตาเป็นอย่างไร วีรกรรมอะไรจะเยอะขนาดนั้น
“นั่นไงมันมาแล้ว ไอ้นี่มันเสือจริง ๆ หนังเหนียวด้วย” เพื่อนหัวเราะลั่น กระทั่งคนที่ถูกกล่าวหามานั่งเก้าอี้ที่ว่างตัวสุดท้าย รอยยิ้มของเพื่อนเชิงขบขันก็ยังติดอยู่บนหน้า
ตอนพิเศษ 4หลายปีต่อมา“แม่ชิน ทำอาไยหยอ”เด็กผู้หญิงตัวอ้วนกลมในวัยสองขวบครึ่งมองผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย มืออ้วนป้อมกำลังยื่นไปหาบางสิ่งตรงหน้าที่แม่กำลังทำอยู่ เห็นแล้วอยากจะขยำมันเล่น เหมือนกับของเล่นที่พอไมล์ซื้อให้เลย“แม่ทำขนมอยู่ค่ะ อัยมี่ไม่กวนแม่นะคะ” ซินยิ้มแล้วบอกลูกสาวที่ทำท่าจะหยิบเอาแป้งขนมปังที่เพิ่งนวดเสร็จไปเล่น“อายมี่หยักด้าย” เด็กน้อยผิวขาวนวลมองผู้เป็นแม่ตาละห้อย อยากได้แค่ก้อนเดียวเอง จะเอามันมานวดเหมือนกับแม่“อันนี้เหรอ” ซินหยิบเอาเศษแป้งที่เหลือจากแบ่งไว้ขึ้นมายื่นให้ลูกสาวตัวน้อย“เล่นแล้วต้องล้างมือนะ”“ขาบคุนค่ะ” อัยมี่ยิ้มร่า รับของเล่นจากแม่ด้วยความดีใจก่อนจะเดินออกจากห้องทำขนมลัดเลาะไปที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้าน ที่คุณพ่อกับพี่ชายนั่งอยู่“พ่อดู น้องเอาของแม่มาเล่น” เด็กชายหน้าตาหล่อเหลาวัยสี่ขวบหันไปบอกพ่อเมื่อเห็นน้องสาวถือแป้งของแม่มา เรื่องฟ้องเขามันที่หนึ่ง“แม่อาวห้ายอายมี่” เด็กหญิงอัยมี่ทำหน้าบูดใส่พี่ชายจอมขี้ฟ้องก่อนจะหันไปมองผู้เป็นพ่อ“แม่ให้มาจริงเหรอ” พันไมล์ผละมือจากหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่กำลังจัดการกับออเดอร์สินค้า หันมาให้ความสนใจกับลูก
ตอนพิเศษ 3เช้าวันต่อมาทั้งคู่ออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้วางแผนไว้ แวะเที่ยวกันหลายจุดกว่าจะมาถึงที่พักก็เกือบบ่ายสอง แม้ว่าจะเป็นเวลาหลังบ่ายแล้วแต่อากาศบนเขาก็ยังเย็นจนไม่สามารถสลัดเอาเสื้อกันหนาวออกได้เลย กลางคืนคงหนาวเหน็บจนไม่อยากคิดภาพพันไมล์จองที่พักแบบห้องมาตรฐานเพราะสะดวกกว่าการนอนเต็นท์ มีระเบียงกว้างที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกในตอนเช้าตรู่ มีห้องน้ำและอ่างอาบน้ำซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของใครหลายคนที่เห็นผ่านตา“หนาวไหม” พันไมล์เดินออกจากห้องมาถามเธอ หลังจากที่เขาเอาของขึ้นมาเก็บไว้หมดแล้ว“หนาว วันนี้ไม่อาบน้ำ” ซินบอกเขาพลางหัวเราะ“น้ำอุ่นก็มี”“รังเกียจเหรอ” เธอแกล้งถาม พ่อคนสะอาด ทีเห็นหน้ากันครั้งแรกก็ชวนเธออาบน้ำแล้ว“ไม่อาบก็ได้ เดี๋ยวจะเลียให้ทั้งตัวเลย” เขาเอ่ยพร้อมกับซ่อนรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์“อี๋ ทุเรศ”“ทำเป็นทุเรศ อยากพามาเปลี่ยนบรรยากาศก็บอก” เขาไหวไหล่พร้อมกับเบะปากล้อเธอจริงอยู่ว่าเธอชวนเขามาที่นี่ แต่ใครมันจะไปคิดถึงแต่เรื่องนั้นกัน เธอก็แค่อยากมาพักผ่อนสูดบรรยากาศ สัมผัสกับความหนาวเย็นก็เท่านั้นเอง“มีแต่เธอที่คิดเรื่องแบบนั้น” เธอต่อว่าเขาอย่างนึก
ตอนพิเศษ 2หลายเดือนต่อมาทำงานสองปีกว่ายังไม่เคยลาพักร้อนเลยสักครั้ง เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนมะนาวบอกข่าวดีของตัวเองคือการซื้อบ้านใหม่ ซินจึงใช้โอกาสนั้นลาพักร้อนพร้อมกับพันไมล์ เพื่อไปเที่ยวบ้านใหม่ของเพื่อนและจัดทริปเที่ยวเชียงใหม่กันอีกสี่วันสามคืนมะนาวย้ายไปอยู่เชียงใหม่แล้วเพราะสามีของตัวเองย้ายไปทำงานที่นั่น และจะปักหลักสร้างครอบครัวกันที่เชียงใหม่ เพื่อนจึงรบเร้าและอ้อนให้ซินไปหาเพราะอยากให้ไปอุ้มหลาน“เค้าเอาของขึ้นรถหมดแล้ว เธอเสร็จหรือยัง” พันไมล์ยื่นหน้าเข้ามามองในห้องตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มหากเดินทางไปก็ถึงตอนเช้าพอดี พันไมล์อยากใช้รถส่วนตัวเพราะตอนกลับเขามีแพลนจะแวะหาโน่ที่ทำงานอยู่อยุธยาด้วย รายนั้นก็จะแต่งงานกับสาวคนใหม่ที่เจอกันในที่ทำงานอีกไม่นานนี้ซินเห็นพันไมล์แซวเพื่อนอยู่ว่ารีบแต่งแบบนี้เพราะทำผู้หญิงท้อง ตอนแรกเธอไม่เชื่อจนโน่ยอมสารภาพว่าใช่ แถมยังเป็นสาวรุ่นพี่อายุน้อยกว่าซินหนึ่งปีไอ้หมากระเป๋าของมะนาวในวันนั้น ตอนนี้จะเป็นพ่อคนเสียแล้ว ร้ายไม่เบาเลยใช้เวลาเดินทางราวสิบสองชั่วโมงก็มาถึงบ้านมะนาว พันไมล์หนีไปหลับแล้วเพราะเขาขับรถมาทั้งคืน ส่วนซินก็ออกมานั่งดูห
ตอนพิเศษ 1พันไมล์เรียนจบและได้ทำงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง และซินก็เข้าไปทำงานที่นั่นหลังจากเขาไม่กี่เดือนทั้งคู่ตัดสินใจซื้อบ้านด้วยกัน เพราะเชื่อความต้องการของพันไมล์ว่าเขาอยากตกแต่งบ้านตามใจ ไม่ต้องมาเสียดายเงินที่ทำไปและการเช่าอยู่ก็เสียเงินเปล่า เขาพูดเอาไว้ว่าอนาคตถ้ามีสมาชิกเพิ่มจะลำบากถ้าพูดขนาดนี้เธอยอมตามใจเขาก็ได้พันไมล์ยังคงขายอุปกรณ์ช่างเช่นเดิม แถมยังขยับขยายทำพื้นที่สำหรับสต๊อกสินค้า ลงขายในแพลตฟอร์มใหม่และหาตัวแทนจำหน่าย อีกทั้งเมื่ออยู่ในวงการนี้หลายปีก็สามารถหาของได้ในราคาที่ถูกกว่าเดิม แต่ก็ต้องลงทุนมากขึ้นเขาขอทำงานใช้ความรู้ที่เรียนมาสักสองสามปี ก็จะลาออกมาทำธุรกิจแล้ว ช่วงนี้ยอมเหนื่อยก็เพื่อหาเงินสร้างครอบครัวเธอได้ยินเขาพูดคำนี้บ่อยเหลือเกิน แล้วมันก็รู้สึกดีทุกครั้งเพราะคำว่าครอบครัวของเขามีเธออยู่ด้วย ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องอนาคต พันไมล์จะใช้คำว่าเราเสมอเธอโชคดีแล้วที่ได้เจอกับเขา ครืด~เสียงแจ้งเตือนสายเรียกเข้าดังขึ้นไกล ๆ ซินขยับตัวไปล้างมือหลังจากผสมแป้งสำหรับทำคุกกี้ผลไม้ที่กำลังเป็นกระแสเสร็จพอดีเธอเองก็มีห้อ
ตอนที่ 53 ไม่ดีที่สุดแต่รักเธอมากที่สุดแล้วหลายเดือนต่อมาการกลับมาคบกันคราวนี้ เธอรู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนี้มันชัดเจนและมั่นใจในความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างแสดงออกและมีให้กันชีวิตเราไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าเธอเอาแต่กลัวว่ามันจะเกิดขึ้น ชีวิตก็คงไม่มีความสุข สำคัญที่สุดก็แค่ใช้ชีวิตด้วยกันในทุกวันให้มันดีที่สุดเท่านั้นเอง“ตื่นได้แล้ว”เสียงที่คุ้นเคยกระซิบข้างหู กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำแบบผู้ชายลอยเข้ามาติดจมูกจนต้องสูดมันเข้าไปอีกเพราะเธอรู้สึกหลงมันเหลือเกินดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่ห่างกันแค่คืบ รอยยิ้มที่อยู่บนกรอบหน้าคมคายถูกส่งมาให้ก่อนที่เขาจะแนบริมฝีปากลงมาบนแก้มนวลเนียน“ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ”“ไปมาแล้ว อาจารย์ยกคลาส” เขาตอบแล้วนอนเท้าคางมองเธอ“อาบน้ำเร็ว จะพาออกไปดูของที่อยากได้”หลังจากลาออกเธอก็ศึกษาเรื่องที่ว่าจะทำขนมขาย เป็นพวกขนมแห้งที่สามารถอยู่ได้นาน ๆ ตั้งใจว่าจะถอยเตาอบดี ๆ สักเครื่องมาใช้ เครื่องเล็กที่เธอมีมันไม่ทันกับปริมาณที่ทำส่ง ช่วงนี้เธอก็เริ่มมีลูกค้าบ้างแล้ว“เธอกินข้าวหรือยัง”ซินถามเขาเพราะตอนนี
ตอนที่ 52 ขอแก้ตัว NCทั้งคู่หัวเราะด้วยกันเบา ๆ ก่อนจะเริ่มบทจูบที่เฝ้าคิดถึงมาหลายวันอีกครั้ง แลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันแสนชุ่มฉ่ำราวกับว่าโหยหามันมานานเหลือเกินร่างกายสองร่างบดเบียดเข้าหา สั่นเทิ้มด้วยความปรารถนาที่เริ่มเร่าร้อนระหว่างที่ริมฝีปากประกบกัน เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของคนในอ้อมแขน ชุดนอนบางเบาแสนเย้ายวนและผ้าชิ้นน้อยด้านในปลิวหายไปที่ไหนสักแห่ง เหลือเพียงความตระการตาน่ามอง ก่อนจะจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนหมดทุกชิ้นเขาอยากใกล้กว่านี้ แนบชิดกันมากกว่านี้ สอดใส่ลึกซึ้งจนประสานกัน อยากให้เธอดูดกลืนเขาทั้งลำ ตอดรัดกันให้แนบแน่นจับใจ ความเป็นชายแข็งขึงแน่นตึงจนเจ็บไปหมดแล้ว“อื้อ~”ซินสั่นสะท้านไปทั้งทรวงอกเมื่อเขากอบกุมความอวบอิ่มล้นมือ ตวัดปลายลิ้นอุ่นชื้นบนปลายป้านสีเรื่อ มันแข็งเป็นไตเพราะความกระสันเสียวที่เขามอบให้พันไมล์ตวัดลิ้นเล่น สลับกับดูดดึง มือขยำมันอยากมันมือ อีกข้างหนึ่งก็ถูกปลุกเร้าไม่ต่างกัน เธอเสียวซ่านจนทนแทบไม่ไหว ครวญครางออกมาเป็นเสียงน่าอับอายเมื่อยอดอกถูกขยี้ด้วยปลายนิ้ว สมองสับสนวุ่นวาย ความสยิวซ่านนั้นเกิดขึ้นสลับไปมาทั้งสองข้าง เธอจะตายอยู่แล้ว“นมเธออ