ซินทำเพียงค่อย ๆ หันมองใบหน้าด้านข้างของ เธอก็ต้องยอมรับว่าเด็กรุ่นน้องคนนี้หน้าตาดีเกินที่คาดไว้ ทั้งความสูงที่น่าจะมากกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรของกับผิวสีน้ำผึ้งแบบนั้น ยิ่งขับให้ความหล่อเหลาดูเด่นน่ามอง และท่าทางสงบแต่แววตาที่เหมือนนักล่าของมันคงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เกิดวีรกรรมพวกนั้น
หญิงสาวขยับตัวมาทางเพื่อนสนิทเล็กน้อยเพราะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้เธอเกินไป จนกลิ่นหอมจากตัวที่ไม่รู้ว่ามันคือครีมอาบน้ำ แชมพู หรือน้ำหอมจากตัวเขา มันกำลังลอยอบอวลอยู่ปลายจมูกของเธอ
“พี่ซินถึงกับขยับตัวหนีเลย มึงเล่าซะเพื่อนกูน่ากลัว” โน่หัวเราะกับท่าทีของเธอ
“เปล่า กลัวน้องเขานั่งไม่ได้” ซินรีบยกมือปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น เธอยิ้มแห้งแล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นจิบเพราะทำตัวไม่ถูก
คนที่นั่งข้างกันหันมามองเธอ ก่อนจะมองเพื่อนของเขาที่นั่งตรงข้ามกันเป็นเชิงคำถาม แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักคนสวยที่นั่งข้างกันนี้ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่ หรือจะเป็นกิ๊กใครสักคนในโต๊ะ
ไอ้โน่ก็มีคนคุยแล้ว ไอ้เบสก็มีแฟน ไอ้เต๋าก็มากับเมีย พี่พีก็ยิ่งไม่ใช่เพราะรักกับเมียดีอยู่ แล้วใคร
“พี่นาวพี่สาวกู อยู่โรงเรียนเดียวกัน คนนี้พี่ซินเพื่อนพี่นาว อันนี้ไอ้พันไมล์พี่ คนที่พวกมันนินทาอยู่” โน่แนะนำทุกคนให้รู้จักกัน ขณะที่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาซึ่งตกเป็นประเด็นสนทนาก่อนหน้านี้ต้องเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“นินทาอะไรกู”
“ก็มึงมาช้า มีเรื่องอะไรให้นินทา” เต๋าถามพลางหัวเราะ
“กูเพิ่งไปส่งแม่กลับบ้าน แล้วก็กลับไปอาบน้ำที่หอ บอกไอ้เบสไปแล้ว” คนถูกนินทาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไอ้เรื่องเหี้ย ๆ นี่พวกมันคิดมาให้ตลอด
“เออ กูลืม ทุกทีมึงไม่มีธุระอะไรนอกจากส่งสาวกลับหอ”
“กินตีนกูไหม” พันไมล์มองเพื่อนอย่างนึกรำคาญ แค่โดนแม่บ่นตลอดทางกับเรื่องรอยสักก็ว่าน่าเบื่อแล้ว ยังมาเบื่อหน้าพวกมันอีก
“พอ ๆ กูบอกว่าเพื่อนกูเป็นคนดีแล้ว พวกมึงก็ไม่เชื่อ” โน่ว่าพลางขำ ก่อนจะรินเครื่องดื่มให้เพื่อนเต็มแก้ว
“มาทีหลังตามให้ทัน”
ซินนั่งเงียบฟังบรรยากาศการพูดคุยกันภายในโต๊ะ มันก็อดคิดถึงวันเก่า ๆ สมัยที่ยังเรียนอยู่ไม่ได้จริง ๆ คนพวกนี้แม้ไม่ได้สนิทกัน ไม่รู้จักกันมาก่อนเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็คุยสนุกจนทำให้ซินคลายความอึดอัดไปบ้าง
“ชน นั่งเหม่ออะไร” เสียงของคนที่นั่งข้างกัน แต่ไม่ใช่ฝั่งของเพื่อนสนิททำเอาซินตกใจ หญิงสาวหันมองเขาก็เห็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนขำอะไรสักอย่างในตัวเธอ แต่ก็ยอมขยับแก้วไปชนกับแก้วของเขาแต่โดยดี
“พี่ซินโสดไหม” คนถามไม่ใช่คนที่ชนแก้วกันแต่เป็นโน่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แววตาของเขาราวกับจะล้อเล่นอะไรสักอย่าง
“โสดสนิท” คนที่ตอบก็ไม่ใช่เจ้าของสถานะ โสดสนิท นั้นเช่นกัน
“โอเค งั้นไอ้ไมล์ชนแก้วได้ กูเป็นห่วงพี่เขาเฉย ๆ” โน่ผายมือให้ทั้งคู่
“ไหนมึงบอกว่ามันเป็นเพื่อนรัก เพื่อนรักมึงเป็นคนดีแล้วไง” เต๋าถามหยอกล้อ
“ก็เพื่อนรักไง กูก็ห่วงมันเดี๋ยวมันเจอตีน” อันที่จริงเขาก็ห่วงทั้งคู่ สาวรุ่นพี่ก็สวยสะกดจิต เพื่อนเขาก็หล่อร้าย ถ้าคืนนี้มันมีผีผลักจริง ๆ จะได้สบายใจ ไม่มีปัญหาทีหลัง
“หูย โสดคู่แบบนี้ รับเพื่อนพี่ไปดูแลไหมคะน้อง”
“มะนาว” ซินทำเสียงลอดไรฟันปรามเพื่อนที่ชักจะเล่นเกินกว่าเหตุ
“เพื่อนพี่น่าจะกลัวผมนะ” พันไมล์ว่าแล้วก็หัวเราะในลำคอ
“เปล่า ไม่ได้กลัว” ซินปฏิเสธเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ คนที่ว่าก็หันมามองพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากจนเธอต้องเบือนหน้าหนี
อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกขนลุก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมที่โชยมาเวลานี้หรืออะไร แต่มันเกิดขึ้นตอนที่ได้สบตากับเขา
“บ้างานหรือเปล่าพี่ ทำไมยังโสด” พีที่เงียบมานานลองถามเพราะความสงสัย เขาจำได้ว่าตอนเธอยังอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันนั้นมีแต่คนสนใจ ไม่คิดว่าคนสวยแถมนิสัยดีแบบนี้จะโสดนาน
แต่มันอาจเป็นเพราะการสูญเสียในครั้งนั้น
“ไม่รู้สิ คงบ้าจริง” ซินตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“หรือว่ายังเศร้าอยู่”
ทันทีที่คำถามนั้นออกจากปากของพี ทั้งโต๊ะก็พากันรอฟัง ในกลุ่มนี้ไม่มีใครรู้เรื่องนอกจากพีและมะนาว รุ่นน้องคนอื่นก็ไม่ได้รู้จักเธอ ทว่าการตอบคำถามในวงสนทนาที่เต็มไปด้วยคนไม่สนิท มันก็ยากที่จะต้องตอบความจริง
“ไม่หรอก ก็แค่ไม่อยากมีแล้ว”
“เนี่ย อันนี้เรียกเศร้า ติดกับอดีตเหรอพี่” พีลงความเห็น เขาก็พอจะรู้เรื่องนั้นมาบ้างเพราะติดตามกันทางโซเชียล
“เดินออกมาได้แล้วพี่ เป็นกำลังใจ”
“หาให้มันสักคนสิ จะได้เป็นผู้เป็นคน”
“หาให้ได้ แต่พี่ซินจะเอาไหมนี่สิ” พีว่าแล้วหัวเราะ เขาพอจะดูออกว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดมีคนใหม่
“ทำไม อกหักเหรอพี่”
“ประมาณนั้น” ซินตอบเบสที่อยากรู้เกี่ยวกับหัวข้อสนทนานั้น
“มากกว่าอกหักหน่อย” มะนาวเอ่ยแล้วปรายตามองคนข้าง ๆ เพราะเธอก็ห่วงความรู้สึกเพื่อน ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แต่ก็อยากให้เพื่อนดีขึ้นสักที
“อะไรที่มันมากกว่าอกหัก” โน่สงสัยด้วย
“ผู้ชายคนเดียวต้องขนาดนั้นเลยไหม” พันไมล์พูดลอย ๆ เขาพูดไปอย่างไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ชอบคนที่จมกับอดีตจนเป็นบ้าบอ ยิ่งกับผู้หญิงที่เลิกคุยกันไปแล้วไม่ยอมจบยิ่งไม่ชอบ
“เขาลาโลกไปแล้วน่ะ” ซินตอบด้วยรอยยิ้ม ทว่าใครก็ดูออกว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่มาจากการมีความสุข
ทันทีที่รู้คำตอบคนทั้งโต๊ะก็พากันเงียบโดยไม่มีใครกล้าพูดอะไร แม้กระทั่งคนที่กวนใจซินที่สุดอย่างพันไมล์ก็ยังเงียบ
“อย่าคิดมากเลยพี่ คนเรามันก็ต้องตายกันทุกคนไหม ใครตายก่อนก็สบายก่อน” เต๋าปลอบใจสาวรุ่นพี่เขาได้ยินคำนี้มาก็มาก เพิ่งได้เอามาใช้ก็วันนี้
“พี่เขาก็ไม่อยากเห็นพี่เป็นแบบนี้หรอก เชื่อดิ” พีบอกซินด้วยรอยยิ้มให้กำลังใจ
“เศร้ากันเฉย”
“เพื่อนกูเป็นคนมีหลักการขึ้นมาเลย” โน่หัวเราะในลำคอหนึ่งทีกับท่าทางจริงจังของพวกมัน ปกติเคยเห็นพวกมันจริงจังเสียที่ไหน ถ้าไม่นับเรื่องเรียนก็มีแต่เล่นไร้สาระ
“ไม่ได้เศร้าขนาดนั้น แต่ก็ขอบใจนะ”
ซินได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอหนึ่งทีของใครบางคน เสียงนั้นไม่ใช่เพื่อนสนิทแต่เป็นอีกคนที่นั่งข้างกัน พอหันไปมองก็เห็นเขาหันมามองเธอพอดี สายตาแบบนั้นซินอ่านไม่ออกว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร
เขาเป็นคนเดียวที่ไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเธอ แต่ก็ดูเหมือนกำลังตั้งใจฟัง หญิงสาวไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหน แต่ที่เธอรู้สึกคือเขามีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกกลัว อาจจะเป็นรอยสักที่โผล่พ้นท่อนแขนนั้นออกมา หรือจะเป็นสายตาที่ราวกับนักล่าของเขาเธอเองก็ไม่แน่ใจ
แต่เธอขอสรุปไปว่าเขามันไม่น่าคบ
“ดื่มกันดีกว่า เลิกเศร้า ไม่แน่คืนนี้เพื่อนพี่อาจจะได้ผัวใหม่” มะนาวยิ้มเขินก่อนจะกระแทกไหล่เพื่อนจนเซไปอีกทาง
หญิงสาวชนเข้ากับท่อนแขนของคนที่นั่งข้างกัน นั่นยิ่งเรียกความขัดเขินจากมะนาวเพิ่มอีกเท่า
“ขอโทษ” ซินยกมือขึ้นดันตัวเองออกมาและขอโทษอีกฝ่าย ก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสนิทตัวเองที่จงใจให้มันเป็นแบบนี้
“ไม่เป็นไร” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบ คล้ายไม่ใส่ใจ ยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มจนหมดแล้วก็เทอีก ไม่ลืมเทให้เธอด้วยเพราะหมดแล้วไปตั้งแต่เมื่อกี้
“ขอบคุณ”
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอเพราะรู้สึกว่าสาวรุ่นพี่นั่งตัวเกร็งจนน่าอึดอัดแทน
“งานดีนะ เล่น ๆ ก็ได้ ไม่เสียหาย” มะนาวกระซิบเพื่อนพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
ท่าทางระริกระรี้ของเพื่อนสนิททำเอาซินถึงกับต้องยื่นมือไปหยิกแขนด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าพันไมล์จะคิดแบบไหน แต่เธอกลัวว่าการนั่งร่วมวงกันมันจะกร่อยลง ถ้าหากว่าต้องอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้
ตอนพิเศษ 4หลายปีต่อมา“แม่ชิน ทำอาไยหยอ”เด็กผู้หญิงตัวอ้วนกลมในวัยสองขวบครึ่งมองผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย มืออ้วนป้อมกำลังยื่นไปหาบางสิ่งตรงหน้าที่แม่กำลังทำอยู่ เห็นแล้วอยากจะขยำมันเล่น เหมือนกับของเล่นที่พอไมล์ซื้อให้เลย“แม่ทำขนมอยู่ค่ะ อัยมี่ไม่กวนแม่นะคะ” ซินยิ้มแล้วบอกลูกสาวที่ทำท่าจะหยิบเอาแป้งขนมปังที่เพิ่งนวดเสร็จไปเล่น“อายมี่หยักด้าย” เด็กน้อยผิวขาวนวลมองผู้เป็นแม่ตาละห้อย อยากได้แค่ก้อนเดียวเอง จะเอามันมานวดเหมือนกับแม่“อันนี้เหรอ” ซินหยิบเอาเศษแป้งที่เหลือจากแบ่งไว้ขึ้นมายื่นให้ลูกสาวตัวน้อย“เล่นแล้วต้องล้างมือนะ”“ขาบคุนค่ะ” อัยมี่ยิ้มร่า รับของเล่นจากแม่ด้วยความดีใจก่อนจะเดินออกจากห้องทำขนมลัดเลาะไปที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้าน ที่คุณพ่อกับพี่ชายนั่งอยู่“พ่อดู น้องเอาของแม่มาเล่น” เด็กชายหน้าตาหล่อเหลาวัยสี่ขวบหันไปบอกพ่อเมื่อเห็นน้องสาวถือแป้งของแม่มา เรื่องฟ้องเขามันที่หนึ่ง“แม่อาวห้ายอายมี่” เด็กหญิงอัยมี่ทำหน้าบูดใส่พี่ชายจอมขี้ฟ้องก่อนจะหันไปมองผู้เป็นพ่อ“แม่ให้มาจริงเหรอ” พันไมล์ผละมือจากหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่กำลังจัดการกับออเดอร์สินค้า หันมาให้ความสนใจกับลูก
ตอนพิเศษ 3เช้าวันต่อมาทั้งคู่ออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้วางแผนไว้ แวะเที่ยวกันหลายจุดกว่าจะมาถึงที่พักก็เกือบบ่ายสอง แม้ว่าจะเป็นเวลาหลังบ่ายแล้วแต่อากาศบนเขาก็ยังเย็นจนไม่สามารถสลัดเอาเสื้อกันหนาวออกได้เลย กลางคืนคงหนาวเหน็บจนไม่อยากคิดภาพพันไมล์จองที่พักแบบห้องมาตรฐานเพราะสะดวกกว่าการนอนเต็นท์ มีระเบียงกว้างที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกในตอนเช้าตรู่ มีห้องน้ำและอ่างอาบน้ำซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของใครหลายคนที่เห็นผ่านตา“หนาวไหม” พันไมล์เดินออกจากห้องมาถามเธอ หลังจากที่เขาเอาของขึ้นมาเก็บไว้หมดแล้ว“หนาว วันนี้ไม่อาบน้ำ” ซินบอกเขาพลางหัวเราะ“น้ำอุ่นก็มี”“รังเกียจเหรอ” เธอแกล้งถาม พ่อคนสะอาด ทีเห็นหน้ากันครั้งแรกก็ชวนเธออาบน้ำแล้ว“ไม่อาบก็ได้ เดี๋ยวจะเลียให้ทั้งตัวเลย” เขาเอ่ยพร้อมกับซ่อนรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์“อี๋ ทุเรศ”“ทำเป็นทุเรศ อยากพามาเปลี่ยนบรรยากาศก็บอก” เขาไหวไหล่พร้อมกับเบะปากล้อเธอจริงอยู่ว่าเธอชวนเขามาที่นี่ แต่ใครมันจะไปคิดถึงแต่เรื่องนั้นกัน เธอก็แค่อยากมาพักผ่อนสูดบรรยากาศ สัมผัสกับความหนาวเย็นก็เท่านั้นเอง“มีแต่เธอที่คิดเรื่องแบบนั้น” เธอต่อว่าเขาอย่างนึก
ตอนพิเศษ 2หลายเดือนต่อมาทำงานสองปีกว่ายังไม่เคยลาพักร้อนเลยสักครั้ง เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนมะนาวบอกข่าวดีของตัวเองคือการซื้อบ้านใหม่ ซินจึงใช้โอกาสนั้นลาพักร้อนพร้อมกับพันไมล์ เพื่อไปเที่ยวบ้านใหม่ของเพื่อนและจัดทริปเที่ยวเชียงใหม่กันอีกสี่วันสามคืนมะนาวย้ายไปอยู่เชียงใหม่แล้วเพราะสามีของตัวเองย้ายไปทำงานที่นั่น และจะปักหลักสร้างครอบครัวกันที่เชียงใหม่ เพื่อนจึงรบเร้าและอ้อนให้ซินไปหาเพราะอยากให้ไปอุ้มหลาน“เค้าเอาของขึ้นรถหมดแล้ว เธอเสร็จหรือยัง” พันไมล์ยื่นหน้าเข้ามามองในห้องตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มหากเดินทางไปก็ถึงตอนเช้าพอดี พันไมล์อยากใช้รถส่วนตัวเพราะตอนกลับเขามีแพลนจะแวะหาโน่ที่ทำงานอยู่อยุธยาด้วย รายนั้นก็จะแต่งงานกับสาวคนใหม่ที่เจอกันในที่ทำงานอีกไม่นานนี้ซินเห็นพันไมล์แซวเพื่อนอยู่ว่ารีบแต่งแบบนี้เพราะทำผู้หญิงท้อง ตอนแรกเธอไม่เชื่อจนโน่ยอมสารภาพว่าใช่ แถมยังเป็นสาวรุ่นพี่อายุน้อยกว่าซินหนึ่งปีไอ้หมากระเป๋าของมะนาวในวันนั้น ตอนนี้จะเป็นพ่อคนเสียแล้ว ร้ายไม่เบาเลยใช้เวลาเดินทางราวสิบสองชั่วโมงก็มาถึงบ้านมะนาว พันไมล์หนีไปหลับแล้วเพราะเขาขับรถมาทั้งคืน ส่วนซินก็ออกมานั่งดูห
ตอนพิเศษ 1พันไมล์เรียนจบและได้ทำงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง และซินก็เข้าไปทำงานที่นั่นหลังจากเขาไม่กี่เดือนทั้งคู่ตัดสินใจซื้อบ้านด้วยกัน เพราะเชื่อความต้องการของพันไมล์ว่าเขาอยากตกแต่งบ้านตามใจ ไม่ต้องมาเสียดายเงินที่ทำไปและการเช่าอยู่ก็เสียเงินเปล่า เขาพูดเอาไว้ว่าอนาคตถ้ามีสมาชิกเพิ่มจะลำบากถ้าพูดขนาดนี้เธอยอมตามใจเขาก็ได้พันไมล์ยังคงขายอุปกรณ์ช่างเช่นเดิม แถมยังขยับขยายทำพื้นที่สำหรับสต๊อกสินค้า ลงขายในแพลตฟอร์มใหม่และหาตัวแทนจำหน่าย อีกทั้งเมื่ออยู่ในวงการนี้หลายปีก็สามารถหาของได้ในราคาที่ถูกกว่าเดิม แต่ก็ต้องลงทุนมากขึ้นเขาขอทำงานใช้ความรู้ที่เรียนมาสักสองสามปี ก็จะลาออกมาทำธุรกิจแล้ว ช่วงนี้ยอมเหนื่อยก็เพื่อหาเงินสร้างครอบครัวเธอได้ยินเขาพูดคำนี้บ่อยเหลือเกิน แล้วมันก็รู้สึกดีทุกครั้งเพราะคำว่าครอบครัวของเขามีเธออยู่ด้วย ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องอนาคต พันไมล์จะใช้คำว่าเราเสมอเธอโชคดีแล้วที่ได้เจอกับเขา ครืด~เสียงแจ้งเตือนสายเรียกเข้าดังขึ้นไกล ๆ ซินขยับตัวไปล้างมือหลังจากผสมแป้งสำหรับทำคุกกี้ผลไม้ที่กำลังเป็นกระแสเสร็จพอดีเธอเองก็มีห้อ
ตอนที่ 53 ไม่ดีที่สุดแต่รักเธอมากที่สุดแล้วหลายเดือนต่อมาการกลับมาคบกันคราวนี้ เธอรู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนี้มันชัดเจนและมั่นใจในความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างแสดงออกและมีให้กันชีวิตเราไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าเธอเอาแต่กลัวว่ามันจะเกิดขึ้น ชีวิตก็คงไม่มีความสุข สำคัญที่สุดก็แค่ใช้ชีวิตด้วยกันในทุกวันให้มันดีที่สุดเท่านั้นเอง“ตื่นได้แล้ว”เสียงที่คุ้นเคยกระซิบข้างหู กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำแบบผู้ชายลอยเข้ามาติดจมูกจนต้องสูดมันเข้าไปอีกเพราะเธอรู้สึกหลงมันเหลือเกินดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่ห่างกันแค่คืบ รอยยิ้มที่อยู่บนกรอบหน้าคมคายถูกส่งมาให้ก่อนที่เขาจะแนบริมฝีปากลงมาบนแก้มนวลเนียน“ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ”“ไปมาแล้ว อาจารย์ยกคลาส” เขาตอบแล้วนอนเท้าคางมองเธอ“อาบน้ำเร็ว จะพาออกไปดูของที่อยากได้”หลังจากลาออกเธอก็ศึกษาเรื่องที่ว่าจะทำขนมขาย เป็นพวกขนมแห้งที่สามารถอยู่ได้นาน ๆ ตั้งใจว่าจะถอยเตาอบดี ๆ สักเครื่องมาใช้ เครื่องเล็กที่เธอมีมันไม่ทันกับปริมาณที่ทำส่ง ช่วงนี้เธอก็เริ่มมีลูกค้าบ้างแล้ว“เธอกินข้าวหรือยัง”ซินถามเขาเพราะตอนนี
ตอนที่ 52 ขอแก้ตัว NCทั้งคู่หัวเราะด้วยกันเบา ๆ ก่อนจะเริ่มบทจูบที่เฝ้าคิดถึงมาหลายวันอีกครั้ง แลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันแสนชุ่มฉ่ำราวกับว่าโหยหามันมานานเหลือเกินร่างกายสองร่างบดเบียดเข้าหา สั่นเทิ้มด้วยความปรารถนาที่เริ่มเร่าร้อนระหว่างที่ริมฝีปากประกบกัน เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของคนในอ้อมแขน ชุดนอนบางเบาแสนเย้ายวนและผ้าชิ้นน้อยด้านในปลิวหายไปที่ไหนสักแห่ง เหลือเพียงความตระการตาน่ามอง ก่อนจะจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนหมดทุกชิ้นเขาอยากใกล้กว่านี้ แนบชิดกันมากกว่านี้ สอดใส่ลึกซึ้งจนประสานกัน อยากให้เธอดูดกลืนเขาทั้งลำ ตอดรัดกันให้แนบแน่นจับใจ ความเป็นชายแข็งขึงแน่นตึงจนเจ็บไปหมดแล้ว“อื้อ~”ซินสั่นสะท้านไปทั้งทรวงอกเมื่อเขากอบกุมความอวบอิ่มล้นมือ ตวัดปลายลิ้นอุ่นชื้นบนปลายป้านสีเรื่อ มันแข็งเป็นไตเพราะความกระสันเสียวที่เขามอบให้พันไมล์ตวัดลิ้นเล่น สลับกับดูดดึง มือขยำมันอยากมันมือ อีกข้างหนึ่งก็ถูกปลุกเร้าไม่ต่างกัน เธอเสียวซ่านจนทนแทบไม่ไหว ครวญครางออกมาเป็นเสียงน่าอับอายเมื่อยอดอกถูกขยี้ด้วยปลายนิ้ว สมองสับสนวุ่นวาย ความสยิวซ่านนั้นเกิดขึ้นสลับไปมาทั้งสองข้าง เธอจะตายอยู่แล้ว“นมเธออ