“ไม่ให้มอง” ซินตอกกลับพร้อมกับส่งสายตาเอาเรื่อง ทว่ารอยยิ้มที่ติดอยู่บนริมฝีปากอวบอิ่มยังถูกดวงตาคมจับจ้องอยู่ เขาอยากจะลองลิ้มรสมันดูสักครั้ง
“หึ”
“ห้ามหัวเราะแบบนั้นด้วยไม่ชอบ” เธอสั่งห้ามเพราะไม่ชอบไอ้เสียงหัวเราะในลำคอแบบนั้น มันดูไม่น่ารักเอาเสียเลย
“เรื่องมาก” เขาเอียงหน้ามากระซิบที่ข้างหูเธอ คนตัวเล็กตกใจจนต้องหันมอง ทว่าจังหวะที่หันไป ริมฝีปากที่อยู่ใกล้กันนั้นก็แตะสัมผัสเข้าที่แก้มซ้ายของเธอ
ความรู้สึกหนึ่งแล่นวาบทั่วร่างกาย กลิ่นหอมจากตัวเขาก็ยิ่งโชยเข้ามาในจมูกชวนให้ใจเตลิด ปลุกให้อารมณ์บางอย่างมันพุ่งกระจายอยู่เต็มอก ซินกระแอมไอเบา ๆ ถึงจะเมาแต่เธอก็ยังรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
นี่ใช่ไหม ฉายาเสือร้ายที่ใครหลายคนให้เขามา
“มะ ไม่ได้เรื่องมาก”
เวลานี้คนในโต๊ะคงไม่ได้สนใจใครมากนัก เลยไม่มีใครรู้ว่ามีใครบางคนเอื้อมมือมาสัมผัสและจับมือเธอเอาไว้ ความเย็นเฉียบจากมือเขา ทว่าพอจับสัมผัสกับมือเล็กของซินกลับให้ความรู้สึกอุ่นซ่านเข้ามาในใจ แล้วที่แย่ไปกว่านั้น เธอกลับไม่ปฏิเสธสัมผัสของเขาทั้งที่ควรจะทำมัน
“ยัยซิน ชน !”
หญิงสาวพยายามดึงมือกลับมา ทว่าเขาไม่ยอมปล่อย เธอไม่กล้าหันไปสบตาเขา ความกลัว ความกังวลถาโถมเข้ามาในใจ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งก็เข้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านั้นอย่างไม่ยอมแพ้
ซินยกแก้วด้วยมือที่ว่างอยู่ขึ้นมาดื่มมันจนพร่องไปเกือบครึ่ง สมองคล้ายมีสิ่งรบกวน ไหนจะเสียงดนตรี เสียงพูดคุยกันเสียงดังทำเอาหัวเธอมึนงงไปหมดแล้ว
“ซิน พี่บอลจะชวนไปต่อ ไปด้วยกันนะ” มะนาวหันมากระซิบบอกเพื่อน พลันสายตาสอดรู้ของมะนาวก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า ความคิดเจ้าเล่ห์ที่อยากให้เพื่อนหลุดพ้นจากอดีตที่แสนเศร้าก็ยุยงส่งเสริมเหลือเกิน คืนนี้เธอจะส่งเพื่อนไปขึ้นสวรรค์ อกหักจากคนหล่อก็ดีกว่าคิดถึงคนรักที่จากไปไม่มีวันกลับละวะเพื่อนซิน เธอแค่ลองยุถ้าเพื่อนไม่เอาก็แล้วแต่
“ต่อไหนอีก” เธอแทบจะยืนไม่ได้อยู่แล้ว
“ถ้าแกไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ดูสภาพไม่น่าไหว” มะนาวจับศีรษะเพื่อนโยกไปมา
“ให้น้องเขาไปส่งแกกลับได้ไหม ร้านที่พี่บอลจะไปเป็นอีกทาง”
ซินนั่งนิ่ง หันมองเพื่อนสนิทด้วยตาปรือ ๆ น้องไหน
“น้องไมล์ ไปส่งเพื่อนพี่หน่อยได้ไหม”
“เขาจะให้ผมไปส่งไหมล่ะ” พันไมล์ถามสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะปรายตามองคนที่หันหน้ามาสบตากัน
“มึงดูเป็นคนดีนะไอ้ไมล์ ผมว่าพี่ไม่ต้องไปกับมันนั่นแหละดีแล้ว” เบสหัวเราะกับท่าทางของเพื่อน เขายังดูออกว่ามันสนใจพี่สาวคนนี้อยู่
แต่พันไมล์ก็คือพันไมล์ มันจะไม่แสดงออกอะไรแบบนั้นให้ดูแย่ แค่มันส่งสายตาทีเดียวสาวก็แทบเดินตามแล้ว อีกอย่างมันแค่อยากกินเล่น ๆ ไม่ผูกมัดกับใคร
“มึงก็ว่ามันเกิน เดี๋ยวพี่เขาก็กลัวจริง” เต๋าทำทีพูดปกป้องเพื่อน แท้จริงแล้วเขาก็เห็นด้วยกับความคิดเบส
กลัวหรือเปล่าเธอก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้มือที่จับกันอยู่ใต้โต๊ะโคตรแน่น แน่นจนเธอหายใจลำบาก ทั้งที่อวัยวะส่วนนั้นก็ไกลกันมากทีเดียว ไม่พอเขายังลูบหลังมือเธอด้วยนิ้วโป้งอย่างแผ่วเบา เธอรู้ว่าเขาจะสื่ออะไร ใจก็อยากปฏิเสธแต่ไม่รู้อะไรที่มันสั่งให้เธอยอมรับสัมผัสของเขาแบบนี้อย่างน่าไม่อาย
“จะกลับไหม จะไปส่ง”
ซินหลบสายตาคมกลับมามองที่แก้วของตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่าย ส่งผลให้รอยยิ้มมุมปากแสนร้ายผุดขึ้นบนเครื่องหน้าหล่อเหลา ไม่รู้ทำไมวันนี้เขารู้สึกตื่นเต้นกว่าทุกที หรือเพราะคนที่นั่งข้างกันนี้สวยจนทำให้ใจเขามันอยากลองสาวรุ่นพี่สักครั้ง
“อยากกลับก็บอก” เขาก้มลงมากระซิบเธออีกครั้งและด้วยความแสนร้าย ริมฝีปากได้รูปก็จูบเข้าที่ใบหูนั้นหนึ่งที่ เขาไม่กลัวสายตาใคร ไม่สนว่าเพื่อนจะมอง เขาสนแต่ว่าคนที่โดนรุกอยู่นั้นจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
“รอกลับพร้อมพวกนี้ก็ได้” ซินตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน เธอทำอะไรไม่ถูกเลยสักอย่าง ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครสนใจเธอตอนนี้แต่ก็กลัวว่าจะมีคนเห็น
อีกใจก็รู้สึกผิดต่อใครบางคน
ซินขยับมือเล็กที่ถูกกุมไว้จนชื้นเหงื่อเมื่อความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาในหัว ทว่าเขาไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำยังประสานมือของเขาเข้ากับมือเธอจนแนบแน่น หญิงสาวหันไปมองเขาด้วยสีหน้าเป็นคำถามแต่กลับได้รับการเลิกคิ้วเป็นคำถามกลับมา สุดท้ายก็ต้องเบือนหน้าหนีแล้วยอมให้จับอย่างนั้น
เธอเป็นคนที่ไม่ยอมใครง่าย ๆ กับอะไรแบบนี้นะ หรือเพราะเธอไม่เคยเจอใครที่เหมือนเขา จึงไม่รู้ว่าต้องรับมือแบบไหน
“แกอย่าคิดอะไรมากเลยซิน ลองปล่อยตัวปล่อยใจให้ตัวเองมีความสุขบ้าง” เพื่อนสนิทโน้มใบหน้าเข้ามาคุย
“แกจะให้ฉันเป็นคนเลวหรือไง”
“เลวตรงไหน แค่หาความสุขให้ตัวเอง”
ซินเงียบ มันไม่ใช่เรื่องดีเลย รู้ว่าถ้าเรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นคืนนี้ พรุ่งนี้ก็คงจากลากัน ทว่าหากกลับมาคิดดู เธอเองก็เหงามาแทบตาย บางคืนมันก็เปลี่ยวจนต้องระบายออกมา เธอไม่ใช่คนจิตใจสงบถึงขั้นนั้น ยอมรับว่าบางครั้งมันก็ต้องการจนทรมาน
“แกนี่นะมะนาว”
“น้องเขาก็โคตรดีเลยนะ ถึงจะดูแบดบอยไปหน่อยก็เถอะ กร้าวใจซินไหมคะ” มะนาวหัวเราะชอบใจจนเธออดยิ้มกับความระริกระรี้ของเพื่อนไม่ได้
“ไม่”
“แหม ไม่อะไรกัน” มะนาวยิ้มเขินก่อนจะเอี้ยวหน้าไปกระซิบใกล้ ๆ
“จับมือกันแน่นขนาดนั้น”
“ถ้าพูดอีกจะกลับแล้วนะ” ซินรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้มันคงแดงซ่านไปหมดแล้ว ทั้งฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทั้งคำแซวจากเพื่อนสนิท หญิงสาวพยายามจะดึงมือตัวเองออกมาแต่อีกคนก็โคตรเอาแต่ใจ
“ล้อเล่น อย่าคิดมาก” มะนาวตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“ทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำไป”
“มันไม่ผิดใช่ไหม”
“แกไม่ผิด แต่ป้องกันด้วยนะ ถึงจะสนุกก็ต้องใส่”
“นี่เราคุยอะไรกันเนี่ย” ซินเริ่มรับไม่ได้กับหัวข้อสนทนาของเพื่อนสนิทจนต้องกุมขมับ
“พอ”
“สวัสดีค่ะพี่ ๆ”
เสียงใสปนความเมามายของใครบางคนดังขึ้น ท่ามกลางเสียงพูดคุยของคนในโต๊ะ ทุกคนต่างหันไปให้ความสนใจคนที่มาใหม่ แต่ซินกลับได้ยินเสียงพ่นลมหายใจของใครคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ
“อ้าว น้องยาหยี”
“มึงจะอ้าวทำไมไอ้เต๋า” เบสถามอย่างขบขัน ก่อนจะปรายตามองเพื่อนเขาอีกคนที่นั่งนิ่งสีหน้าเหมือนอยากตายเต็มทน
“มาชนแก้วค่ะ” สาวที่ชื่อว่ายาหยียิ้มหวานให้ทุกคนก่อนที่สายตาของเธอจะหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าใจร้ายสำหรับเธอที่สุด
“ไหนพี่พันไมล์บอกหยีว่าไม่มาไง”
เพียงแค่เห็นสายตาของผู้หญิงคนนั้นกับประโยคทักทายคนข้างกายเธอ ซินก็รีบดึงมือกลับ คราวนี้เธอทำสำเร็จอาจเป็นเพราะพันไมล์กำลังให้ความสนใจกับคำถาม
“ทีแรกก็ไม่คิดจะมากันหรอกน้องหยี ไอ้เบสกับพี่พีแหละชวนออกมา” โน่เป็นคนตอบคำถามเพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีว่ามันจะทำหน้าตึงปล่อยให้สาวถามเก้อ
“อ้อ ค่ะพี่โน่”
“ครับ”
แล้วทั้งโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบ เหมือนทุกคนกำลังกลั้นหายใจไม่เว้นแม้แต่ซิน แล้วที่ทำให้ลมหายใจเธอสะดุดยิ่งกว่าเดิมคือการที่พันไมล์ถอดเสื้อยีนสีซีดของเขามาวางบนท่อนขาเธอ ท่ามกลางสายตาของใครหลายคนโดยที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจเลยสักนิด
“ใส่ดิ เห็นขนลุก” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่คนอื่นยังคงเงียบกริบ
“มะ ไม่เป็นไร”
เธอปฏิเสธทว่าเขากลับตลบเสื้อผืนนั้นคลุมท่อนล่างของเธอที่มีเพียงเดรสสั้นครึ่งขาปิดอยู่ แถมยังเป็นผ้าเนื้อบางและพลิ้วไหว การกระทำของพันไมล์ทำเอาเธอตกใจจนไม่รู้ว่าจะทำตัวแบบไหน
“ใครเหรอพี่โน่ หยีไม่เคยเจอเลย”
“อ้อ อันนี้รุ่นพี่ที่สนิทกัน” โน่ตอบแล้วยิ้มแห้ง หันไปมองมะนาวเหมือนคนขอความช่วยเหลือ
“สนิทกับพี่ไมล์เหรอคะ”
“เพื่อนกูจะโดนตบไหมเนี่ย” มะนาวพึมพำก่อนจะชะโงกหน้าไปคุยกับรุ่นน้อง “คนคุยน้องมันเหรอ”
“เคย” โน่ตอบสั้น ๆ เป็นอันว่ารู้กัน มะนาวจึงพยักหน้าเข้าใจ
คงเป็นคนที่พวกนี้พูดถึงว่าเคยคุยแต่สาวเจ้าไม่ยอมจบ ไอ้เด็กนี่ก็เสน่ห์แรงเกิน เธอชักเริ่มเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาแล้วสิ
“มะนาว ฉันอยากกลับแล้ว” ซินหันไปบอกเพื่อนเพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มมีปัญหา ทว่าคนที่ตอบกลับมาไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นอีกคนข้างกัน
“จะไปส่ง เริ่มเบื่อแล้วเหมือนกัน” พูดจบพันไมล์ก็ฉุดแขนคนตัวเล็กให้ลุก ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองตาม แต่เขาไม่สนใจใครอยู่แล้ว
อะไรที่กำลังไปได้ดี มีคนมาทำเสียคงแย่
ซินเงยหน้าขึ้นมองคนร่างสูง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ในแววตาคู่นั้นคล้ายจะบอกว่าเธอไม่ควรขัดใจ แต่เรื่องอะไรเธอต้องฟังเขาก็แค่คนเพิ่งรู้จักกัน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้มะนาวไปส่ง”
“ลุกมาเถอะ ขอร้อง” ครั้งนี้แววตาคมคล้ายจะขอความเห็นใจ แม่ตัวดีนี่ก็น่ารำคาญเหลือเกิน คนเขาอยากหาข้ออ้างออกไปจากตรงนี้
ไม่สิ อันที่จริง เขาไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างก็ได้ จะเดินออกไปเลยก็ได้ แต่เขาแค่ไม่อยากให้อะไรมันหลุดมือไป
แม่ง โคตรหงุดหงิด
“แกจะรอกลับกับฉันก็ได้นะ พี่บอลน่าจะมาเที่ยงคืนนิดๆ ” ดูเวลาแล้วก็อีกราวหนึ่งชั่วโมง ซินถึงกับคิดหนัก
“งั้น” เธอควรเอาอย่างไรกับชีวิตดี
“จะไปไม่ไป”
ตอนที่ 15 อาการมันเป็นยังไงหลายวันมานี้ซินยังคงใช้ชีวิตปกติ จะมีที่ไม่ปกติก็คงเป็นการที่มีใครสักคนมากวนใจเธอทุกวัน มาให้เห็นจนรำคาญตาทุกเช้าก่อนเข้างาน ทั้งช่วงพักกินข้าว ไปถึงตอนเลิกงาน ถึงแม้ว่าหลายวันที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่ได้คุยกับพันไมล์เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใคร แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตมีเรื่องให้คิดเพิ่มรอยยิ้มของเขาทำให้เธอต้องกลับมาคิดรำคาญใจทุกวัน อยากหาวิธีที่จะไม่ได้เจอเขา แต่สุดท้ายก็ต้องได้เจอเพราะไอ้เด็กบ้านั่นชอบโผล่หน้ามาตลอด ทั้งที่เธอกับเขาก็ทำงานกันคนละตึกส่วนโน่เธอก็ได้คุยกับเขามากขึ้น จนเริ่มสนิทกันเพราะเด็กรุ่นน้องคนนี้นิสัยน่ารักกว่าพันไมล์หลายเท่า บางทีที่เขาว่างก็จะมานั่งคุยด้วยและเล่าเรื่องยัยมะนาวให้ฟัง ซินไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยัยมะนาวถึงรักเด็กคนนี้เหมือนน้องชายจริง ๆซินกลับห้องมาพร้อมกับข้าวที่เพิ่งสั่งไปเมื่อครึ่งชั่วโมง วันนี้เธอตั้งใจว่าจะเปิดหนังดูสักเรื่องเพื่อฆ่าเวลา รอเวลาเพื่ออาบน้ำและเข้านอน มันเป็นอย่างนี้ตลอดจนเธอชินแล้ว แถมคิดไม่ออกว่าต้องทำอะไรนอกจากเรื่องพวกนี้ครืด~ข้อความจากใครบางคนส่งเข้ามา เธอหยิบมันขึ้นมาดูเพราะปกติก็จะเป็นเรื่องงาน ทว่า
ตอนที่ 14 ต้องการอะไรตอนนี้เวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งเป็นช่วงที่พนักงานออฟฟิศหลายคนลงมากินข้าวกลางวัน เพราะถ้ามากินช่วงเที่ยงจะมีพนักงานของฝั่งโรงงานมากมายจนแทบไม่มีที่นั่ง หลังจากเลิกประชุมกับเด็กฝึกงาน ซินก็กลับขึ้นมาบนห้องเพื่อหยิบกระเป๋า เธอลืมหยิบเงินติดตัวลงไปด้วยพอตอนจะกลับลงไปด้านล่างก็ได้ยินเสียงสนทนาของใครบางคนดังอยู่ตรงบันได“ไมล์ ๆ เพื่อนเราขอไลน์” เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง เท่าที่ฟังสรรพนามแบบนั้นเธอคิดว่าคงเป็นพวกเด็กฝึกงาน เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมาปิ๊งรักกันที่นี่เธอชินแล้ว“ไม่เล่น” เสียงที่ตอบกลับไปทำเอาซินหยุดฝีเท้า เธอไม่มั่นใจว่าใช่แต่ก็คุ้นเหลือเกืน“เฟสก็ได้”“ไม่เล่นเหมือนกัน” เขาคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำให้เธอคิดถึงตอนที่พันไมล์เมินเฉยกับยาหยีเลย“เพื่อนเราไม่เล่นจริง ๆ มันไม่ชอบอะไรแบบนี้” โน่ช่วยตอบเมื่อเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของเพื่อนสนิท“อ้อ โอเค”พวกนั้นแยกย้ายกันไปแล้วซินถึงก้าวลงมาจากบันได แต่เธอกลับคิดผิดเพราะยังเหลือผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ พอจะก้าวถอยหลังก็ไม่ทันเสียแล้ว“พี่ ผมว่าจะขึ้นหาพอดี”“มีอะไรหรือเปล่าโน่”“ไอ้ไมล์อยู่ฝั่งโรงงาน แล้วห
ตอนที่ 13 เด็กฝึกงานหน้าคุ้นหลายวันต่อมากิจวัตรประจำวันของซินเป็นเหมือนเดิมทุกวันมาเกือบสองปีแล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำงาน ข้าวเช้าก็คือกับข้าวหน้าบริษัท กลางวันก็กินที่โรงอาหารของที่นั่น เลิกงานก็กลับห้อง มันเป็นอย่างนี้มาตลอดถึงแม้บางครั้งจะน่าเบื่อเหลือเกิน แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร คิดออกก็แค่เปิดหนังดูอยู่ที่ห้อง จนตอนนี้แทบไม่มีเรื่องไหนที่เธอไม่เคยดู ถึงขั้นที่ว่าต้องดูรายการทำอาหารแล้วก็มีบางครั้งวันหยุดก็หาอะไรมาลองทำเอง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอลองซื้อเตาอบมาลองทำขนม มันก็สนุกดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดมากกับตัวเอง“น้องซิน ขนมที่เราทำมาเมื่อวานอร่อยมาก ทำขายได้แล้วนะพี่ว่า” สาวรุ่นพี่อย่าง นิด ที่นั่งทำงานอยู่ในห้องเดียวกันเอ่ยชม คงเป็นเพื่อนร่วมงานที่เธอสนิทที่สุดแล้วเพราะได้ทำงานด้วยกันตลอด เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลและใจดีกับซินที่สุด คนอื่นเธอไม่ค่อยสนิท แต่คุยกันได้ เดินผ่านก็มีทักทายส่งยิ้มให้กันบ้าง ไม่ได้ไปเกาะกลุ่มสุงสิงอย่างที่คนอื่นทำบริษัทที่เธอทำงานอยู่แบ่งเป็นสองโซนคือฝ่ายบริหารกับฝ่ายผลิต เธออยู่ตึกฝ่ายบริหารที่ใครก็เรียกว่าพวกออ
ตอนที่ 12 โชคชะตาพาไปหลายวันต่อมา“ไอ้ไมล์มายัง” เต๋าหันไปถามเพื่อนหลังจากตัวเองออกไปซื้อน้ำแข็งที่ร้านของชำหน้าปากซอย ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้วยังไม่เห็นหัวไอ้คนที่กำลังถามถึงเลย“กำลังมา มันกลับไปหลับที่ห้องเพิ่งตื่น” คนที่ตอบเป็นโน่ ที่คุยกับพันไมล์มากที่สุดวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของพวกเขา อีกไม่กี่วันก็ต้องเตรียมตัวไปฝึกงาน วันนี้เลยถือโอกาสสอบเสร็จเป็นข้ออ้างในการชวนเพื่อนดื่มเหล้า ทั้งที่ความเป็นจริงก็ชวนกันดื่มตลอด“ชักช้า เปิดตัวช้าเหมือนเป็นพระเอกตลอดไอ้ห่าไมล์ ไม่ใช่ว่าหิ้วสาวไป***อีกแล้วนะ”“ช่วงนี้ไม่เห็นมี”“ไม่มีเหี้ยไร วันก่อนก็เพื่อนพี่มึง” เบสว่าพลางหัวเราะ“นั่นแหละที่กูเห็นล่าสุด” โน่ยอมรับ แต่เขาก็ไม่เห็นใครอีกเพราะช่วงนี้มีสอบ งานก็เยอะ ไหนจะต้องเตรียมตัวไปฝึกงานอีก คนบ้าอะไรมันจะคลั่งเซ็กซ์จนต้องทำตลอดขนาดนั้น“ก็คงไม่มีหรอก กูก็ไม่เห็น” เต๋าเห็นด้วยกับความคิดโน่ ปกติถ้ามีพวกเขาจะรู้กันอยู่แล้ว“มานู่นละ” เบสส่งสัญญาณให้เพื่อนหันไปมอง จนเห็นคนที่เป็นหัวข้อสนทนากำลังขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่เข้ามาในบ้านพอดีบ้านหลังนี้เช่าอยู่ด้วยกันสองคนคือโน่กับเบส แต่พวกเขาก็
ตอนที่ 11 รู้สึกผิดเสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้งเรียกคนที่กำลังนอนหลับใหลให้ตื่นขึ้น ซินปรือตาขึ้นมอง แสงสว่างจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีม่านสีขาวบดบังเล็ดลอดเข้ามา ทำให้รู้ว่ามันคงสายมากแล้ว หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความเมื่อยล้า ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เจ็บปวดไปทั้งร่างกายขนาดนี้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่บนเตียง “อืม” เสียงของคนที่นอนอยู่ตรงนั้นดังขึ้นเบา ๆ คล้ายว่าเธอไปปลุกเขาให้ตื่น“ซิน ! เปิดประตูให้พี่หน่อย !”หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกเมื่อเสียงเคาะประตูยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้ชายที่นอนอยู่ก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันมามองหน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้ม“ไง อีกสักรอบไหม” “ซิน !” เฮือกหญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นระส่ำ เสียงเรียกของคนรักเก่ายังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทราวกับว่ามันไม่ใช่ความฝัน เปลือกตาบางของเธอปิดลงอีกครั้งเพราะรู้สึกปวดหนึบทั้งเบ้าตา ปวดหัว ปวดไปทั้งตัวมันคือความฝันทั้งหมดเลยใช่ไหม ภาพเลือนรางและไม่ชัดเจนในหัวเธอพวกนั้น แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันสมจริงเหลือเกินใช่ มันคือความฝัน“เธอ เที่ยงแล้ว”ซินเบิกตาโพลงเมื่อเสีย
ตอนที่ 10 ค่ำคืนที่ยาวนาน NCเขาผละตัวออกจากเธอ ก่อนจะขยับมาทาบทับกันเพื่อมอบจูบที่เร่าร้อนจนเกิดเสียงลามก ผละออกเพื่อจูบไซร้ที่ซอกคอ เลื่อนไปหาเนื้ออวบอิ่มที่กระเพื่อมไหว ตวัดลิ้นเลียวนปลายป้านสีเข้มอยู่ครู่หนึ่งก็เลื่อนตัวลงไปอีกจนถึงหน้าท้องแบนราบซินรู้สึกเหมือนลมหายใจขาดช่วงเมื่อไอร้อนรินรดอยู่บนต้นขา เรียวขาถูกจับให้อ้าออกด้วยมือเขาแล้วเจ้าตัวก็แทรกกายเข้ามาตรงนั้น หัวใจเธอสั่นสะท้าน เมื่อปลายจมูกโด่งปัดป่ายอยู่บนกลีบเนื้อแดงฉ่ำ ปลายลิ้นแนบนาบลงบนเนื้ออ่อนนุ่ม ปาดเลียจนเธอร้องท้วงบิดเร่า ๆ กับสัมผัสแสนสยิวที่เขามอบให้“อื้อ พันไมล์ พอแล้ว~” หญิงสาวครวญครางร้องขอ“หวาน” เขาเอ่ยชมเธอแล้วจูบที่จุดนั้นเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เร่งจังหวะตวัดลิ้นและดูดกลืนน้ำหวานที่ไหลหลั่งออกมาจนเปรอะเลอะทั่วเรียวขา“อ๊า~ มะ ไม่ไหว ไมล์ พอแล้ว” ซินสะบัดหน้าไปมากับสัมผัสจาบจ้วงของเขา มือเล็กขยำผ้าห่มจนมันยับย่น เธอปัดป่ายมือไปมาไม่เป็นสุข เมื่อเขาปลุกเร้าอารมณ์ความต้องการส่วนลึกภายใน หลอกให้เธอหลงไปกับความกระสันเสียวที่แผ่กระจายทั่วร่างกาย“น้ำโคตรเยอะ” เขาพร่ำบอกเธอสลับกับการปาดเลียกลางร่องด้วยลิ้นร้อนระอุ