ผมจับไหล่มนของแอลลี่ พยายามดันร่างเล็กให้ออกจากตัวแต่ไม่เป็นผล ยัยตัวแสบยังคงรุกผมอย่างต่อเนื่อง เธอก้มลงกระซิบข้างหูจนผมจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
"นายไม่อยากได้ฉันจริงๆ เหรอ? ฉันพร้อมให้นายนะ" พูดจบเธอก็ใช้ฟันคมขบกัดที่ติ่งหูผมเบาๆ เท่านั้นแหละ..ความอดทนของผมก็หมดลงในทันที
"เธอเลือกแบบนี้เองนะแอลลี่" ผมพูดพร้อมกับยิ้มร้ายใส่เธอ
พรึ่บบบ~
ผมพลิกร่างแกร่งขึ้นคร่อมร่างเล็กนั้นทันที เธอทำท่าตกใจไม่น้อย ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอที่ตอนนี้มันสั่นวูบไหว เนื้อตัวเธอสั่นเทา... ใช่แล้ว เธอกำลังกลัว ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้ที่เธอทำแบบนี้คือตั้งใจจะยั่วเพื่อปั่นหัวผมอยู่ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผมปล่อยไปเธอก็จะยั่วผมไม่เลิก ผมเลยจำเป็นต้องกำราบปราบพยศกันสักหน่อย
"ตัวสั่นเป็นลูกนก กลัวแล้วยังจะปากดีนะ"
"ไหน..ใครกลัว ฉันไม่เห็นต้องกลัวนายเลย นายก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ ไม่เห็นจะมีอะไรวิเศษสักหน่อย"
"จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีๆ แล้วกัน"
"อื้อ..."
ยัยตัวแสบครางเบาๆ เมื่อผมประกบจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มแล้วบดคลึงอย่างหนักหน่วง พร้อมกับสอดลิ้นร้อนเข้าไปชิมความหวานในโพรงปากเล็ก แอลลี่ไม่ขัดขืน ยินยอมให้ผมจูบแต่โดยดีแถมยังจูบตอบแบบเงอะๆ งะๆ อีกด้วย
ในขณะที่เธอกำลังจูบกับผมอย่างดูดดื่มอยู่นั้น ฝ่ามือหนาก็ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อของเธอออกจากรังดุมจนครบทุกเม็ดโดยที่เธอเองไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำไป ก็ระดับเซียนอย่างผมแล้วนี่นา ไม่อยากจะคุย
"อ๊ะ ~ อ๊าาา ~ฟะ ~ฟาบริซ"
แอลลี่ครางเสียงหวานเมื่อผมถอนจูบออกแล้วฉกริมฝีปากเข้าดูดดึงยอดทับทิมสีชมพูอ่อนนั้นอย่างเมามัน สองมือของผมคลึงเคล้นสองเต้าคู่งามที่มันใหญ่เกินตัวจนเนื้อนวลเนียนนั้นปลิ้นออกมาตามง่ามนิ้วมือ ผมถอดเสื้อเชิ๊ตออกจากตัวเธอ เท่านั้นเอง ร่างกายเธอก็เปลือยเปล่าต่อหน้าผมทันที
"อ๊าาา .. ใหญ่ดีจริง" ผมพูดออกมาด้วยความพอใจในความสวยงามอย่างไร้ที่ติของเธอ พร้อมกับสลับกันดูดเลียยอดทับทิมทั้งสองข้างไปมา ร่างเล็กแอ่นอกให้ผมดูดดึงและสัมผัสได้ตามชอบใจ
ฝ่ามือหนาเลื่อนลงไปลูบไล้ที่สีข้างและสะโพกกลมกลึง ละไล้เรื่อยไปจนถึงต้นขาอ่อนด้านในและลูบไล้ไปที่เนินสาวอวบอูมใหญ่โตนั้นเบาๆ
"อ๊า~ฟะ~ฟาบริซ~อย่าจับตรงนั้น ..อื๊อ"
แอลลี่เริ่มครางอย่างหนัก ดูจากใบหน้าตอนนี้เธอคงเสียวเป็นอย่างมาก เธอเริ่มกระถดถอยร่างหนีและพยายามหุบขาเข้าหากันจนผมใช้สองขาแกร่งของตัวเองล็อคเรียวขาของเธอเอาไว้ แล้วลูบไล้ไปยังกลีบกุหลาบอวบงาม ที่ตอนนี้ผลิตน้ำสีใสออกมามากมาย
ร่างแกร่งหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมกับปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างกายจนหมด แท่งรักไซส์ 58 ที่แข็งตัวเต็มที่แข็งโด่ชี้ไปที่หน้าของเธอ แอลลี่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นอาวุธร้ายของผมเต็มๆ ตา เธอขยับตัวถอยหนีไปจนหลังชนกับหัวเตียงแล้วหุบขาเรียวเข้าหากันทันที
"ฟะ..ฟาบริซ นายจะทำอะไร" แอลลี่ทำหน้าเลิกลั่ก
"ฉันจะเอาเธอไง ก็เธอบอกว่าพร้อมให้ฉันไม่ใช่เหรอ" ผมคลานตามขึ้นไปบนเตียง ฝ่ามือหนากำอาวุธแล้วชักรูดไปมา แอลลี่อ้าปากค้างตาแทบถลน คงจะกลัวมาก ผมเห็นแล้วอยากจะขำจริงๆ
"ไม่เอาอะ มันใหญ่ น่ากลัว" เธอตอบเสียงสั่น
"ก็ไหนว่าไม่กลัว เห็นยั่วฉันนัก"
"ไม่เอา มันใหญ่ขนาดนี้จะเอามันเข้าไปในตัวฉันได้ไง มันไม่เจ็บแย่เลยเหรอ เข้าไม่ได้หรอกเชื่อฉันสิ?" ยัยตัวแสบเริ่มหาเหตุผลมาโต้แย้ง
"เข้าได้สิ ไม่เจ็บมากหรอก อย่างน้อยๆ ก็แค่แหก" ผมเอ่ยยิ้มๆ พร้อมกับจับข้อเท้าของเธอแล้วลากเข้าหาตัวทันที ยัยตัวดีถึงกับร้องวี๊ด
"ว๊ายยย ไม่เอานะฟาบริซ ปล่อยนะ ฉันกลัว" แอลลี่ร้องดังแถมดิ้นไม่หยุดอีกต่างหาก ผมล่ะสะใจจริงๆ
"ทีหลังก็อย่ายั่ว อย่าอ่อยอีก ไม่งั้นได้แหกจริงๆ แน่" ผมขู่เธอพร้อมกับโยนเสื้อเชิ๊ตคืนให้ ยัยตัวแสบรีบเอื้อมมือไปหยิบเสื้อมาสวมใส่ทันที
"อย่าคิดทำแบบนี้เพื่อประชดใครอีก เพราะมันเป็นการลดค่าของตัวเธอเอง หัดใช้สมองซะบ้าง" ผมเองก็ไม่อยากจะว่าเธอหรอกนะ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ ถ้าเธอไปทำแบบนี้กับคนอื่นป่านนี้คงไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
"ไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน" ผมบอกกับเธอพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาพันเอวสอบไว้ แล้วเดินไปด้านนอก หยิบถุงเสื้อผ้าพร้อมกับชุดชั้นในที่สั่งให้ป้าที่ดูแลที่นี่ซื้อมาให้ส่งให้เธอ ยัยตัวแสบรับถุงเสื้อผ้าแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที
ผมเดินออกจากห้องนี้เพื่อกลับไปยังห้องอีกห้องที่เมื่อคืนยัยตัวแสบอ้วกรดไว้ ก็เห็นว่าป้าแม่บ้านที่จ้างไว้ที่ผมโทรตามมาตั้งแต่เช้ามืด แกมาทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่ทั้งหมดให้แล้วเป็นที่เรียบร้อย ร่างแกร่งเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นคั่งค้างอยู่ในตัว เจ้าลูกชายของผมปวดหนึบ มันยังแข็งโด่พร้อมรบแต่ต้องมาหยุดกลางคันแบบนี้ คนที่เดือดร้อนก็คือผมนี่แหละ
"ชิบ..ยัยแอลลี่ ยัยตัวแสบเอ๊ย!!" ผมสบถออกมาอย่างหงุดหงิด นี่ถ้าไม่เห็นแก่แด๊ดแอลตัน มีหวังยัยนั่นโดนผมกระแทกจนต้องคลานลงเตียงแน่ๆ
"เอายังไงล่ะทีนี้ ก็ต้องโลกสวยด้วยมือเราสินะ"
...
(Ally Talk)
ฉันเดินออกมายืนรับลมอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
ด้วยชุดลำลองสบายๆ เป็นชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเข้าชุดกัน อากาศที่นี่เย็นสบายดีจัง หาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าเข้ม มองไปทางไหนก็มีแต่ฟ้ากับทะเล
"หิวรึยัง" เสียงฟาบริซเอ่ยถาม ฉันรีบถอยหนีเขาทันทีเพราะยังกลัวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นอยู่ คนอะไร..ใหญ่โต น่ากลัวชะมัด
"อะ..เอ่อ ก็หิวอยู่เหมือนกัน" ฉันตอบกลับไปแต่แอบหงุดหงิดตัวเองที่หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด
"แล้วจะกลับบ้านเลยไหม หรืออยากจะอยู่ต่อ"
ฟาบริซพูดพร้อมกับรุนหลังฉันให้เดินออกไปยังรถสปอตคันหรูของเขา แล้วเปิดประตูดันร่างเล็กของฉันเข้าไปในรถพร้อมกับเดินกลับไปยังฝั่งตำแหน่งคนขับแล้วเปิดประตูรถขึ้นมานั่งข้างๆ กันแล้วขับรถออกมาจากบ้านพัก
"พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ส่วนวันจันทร์ฉันไม่มีเรียน ถ้างั้นอยู่ต่ออีกสักสองวันก็ได้ แต่ถ้านายมีธุระก็กลับก่อนได้นะ เดี๋ยวฉันให้น้ำชากับแองจี้มารับเอง"
ฟาบริซไม่พูดอะไร เขาจ้องมองไปยังถนนข้างหน้าแล้วขับรถไปเงียบๆ ฉันแอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา จริงๆ แล้วฟาบริซก็มีใบหน้าคล้ายกับเฮียฟาอยู่ไม่น้อย มองๆ ไปแล้วก็จัดเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ติดที่ว่าปากเสียไปหน่อย ถ้าไม่ปากแจ๋วก็คงจะเพอร์เฟคกว่านี้
"แอบมองฉันทำไม อยากแหกรึไง?" เขาพูดออกมาโดยไม่ได้หันมามองหน้าฉันสักนิด ฉันกำมือแน่นแต่ไม่กล้าตอบอะไรออกไป
"หึ.. ถ้าอยากก็บอกนะ ฉันพร้อมเสมอ"
...
Write Talk: ยัยตัวแสบจอมยั่ว เจอไซส์ 58 ชี้หน้าเข้าไปถึงกับอึ้งไปเลย 555 ยัยน้องกลัวแหก แต่มินทร์ไม่กลัวนะ พร้อมแหกเสมอขอแค่เธอบอกมา 555 😂
ฉันตัดสินใจว่าจะกลับไปที่บ้านพักตากอากาศเพราะอยากแน่ใจในบางสิ่งบางอย่างก่อนที่จะกลับไปทำงานในอีกสองวันข้างหน้า จริงๆ แล้วฉันชอบบรรยากาศที่รีสอร์ตของน้ามิกกี้มากนะ เพราะมันสวยงามเหมือนโลกแห่งความฝัน มีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง มัมเคยเล่าว่าสมัยก่อนตอนที่มีปัญหากับแด๊ดเคยหนีมาพักที่นี่ แต่แด๊ดก็มาตามง้อกลับไปจนได้ฉันโทรหาน้ามิกกี้เพื่อบอกว่าวันนี้ฉันจะกลับแล้ว น้ามิกกี้คงจะรู้คร่าวๆ จากมัมว่าฉันมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย ท่านบอกว่าถ้าอยากกลับจะให้เรือของรีสอร์ตไปส่งให้ไม่ต้องรอเรือจากท่าเรือให้เสียเวลา ดูความน่ารักของน้ามิกกี้สิคะ ทั้งหล่อทั้งใจดี อบอุ่นขนาดนี้แต่ทำไมถึงยังโสดอยู่นะติ๊งงงงฉันก้มลงมองที่มือถือ พบว่ามีข้อความจากฟาบริซส่งมาให้ ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ไม่รับโทรศัพท์ของเขาเลย แต่พ่อเจ้าประคุณก็ขยันส่งข้อความมาให้บ่อยๆ คงจะรู้ว่าถึงโทรมาฉันก็ไม่รับเลยส่งเป็นข้อความมาแทน ซึ่งฉันก็อ่านนะ แต่ไม่ได้ตอบกลับไปหรอก LINE / FABRIZFabriz: แอลลี่ครับ พี่คิดถึงหนูที่สุด พี่ไม่เคยนอกกายและไม่เคยนอกใจหนู ไม่เคยแม้แต่จะคิด พี่รักหนูคนเดียวนะฉันถอนหายใจเมื่ออ่านข้อความจบลง จริงๆ แล้วฉันก็แปลกใจ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะเปิดดูข้อความที่แอลลี่ส่งให้ แต่เธอรีบเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านแล้วขึ้นรถขับตามออกมาทันทีโดยไม่ได้สนใจถุงแป้งที่ตะโกนร้องเรียกตามหลังมาเลยสักนิดผมพยายามขับรถไล่ตามเธอแต่เธอขับเร็วมากแถมยังเลี้ยวเข้าซอยเล็กซอยน้อย จนผมไล่ตามไปไม่ทัน แล้วในที่สุดเราก็คลาดกันจนได้ ผมขับรถมาจอดบนถนนเลียบชายหาด พยายามโทรหาเธอเป็นสิบสายแต่เธอไม่ยอมรับสาย ผมจึงทำได้แต่นั่งกุมขมับตัวเอง"ปวดหัวชิบ!!" ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย หยิบโทรศัพท์มากดดูไลน์ที่แอลลี่ส่งมาให้ คิ้วหนาขมวดมุ่น เพ่งมองด้วยความแปลกใจ ภาพที่ส่งมาดูจากชื่อแล้วคงเป็นไอจีของไอ้กองทัพที่ถูกแท็กโดยไอจีของถุงแป้ง ภาพถ่ายพร้อมแคปชั่นทำให้ผมส่ายหัว ไม่แปลกเลยที่แอลลี่จะเข้าใจผิดแบบนี้ ส่วนโลเคชั่นและภาพถ่ายในห้องที่ถุงแป้งส่งไปมันยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าเธอตั้งใจเขย่าเสาเรือนผมกับแอลลี่แน่นอนผมกดโทรศัพท์ถึงป้าแม่บ้านทันที ไม่นานป้าก็รับสาย"คุณฟาบริซอยู่ไหนคะเนี่ย คุณถุงแป้งเธอร้องห่มร้องไห้โวยวายว่าคุณทิ้งเธอจนป้าปวดหูไปหมดแล้วค่ะ"ป้าไม่ได้พูดเกินจริงหรอก เพราะในขณะที่ผมคุยสายอย
(Ally)ฉันวางมือถือลงแล้วละสายตาจากแอพพลิเคชั่นไลน์ที่ถูกส่งมาให้แล้วมองไปยังถนนด้านหน้าพยายามตั้งสติขับรถไปยังจุดหมายซึ่งใกล้จะถึงอยู่รอมร่อ แต่หัวใจของฉันกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้ ยัยถุงแป้งส่งโลเคชั่นบ้านพักตากอากาศพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฟาบริซซื้อให้ฉันเมื่อครั้งก่อนมาเย้ยกันแบบนี้เธอคงจะประกาศสงครามกับฉันอย่างเป็นทางการแล้วสินะฉันกระพริบตาถี่ๆ ไล่หยดน้ำตาที่ตอนนี้มันเอ่อเต็มจนทำให้มองอะไรพร่าลือนไปหมด ไม่รู้ว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็เลือกที่จะมาเห็นด้วยสองตาของตัวเองมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหนก็ช่างมัน เพราะอย่างมากมันก็แค่เจ็บ หรือเจ็บปางตาย แต่มันคงไม่ถึงตายฉันจอดรถที่หน้าประตูรั้วของบ้านพัก ซึ่งมองเห็นรถหรูของฟาบริซจอดอยู่คันเดียว แต่ไม่มีรถยัยถุงแป้งแสดงว่าที่ยัยถุงแป้งโพสต์ขอบคุณที่เขาไปรับ มันก็คงเป็นเรื่องจริงสินะ ฉันเหยียดยิ้มเย้ยหยันให้กับความเจ็บปวดในหัวใจของตัวเอง เอามือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วก้าวเท้าลงไปจากรถ สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด "พร้อมเผชิญกับความจริงเถอะนะแอลลี่" ฉันกลั้นใจบอกกับตัวเองพร้อมกับก้าวเดินเข้าไ
ถุงแป้งนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากที่เธอลงรูปภาพพร้อมแคปชั่นเด็ดในไอจีโดยตั้งใจแท็กไปที่กองทัพ เพราะเธอรู้ว่าแอลลี่กับกองทัพตามไอจีของกันและกันอยู่"ป่านนี้อกแตกตายไปหรือยังล่ะนังแอลลี่" ถุงแป้งยิ้มเยาะอยู่ในใจ ตอนนี้เธอกำลังนั่งเชิดหน้าชูคออยู่บนรถหรูราคาเกือบสามร้อยล้าน โดยมีชายหนุ่มรูปหล่อฐานะอภิมหึมามหาเศรษฐีเป็นคนขับให้นั่ง มันช่างมีความสุขเสียนี่กระไร"ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้คุณตรวจดูเอกสารให้เรียบร้อย ทำไมถึงพลาดได้" ฟาบริซพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่ถุงแป้งก็หาได้แคร์ไม่ ปล่อยให้หงุดหงิดไปก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวคืนนี้เธอจะปลดปล่อยให้เขาหายหงุดหงิดเองนั่นแหละ"ถุงแป้งขอโทษด้วยนะคะที่พลาดไป แต่พอรู้ถุงแป้งก็รีบขับรถตามมาให้ทันทีเลยค่ะ" หล่อนทำหน้าเศร้าสุดชีวิตใส่ฟาบริซ เขาส่ายหน้าไปมาแล้วถอนหายใจยาว"แล้วที่ว่ารถเสีย มันเป็นอะไร" ฟาบริซเอ่ยถามในขณะที่ยังมองตรงไปด้านหน้า ไม่หันหน้ามามองเธอเลยตลอดเส้นทาง แต่ถุงแป้งก็ไม่ใส่ใจอีกนั่นแหละ เพราะคืนนี้เธอจะให้เขามองทุกส่วนยิ่งกว่าให้มองหน้าอีก"ถุงแป้งก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ขับมาอยู่ดีๆ มันก็ดับไปแล้วก็สตาร์ทไม่ติดอีกเลย"ฟาบริซพยายามข่มใจไม
"อ๊ะ อื้ออออ พะ..พี่ฟาบริซ อ๊าาาา"ฉันร้องครางอย่างไม่อาย เพราะตอนนี้ลิ้นอุ่น ๆ ของเขากำลังเล่นงานฉันอย่างหนัก แถมเขายังใช้นิ้วหัวแม่มือบดคลึงเป็นวงกลมเบา ๆ ที่เกสรสาวของฉันไม่หยุด ฉันเสียวจนไม่รู้จะบรรยายยังไง รู้แต่ว่าตอนนี้ร่างเล็กรุ่มร้อนไปหมด แถมความเสียวซ่านยังวิ่งวนไปทั่วร่าง"อื้มมมมมม"เสียงพี่ฟาบริซครางงึมงำในลำคอ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากหว่างขาขาวของฉันเลย ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าร่างกายมันเบาโหวงเหวงเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ขนอ่อนลุกเกรียว ความเสียววิ่งมากระจุกตัวรวมกันอยู่ที่ส่วนยอดของเกสรสาวจนใกล้จะประทุเต็มทนแล้ว ฉันกัดริมฝีปากแล้วเชิดหน้าขึ้น"อ๊าาาา พี่ฟาบริซ แอลลี่เสียว อร๊ายยยย"ร่างเล็กเกร็งกระตุกพร้อมกับปลดปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย แต่เขาก็ดูดดื่มมันจนหมด ฉันหอบหายใจถี่รัว รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายเหมือนไปวิ่งรอบสนามสักสิบรอบทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงแค่นอนรับเสียวอยู่บนโต๊ะนี้เท่านั้น พี่ฟาบริซเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดเนินเนื้อสาวอย่างทะนุถนอม ฉันแอบมองเห็นเขาจ้องแอลลี่น้อยแล้วยิ้มให้อย่างมีความสุขเหลือเกิน เขาค่อย ๆ แยกกลีบกุหลาบออกจากกันแล้วซับเบา ๆ จนฉันอดเ
ฉันแวะเอาอาหารที่ซื้อมาฝากเฮียฟาไปให้ที่ห้องทำงานและอยู่คุยด้วยอีกนิดหน่อยก่อนที่จะขอตัวมาหาพี่ฟาบริซที่ห้องก๊อก ก๊อก ก๊อกมือเล็กเคาะประตูตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไป พี่ฟาบริซเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะทำงานแล้วส่งยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาพลางหยิบถุงอาหารที่อยู่ในมือไปถือไว้แทน"ซื้ออะไรมาฝากพี่เหรอครับ" เขาเอ่ยถามพร้อมกับจูบที่แก้มเนียนฟอดใหญ่"พอดีแอลลี่แวะไปหาซื้อเสื้อผ้าใส่ทำงานที่ห้างใกล้ๆ นี่แหละค่ะ ซื้อเสร็จแล้วหิว ก็เลยแวะทานอาหารแล้วร้านนี้อร่อยมาก แอลลี่เลยซื้อมาฝาก" ฟาบริซจูงมือฉันมานั่งที่โต๊ะเล็กที่โซนใกล้ๆ กัน เป็นโต๊ะที่ไว้นั่งทานของเบรคและดื่มกาแฟเพื่อพักผ่อนระหว่างการทำงาน"หิวไหมคะ แอลลี่ซื้อสลัดโรลดอกไม้มาฝากด้วยนะ น้ำสลัดงาญี่ปุ่นอร่อยมากเลย มีเครื่องดื่มแบบฟิวชั่นด้วย เดี๋ยวเอาไปจัดใส่จานให้นะ" ฉันเอ่ยพลางหยิบถุงอาหารแล้วเดินเข้าไปยังเคาท์เตอร์เล็ก ๆ ที่มีจานและช้อนแยกไว้อยู่ ฉันจัดสลัดดอกไม้ใส่จาน พร้อมกับหยิบขวด Watermelon Rosemary Flavered Water เป็นน้ำฟิวชั่นที่ใช้แตงโมและโรสแมรี่เป็นส่วนประกอบ รสชาติหอมหวานละมุนละไม หลังจากนั้นก็เดินไปเสริฟให