แอลลี่ลุกขึ้นแล้วก้าวลงจากเตียงนอน เธอหันไปหยิบกุญแจรถที่ฟาบริซวางไว้ที่หัวเตียง แล้วก้าวเท้าออกจากห้องทันที แต่ฟาบริซรีบวิ่งไปกอดร่างเล็กไว้ไม่ให้เธอเดินออกไป
"หยุดเลยแอลลี่ เธอจะไปไหน มันดึกมากแล้วนะ ไปนอนเดี๋ยวนี้เลย" ฟาบริซสั่งเสียงดุ แล้วหยิบกุญแจรถจากมือของเธอโยนไปยังโซฟาที่ห่างออกไป
"ฉันก็แค่อยากรู้ว่านอกจากนายสองคนพี่น้องแล้วผู้ชายคนอื่นจะปฏิเสธฉันเหมือนกันทุกคนไหม ฉันมันน่ารังเกียจจริงๆ หรือเปล่า?" แอลลี่พูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู ฟาบริซถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยใจในความดื้อรั้นของเธอ
"เลิกบ้าแล้วตั้งสติเดี๋ยวนี้!! ฟังนะแอลลี่ เธอสวย น่ารักมาก น่าเอามากๆ ด้วย ไม่มีผู้ชายหน้าโง่คนไหนไม่อยากได้เธอหรอก แต่ที่เฮียฟาทำอย่างนั้นเพราะเขารักเธอเกินกว่าที่จะทำลายเธอได้ เพราะเธอมีค่ากับเฮียฟามากกว่าความใคร่แค่ชั่วครั้งชั่วคราว เข้าใจหรือยัง?" ฟาบริซพูดในขณะที่แอลลี่เองก็ตั้งใจฟัง เธอยืนจ้องเขาตาแป๋ว
"แล้วที่นายบอกว่าฉันสวย น่ารักมาก น่า..เอ่อ..น่าเอามากๆ แล้วทำไมนายถึงปฏิเสธฉันล่ะ?" แอลลี่ยังไม่หายสงสัย
"เห้อ!!... เธอนี่มันเซ้าซี้จริงๆ เลย"
ฟาบริซจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ปกติเขาไม่เคยพูดจาดีๆ กับเธอแบบนี้หรอกเพราะเจอทีไรก็กัดกันทุกที แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่าใจของเธอบอบช้ำมาจากพี่ชายของเขา ฟาบริซจึงไม่อยากซ้ำเติมเธอมากไปกว่านี้ เขามองใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ในขณะที่แอลลี่ก็ยังคงยืนนิ่งรอฟังคำตอบจากเขาอยู่
"โอเค ฉันยอมรับว่าเธอสวย ร่างกายของเธอก็สวยจนไร้ที่ติ สวยเย้ายวนจนฉันเองในฐานะผู้ชายคนนึงก็อยากเอาเธอมากๆ เหมือนกัน แต่ฉันไม่อยากเป็นคนฉวยโอกาสในตอนที่เธอไม่มีสติไง ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีแต่ก็ไม่ได้เลวขนาดนั้น"
ฟาบริซตอบอย่างหัวเสีย ในขณะที่แอลลี่คลี่ยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ ความจริงเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแค่ปากเสียไปหน่อยเท่านั้นเอง
แอลลี่ลูบไล้ฝ่ามือเล็กนั้นไปยังอกแกร่งของเขาแล้วช้อนสายตาขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลานั้นด้วยแววตาหวานเยิ้ม .. เอาน่ะ! ลองยั่วให้เขาหัวเสียดูสักหน่อยก็คงสนุกดี
"แต่ตอนนี้ฉันมีสติแล้วนะ แล้วถ้าฉันอนุญาตให้นายทำ นายจะว่ายังไง?"
"พูดอะไรเพ้อเจ้อน่ะแอลลี่ เมาก็ไปนอนไป๊" ฟาบริซจูงมือของเธอแล้วรั้งร่างเล็กเข้ามายังห้องนอนโดยที่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
"ที่นี่มีห้องนอนแค่สองห้อง แต่เธออ้วกใส่อีกห้องนึงไปแล้ว คืนนี้คงต้องนอนห้องเดียวกันนี่แหละ เธอนอนเตียงแล้วกัน เดี๋ยวฉันนอนพื้น" ฟาบริซพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบหมอนแต่กลับถูกแอลลี่จับมือเอาไว้ก่อน
"ไม่ต้องหรอก นอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ" แอลลี่นั่งลงบนเตียงแล้วกระชากมือของฟาบริซเข้าหาตัว จนร่างแกร่งล้มลงคร่อมร่างเล็กนั้นไว้พอดิบพอดี
ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันชนิดหน้าผากชนหน้าผาก ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดใบหน้าของกันและกัน ทั้งสองคนสบสายตากันนิ่ง ฝ่ามือนุ่มของแอลลี่ลูบไล้ที่แก้มสากและแนวสันกรามเขียวครึ้ม ไล่ลงมายังคางบุ๋ม และไล้นิ้วหัวแม่มือไปมายังริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม ฟาบริซหลับตาลง พยายามควบคุมอารมณ์กระสันไว้ภายในอย่างยิ่งยวด
หมับ
ฟาบริซจับมือนุ่มนั้นทันที เขาถอนหายใจหนักๆ ก่อนที่จะพูดกับหญิงสาวตรงหน้า
"อย่ายั่วนะแอลลี่ ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูน นอนซะ ก่อนที่เธอจะไม่ได้นอน" เมื่อพูดจบเขาก็ล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังให้กับเธอทันที
เช้าวันต่อมา
(Ally Talk)
"อื้อ~"
ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะมีความรู้สึกว่าแสงแดดมันแยงตาเสียเหลือเกิน แถมยังรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด
"ซ่าาาา~"
อ๊ะ!! เสียงที่ดังนั่นมันเสียงคลื่นนี่นา นี่ฉันอยู่ที่ทะเลเหรอเนี่ย ฉันขยับตัวจะลุกขึ้นแต่รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาพาดที่เอวคอด ฉันจึงเบือนหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นฟาบริซที่นอนอยู่ข้างๆ เขากำลังหลับสนิทโดยที่ลำแขนแกร่งนั้นกำลังกอดรัดฉันอยู่ ฉันขมวดคิ้วมุ่น สมองเริ่มประมวลผลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แล้วความทรงจำต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าสู่สมองทันที รวมถึงเรื่องที่ฟาบริซอาบน้ำให้ และตอนที่เราจูบกันด้วย
"ตายๆๆ ~"
ฉันเผลอพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับนิ้วเรียวที่ยกขึ้นสัมผัสริมฝีปากตัวเองโดยอัตโนมัติ ก็จะไม่ให้ช็อคได้ยังไง เพราะปกติฉันกับฟาบริซถูกกันซะที่ไหนเล่า อย่าว่าแต่จูบกันเลย ให้อยู่ใกล้ๆ แล้วไม่กัดกันให้ได้ก่อนเถอะ
"อืมมม"
เสียงครางทุ้มต่ำของฟาบริซดังขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับการขยับตัวของเขา ฉันจึงรีบหลับตาแกล้งทำเป็นว่ายังหลับอยู่ ก็ใครจะกล้ากล้าตื่นมาเจอหน้าเขาตอนนี้กันล่ะ เพราะเมื่อคืนฉันสร้างวีรกรรมเอาไว้เพียบขนาดนั้น ไหนจะอ้วกใส่เขาอีก ทำไปได้ไงยัยแอลลี่เอ๊ย!
"ตื่นแล้วทำไมยังไม่ลุก หรืออยากให้ฉันนอนกอดอยู่แบบนี้"
นั่นไง! เห็นไหมล่ะ ตื่นมาปุ๊บก็กัดฉันปั๊บเลย ฉันลืมตาแล้วรีบลุกขึ้นทันทีแต่คงเป็นเพราะฉันลุกเร็วเกินไปหรือคงยังเมาค้างอยู่จึงรู้สึกวิงเวียนแปลกๆ ร่างเล็กจึงล้มลงปะทะกับอกแกร่งของเขา
"เป็นไร อ่อยฉันรึไง เห็นฉันแบบนี้แต่ฉันก็เลือกนะ" ฟาบริซยังคงปากหมาอย่างต่อเนื่อง สกิลปากหมาขั้นสุดจริงๆ ฉันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดพร้อมกับพยายามดันตัวเองขึ้นจากแผงอกของเขา แต่ฝ่ามือหนากลับกอดร่างเล็กของฉันแนบอกอีกครั้ง
"ลุกเร็วแบบนั้นก็เวียนหัวสิ นอนเฉยๆ ก่อน"
เสียงฟาบริซบอกกับฉัน .. อะไรของเขา เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย บ้าบอ แต่ฉันก็ยอมแนบหน้าลงนอนบนอกแกร่งนั้นโดยไม่ขยับไปไหน ไม่ใช่เพราะฉันเชื่อฟังเขาหรอกนะ แต่เป็นเพราะฉันเวียนหัวจริงๆ นั่นแหละ อีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยกับความผิดหวังเรื่องของเฮียฟาที่มันมากเสียจนไม่มีอารมณ์จะกัดกับเขาแล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันขอสงบศึกชั่วคราวไปก่อนก็แล้วกัน
ตึก ตึก ตึก
ฉันได้ยินเสียงหัวใจของฟาบริซที่ตอนนี้มันเต้นแรงมากๆ หรือเป็นเพราะหูของฉันกำลังแนบกับหน้าอกของเขาอยู่เลยทำให้ได้ยินชัดเจนขนาดนี้
...
(Fabriz Talk)
ตึก ตึก ตึก
ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่มันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ก็จะไม่ให้เต้นแรงยังไงไหว ก็ยัยตัวยุ่งกำลังนอนซบอยู่บนแผงอกของผมตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ รวมถึงร่างนุ่มนิ่มที่ผมกำลังกอดอยู่มันปลุกเร้าความเป็นชายในตัวผมเสียเหลือเกิน ผมพยายามห้ามใจตัวเองอยู่ แต่ทรวงอกนุ่มๆ ของเธอที่ทาบทับลงมาบดเบียดกับอกแกร่งโดยปราศจากชุดชั้นใน มีแค่เสื้อตัวบางที่เธอสวมใส่กั้นไว้แค่นั้นเอง ที่ผมรู้ก็เพราะว่าผมเป็นคนอาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้เธอเองกับมือ แล้วตอนนี้เจ้าลูกชายของผมมันก็ดันแข็งตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เสียด้วย
"หายเวียนหัวยัง"
ผมเอ่ยถาม เธอค่อยๆ ผงกหัวขึ้นมาแต่ไม่ยอมลุกขึ้นจากอกของผม แถมยังค่อยๆ ขยับขึ้นมาใกล้จนใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบจนผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเธอ ฝ่ามือเรียวของเธอรวบผมยาวสลวยของตัวเองไพล่ไว้ที่ซอกคอข้างหนึ่ง แต่สายตาของเธอยังคงมองผมนิ่งๆ คล้ายกับจงใจแกล้งผมอย่างนั้นแหละ
"เซ็กซี่ชิบหาย เชี่ยเอ้ย!! งานนี้ลูกชายกูได้แข็งตายแน่ๆ"
...
Write Talk: ยัยน้องมันยั่วเก่ง ขยันยั่วขยันอ่อยแบบนี้ระวังจะโดนอีพี่มันกินนะ 😂😂
ฉันตัดสินใจว่าจะกลับไปที่บ้านพักตากอากาศเพราะอยากแน่ใจในบางสิ่งบางอย่างก่อนที่จะกลับไปทำงานในอีกสองวันข้างหน้า จริงๆ แล้วฉันชอบบรรยากาศที่รีสอร์ตของน้ามิกกี้มากนะ เพราะมันสวยงามเหมือนโลกแห่งความฝัน มีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง มัมเคยเล่าว่าสมัยก่อนตอนที่มีปัญหากับแด๊ดเคยหนีมาพักที่นี่ แต่แด๊ดก็มาตามง้อกลับไปจนได้ฉันโทรหาน้ามิกกี้เพื่อบอกว่าวันนี้ฉันจะกลับแล้ว น้ามิกกี้คงจะรู้คร่าวๆ จากมัมว่าฉันมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย ท่านบอกว่าถ้าอยากกลับจะให้เรือของรีสอร์ตไปส่งให้ไม่ต้องรอเรือจากท่าเรือให้เสียเวลา ดูความน่ารักของน้ามิกกี้สิคะ ทั้งหล่อทั้งใจดี อบอุ่นขนาดนี้แต่ทำไมถึงยังโสดอยู่นะติ๊งงงงฉันก้มลงมองที่มือถือ พบว่ามีข้อความจากฟาบริซส่งมาให้ ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ไม่รับโทรศัพท์ของเขาเลย แต่พ่อเจ้าประคุณก็ขยันส่งข้อความมาให้บ่อยๆ คงจะรู้ว่าถึงโทรมาฉันก็ไม่รับเลยส่งเป็นข้อความมาแทน ซึ่งฉันก็อ่านนะ แต่ไม่ได้ตอบกลับไปหรอก LINE / FABRIZFabriz: แอลลี่ครับ พี่คิดถึงหนูที่สุด พี่ไม่เคยนอกกายและไม่เคยนอกใจหนู ไม่เคยแม้แต่จะคิด พี่รักหนูคนเดียวนะฉันถอนหายใจเมื่ออ่านข้อความจบลง จริงๆ แล้วฉันก็แปลกใจ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะเปิดดูข้อความที่แอลลี่ส่งให้ แต่เธอรีบเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านแล้วขึ้นรถขับตามออกมาทันทีโดยไม่ได้สนใจถุงแป้งที่ตะโกนร้องเรียกตามหลังมาเลยสักนิดผมพยายามขับรถไล่ตามเธอแต่เธอขับเร็วมากแถมยังเลี้ยวเข้าซอยเล็กซอยน้อย จนผมไล่ตามไปไม่ทัน แล้วในที่สุดเราก็คลาดกันจนได้ ผมขับรถมาจอดบนถนนเลียบชายหาด พยายามโทรหาเธอเป็นสิบสายแต่เธอไม่ยอมรับสาย ผมจึงทำได้แต่นั่งกุมขมับตัวเอง"ปวดหัวชิบ!!" ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย หยิบโทรศัพท์มากดดูไลน์ที่แอลลี่ส่งมาให้ คิ้วหนาขมวดมุ่น เพ่งมองด้วยความแปลกใจ ภาพที่ส่งมาดูจากชื่อแล้วคงเป็นไอจีของไอ้กองทัพที่ถูกแท็กโดยไอจีของถุงแป้ง ภาพถ่ายพร้อมแคปชั่นทำให้ผมส่ายหัว ไม่แปลกเลยที่แอลลี่จะเข้าใจผิดแบบนี้ ส่วนโลเคชั่นและภาพถ่ายในห้องที่ถุงแป้งส่งไปมันยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าเธอตั้งใจเขย่าเสาเรือนผมกับแอลลี่แน่นอนผมกดโทรศัพท์ถึงป้าแม่บ้านทันที ไม่นานป้าก็รับสาย"คุณฟาบริซอยู่ไหนคะเนี่ย คุณถุงแป้งเธอร้องห่มร้องไห้โวยวายว่าคุณทิ้งเธอจนป้าปวดหูไปหมดแล้วค่ะ"ป้าไม่ได้พูดเกินจริงหรอก เพราะในขณะที่ผมคุยสายอย
(Ally)ฉันวางมือถือลงแล้วละสายตาจากแอพพลิเคชั่นไลน์ที่ถูกส่งมาให้แล้วมองไปยังถนนด้านหน้าพยายามตั้งสติขับรถไปยังจุดหมายซึ่งใกล้จะถึงอยู่รอมร่อ แต่หัวใจของฉันกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้ ยัยถุงแป้งส่งโลเคชั่นบ้านพักตากอากาศพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฟาบริซซื้อให้ฉันเมื่อครั้งก่อนมาเย้ยกันแบบนี้เธอคงจะประกาศสงครามกับฉันอย่างเป็นทางการแล้วสินะฉันกระพริบตาถี่ๆ ไล่หยดน้ำตาที่ตอนนี้มันเอ่อเต็มจนทำให้มองอะไรพร่าลือนไปหมด ไม่รู้ว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็เลือกที่จะมาเห็นด้วยสองตาของตัวเองมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหนก็ช่างมัน เพราะอย่างมากมันก็แค่เจ็บ หรือเจ็บปางตาย แต่มันคงไม่ถึงตายฉันจอดรถที่หน้าประตูรั้วของบ้านพัก ซึ่งมองเห็นรถหรูของฟาบริซจอดอยู่คันเดียว แต่ไม่มีรถยัยถุงแป้งแสดงว่าที่ยัยถุงแป้งโพสต์ขอบคุณที่เขาไปรับ มันก็คงเป็นเรื่องจริงสินะ ฉันเหยียดยิ้มเย้ยหยันให้กับความเจ็บปวดในหัวใจของตัวเอง เอามือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วก้าวเท้าลงไปจากรถ สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด "พร้อมเผชิญกับความจริงเถอะนะแอลลี่" ฉันกลั้นใจบอกกับตัวเองพร้อมกับก้าวเดินเข้าไ
ถุงแป้งนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากที่เธอลงรูปภาพพร้อมแคปชั่นเด็ดในไอจีโดยตั้งใจแท็กไปที่กองทัพ เพราะเธอรู้ว่าแอลลี่กับกองทัพตามไอจีของกันและกันอยู่"ป่านนี้อกแตกตายไปหรือยังล่ะนังแอลลี่" ถุงแป้งยิ้มเยาะอยู่ในใจ ตอนนี้เธอกำลังนั่งเชิดหน้าชูคออยู่บนรถหรูราคาเกือบสามร้อยล้าน โดยมีชายหนุ่มรูปหล่อฐานะอภิมหึมามหาเศรษฐีเป็นคนขับให้นั่ง มันช่างมีความสุขเสียนี่กระไร"ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้คุณตรวจดูเอกสารให้เรียบร้อย ทำไมถึงพลาดได้" ฟาบริซพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่ถุงแป้งก็หาได้แคร์ไม่ ปล่อยให้หงุดหงิดไปก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวคืนนี้เธอจะปลดปล่อยให้เขาหายหงุดหงิดเองนั่นแหละ"ถุงแป้งขอโทษด้วยนะคะที่พลาดไป แต่พอรู้ถุงแป้งก็รีบขับรถตามมาให้ทันทีเลยค่ะ" หล่อนทำหน้าเศร้าสุดชีวิตใส่ฟาบริซ เขาส่ายหน้าไปมาแล้วถอนหายใจยาว"แล้วที่ว่ารถเสีย มันเป็นอะไร" ฟาบริซเอ่ยถามในขณะที่ยังมองตรงไปด้านหน้า ไม่หันหน้ามามองเธอเลยตลอดเส้นทาง แต่ถุงแป้งก็ไม่ใส่ใจอีกนั่นแหละ เพราะคืนนี้เธอจะให้เขามองทุกส่วนยิ่งกว่าให้มองหน้าอีก"ถุงแป้งก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ขับมาอยู่ดีๆ มันก็ดับไปแล้วก็สตาร์ทไม่ติดอีกเลย"ฟาบริซพยายามข่มใจไม
"อ๊ะ อื้ออออ พะ..พี่ฟาบริซ อ๊าาาา"ฉันร้องครางอย่างไม่อาย เพราะตอนนี้ลิ้นอุ่น ๆ ของเขากำลังเล่นงานฉันอย่างหนัก แถมเขายังใช้นิ้วหัวแม่มือบดคลึงเป็นวงกลมเบา ๆ ที่เกสรสาวของฉันไม่หยุด ฉันเสียวจนไม่รู้จะบรรยายยังไง รู้แต่ว่าตอนนี้ร่างเล็กรุ่มร้อนไปหมด แถมความเสียวซ่านยังวิ่งวนไปทั่วร่าง"อื้มมมมมม"เสียงพี่ฟาบริซครางงึมงำในลำคอ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากหว่างขาขาวของฉันเลย ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าร่างกายมันเบาโหวงเหวงเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ขนอ่อนลุกเกรียว ความเสียววิ่งมากระจุกตัวรวมกันอยู่ที่ส่วนยอดของเกสรสาวจนใกล้จะประทุเต็มทนแล้ว ฉันกัดริมฝีปากแล้วเชิดหน้าขึ้น"อ๊าาาา พี่ฟาบริซ แอลลี่เสียว อร๊ายยยย"ร่างเล็กเกร็งกระตุกพร้อมกับปลดปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย แต่เขาก็ดูดดื่มมันจนหมด ฉันหอบหายใจถี่รัว รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายเหมือนไปวิ่งรอบสนามสักสิบรอบทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงแค่นอนรับเสียวอยู่บนโต๊ะนี้เท่านั้น พี่ฟาบริซเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดเนินเนื้อสาวอย่างทะนุถนอม ฉันแอบมองเห็นเขาจ้องแอลลี่น้อยแล้วยิ้มให้อย่างมีความสุขเหลือเกิน เขาค่อย ๆ แยกกลีบกุหลาบออกจากกันแล้วซับเบา ๆ จนฉันอดเ
ฉันแวะเอาอาหารที่ซื้อมาฝากเฮียฟาไปให้ที่ห้องทำงานและอยู่คุยด้วยอีกนิดหน่อยก่อนที่จะขอตัวมาหาพี่ฟาบริซที่ห้องก๊อก ก๊อก ก๊อกมือเล็กเคาะประตูตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไป พี่ฟาบริซเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะทำงานแล้วส่งยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาพลางหยิบถุงอาหารที่อยู่ในมือไปถือไว้แทน"ซื้ออะไรมาฝากพี่เหรอครับ" เขาเอ่ยถามพร้อมกับจูบที่แก้มเนียนฟอดใหญ่"พอดีแอลลี่แวะไปหาซื้อเสื้อผ้าใส่ทำงานที่ห้างใกล้ๆ นี่แหละค่ะ ซื้อเสร็จแล้วหิว ก็เลยแวะทานอาหารแล้วร้านนี้อร่อยมาก แอลลี่เลยซื้อมาฝาก" ฟาบริซจูงมือฉันมานั่งที่โต๊ะเล็กที่โซนใกล้ๆ กัน เป็นโต๊ะที่ไว้นั่งทานของเบรคและดื่มกาแฟเพื่อพักผ่อนระหว่างการทำงาน"หิวไหมคะ แอลลี่ซื้อสลัดโรลดอกไม้มาฝากด้วยนะ น้ำสลัดงาญี่ปุ่นอร่อยมากเลย มีเครื่องดื่มแบบฟิวชั่นด้วย เดี๋ยวเอาไปจัดใส่จานให้นะ" ฉันเอ่ยพลางหยิบถุงอาหารแล้วเดินเข้าไปยังเคาท์เตอร์เล็ก ๆ ที่มีจานและช้อนแยกไว้อยู่ ฉันจัดสลัดดอกไม้ใส่จาน พร้อมกับหยิบขวด Watermelon Rosemary Flavered Water เป็นน้ำฟิวชั่นที่ใช้แตงโมและโรสแมรี่เป็นส่วนประกอบ รสชาติหอมหวานละมุนละไม หลังจากนั้นก็เดินไปเสริฟให