แอลลี่ลุกขึ้นแล้วก้าวลงจากเตียงนอน เธอหันไปหยิบกุญแจรถที่ฟาบริซวางไว้ที่หัวเตียง แล้วก้าวเท้าออกจากห้องทันที แต่ฟาบริซรีบวิ่งไปกอดร่างเล็กไว้ไม่ให้เธอเดินออกไป
"หยุดเลยแอลลี่ เธอจะไปไหน มันดึกมากแล้วนะ ไปนอนเดี๋ยวนี้เลย" ฟาบริซสั่งเสียงดุ แล้วหยิบกุญแจรถจากมือของเธอโยนไปยังโซฟาที่ห่างออกไป
"ฉันก็แค่อยากรู้ว่านอกจากนายสองคนพี่น้องแล้วผู้ชายคนอื่นจะปฏิเสธฉันเหมือนกันทุกคนไหม ฉันมันน่ารังเกียจจริงๆ หรือเปล่า?" แอลลี่พูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู ฟาบริซถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยใจในความดื้อรั้นของเธอ
"เลิกบ้าแล้วตั้งสติเดี๋ยวนี้!! ฟังนะแอลลี่ เธอสวย น่ารักมาก น่าเอามากๆ ด้วย ไม่มีผู้ชายหน้าโง่คนไหนไม่อยากได้เธอหรอก แต่ที่เฮียฟาทำอย่างนั้นเพราะเขารักเธอเกินกว่าที่จะทำลายเธอได้ เพราะเธอมีค่ากับเฮียฟามากกว่าความใคร่แค่ชั่วครั้งชั่วคราว เข้าใจหรือยัง?" ฟาบริซพูดในขณะที่แอลลี่เองก็ตั้งใจฟัง เธอยืนจ้องเขาตาแป๋ว
"แล้วที่นายบอกว่าฉันสวย น่ารักมาก น่า..เอ่อ..น่าเอามากๆ แล้วทำไมนายถึงปฏิเสธฉันล่ะ?" แอลลี่ยังไม่หายสงสัย
"เห้อ!!... เธอนี่มันเซ้าซี้จริงๆ เลย"
ฟาบริซจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ปกติเขาไม่เคยพูดจาดีๆ กับเธอแบบนี้หรอกเพราะเจอทีไรก็กัดกันทุกที แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่าใจของเธอบอบช้ำมาจากพี่ชายของเขา ฟาบริซจึงไม่อยากซ้ำเติมเธอมากไปกว่านี้ เขามองใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ในขณะที่แอลลี่ก็ยังคงยืนนิ่งรอฟังคำตอบจากเขาอยู่
"โอเค ฉันยอมรับว่าเธอสวย ร่างกายของเธอก็สวยจนไร้ที่ติ สวยเย้ายวนจนฉันเองในฐานะผู้ชายคนนึงก็อยากเอาเธอมากๆ เหมือนกัน แต่ฉันไม่อยากเป็นคนฉวยโอกาสในตอนที่เธอไม่มีสติไง ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีแต่ก็ไม่ได้เลวขนาดนั้น"
ฟาบริซตอบอย่างหัวเสีย ในขณะที่แอลลี่คลี่ยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ ความจริงเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแค่ปากเสียไปหน่อยเท่านั้นเอง
แอลลี่ลูบไล้ฝ่ามือเล็กนั้นไปยังอกแกร่งของเขาแล้วช้อนสายตาขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลานั้นด้วยแววตาหวานเยิ้ม .. เอาน่ะ! ลองยั่วให้เขาหัวเสียดูสักหน่อยก็คงสนุกดี
"แต่ตอนนี้ฉันมีสติแล้วนะ แล้วถ้าฉันอนุญาตให้นายทำ นายจะว่ายังไง?"
"พูดอะไรเพ้อเจ้อน่ะแอลลี่ เมาก็ไปนอนไป๊" ฟาบริซจูงมือของเธอแล้วรั้งร่างเล็กเข้ามายังห้องนอนโดยที่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
"ที่นี่มีห้องนอนแค่สองห้อง แต่เธออ้วกใส่อีกห้องนึงไปแล้ว คืนนี้คงต้องนอนห้องเดียวกันนี่แหละ เธอนอนเตียงแล้วกัน เดี๋ยวฉันนอนพื้น" ฟาบริซพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบหมอนแต่กลับถูกแอลลี่จับมือเอาไว้ก่อน
"ไม่ต้องหรอก นอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ" แอลลี่นั่งลงบนเตียงแล้วกระชากมือของฟาบริซเข้าหาตัว จนร่างแกร่งล้มลงคร่อมร่างเล็กนั้นไว้พอดิบพอดี
ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันชนิดหน้าผากชนหน้าผาก ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดใบหน้าของกันและกัน ทั้งสองคนสบสายตากันนิ่ง ฝ่ามือนุ่มของแอลลี่ลูบไล้ที่แก้มสากและแนวสันกรามเขียวครึ้ม ไล่ลงมายังคางบุ๋ม และไล้นิ้วหัวแม่มือไปมายังริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม ฟาบริซหลับตาลง พยายามควบคุมอารมณ์กระสันไว้ภายในอย่างยิ่งยวด
หมับ
ฟาบริซจับมือนุ่มนั้นทันที เขาถอนหายใจหนักๆ ก่อนที่จะพูดกับหญิงสาวตรงหน้า
"อย่ายั่วนะแอลลี่ ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูน นอนซะ ก่อนที่เธอจะไม่ได้นอน" เมื่อพูดจบเขาก็ล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังให้กับเธอทันที
เช้าวันต่อมา
(Ally Talk)
"อื้อ~"
ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะมีความรู้สึกว่าแสงแดดมันแยงตาเสียเหลือเกิน แถมยังรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด
"ซ่าาาา~"
อ๊ะ!! เสียงที่ดังนั่นมันเสียงคลื่นนี่นา นี่ฉันอยู่ที่ทะเลเหรอเนี่ย ฉันขยับตัวจะลุกขึ้นแต่รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาพาดที่เอวคอด ฉันจึงเบือนหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นฟาบริซที่นอนอยู่ข้างๆ เขากำลังหลับสนิทโดยที่ลำแขนแกร่งนั้นกำลังกอดรัดฉันอยู่ ฉันขมวดคิ้วมุ่น สมองเริ่มประมวลผลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แล้วความทรงจำต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าสู่สมองทันที รวมถึงเรื่องที่ฟาบริซอาบน้ำให้ และตอนที่เราจูบกันด้วย
"ตายๆๆ ~"
ฉันเผลอพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับนิ้วเรียวที่ยกขึ้นสัมผัสริมฝีปากตัวเองโดยอัตโนมัติ ก็จะไม่ให้ช็อคได้ยังไง เพราะปกติฉันกับฟาบริซถูกกันซะที่ไหนเล่า อย่าว่าแต่จูบกันเลย ให้อยู่ใกล้ๆ แล้วไม่กัดกันให้ได้ก่อนเถอะ
"อืมมม"
เสียงครางทุ้มต่ำของฟาบริซดังขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับการขยับตัวของเขา ฉันจึงรีบหลับตาแกล้งทำเป็นว่ายังหลับอยู่ ก็ใครจะกล้ากล้าตื่นมาเจอหน้าเขาตอนนี้กันล่ะ เพราะเมื่อคืนฉันสร้างวีรกรรมเอาไว้เพียบขนาดนั้น ไหนจะอ้วกใส่เขาอีก ทำไปได้ไงยัยแอลลี่เอ๊ย!
"ตื่นแล้วทำไมยังไม่ลุก หรืออยากให้ฉันนอนกอดอยู่แบบนี้"
นั่นไง! เห็นไหมล่ะ ตื่นมาปุ๊บก็กัดฉันปั๊บเลย ฉันลืมตาแล้วรีบลุกขึ้นทันทีแต่คงเป็นเพราะฉันลุกเร็วเกินไปหรือคงยังเมาค้างอยู่จึงรู้สึกวิงเวียนแปลกๆ ร่างเล็กจึงล้มลงปะทะกับอกแกร่งของเขา
"เป็นไร อ่อยฉันรึไง เห็นฉันแบบนี้แต่ฉันก็เลือกนะ" ฟาบริซยังคงปากหมาอย่างต่อเนื่อง สกิลปากหมาขั้นสุดจริงๆ ฉันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดพร้อมกับพยายามดันตัวเองขึ้นจากแผงอกของเขา แต่ฝ่ามือหนากลับกอดร่างเล็กของฉันแนบอกอีกครั้ง
"ลุกเร็วแบบนั้นก็เวียนหัวสิ นอนเฉยๆ ก่อน"
เสียงฟาบริซบอกกับฉัน .. อะไรของเขา เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย บ้าบอ แต่ฉันก็ยอมแนบหน้าลงนอนบนอกแกร่งนั้นโดยไม่ขยับไปไหน ไม่ใช่เพราะฉันเชื่อฟังเขาหรอกนะ แต่เป็นเพราะฉันเวียนหัวจริงๆ นั่นแหละ อีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยกับความผิดหวังเรื่องของเฮียฟาที่มันมากเสียจนไม่มีอารมณ์จะกัดกับเขาแล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันขอสงบศึกชั่วคราวไปก่อนก็แล้วกัน
ตึก ตึก ตึก
ฉันได้ยินเสียงหัวใจของฟาบริซที่ตอนนี้มันเต้นแรงมากๆ หรือเป็นเพราะหูของฉันกำลังแนบกับหน้าอกของเขาอยู่เลยทำให้ได้ยินชัดเจนขนาดนี้
...
(Fabriz Talk)
ตึก ตึก ตึก
ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่มันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ก็จะไม่ให้เต้นแรงยังไงไหว ก็ยัยตัวยุ่งกำลังนอนซบอยู่บนแผงอกของผมตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ รวมถึงร่างนุ่มนิ่มที่ผมกำลังกอดอยู่มันปลุกเร้าความเป็นชายในตัวผมเสียเหลือเกิน ผมพยายามห้ามใจตัวเองอยู่ แต่ทรวงอกนุ่มๆ ของเธอที่ทาบทับลงมาบดเบียดกับอกแกร่งโดยปราศจากชุดชั้นใน มีแค่เสื้อตัวบางที่เธอสวมใส่กั้นไว้แค่นั้นเอง ที่ผมรู้ก็เพราะว่าผมเป็นคนอาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้เธอเองกับมือ แล้วตอนนี้เจ้าลูกชายของผมมันก็ดันแข็งตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เสียด้วย
"หายเวียนหัวยัง"
ผมเอ่ยถาม เธอค่อยๆ ผงกหัวขึ้นมาแต่ไม่ยอมลุกขึ้นจากอกของผม แถมยังค่อยๆ ขยับขึ้นมาใกล้จนใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบจนผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเธอ ฝ่ามือเรียวของเธอรวบผมยาวสลวยของตัวเองไพล่ไว้ที่ซอกคอข้างหนึ่ง แต่สายตาของเธอยังคงมองผมนิ่งๆ คล้ายกับจงใจแกล้งผมอย่างนั้นแหละ
"เซ็กซี่ชิบหาย เชี่ยเอ้ย!! งานนี้ลูกชายกูได้แข็งตายแน่ๆ"
...
Write Talk: ยัยน้องมันยั่วเก่ง ขยันยั่วขยันอ่อยแบบนี้ระวังจะโดนอีพี่มันกินนะ 😂😂
ผมจับไหล่มนของแอลลี่ พยายามดันร่างเล็กให้ออกจากตัวแต่ไม่เป็นผล ยัยตัวแสบยังคงรุกผมอย่างต่อเนื่อง เธอก้มลงกระซิบข้างหูจนผมจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว"นายไม่อยากได้ฉันจริงๆ เหรอ? ฉันพร้อมให้นายนะ" พูดจบเธอก็ใช้ฟันคมขบกัดที่ติ่งหูผมเบาๆ เท่านั้นแหละ..ความอดทนของผมก็หมดลงในทันที"เธอเลือกแบบนี้เองนะแอลลี่" ผมพูดพร้อมกับยิ้มร้ายใส่เธอพรึ่บบบ~ผมพลิกร่างแกร่งขึ้นคร่อมร่างเล็กนั้นทันที เธอทำท่าตกใจไม่น้อย ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอที่ตอนนี้มันสั่นวูบไหว เนื้อตัวเธอสั่นเทา... ใช่แล้ว เธอกำลังกลัว ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้ที่เธอทำแบบนี้คือตั้งใจจะยั่วเพื่อปั่นหัวผมอยู่ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผมปล่อยไปเธอก็จะยั่วผมไม่เลิก ผมเลยจำเป็นต้องกำราบปราบพยศกันสักหน่อย"ตัวสั่นเป็นลูกนก กลัวแล้วยังจะปากดีนะ""ไหน..ใครกลัว ฉันไม่เห็นต้องกลัวนายเลย นายก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ ไม่เห็นจะมีอะไรวิเศษสักหน่อย""จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีๆ แล้วกัน""อื้อ..."ยัยตัวแสบครางเบาๆ เมื่อผมประกบจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มแล้วบดคลึงอย่างหนักหน่วง พร้อมกับสอดลิ้นร้อนเข้าไปชิมความหวานในโพรงปากเล็ก แอลลี่ไม่ขัดขืน ยินยอมให้ผมจูบแต่โดยดีแถมยังจูบตอบแบ
รถสปอตคันหรูขับลัดเลาะมาตามถนนเลียบชายหาด วันนี้อากาศดี ไม่ร้อนมาก ฟาบริซขับรถมาจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมหาดมากนัก เป็นร้านอาหารแบบธรรมดาๆ แต่ดูสะอาดสะอ้านและบรรยากาศดี"สวัสดีค่ะคุณฟาบริซ หายไปนานเลยนะคะ ป้านึกว่าลืมป้าเสียแล้ว" ป้าเจ้าของร้านยิ้มให้และพูดคุยทักทายกับฟาบริซด้วยท่าทางสนิทสนม แสดงว่าเขาคงมาฝากท้องที่ร้านนี้บ่อยแน่ๆ"ของผมขอเหมือนเดิมนะครับแล้วขอเพิ่มข้าวผัดปู ต้มยำกุ้งน้ำข้น ปลาหมึกนึ่งมะนาว ห่อหมกลูกชิ้นปลากราย แล้วก็ทอดมันกุ้งครับ" ฟาบริซสั่งอาหารกับป้าเจ้าของร้านที่ท่าทางใจดีคนนั้นโดยที่ไม่ถามความเห็นของฉันสักคำ แต่ดูๆ แล้วเมนูที่เขาสั่งมันเป็นเมนูโปรดของฉันทั้งนั้นเลยนะ เอ๊ะ! แล้วเขารู้ได้ไงว่าฉันชอบกินอะไร หรือเขาเองก็ชอบกินเหมือนฉันความจริงเรื่องอาหารที่ทั้งสองครอบครัวของเราชอบทานมันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่หรอก เพราะมัมของเราทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกัน แล้วก็เป็นคนไทยเหมือนกันแถมทั้งสองครอบครัวจะมีนัดทานอาหารด้วยกันทุกสัปดาห์ ถ้าใครจะสังเกตว่าคนไหนชอบอะไรก็คงรู้ได้ไม่ยาก เพียงแต่ที่ผ่านมาฉันไม่เคยใส่ใจใครนอกจากเฮียฟาคนเดียวเท่านั้นเพียงครู่เดีย
ฉันก้าวขึ้นมาบนรถสปอตคันหรูแล้วปรับเอนเบาะนอนลงทันที ก็จะให้นั่งตรงๆ ยังไงไหวเพราะฉันกินเยอะมาก โดยเฉพาะหอยนางรมนี่แหละเด็ดดวงที่สุด"คาดเบลท์ด้วย" เขาออกคำสั่ง"ไม่คาด ฉันกินอิ่มขนาดนี้ให้คาดเบลท์มันอึดอัดนะ" ฉันแหวใส่ เรื่องอะไรต้องยอมด้วยก็มันอึดอัดจริงๆ หนิ"บอกให้คาดไง"เขาทำเสียงเข้มกว่าเดิม แต่ฉันก็ไม่สนใจ ฟาบริซขยับตัวเอื้อมมือมาดึงสายเบลท์เพื่อคาดให้ฉันที่กำลังนอนอยู่ เขาเบือนสายตาลงมองพุงจ้ำม่ำน่ารักของฉันที่ขยายออกมาอวดสายตาชาวโลกเพราะกินเยอะ แต่มันก็ป่องมาแค่นิดหน่อยเองแหละน่า"กินซะเยอะแยะ ดูสิ พุงป่องอย่างกับงูเหลือมอิ่มหมา" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ ในขณะที่ขับรถออกมาจากร้านอาหาร"จิ๊.. ฟาบริซ ปากน่ายนี่มันน่า..""น่าจูบใช่มั้ย รู้แล้วน่า ขับรถอยู่จะมาจูบอะไรตอนนี้ไม่รู้เวล่ำเวลา หอยนางรมออกฤทธิ์แล้วไง"เขาพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท ในขณะที่ฉันได้แต่ทึ้งหัวตัวเองด้วยความโมโห แต่ครั้นจะลุกขึ้นมาฟาดฟันด้วยก็ลุกไม่ไหว เพราะอิ่มจนจุกมาถึงคอหอยแล้ว"ทำไมต้องคลานลงเตียงด้วย" ฉันเอ่ยถาม"ห๊ะ!!" เขาขมวดคิ้วเป็นคำถาม"ก็ที่น้องคนนั้นพูดว่านายจะต้องคลานลงจากเตียงมันคืออะไร" ฉัน
ฉันใช้เวลาในการเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่นานนับชั่วโมงโดยมีฟาบริซเดินตามคอยช่วยถือของแล้วจ่ายเงินให้โดยไม่บ่นสักคำ เออ..ผู้ชายที่สามารถเดินตามผู้หญิงช้อปได้เป็นชั่วโมงโดยไม่บ่นแถมยังเปย์ให้อีกแบบนี้หายากนะ อันนี้ถือว่าดีงามฉันเดินต่อไปยังร้านขายชุดชั้นในและชุดว่ายน้ำ โอ้โห!! ที่นี่มีแต่ชุดชั้นในและชุดบิกินี่สวยๆ ทั้งนั้นเลย ในระหว่างที่ฉันเลือกซื้ออยู่ อีตาฟาบริซก็ยังเข้ามายืนรอในร้านแบบไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ ที่ยืนมองอยู่เลยสักนิด"คุณลูกค้าชอบแบบไหนเลือกได้เลยนะคะ" แม่ค้าสาวสวยเอ่ยทักทายพร้อมกับยิ้มให้อย่างมีไมตรี"อยากได้ชุดชั้นในสักสามชุด แล้วก็บิกินี่สวยๆ สักสองชุดค่ะ" ฉันบอกกับแม่ค้าซึ่งเธอก็หยิบชุดนั้นชุดนี้มาให้ฉันเลือกมากมาย"คุณลูกค้าให้แฟนนั่งรอที่โต๊ะได้นะคะ ยืนถือของรอแบบนั้นเมื่อยแย่เลย" แม่ค้าบอกกับฉันซึ่งฉันเองก็มัวแต่เลือกซื้อของจนลืมเขาไปเลย"ฟาบริซ นั่งรอแอลลี่ที่โต๊ะก็ได้นะ" เขาไม่พูดอะไรแต่เดินเอาถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมาไปวางที่โต๊ะแล้วเดินตรงมาหาฉันแทน"เลือกอะไรนานจัง ช่วยเลือกไหม?""ห๊ะ!!" ฉันหันกลับไปมองเขาทันที ในขณะที่แม่ค้ายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆ เขาไม่พูดเปล่
เมื่อกลับถึงบ้านพัก ฉันก็เข้าห้องจัดเสื้อผ้าข้าวของที่ซื้อมาเข้าที่ แล้วถือหมึกย่างออกไปนั่งกินที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ที่หน้าบ้านพักที่ติดกับชายหาดซู่....~ซ่าาาา..~เสียงคลื่นลมทะเลพัดเย็นสบาย น้ำทะเลม้วนเป็นเกลียวกระทบหาดทรายยามสะท้อนแสงแดดเหมือนกากเพชรระยิบระยับสวยงามจับตา ซู่ๆ ซ่าๆ ปาทังกาปาทังกี้มากเลยทุกคนหาดทรายขาว น้ำทะเลใสแจ๋ว ฉันงี้อยากจะแก้ผ้าวิ่งไปเล่นน้ำในตอนนั้นเลย ติดที่ว่าแดดร้อนมากเพราะใกล้เที่ยงวัน ก็เลยต้องสงบเสงี่ยมไว้ก่อนสักพักหนึ่งฉันก็เห็นคุณป้าท่าทางใจดีเดินตรงมาหา เธอยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร"สวัสดีค่ะคุณหนู ป้าเป็นแม่บ้านของที่นี่ค่ะ คุณฟาบริซให้ป้ามาถามรายการอาหารสำหรับเย็นนี้ค่ะ""อ้อ..ขอบคุณค่ะ หนูอยากทำปิ้งย่างอาหารทะเลแล้วก็บาบีคิวค่ะ" ฉันตอบป้าไป ป้าแม่บ้านยื่นสมุดช็อตโน๊ตเล็กๆ ให้ฉันเพื่อจดรายการอาหารที่ต้องการ"เออ..ป้าคะ และอีตา.. เอ่อ คุณฟาบริซเขาได้สั่งอะไรไปบ้างหรือยังคะ""ไม่ได้สั่งค่ะ คุณฟาบริซให้คุณหนูจัดการได้เลยค่ะ""ป้าอยู่ที่นี่นานแล้วเหรอคะ หนูหมายถึงดูแลที่นี่นานหรือยังน่ะค่ะ""ป้าเป็นคนแถวนี้แหละค่ะ ดูแลที่นี่มายี่สิบกว่าปี
(Fabriz Talk)ผมนั่งมองแอลลี่หยิบผักหลายชนิดออกมาจากถุง มีทั้งมะเขือเทศ พริกหยวก หัวหอมใหญ่ สัปปะรด ต้นหอม แล้วก็อะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง เธอหยิบจับอะไรก็ดูคล่องแคล่วว่องไวไปหมด แสดงว่าที่เธอบอกว่าทำอาหารเป็นคงไม่ใช่แค่ราคาคุย ผมรู้จักยัยนี่มายี่สิบสองปีแต่ไม่ยักรู้ว่าเธอทำอาหารเป็น แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเราสองคนเรียนรู้ที่จะกัดกันมากกว่าจะรักกันเสียอีก.. อะไรนะ?? รักกันงั้นเหรอ?.. ม่ายๆๆๆ ผมหมายถึงรักและสามัคคีกันแบบคนธรรมดาทั่วไปที่เขาไม่ใช่คู่กัดกันแบบเราสองคนต่างหาก อย่าได้คิดลึกเชียวนะ"นายทำอาหารเป็นไหม?" เธอเอ่ยถามผม"ทำไม่เป็น""อ้าว!! ทำไมไม่เห็นเหมือนเฮียฟาเลย เฮียฟาทำอาหารเก่งออก .. อุ๊บ!!" เธอพูดเสร็จก็รีบเอามือปิดปากเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ผมสังเกตดูสีหน้าเธอสลดลงทันที คงเป็นเพราะเธอเผลอคิดถึงเฮียฟาเลยทำให้สะเทือนใจอีกแล้วแน่ๆ"ถึงฉันทำไม่เป็นแต่ก็พอเป็นลูกมือเธอได้นะ มีอะไรให้ฉันช่วยบ้างล่ะ?" ผมทำเป็นกะตือรือร้นอยากช่วยเหลือเธอทั้งๆ ที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง แต่ก็เอาเถอะ .. นึกเสียว่าทำให้เธอเลิกเศร้าก็แล้วกัน ทำอาหารแบบเศร้าๆ แล้วมันจะอร่อยได้ยังไงเธอสูดหายใจลึ
ผมยืนมองแอลลี่เล่นน้ำอยู่ที่ชายหาด สักพักหนึ่งเธอก็กลับเข้ามาว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่อยู่ข้างห้องพักของผม ซึ่งหน้าต่างที่ผมยืนอยู่ตรงนี้เป็นกระจกทึบที่คนด้านนอกจะมองเข้ามาไม่เห็น แต่ผมที่อยู่ด้านในจะเห็นได้ชัดเจนมาก ใช่แล้ว... เธอไม่รู้หรอกว่าผมยืนดูเธออยู่ตรงนี้ ใครจะว่าผมเป็นไอ้โรคจิตที่มาถ้ำมองสาวๆ ใส่บิกินี่ว่ายน้ำก็ว่าไปเถอะ ก็สวยไปทั้งตัวขนาดนี้ ผมจะยอมเป็นไอ้โรคจิตสักวันแอลลี่ดำผุดดำว่ายในสระน้ำใสอย่างมีความสุข จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ป้าแม่บ้านก็เดินมาหาเธอแล้วพูดคุยกันครู่หนึ่ง หลังจากป้าเดินออกไปแอลลี่ก็ขึ้นจากสระน้ำ ผมถอนหายใจลึกๆ ไม่รู่ว่าจะเสียดายหรือว่าโล่งอกดีก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูก็เห็นแอลลี่ยืนยิ้มให้อยู่ วันนี้เธอใส่ชุดจัมพ์สูทขาสั้นแขนตุ๊กตาผ้าชีฟองลายดอกไม้น่ารัก ผมรวบสูงไว้ด้านข้างของศรีษะ ใบหน้าสวยถูกแต่งเติมอ่อนๆ สไตล์เอริ์ธโทนดูน่ารักสมวัย ผมมองเธอจนเพลินจนเธอต้องกระตุกแขนผม"ฟาบริซ นายเป็นอะไร ฉันถามทำไมไม่ตอบ" แอลลี่ยืนกระตุกแขนผมแล้วทำหน้ามุ่ย"อะ..อ้อๆ โทษที ว่าไงนะ?""ฉันถามว่าหิวหรือยัง ไปปาร์ตี้บาบีคิวกันเลยไหม?""อืม..ก็ไปสิ"
ฉันกับฟาบริซนั่งดื่มไวน์และทานอาหารกันต่ออีกพักใหญ่ จนไวน์หมดไปขวดนึงแล้ว ฉันจึงหยิบขวดไวน์อีกขวดขึ้นมาเตรียมเปิด แต่ฝ่ามือหนาของเขาแย่งมันมาจากมือฉันเสียก่อน"อื้อ..ฟ้าบริซ เอาไวน์มานี่ ฉันจะดื่มอีก"ฉันพยายามแย่งขวดไวน์มาจากมือของเขา ฟาบริซลุกขึ้นยืนแล้วยกขวดไวน์ขึ้นเหนือศรีษะ ด้วยความสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นของเขาแถมฟาบริซยังยกแขนขึ้นสุดตัวอีกแล้วใครมันจะไปหยิบถึง แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นยืนและปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่เพื่อที่จะหยิบขวดไวน์จากมือของเขาให้ได้"แอลลี่ .. พอได้แล้วเดี๋ยวตกเก้าอี้" ฟาบริซพยายามรวบร่างเล็กของฉันไว้เพื่อประคองตัวไม่ให้ฉันตกเก้าอี้ แต่มือของฉันก็ยังไขว่คว้าไม่ยอมหยุดจนฟาบริซดุฉันเสียงเขียว"แอลลี่ ฉันบอกว่าให้พอแล้วไง!! เธอเมามากแล้วนะ ดูสิ ยืนโงนเงนขนาดนี้ยังจะดื้ออีก ถ้าคืนนี้เมาแล้วอ้วกรดที่นอนอีกล่ะก็เจอดีแน่" ฟ้าบริซดุเสียงดังจนฉันเองยังตกใจ ฉันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังมองฉันนิ่งอยู่ ... ใช่แล้ว เขาเหมือน ...เฮียฟา"ฮึก...ฮือออออ" อยู่ ๆ ฉันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนฟาบริซตกใจ เขารีบวางขวดไวน์ในมือลงแล้วกอดร่างเล็กของฉันแน่น"แอลลี่ เ
เสียงเพลง EDM ดังสนั่น นักเที่ยวทั้งหลายพากันโยกย้ายสนุกสนานไปตามเสียงเพลง ฉันกับเพื่อนๆ ก็เช่นเดียวกัน แต่ในขณะที่กำลังเต้นสนุกๆ อยู่นั้น..."อร๊ายยย... ยัยแอลลี่ วิล..วิล.. คุณวิลลล" ฉันมองหน้ายัยแองจี้ที่อยู่ๆ ก็แหกปากแล้วก็เงียบเสียงไป แถมยังตะลึงตาค้างอีก ยัยน้ำชาก็เช่นกัน"อะไรของพวกแกวะ?" ฉันเอ่ยถามด้วยความงุนงง"โน่นๆๆ คุณวิลไง วิลอะไรไม่รู้ แต่กำลังเดินยิ้มมาทางนี้แล้ว" ยัยแองจี้พูดไปดีดดิ้นไป ฉันมองตามไปก็เห็นเขาเดินหล่อออร่ามาทางนี้จริงๆ สไตล์การแต่งตัวแบบนี้ ยิ้มเจ้าชู้เรี่ยราดแบบนี้ไม่มีใครหรอกค่ะ ใครแยกไม่ออกว่าเป็นวิลไหน แต่นังแอลลี่รู้ดี"อ้อ..นั่นคุณวิลเซนต์" ฉันบอกกับสองสาว พวกหล่อนหันหน้ามามองฉันเป็นตาเดียวโดยมิได้นัดหมาย ใช่ค่ะ.. เพื่อนๆ ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันกับทริปเปิลวิลล์รู้จักกัน แถมไม่ได้รู้จักแบบธรรมดาด้วยนะ แต่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเลย"กะ..แกรู้ได้ไง รู้จักเขาเหรอ?"ยัยแองจี้ตาลุกวาว ฉันไม่ตอบแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วขยิบตาให้เพื่อน ฉันหันกลับไปมองพี่วิลเซนส์ที่กำลังเดินยิ้มมาหาพร้อมกับอ้าแขนกว้างๆ เท่านั้นแหละ พ่อสุดหล่อก็เดินเข้ามาสวมกอดฉันทันที ทำเอาสาวๆ แถวนั้นทำ
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่มหาลัยวันนั้น ฟาบริซก็เงียบหายไปเลย ฉันเองก็ไม่ได้โทรไปหาเขาเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเขายังไง ก็เลยปล่อยผ่านไปจนเกือบสัปดาห์ รวมถึงตอนนี้ฉันก็ยุ่ง ๆ เรื่องเรียนด้วย เพราะเป็นเทอมสุดท้ายที่จะจบแล้ว ส่วนกับไนซ์เราก็ไม่ได้เจอกัน มีแต่เขาที่ทักไลน์มาบ้างแค่นั้นเอง"แอลลี่ แกเคลียร์กับพี่ฟาบริซแล้วยังเรื่องวันนั้นน่ะ?" น้ำชาเอ่ยถามในขณะที่กำลังคีบซูชิเข้าปาก ตั้งแต่วันนั้นพวกเราก็เพิ่งได้มากินอาหารญี่ปุ่นกันวันนี่เนี่ยแหละ"ยังเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกัน ฉันยังไม่ได้กลับบ้านแล้วก็ไม่ได้โทรหาเขาด้วย ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดีอะ" ฉันตอบเพื่อนไปตามที่ตัวเองคิด จริง ๆ ฉันก็รู้สึกผิดนะ แต่จะให้ฉันโทรไปง้อเขามันก็จะดูแปลก ๆ ไปนิด และอีกอย่างฉันก็ไม่เคยง้อใคร โดยเฉพาะผู้ชาย"แต่จากที่แกเล่าให้ฟังเรื่องแพ้ลิลลี่ตอนเด็กน่ะ ถ้าคนที่มาช่วยแกคือเฮียฟา แล้วพี่ฟาบริซเขาจะรู้ได้ไงว่าแกแพ้เฉพาะลิลลี่สีชมพู แล้วเขาต้องจำมันด้วยเหรอ ก็ไหนแกบอกว่าไม่ถูกกันตั้งแต่เด็ก ๆ ไง" แองจี้เริ่มเปิดประเด็น"เออว่ะ ก็จริงของแองจี้มันนะ ไม่ใช่แค่รู้ว่าแพ้ลิลลี่ แต่รู้ถึงขนาดว่าต้องสีชมพูด้วยงี้"
"กินข้าวที่ไหนกันดีพวกแก?" ฉันเอ่ยถามน้ำชากับแองจี้พร้อมกับสะพายกระเป๋าเตรียมหยิบกุญแจรถ วันนี้มีเรียนเช้าพวกเราจึงเลิกเรียนแค่บ่ายโมงเท่านั้น"อยากกินอาหารญี่ปุ่นอะแก" น้ำชาตอบพร้อมกับทำตาปริบๆ ขอความเห็นใจ"เคๆ ไปก็ไป" พวกเราสามสาวเดินลงมาจากตึกและตรงไปยังลานจอดรถทันที"เฮ้ย แอลลี่ นั่นไนซ์นี่หว่า" เสียงพูดของแองจี้ทำให้ฉันหันไปมองทันที เป็นไนซ์จริง ๆ นั่นแหละ เขายืนยิ้มพิงรถพอร์ชของฉันอยู่ ในมือถือดอกไม้ช่อบะเริ่มเทิ่ม เอิ่มมม.. นี่ไม่ใช่คณะของไนซ์ เพราะฉะนั้นเดาได้เลยว่าต้องมาหาฉันแน่นอน"เฮ้ยๆๆ แอลลี่ นั่นมันพี่ฟาบริซใช่ไหม มาทำไมวะน่ะ แกนัดเขาไว้เหรอ?" น้ำชาพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนเห็นผี"เปล่านี่ ฉันไม่ได้นัดใครสักหน่อย""งั้นแสดงว่ารถไฟมารอชนกันเองโดยมิได้นัดหมายสินะ" แองจี้กอดอกพลางส่ายหน้าไปมา เพื่อนสุดแสบของฉันสองคนหันไปมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มร้าย เดาว่าพวกหล่อนต้องมีความคิดอะไรพิเรนทร์แน่ ๆ"ฉันเล่นข้างพี่ฟาบริซร้อยนึง วันนี้ต้องมีเรื่องแน่ๆ แกดูหน้าพี่เขาซะก่อน จะแดกหัวไอ้ไนซ์อยู่แล้วนั่น" นี่ยัยน้ำชา"โอเค งั้นฉันเล่นข้างไนซ์ร้อยนึง ฉันว่าไนซ์มันต้องไม่ยอมแน่ ๆ เป้าหมายมีไว
เรียวขาสวยบนรองเท้าส้นสูงสีขาวมุกก้าวลงมาจากรถพอร์ชคันหรู ฉันเดินตรงไปยังด้านในของร้านอาหารที่บรรยากาศรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี บรรยากาศริมน้ำยามเย็นแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันตา"แอลลี่ ทางนี้" เสียงยัยน้ำชาโบกมือเรียก ฉันจึงเดินตรงไปยังโต๊ะที่ถูกจัดอยู่บริเวณระเบียงที่ยื่นออกไปยังแม่น้ำ ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ไนซ์ขยับตัวลุกขึ้นแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันนั่งลงฝั่งเดียวกันใกล้ ๆ กับเขา"วันนี้มากันพร้อมหน้าเลย ไนซ์สั่งอาหารไว้แล้วนะ อีกสักพักหนึ่งพนักงานคงเอามาเสริฟ แอลลี่หิวมากไหม"ไนซ์เอ่ยถามในขณะที่ฉันส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วมุ่งความสนใจไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน แสงสีส้มที่ทอแสงมากระทบผืนน้ำระยิบระยับสีทองอร่ามตา สวยงามมากจริง ๆ"พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว สวยจัง น้ำชาแกถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ" ฉันพูดพร้อมกับส่งโทรศัพท์หรูให้กับเพื่อน ยัยน้ำชาถ่ายให้ฉันหลายรูปเลย แต่ละรูปสวย ๆ ทั้งนั้น ยัยนี่ถ่ายรูปได้เทพมาก ฉันจึงชอบใช้ให้ถ่ายให้บ่อย ๆ"ไนซ์ขอถ่ายคู่กับแอลลี่บ้างได้ไหม" ฉันพยักหน้า ก็แค่ถ่ายรูป เพื่อนกันไม่เห็นจะเป็นไรเลย ยัยน้ำชาจึงเป็นตากล้องให้พวกเราเหมือนเดิม"รูปสวยมากเลย ไนซ์ข
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊งเสียงสัญญาณไลน์แจ้งเตือนที่ดังขึ้นทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นแล้วเอื้อมมือไปคลำหาที่มาของเสียงโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองแต่อย่างใด เมื่อฝ่ามือหนากระทบกับวัตถุรูปสี่เหลี่ยมจึงรีบหยิบขึ้นมาทันที ผมค่อย ๆ ลืมตาสู้กับแสงที่ส่องเข้ามาในห้องนอนในเพนท์เฮาส์ นาฬิกาบนโทรศัพท์บอกเวลาสิบโมงเช้า พร้อมกับไลน์ที่เด้งขึ้นมารัว ๆ LineNice: Hello แอลลี่ (sticker หมีโบกมือ)Nice: คิดถึงเธอจัง อยากเห็นหน้าNice: ได้ยินไหมว่าคิดถึง ๆๆ "คิดถึงพ่อมึงสิ" ผมหลุดคำด่าออกไปเพราะอดหมั่นไส้ไม่ได้ ไอ้เวรนี่ขยันทำให้ผมหัวร้อนจริงๆ ผมเหลือบมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังนอนซุกอกแกร่งของผมอยู่และเธอกำลังหลับสนิท ก็แหงล่ะ!! เมื่อคืนผมกับเธอฟาดฟันกันอย่างเร่าร้อน กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเช้าติ๊ง... เสียงไลน์มันดังขึ้นมาอีกแล้วNice: เย็นนี้ทานข้าวกันไหม ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ อยากคุยด้วยยัง..มันยังไม่เลิกเซ้าซี้ นี่ขนาดไลน์มาผมยังหงุดหงิดได้ขนาดนี้ ถ้ามันมาพูดกับแอลลี่ใกล้ ๆ ผมคงได้ล่อหน้ามันสักทีสองที ข้อหาหมั่นไส้"อืมมมมม"เสียงแอลลี่ครางเบา ๆ ในลำคอแล้วขยับแขนเล็กขึ้นกอดเอวหนาของผมแน่นขึ้น ผมวางโทรศัพท
(Ally Talk)ฟาบริซจ้องมองเรือนร่างเปลือยขาวเนียนที่อยู่ภายใต้ชุดเดรสสั้นซีทรูสีดำด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างลึกล้ำ ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างไปจากฉันในตอนนี้เลย ฉันยกมือขึ้นโอบรอบคอหนาแล้วโนมใบหน้าหล่อนั้นเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราชนกัน ฉันใช้ปลายจมูกเล็กของตัวเองเขี่ยปลายจมูกโด่งคมนั้นไปมาอย่างหยอกเย้า ฟาบริซกัดฟันแน่นจนเห็นสันกรามนูน ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาเป่ารดลงมาที่ริมฝีปากของฉันพอดิบพอดี"ฟาบริซต้องการแอลลี่มั้ยคะ"ฉันเอ่ยอย่างออดอ้อน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเขามาก่อน จะว่าเมาก็ไม่น่าใช่เพราะตอนนี้สติฉันก็มีครบถ้วน เพียงแต่เห็นหน้าฟาบริซตอนที่เขามีอารมณ์อย่างว่าแล้วมันทำให้เลือดลมฉันสูบฉีด จนอยากจะลุกขึ้นไปควบเขาเองให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่กลัวว่าจะไม่งาม เลยต้องอ่อยเป็นการลองเชิงสักนิดนึงก่อนเขาไม่ตอบอะไรออกมา แต่สายตาหวานหยดย้อยของเขามันคือคำตอบอยู่ในตัวแล้ว ฟาบริซยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ฝ่ามือหนาค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในชุดซีทรูแล้วจับเนินอกทั้งสองข้างพร้อมกับใช้นิ้วแกร่งสะกิดยอดถันเบา ๆ จนมันตอบสนองด้วยการแข็งตัวเข้าใส่ ซึ่งเขาก็ยังขยำสองเต้าไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว"อ๊ะ อ๊
ในขณะที่กำลังจะถูกอุ้มกลับอยู่นั้น ฉันก็เหลือบไปเห็นระฆังช่วยชีวิตคนใหม่แล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่คนเดียวนะ เพราะมาทีเดียวพร้อมกันสามคนเลย พ่อทริปเปิลวิลล์ของฉัน ตอนนี้พวกเขากำลังเดินตรงมาทางนี้แล้วด้วยโอ้โห..ให้ตายเถอะโรบิ้น!! พ่อสามวิลล์ของฉันหล่อชิบหาย ไม่ว่าจะเดินผ่านโต๊ะไหน สาวๆ ก็เหลียวมองกันจนคอเคล็ด พี่วิลสัน พี่วิลเซอร์ และพี่วิลเซนต์ ลูกชายของคุณลุงโจเซฟ เพื่อนสนิทของแด๊ดฉันกับคุณน้าเซดริก สามหนุ่มนั่นเป็นแฝดสามจากไข่ใบเดียวกัน (ฉันหมายถึงไข่ในมดลูกนะคะ อย่าคิดลึก) ทั้งสามคนจึงเหมือนกันมาก เหมือนยันเงา รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาด แต่สิ่งเดียวที่จะแยกทั้งสามคนออกได้คือสีตา เพราะพี่วิลสันมีดวงตาสีเทา พี่วิลเซอร์มีดวงตาสีฟ้า สวนพี่วิลเซนส์มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ทั้งสามคนนี้เป็นชาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซนต์ เพราะลุงโจเซฟกับคุณป้าแคทเธอรีนเป็นคนฝรั่งเศสทั้งคู่ พี่ทริปเปิลวิลจึงไม่ใช่ลูกครึ่งเหมือนฉัน"พี่วิลล์ขาาาาา" ฉันเรียกพี่ทริปเปิลวิลล์เสียงหวาน ยังไงก็ต้องมีตอบมาสักวิลล์ล่ะวะ!!.. อ้อ!!. ฉันลืมบอกไปว่าทั้งสามวิลล์นี่มีอีกสิ่งที่แยกออกได้ชัดเจนอีกอย่างนึงก็คือนิสัย เพราะทั้งสามคนนี้นิสั
(Ally Talk) หลังจากฟาบริซจับฉันยัดใส่หน้ารถเรียบร้อย เขาก็ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับแล้วปิดประตูรถดังปัง แบบไม่กลัวประตูพังเลย เขาปล่อยให้รถหรูของเฮียฟาขับนำหน้าไปก่อนแล้วจึงขับตามไป เขาเงียบมาก ไม่ยอมพูดอะไรเลย ฉันแอบเหลือบไปมองเห็นเขาทำหน้าบูดบึ้ง ไม่รู้ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนมา"ใครเดินเหยียบตาปลานายรึไง หรือไปกินแกงค้างคืนที่ไหนมาหน้าถึงได้บูดขนาดนั้น" ฉันตัดสินใจถามเพราะอึดอัดกับความเงียบ"บ้านจนรึไง เสื้อผ้าดีๆ ถึงไม่มีจะใส่ ดูสภาพชุดที่ใส่มาสิ ทั้งสั้นทั้งบาง ทำไมไม่ถอดไปเลยล่ะ" ฟาบริซทำน้ำเสียงขึงขังไม่พอใจแถมยังไม่มองหน้าฉันอีก"ชุดนี้สวยจะตาย แถมราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ แบรนด์ดังอีกต่างหาก นายมันตาไม่ถึง แล้วนี่ฉันแต่งตัวมาเที่ยวผับนะ ไม่ได้แต่งตัวไปสวดมนต์ข้ามปี" ฉันเถียงฉอด ๆ ก็ชุดฉันออกจะสวย ตาถั่วจริง ๆ"ไม่เห็นสวยเลย โป๊ขนาดนี้เอาอะไรมาสวย" ... ยัง.. ตานี่ยังไม่หยุด"แหม.. ทีสาว ๆ แต่งตัวโป๊ฉันเห็นนายมองจนตาแทบถลน แล้วไอ้ที่นายเคยควงแต่ละคนก็แต่งตัวเปรี้ยวปรี๊ด ทีนี้ล่ะทำมาว่าฉัน" ฟาบริซถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าฉัน"มันไม่เหมือนกันไง จะเอาผู้หญิงแบบนั้นมาเปรียบกับเธอได้ยังไง เธอดีก
รถสปอตหรู Bentley Continental GT ขับเข้ามาจอดยังหน้าคฤหาสน์แอลตันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้แอลลี่ก็ยังคงนอนหลับตาพริ้มไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ ผมขยับตัวไปใกล้ๆ เพื่อจะปลุกเธอ แต่ให้ตายเถอะ... หน้าเธอตอนหลับน่ารักเป็นบ้า ผมค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น เป้าหมายคือริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ นั่น แต่แล้ว...."ก๊อก ๆ ๆ"เสียงเคาะกระจกข้างรถของผมดังขึ้น ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ รีบหันหน้ากลับไปมองด้านข้างรถ"ฟาริส" ผมหลุดปากเรียกชื่อเด็กหนุ่มที่ผมรักเหมือนน้องชายแท้ๆ เสียงดังจนแอลลี่ขยับตัวตื่น ผมจึงเปิดประตูรถออกมาทันที"เฮียฟาบริซ" ฟาริสเข้ามาสวมกอดผม ผมกอดตอบกลับพร้อมกับตบเบาๆ ที่บ่าของเด็กหนุ่ม ปีนี้ฟาริสอายุย่างเข้าสิบเจ็ดปีแล้ว กำลังเป็นหนุ่มน้อยที่รูปร่างหน้าตาหล่อเอาเรื่องเลยทีเดียว"ไหนแด๊ดเแอลบอกเฮียว่านายจะบินมาถึงตอนเย็น ทำไมมาถึงแล้วล่ะ""คุณปู่ใจร้อนครับ คิดถึงลูกหลานก็เลยมาก่อน" ฟาริสตอบผมพร้อมกับเบนหน้าไปมองพี่สาวตัวเองที่กำลังงัวเงียเดินออกมาจากรถ เมื่อเธอเห็นหน้าน้องชายคนเล็กก็ยิ้มร่า รีบเดินเข้าไปสวมกอดฟาริสทันที"คิดถึงจังเลย น้องชายสุดหล่อของเจ๊" แอลลี