LOGINเอี๊ยด!
ทันทีที่รถสปอร์ตคันหรูจอดสนิทหน้าบ้านหลังใหญ่ ร่างสูงก็เปิดประตูแล้วเดินไปอีกฝั่งเพื่อไปอุ้มหญิงสาวขึ้นมาทันที โดยมีลลินที่ยังคงสะอื้นไห้มาตลอดทาง
เขาเลือกที่จะพาลลินกลับมาที่บ้านเช่นเดิม เพราะในตอนนี้ทั้งฉัตรพลและกานต์พิชชาต่างก็ไปทำงานทั้งคู่ อีกทั้งลลินยังเป็นคนที่อยู่บ้านตลอด ดังนั้นหากจู่ ๆ เธอหายตัวไป ทุกอย่างก็จะยิ่งน่าสงสัยมากกว่าเดิม
แผ่นดินค่อย ๆ วางร่างอรชรลงบนเตียงด้วยความแผ่วเบา แล้วเอ่ยบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความอ่อนโยนอย่างเช่นทุกครั้ง
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดี๋ยวพี่มาหาอีกรอบ”
“ฮึก...หนูไม่ได้อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นนะคะ”
“พี่รู้”
“แต่พี่ดินโกรธหนู พี่ดินไม่ยอมพูดกับหนูเลย” เด็กสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างง่ายดาย เพียงแค่ได้เห็นความเย็นชาของแผ่นดิน เธอก็คิดไปต่าง ๆ นานา
“พี่ไม่ได้โกรธเธอนะลิน” แผ่นดินคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วลูบผมเธอเบา ๆ ซึ่งคำพูดของเขาก็สามารถทำให้หญิงสาวหยุดร้องไห้ แล้วยอมผละใบหน้าออกมาได้
“แต่พี่ดินไม่คุยกับหนูมาตลอดทางเลย แถมตอนที่อยู่ที่นั่น พี่ดินยังดูน่ากลัวมาก ๆ ด้วย”
“พี่ไม่ได้โกรธเธอ แต่พี่โกรธตัวเองที่ปล่อยให้เธอต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ พี่โกรธพวกมันที่พยายามปิดบังพี่ และพี่โกรธ...” โกรธที่เตชินท์ทำแบบนั้นกับลลินอย่างเลือดเย็น เขากัดฟันแน่นในประโยคสุดท้ายเมื่อนึกถึงการกระทำของพี่ชายตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากว่าพี่จะโกรธเราเพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะ มันไม่ใช่ความผิดของลินเลย”
“ฮืออ! พี่ดินรู้ไหมว่าหนูกังวลแค่ไหน และยังเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ว่าจะรู้อีก” หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้นหลังได้ยินคำพูดจากคนตรงหน้า หากเทียบกันแล้วเธอกลัวความผิดหวังของคนในครอบครัวมากกว่าสิ่งที่เสียไปเสียอีก
“หนูกลัวว่าพี่ดินจะโกรธที่หนูไม่ระวังตัวเอง หนูกลัวว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะผิดหวัง หนูกลัวหมดทุกอย่างเลย”
“ที่นั่งร้องไห้มาตลอดทางเพราะเรื่องนี้เองเหรอ?”
แผ่นดินรั้งตัวของลลินเข้ามาโอบกอดไว้เพื่อปลอบโยนให้หญิงสาวคลายความกังวล ซึ่งเธอเองก็ซุกใบหน้าเข้าที่แผงอกกว้างในอ้อมกอดอบอุ่นของพี่ชาย
“พี่ดินอย่าบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้นะ...” ลลินส่งเสียงอู้อี้พลางเช็ดน้ำตาไปด้วย
“พี่เข้าใจนะที่เราไม่อยากให้ทุกคนรู้เรื่องแบบนี้ แต่สิ่งที่เฮียเตทำก็ไม่ถูกเหมือนกัน และมีแค่พ่อกับแม่เท่านั้นที่จะช่วยลินได้”
“ไม่เอา...” เด็กสาวส่ายหน้ารัวแล้วยืนกรานปฏิเสธ
“หนูไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว”
แผ่นดินเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาวคนเล็ก เขาดันร่างบางออกมาให้สบตากันด้วยสายตาที่จริงจัง
“งั้นเราจำอะไรเมื่อคืนได้บ้าง”
“หนูจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ...จำได้แค่ว่าไปนั่งฉลองกับเพื่อนแบบที่บอกกับพี่ดิน แล้วพอทุกคนกลับ...ก็จำได้แค่ราง ๆ บางช่วงแค่นั้น”
“ได้กินเหล้าไหม?”
“...” ลลินส่ายหน้า
“แล้วมีใครเอาอะไรให้กินรึเปล่า”
“มีแค่เพื่อนที่เอาน้ำมาให้ค่ะ...แต่หนูก็ไม่มั่นใจ” เรียวปากบางตอบเสียงเบาอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก เรื่องที่เธอพอจะจำได้เมื่อคืนมันมีเรื่องที่ได้ยินบทสนทนาของเตชินท์กับลูกน้องอยู่ด้วย ซึ่งหากจำไม่ผิดพวกเขาก็ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องยาบางอย่าง เพียงแต่ลลินยังไม่กล้าที่จะเล่าให้แผ่นดินฟังก็เท่านั้น
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปสืบเอง”
“แล้วเราไหวใช่ไหม?”
“วะ...ไหวอยู่ค่ะ”
“ถ้างั้นอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงพี่เข้ามาอีกรอบ” เขาดันตัวลุกขึ้นแล้วไล่มองคนตรงหน้าด้วยสายตาเป็นห่วง แต่เพราะมีเรื่องสำคัญอย่างอื่นให้ต้องจัดการ เขาจึงต้องปล่อยให้หญิงสาวได้อยู่คนเดียว
เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ใบหน้าหวานเปื้อนน้ำตาก้มหน้าลงพลางกำชายกระโปรงแน่น ตอนนี้ความรู้สึกทุกอย่างมันประเดประดังเข้ามาจนหนักอึ้ง เธอทั้งกังวลในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และทั้งกลัวว่าทุกคนจะผิดหวัง อีกทั้งสิ่งที่เสียไปที่ไม่มีวันเอากลับคืนมาได้อีก
ลลินค่อย ๆ ประคองร่างกายที่บอบช้ำของตัวเองเข้าไปที่ห้องน้ำด้านใน ดวงตามนไล่สำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยความดิบเถื่อนจากมาเฟียหนุ่มรวมถึงตรงหว่างขาที่ยังคงมีคราบน้ำขาวขุ่นแห้งติดอยู่
“พลาดเอง แล้วจะทำยังไงได้ลิน...” เธอสูดลมหายเข้าลึก ๆ แล้วปล่อยให้น้ำตาเม็ดโตไหลกลิ้งออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้ลลินทำได้แค่ภาวนาฉัตรพลและกานต์พิชชาจะไม่รับรู้ความผิดพลาดเรื่องนี้ รวมถึงเตชินท์ที่เขาคงจะไม่มีแผนการอะไรกับเธออีก
หญิงสาวปรายตามองภาพร่างกายของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินไปอาบน้ำเพื่อชำระคราบน้ำคาวออก ประมาณหนึ่งชั่วโมงแผ่นดินก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมถุงยาในมือ
“พี่ดิน...” คนที่เผลอนอนหลับไปเอ่ยเรียกชื่อร่างสูงเสียงแหบแห้งแล้วดันตัวลุกขึ้นมา เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สบายตัวอย่างหนักหลังจากได้งีบไป แต่ถึงอย่างนั้นลลินก็ไม่ได้บอกให้แผ่นดินต้องเป็นห่วง
“กินยาก่อน” ปากหยักบอกสั้น ๆ พลางมองคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานเล็กน้อย หากให้เดาลลินคงจะนอนร้องไห้จนเผลอหลับไป เขาส่งยาที่เพิ่งซื้อมาให้กับคนตรงหน้าแล้วรินน้ำให้กับเธอไปด้วย ซึ่งลลินเองก็รับมันมาอย่างว่าง่ายแล้วจัดการหยิบมันออกมาดู
“ยาอะไรเหรอคะพี่ดิน”
“ยาคุมฉุกเฉินกับยาแก้อักเสบ”
เกิดความเงียบระหว่างทั้งคู่หลังจบประโยค ลลินเหลือบมองเม็ดยาในมือสลับกับแก้วน้ำตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกินมันเข้าไปโดยไม่ลังเล
“นอนพักเถอะ อยากให้พี่อยู่เป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...หนูดีขึ้นแล้ว”
“อืม ถ้ารู้สึกเจ็บก็กินยาที่พี่ให้ แล้วถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเลย”
“...รู้ใช่ไหมว่าต่อจากนี้พี่จะไม่ปล่อยให้เราคลาดสายตาอีกแล้ว” เขาบอกเสียงจริงจัง
“เข้าใจค่ะ”
“วันนี้พี่มีธุระน่าจะกลับดึก แต่ตอนเย็นพ่อกับแม่ก็มาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่คนเดียว”
“ธุระของพี่ดินเกี่ยวกับหนูหรือเปล่าคะ...” ลลินเงยหน้าถาม ซึ่งแผ่นดินก็พยักหน้ารับไปตามความจริง
“พี่ดินอย่ามีเรื่องกันได้ไหม หนูไม่อยากให้ทุกคนทะเลาะกันเพราะตัวเอง” นอกจากความเป็นพี่น้องของชายหนุ่มทั้งคู่แล้ว อีกอย่างเมื่อคืนเธอก็เป็นฝ่ายเข้าหาเตชินท์เอง หากจะมีใครสักคนที่เป็นคนผิด ก็คงเป็นเธอเองเสียมากกว่า เด็กสาวคิดโทษตัวเองแบบนั้น
“พี่รู้ว่าลินหมายถึงเรื่องอะไร แต่คนที่พี่จะจัดการคือคนที่เอายาให้ลินกินเมื่อคืน” ซึ่งก็คือเพื่อนของลลินที่ชื่อว่าตั้ม แผ่นดินได้ใช้เวลาเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาในการสืบหาคนที่ทำร้ายน้องของเขาแล้ว ตอนนี้เลยเหลือแค่รอเวลาในการลากตัวมาจัดการเท่านั้น
“แล้วก็ไม่ต้องห้ามพี่ เพราะเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเดียวที่พี่จะไม่ฟังลิน”
ลลินสบตาคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่กระตุกสั่นไหว เธอสัมผัสความน่ากลัวของแผ่นดินได้จากคำพูดของเขา และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นพี่ชายตัวเองเป็นแบบนี้
สวบ!“อ่าส์...” เตชินท์หลุดเสียงครางออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อสามารถสอดใส่เข้าไปได้จนสุดความยาวแล้ว จากนั้นจึงเริ่มซอยสะโพกเข้าออกอย่างช้า ๆ เนื่องจากน้ำหล่อลื่นด้านในที่ทำให้เขาขยับได้สะดวกกว่าเดิม“นิ่มมากเลย” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนมากอบกุมเต้าอวบแล้วออกแรงบีบเคล้นไปตามความต้องการ โดยที่ช่วงล่างก็ยังคงออกแรงกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างไม่ลดละ เตชินท์โน้มใบหน้าลงไปฉกชิมความหวานจากเนื้อนุ่มจนยอมปทุมถันแข็งชันเป็นไต แล้วจึงไล่ขึ้นมาสูดดมความหอมจากลำคอขาวเนียนอย่างหลงใหล“อย่าทำรอยนะคะ อ๊ะ ๆ” สองแขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดแผ่นหลังแกร่งเอาไว้อย่างแนบชิดแล้วร้องบอกเสียงกระท่อนกระแท่นจากร่างกายของเธอที่กำลังโยกคลอนอยู่ ซึ่งเตชินท์เองก็ยอมทำตามความต้องการของลลินอย่างว่าง่ายเพราะเขารู้ดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่เทพพิพัฒน์ทั้งสองบ้านจะมารวมตัวกัน ดังนั้นภาพลักษณ์ของเธอจึงต้องดูดีที่สุดในสายตาของผู้ใหญ่“ยังตอดเก่งเหมือนเดิมเลยนะ”“อ อื้อ!”“ไม่ให้ทำรอยแต่ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม?” เตชินท์เอ่ยถามคนใต้ร่างเสียงแหบพร่าหลังจากผละใบหน้าออกมาแล้ว โดยมือใหญ่ของเขาได้เอื้อมไปบีบที่ลำคอเล็กอย่างแรงเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ดิบของตัว
หนึ่งเดือนต่อมา@โรงแรมเทพพิพัฒน์“คุยกับใครอยู่?” ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงเสียงเข้ม ขณะที่ลลินยกหัวขึ้นมาจากหมอนใบใหญ่เล็กน้อยแล้วตอบกลับไป“คุยกับพี่เทมป์ค่ะ พี่เขาซื้อน้องหมาตัวเล็กมาด้วย น่ารักมากเลย~”“อยู่บนเตียงกับพี่แต่พูดถึงผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ?”“หึงเหรอ~”“ถ้าบอกว่าหึงจะเลิกคุยไหม?” เขาล้มตัวลงนอนด้านข้างแล้วอุ้มร่างเล็กขึ้นมานอนทาบทับบนแผงอกแกร่งซึ่งเป็นที่ที่ลลินชอบนอนอยู่เป็นประจำ“ม่ายยยย” เด็กสาวหัวเราะชอบใจตอนที่ปลายจมูกโด่งเลื่อนมาคลอดเคลียที่แก้มนวลเป็นเชิงหยอกล้อ เพราะเธอรู้ดีว่าเตชินท์ไม่ได้หึงเธอกับเทมป์แล้ว และทั้งคู่ก็เคยคุยกันอยู่บ่อย ๆ จากการไปหาเธอที่ร้านดอกไม้ในทุกวันหยุด ซึ่งเทมป์ก็มาเป็นลูกค้าประจำ รวมถึงเตชินท์ที่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเช่นกัน“สัปดาห์หน้าพี่เทมป์มีฉลองสอบเสร็จกับเพื่อน ๆ เราชวนพี่เขามาที่ผับของเราดีไหมคะ”“ตามใจ เพราะยังไงลินก็มีอำนาจตัดสินใจเท่าพี่อยู่แล้ว”“งั้นลินบอกเลยแล้วกัน”“ว่าแต่เราเหลือเวลากันอีกกี่ชั่วโมงเหรอคะ?”“น่าจะประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง เดี๋ยวไอ้ติณมันจะบอกอีกที อยากไปไหนก่อนไหม?”
“เดี๋ยวนี้ตัวติดกับพี่เตจนลืมพ่อกับแม่แล้วนะ” ฉัตรพลหยอกล้อคนที่เดินเข้ามากับภรรยาของตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนเด็กสาวมักจะอยู่บ้านตลอดเวลาที่ว่าง แต่ดูเหมือนในตอนนี้เธอจะใช้เวลาอยู่ที่อื่นเสียมากกว่า“ฮืออ หนูไม่ได้ลืมทุกคนนะคะ” ลลินแสร้งเบะปากราวกับจะร้องไห้เพื่อเรียกความเห็นใจ เพราะว่าตอนนี้เหมือนทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดถึงความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ตัวติดกันตลอดเวลา“ไม่ต้องมาทำตาใสเลย พ่อไม่สงสารหรอกนะ”“ไม่ต้องไปสนใจหรอก” เตชินท์เอ่ยบอกเด็กสาวเสียงเรียบแล้วรั้งตัวของเธอมานั่งบนหน้าตักจนลลินไม่ทันตั้งตัว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเขินอายมากกว่าเดิม“พี่เตปล่อยลินก่อนค่ะ พ่อกับแม่อยู่นะ”“แค่นั่งตัก”“แต่ตอนนี้เรากำลังจะกินข้าวกันนะคะ จะนั่งแบบนี้ได้ยังไง”“ลินกินก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยกิน”“อย่าไปตามใจพี่เขามากนะลิน” กานต์พิชชาเอ่ยปรามลูกสาวคนเล็กที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งของลูกสะใภ้หลังได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ที่คล้ายกับว่าลูกชายของเธอจะเอาแต่ใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้อยู่กับเมียตัวเล็ก แต่ฉัตรพลกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วหันไปบอกภรรยาของตนเอง“ไม่รู้ว่าใครตามใจใครกันแน่นะ”“แล้วเป็นยังไงบ้าง
“แฮ่ก~” ลลินหอบหายใจออกมาแล้วล้มตัวลงนอนทาบทับบนแผงอกแกร่งอย่างหมดแรง ขณะที่ทั้งคู่กำลังอยู่บนโซฟาโดยมีเตชินท์เป็นคนที่นอนอยู่และลลินนั่งคร่อมด้านบน จุดเชื่อมต่อของทั้งสองคนยังคงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แบบตอนแรก“เมียเด็กนี่แรงเยอะจังเลยนะ” เขาเอ่ยหยอกล้อโดยที่มือยังคงลูบแผ่นหลังชุ่มเหงื่อไปด้วยเบา ๆ“พี่เตเองก็แรงเยอะเหมือนกันแหละค่ะ ทำตรงนั้นของลินแสบไปหมดเลย”“แล้วชอบไหม?”“ชอบค่ะ” มาเฟียหนุ่มหลุดยิ้มกับคำตอบทะเล้นของคนรักก่อนเขาจะเป็นฝ่ายอุ้มเธอไปทำความสะอาดคราบน้ำเชื้อเหนอะหนะอย่างเช่นทุกครั้ง และกลับมานอนบนเตียงที่ตอนนี้ทั้งผ้าห่มและผ้าปูที่นอนกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ“กอดของพี่เตอุ่นจังเลย~” ใบหน้าจิ้มลิ้มซุกหน้าเข้าที่แผงอกแกร่งแบบที่ชอบทำเพื่อหาความอบอุ่นจากร่างกำยำแล้วเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีที่เตชินท์ยังคงปฏิบัติต่อเธอเหมือนวันแรกที่ตัดสินใจคบหากันจนถึงตอนนี้“มีอะไรจะบอกพี่แค่นี้เองเหรอ?”“ต้องบอกอะไรอีกเหรอคะ”“ลิน”“ฮ่า ๆ ลินคิดว่าพี่จะฟังจนเบื่อแล้วซะอีก”“อยากฟังอีก แล้วก็ไม่มีวันเบื่อด้วย จะอีกกี่ปีก็อยากฟังทุกวัน”“เพราะพี่ยังเสมอต้นเสมอปลายหรอกนะคะ ลินเลยพูดคำนี้
“ทำไมอ้อนเก่ง” ไม่ใช่ว่าลลินไม่เคยเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักด้วยตัวเอง และไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอ้อนเขาแบบนี้ แต่ว่าท่าทางที่ดูเหมือนแมวตัวเล็กน่ารักนั้นทำเอาหัวใจแกร่งของมาเฟียอย่างเขาหัวใจอ่อนยวบแล้วอดที่จะถามไม่ได้ถึง ‘ความน่ารัก’ ที่นับวันลลินก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ“ลินเห็นพี่ทำเพื่อลินมามากแล้วค่ะ ลินเลยอยากตอบแทนให้พี่มีความสุขบ้าง”“ที่ทำทั้งหมดเพราะแค่อยากตอบแทนงั้นเหรอ?”“เปล่าค่ะ เพราะหนูก็ต้องการเหมือนกัน”เตชินท์ยกยิ้มกับคำพูดเอาใจของคนตัวเล็กก่อนที่ลลินจะเป็นฝ่ายขยับขึ้นมาคร่อมบนหน้าตักของเขาไว้ แก่นกายใหญ่ที่เพิ่งอ่อนตัวลงกลับมาแข็งชันอีกครั้งหลังจากที่ถูกมือนุ่มสัมผัสได้สักพักลลินจัดการยกตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับปลายหัวเห็ดแดงก่ำมาจ่อตรงปากร่องสวาทของตัวเอง จากนั้นจึงกดตัวลงช้า ๆ โดยที่มีมือของเตชินท์คอยประคองเอวคอดเอาไว้“อ อื้อ~”“ทำแบบนี้มันก็ยิ่งเข้าไปลึกสิ” เตชินท์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู ก่อนจะขยับไปนั่งพิงหัวเตียงเพื่อที่จะได้โอบกอดคนตัวเล็กได้สะดวกมากกว่าเดิมโดยที่มืออีกข้างของเขาก็กำลังบีบเคล้นหน้าอกใหญ่ไปด้วย“อยากขยับไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ
“ขอเหมือนเดิมหนึ่งแก้วค่ะ” เด็กสาวในชุดสายเดี่ยวยืนสั่งบาร์เทนเดอร์เสียงหวานหลังจากที่เพื่อนทั้งสามคนแยกย้ายกันกลับไปแล้ว เธอคิดว่าจะดื่มต่ออีกสักแก้วแล้วค่อยไปนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ของเตชินท์เพื่อคิดถึงเขาไปด้วย ระหว่างนั้นมือเรียวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะดูว่าแฟนหนุ่มได้อ่านข้อความที่เธอส่งไปหรือยัง“อ๊ะ!”“แอบมาหนีเที่ยวแบบนี้ไม่กลัวโดนทำโทษเหรอครับ” ทว่าในจังหวะที่กำลังปลดล็อคหน้าจอ ท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่มบางคนก็สอดเอามาโอบที่เอวคอดของลลินอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงทุ้มที่เอ่ยประชิดกับใบหูเล็กและกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยพาลทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เธอรีบหมุนตัวกลับไปแล้วตวัดแขนโอบกอดลำคอหนาไว้แน่นด้วยความคิดถึง“ที่รักกลับมาหาหนูแล้ว”“แอบหนีพี่เที่ยวงั้นเหรอ?” เตชินท์โอบกอดที่เอวบางเอาไว้พร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาสูดดมกลิ่นหอมบริเวณไหล่มนด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน ขณะที่มืออีกข้างก็ลูบแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กเบา ๆ ไปด้วย“หนูส่งข้อความบอกแล้วนะคะ แต่พี่เตไม่อ่านเอง รู้ไหมว่าตลอดสองวันที่ไม่ได้คุยกันหนูคิดถึงมากแค่ไหน”“พี่รีบทำงานเพื่อจะกลับมาหาเด็กน้อยแถวนี้อยู่ แล้วก็ว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส







