LOGIN[ย้อน] 3 ปีที่แล้ว
โรงพยาบาลคีรีกันตรักษ์ โรงพยาบาลเอกชน ที่มีมาแล้วมากกว่า 40 ปี ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานสากล และได้รับความไว้วางใจจากผู้คนมากมายเป็นวงกว้าง มีชื่อเสียงทั้งในด้านการให้บริการ การตรวจวินิจฉัย และการดูแลรักษา เอาใจใส่เสมือนคนในครอบครัว ผู้อำนวยการนายแพทย์กันต์ คีรีกันตรักษ์ เดินออกมากจากห้องประชุมด้วยท่าทางสุขุมและหนักแน่น แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในหน้าที่ เมื่อครู่เป็นการประชุมที่ผอ.กันต์เพิ่งเรียกจัดประชุมกับทีม เพื่อพูดคุยอัปเดตถึงความคืบหน้าของโปรเจกต์ต่างๆ คนโปรดยืนอยู่ข้างพ่อเขา บนทางเดินที่คนเดินสวนไปมาในห้องโถงกว้างของโรงพยาบาล ทั้งสองเพิ่งออกมาจากห้องตรวจ โดยมีนายแพทย์ที่เดินตามออกมาส่งด้วย เพราะตนจะไปพักเที่ยงด้วยพอดี “แนะนำอย่าหักโหมมากนะครับ พักผ่อนเยอะๆ แล้วก็อย่าเครียดมาก” แพทย์บอกด้วยน้ำเสียงสุภาพและจริงจัง “ก็ลูกชายผมน่ะสิครับหมอ ทำให้ผมเครียด” นายตำรวจคนป่วยหันมาพูดกับลูกชายตัวเอง แต่ไม่ได้จริงจังมาก “อ้าวพ่อ ทำไมพูดงี้อ้ะ?” คนโปรดแย้งกลับด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนพ่อลูกคุยเล่นกัน แต่มีคนที่ไม่เก็ทอยู่คือ “โอ๊ะ อย่าเถียงกันครับ อย่าเถียงกัน บอกแล้วไงครับว่าอย่าเครียด” นายแพทย์ที่ยืนอยู่ด้วยกันยกมือขึ้นสองมือเป็นปางห้ามญาติ “ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะครับ” “อะ อ๋อครับ” แพทย์แอบงง เพราะตามอารมณ์สองพ่อลูกไม่ทัน คนโปรดยกมือไหว้ขอบคุณแพทย์เจ้าของไข้พ่อของตัวเอง นายตำรวจคนป่วยเองก็ก้มหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณพร้อมกับคำที่ลูกชายเอ่ย “ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” แพทย์ตอบพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินจากไป “จริงๆ ไม่ต้องมาก็ได้นะ บอกแล้ว” “ได้ไงล่ะพ่อ พ่ออ้ะทำงานหนักเกินไป มาโรงพยาบาลก็ดีแล้วจะได้ตรวจเช็กด้วยว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงรึเปล่า” คนโปรดตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเป็นห่วง แต่ก็ไม่วายพ่อพูดต่อ “มึงแช่งกูเหรอฮะ” คนโปรดได้ยินแล้วก็ยกยิ้ม “เปล่าสักหน่อย ผมเป็นห่วง จะได้ดูแลถูกไง” คนโปรดพูดไปตามความจริง “ถ้ามึงอยากดูแลกู มึงก็ทำตามที่กูบอกสิ” -คนโปรด- คำพูดเมื่อครู่แฝงด้วยความจริงจัง ทำให้บรรยากาศรอบๆ เงียบไปครู่หนึ่ง ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ“แล้วเรียนเป็นไงบ้าง” พ่อถามลูก ขณะก้าวขาไปตามทางเดินยาวในโรงพยาบาล “ก็ดีครับ” คนโปรดตอบสั้นๆ ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร “มันเข้าท่ามั้ย” พ่อถามอีกครั้ง ขณะนั้นเอง นายแพทย์กันต์เดินตรงเข้ามาในทางเดียวกัน ก่อนจะกล่าวทักนายตำรวจเพื่อนของตัวเอง “อ้าว คุณนพ เป็นไงบ้าง” “อ้าวเฮ้ย คุณหมอ นึกว่าจะไม่เจอแล้ว” นายตำรวจเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เจอกันนานเลย สบายดี” ‘นึกว่าจะไม่เจอแล้ว’ เมื่อกี้บอกไม่อยากมาไม่ใช่เหรอวะ คนโปรดนึกในใจ ก่อนจะยกมือเกาหัว “สบายดีๆ เพิ่งประชุมเสร็จน่ะ มาทำไรครับ?” “หน้ามืดนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้เป็นไร เอ้อ ลูก อันนี้คุณหมอกันต์ รู้จักกับพ่อนี่แหละ” “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้คุณหมอ “หวัดดีครับลูก” นายแพทย์ยกมือรับ พร้อมส่งยิ้มใจดีให้ “ลูกชายเหรอ ดูเป็นเด็กดีมากเลย เห็นแล้วนึกถึงลูกชายคนเล็ก” เขาหันไปคุยกับพ่อของผมต่อ “ใช่ ลูกชาย ชื่อคนโปรด เป็นน้อง มีคนโตอีกคนชื่อคนดี” “เรียนที่เดียวกันกับลูกผมเลย” คุณหมอว่า เมื่อเห็นชุดนักศึกษาผม “จริงเหรอ?” น้ำเสียงนายตำรวจฟังดูดีใจ “ใช่ครับ ผมก็มีลูกชายสองคนเหมือนกัน คนโต เรียนบริหาร แต่จบแล้วล่ะ บอกให้เรียนหมอเหมือนพ่อก็ไม่เรียนสักคน คนเล็กอีกคนก็อยู่เมกานู้น เรียนสถาปัตย์” “เหมือนกันครับ ผมอยากให้เป็นตำรวจ ลูกสองคนก็ไม่มีใครเป็นให้เลย เฮ้อ” นายตำรวจส่ายหัว แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ “บอกให้ไปทางดีๆ แท๊ๆ” “จริงครับ แต่ก็ขัดอะไรไม่ได้ ฟังที่ไหนเด็กสมัยนี้” “นี่บอกอยากเรียนนิเทศศาสตร์การแสดง ผมก็เลยตามใจเขาไป” ‘ตามใจ’ แต่ทุกวันนี้ก็ยังบอกอยากให้ไปเป็นตำรวจอยู่เลยนะ “อ๋อ อยากเป็นนักแสดงเหรอ ดีๆ หน้าตาดี” ผมยิ้มรับคำชมพร้อมกับโค้งหัวลงเล็กน้อยให้คุณหมอไปที “คุณหมอค่ะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ” ทันใดนั้นเองเสียงเรียกก็ดังขึ้นจากทางด้านข้าง เป็นพยาบาลผู้หญิงที่เดินเข้ามาหาคุณหมอ “ครับ” นายแพทย์หันไปตอบ “เดี๋ยวไม่กวนเวลาแล้ว ไว้เจอกัน” พ่อผมพูด “เจอกัน อย่าลืมดูแลคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะลูก” ประโยคหลังนายแพทย์หันมาพูดกับผม “ครับคุณหมอ” ผมตอบกลับอย่างเต็มใจ “เรียกอาก็ได้” “ครับ คุณอา” “ไป นำไปเลย” คุณอาหมอหันไปพูดกับพยาบาล “เชิญทางนี้ค่ะ” หญิงพยาบาลวัยกลางคนผายมือพาคุณหมอเดินไปอีกทาง _________ “อ้าวคุณหมอ มาอยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอครับ ไม่เคยเห็นเลย” “อ๋อ เพิ่งย้ายมาน่ะครับ จะได้ใกล้โรงพยาบาล จำได้ว่าคุณนพก็อยู่ที่นี่” “อ๋อ ดีๆ ครับ อยู่นี่ก็ดี” “ผมว่าสภาพแวดล้อมโอเคดี” “วันหลังเดี๋ยวเชิญมาที่บ้านนะครับ” คนมาอยู่ใหม่ว่าขึ้น “โอ้ ได้เลยครับ” . “สวัสดีค่ะ คุณกานต์” เสียงครูแม่ลักษณ์กล่าวทักคุณกานต์ กานต์ คีรีกันต์รักษ์ ภรรยาคุณหมอหรือแม่ของไนท์ “สวัสดีค่ะ เชิญค่ะๆ” “วันนี้มารบกวนคุณกานต์กับคุณหมอหน่อยนะคะ” “อ๋อ ไม่รบกวนเลยค่ะ เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ อยากมีเพื่อนคุยพอดี” คุณกานต์เจ้าบ้านว่ายิ้มๆ พ่อแม่ทั้งสองของครอบครัวพากันรับประทานอาหารว่าง คุยสัพเพเหระกันถูกคอ “หมอเล่นกอล์ฟด้วยเหรอ เห็นมีถุงกอล์ฟ ตรงนั้น” นายตำรวจถามนายแพทย์ “อ่อ เคยเล่นนานแล้วน่ะครับ” “หมอว่างวันไหน เดี๋ยวไปตีกอล์ฟกัน” ? “คุณนพก็เล่นเหรอ” “ครับ” “ช่วงนี้งานไม่ยุ่งแล้วเหรอคะ” ครูลักษณ์ภรรยานายตำรวจถามสามีตัวเอง เหมือนเป็นเชิงเบรก “ช่วงนี้ไม่ค่อยมีไรแล้ว” “ความได้เพื่อนเล่นแล้วอ้ะเนาะ” คุณลักษณ์พเยิดหน้ายิ้มว่าแซวสามีตัวเองกับเจ้าบ้านทั้งสอง ฮ่าๆๆๆ จากนั้นก็เกิดเสียงหัวเราะกันขึ้น เอี๊ยดดดด!!! เสียงเบรครถ ไนท์เหยียบเบรคแทบไม่ทันเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่หนีบอยู่หน้าคอนโซนรถ แล้วพบว่ามีบิ๊กไบค์ขับมาจะเลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้านเดียวกันกับเขา ปี๊ก ปี๊ก!! เสียงบีบแตรรถของบิ๊กไบค์สีเขียว ก่อนที่เจ้าของรถจะพายมือ เป็นเชิงให้รถเบนซ์ข้างหน้าขับเข้าไปก่อน “ขับรถไม่ดูรึไง” คนโปรดส่ายหัวให้กับรถเบนซ์ดำด้านที่ขับมาเกือบจะชนเข้ากับรถของเขา ก่อนจะขับต่อเข้ามาในหมู่บ้านเดียวกัน และแล้วรถทั้งสองคันก็จอดลงที่จุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นบ้านหลังเดียวกัน เบนซ์เข้ามาจอดในโรงรถบริเวณบ้าน ส่วนคนโปรดจอดบิ๊กไบค์ไว้หน้าบ้าน ไนท์ลงมาจากเบนซ์พร้อมปิดประตูรถ แล้วพูดกับเจ้าของบิ๊กไบค์ “ตามมาทำไม ไม่จบเหรอ” ไนท์ถามขึ้นเสียงเข้ม หันกลับมามองคนโปรดที่เดินตามหลังมา “ตามอะไร ผมก็จะมาที่นี่เหมือนกัน” ? “มาทำไม” “อ้าวเฮ้ย เดี๋ยว” เจ้าของบ้านพูดยังไม่ทันจบ คนโปรดก็ถือวิสาสะเปิดประตูเดินเข้ามาในบ้านแล้ว “อ้าวโปรด มาแล้วเหรอลูก” ครูลักษณ์แม่ของคนโปรดว่าขึ้นก่อน “อ้าวไนท์ มาพร้อมกันเลย” คุณกานต์แม่ของไนท์ว่าขึ้นบ้าง เมื่อเห็นไนท์เดินตามเข้ามา “สวัสดีครับ” / ”สวัสดีครับ” ไนท์และคนโปรดยกมือไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวที่อยู่ในบ้าน “มา นั่งๆ กินข้าวกัน” คุณกานต์เจ้ามือที่ทำกับข้าวมื้อนี้บอกเด็กทั้งสอง คนที่ยืน ก่อนทั้งหมดจะย้ายก้นมานั่งที่โต๊ะอาหาร หลังจากนั่งเล่นที่โซฟาประมาณว่ารอเด็กๆ มา “ไนท์ นี่คนโปรด ลูกชายคุณอาร้อยตำรวจโทนพ” “เรียกซะเต็มเลย” นายตำรวจว่ากับคุณกันต์ “ครับ” ไนท์ตอบรับสั้นๆ นายแพทย์แนะนำคนโปรดให้กับลูกตัวเองเสร็จก็ถามคนโปรดต่อ “เห็นว่าเรียนนิเทศ แล้วเป็นไงบ้างลูก” “ก็ดีครับ สนุกดี ปี 1 ก็ยังไม่ได้เข้มข้นอะไรมากครับ” “เอ้อ แล้วทำไมถึงเรียนนิเทศล่ะ” “อ๋อ มีคนบอกน่ะครับว่าหน้าตาดี แสดงได้เลย” “ก็ดีจริงๆ นั้นแหละ” “หลงตัวเอง” ไนท์ว่าขึ้นเสียงเบา “แล้วผมก็เคยลองเล่นหนังของโรงเรียนแล้วชอบ ก็เลยอยากเรียนทางนี้ต่อน่ะครับ” “อ๋ออ” ตำรวจนพพูดขึ้นบ้าง “ผมพูดไว้ว่าถ้ามันไม่ใช่หรืออะไรยังไง ก็มาเป็นตำรวจเหมือนพ่อ ผมว่า” “ให้ลูกลองดูก่อน” แม่คนโปรดว่าตอบสามีตัวเอง น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงความหนักแน่น ตอบกลับสามีที่มีท่าทีห่วงใย “ก็ให้ไง” พ่อตอบกลับทันที เสียงเข้มขึ้นมา “กดดันลูก” แม่เสริมขึ้นพร้อมมองหน้าสามีราวกับจะเตือนให้ใจเย็นหน่อย “ไม่ได้กดดัน เนาะ” นายตำรวจว่า คำสุดท้ายเป็นเชิงถามความคิดเห็นลูกตัวเอง “ครับ ไม่ได้กดดันอะไร” คนโปรดตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะยกยิ้ม _________ “น้องดูเป็นเด็กน่ารักเนาะ” คุณแม่บ้านคีรีกันพูดกับลูกชาย “ก็งั้นๆ แหละ ผมสงสัยว่าเขาทำของใส่รึเปล่าเนี่ย..” ไนท์พูดขึ้น น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย คนเป็นแม่ยกมือตีแขนลูกน้อยๆ เป็นเชิงเหมือนตำหนิ “พ่อกับแม่ชมคนอื่นหน่อยไม่ได้เลยเหรอลูกก” คุณแม่พูดขึ้นพร้อมหัวเราะน้อยๆ “ไม่ได้” ร่างสูงตอบกลับทันที น้ำเสียงหนักแน่ เหมือนเด็กน้อยโดนขัดใจ “ขี้อิจฉาเหรอ” แม่พูดเสียงเล่น จากนั้นไนท์ก็เดินขึ้นบันไดไปบนห้อง ไม่ตอบอะไรต่อ “เอ้า แม่หยอกเล่นเฉยๆ” “ลูกคนนี้หนิ โตมาแล้วงอนเก่งเหมือนใครเนี่ย” _________ วัดบูรณภักดิ์วาอาราม ขณะนี้เป็นสถานที่จัดงานฌาปนกิจศพ และวันนี้ ก็เป็นวันเผาแล้ว การันต์ยืนมองภาพใบหน้าของนางวรกานต์วัยห้าสิบสามปีในกรอบสีทอง ตั้งแต่รู้ว่ามารดาของตัวเองสิ้นลมลงแล้ว เขาก็ยังใจหายยังไม่หายจนถึงตอนนี้ ตอนนั้นนายแพทย์กันต์อยู่ที่โรงพยาบาล ไม่มีใครอยู่บ้าน ไนท์ก็ไปดูงาน ก่อนจะรู้ว่าผู้เป็นแม่เป็นลมล้มหมดสติ คุณน้าลักษณ์เพื่อนบ้านมาที่บ้านพอดี และพบเข้าจึงโทรเรียกรถโรงพยาบาล ไนท์ก็ขับตามมาที่โรงพยาบาล แต่แล้วคุณกานต์ก็มาจากไปแบบไม่บอกไม่กล่าว ผมยังไม่ได้เปิดบริษัทเลย แม่ก็มาจากไปก่อนซะแล้ว ไหนบอกจะรอดูความสำเร็จของผมไง เหลือทำงานหลังจากรับปริญญา แล้วก็ไม่รอดูหน้าครอบครัวของเราลูกของแม่คนนี้ก่อนเหรอ ผมอยากให้แม่ภูมิใจนะ แม้ว่าแม่จะเคยบอกว่าภูมิใจในตัวผมแล้วก็ตาม ร่างสูงหยิบธูปขึ้นมาหนึ่งดอก มือข้างหนึ่งยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมาหางตา ก่อนจะท่องบทสวดในใจแล้วปักธูปลงไปในกระถาง ขอบคุณที่เลี้ยงผมมาเป็นอย่างดีนะครับ คนโปรด ลูกชายนายตำรวจเพื่อนของพ่อ จากที่มองเขาอยู่เมื่อครู่ ก็ลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามานั่งลงที่ม้านั่งตัวยาวด้วยกัน ข้างๆ ร่างสูง โดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่มีใครรู้หรอกว่า พรุ่งนี้คนที่เรารักหรือคนที่รักเราจะยังอยู่กับเรามั้ย ไม่เป็นไรนะครับ” ไนท์คิดในใจ ไม่เป็นเหี้ยอะไรล่ะ “ขอแสดงความเสียใจด้วยอีกครั้งนะครับ ไม่คิดว่าจะมาจากกันไปเร็วขนาดนี้” นายตำรวจบอกกับเพื่อน ผู้เป็นสามีผู้เสียชีวิต “ขอบคุณครับ” นายแพทย์กันต์เองก็ใจหายเหมือนกัน ###“พี่ไม่ต้องพยายามก็ได้นะ” …“พี่ไม่ได้พยายาม โปรดก็รู้ว่า ถ้าพี่ไม่อยากทำ พี่ไม่ทำหรอก” เขาตอบจริงจัง แม้จะฟังดูไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ เพราะปกติเขาจะพูดกับผมโดยแทนตัวเองว่ากู“พี่โดนของมาป่ะเนี่ย ทำไมเปลี่ยนไปขนาดนี้ ปกติพี่ไม่ใช่คนแบบนี้ ขนาดตอนเป็นแฟนกัน พี่ยังไม่แทนตัวเองว่าพี่ แล้วก็ไม่เรียกชื่อผมว่าโปรดด้วย มีนับคำได้มั้ง”ไนท์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะยื่นมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ “อันนี้คือน้อยใจเหรอ? ฮะ” ผมปัดมือเขาออก แต่เขากลับหัวเราะชอบใจ “ก็บอกแล้วไง ว่าคนใหม่ จำที่เคยพูดได้มั้ย? ‘ไม่ใช่เมียก็ทำใจหน่อยนะ’ ก็นี่ไง พี่จะทำให้ดูว่าเป็นเมียพี่เป็นไง”“แล้วที่ผ่านมาคือ? เล่นๆ?” ผมจ้องเขม็ง เริ่มเข้าโหมดจริงจัง“ก็- อันนี้เอาจริงละไง ให้โอกาสพี่อีกรอบนะ” ผมรู้สึกว่าเขายังไม่สำนึกจริงๆ เอาแต่คำหวานมาพูดหยอด“โอ๊ยย! กูงึด!” ผมโพล่งออกไปอย่างเหลืออดไนท์เลิกคิ้ว “งึดแปลว่าอะไร?”“คิดไม่ถึงอะ” ผมตอบเสียงขุ่น ใส่อารมณ์เต็มที่เขากลับยิ้มออกมาแทนที่จะจริงจัง “แต่พี่คิดถึงนะ” ว่าแล้วก็ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้-_- “คิดว่าหยอดแบบนี้แล้วผ
วันต่อมา หลังจากโดนบอกเลิก วันนี้เป็นวันหยุด 19:00 น. ไนท์ตั้งใจแวะห้างก่อนจะตรงไปที่บ้านของคนโปรด เขามาอยู่ที่โซนซูเปอร์มาร์เก็ต ใช้เวลาค่อนข้างนานอยู่หน้าชั้นวางของ พิจารณาสินค้าอย่างละเอียดในตะกร้าที่เลือกมีทั้งแพ็คของรังนก, นม, ชา, กาแฟดริปซองเล็กๆ และผลไม้สดปลอกแล้ว จากนั้นเขาก็เลือกซื้ออาหารที่คิดว่าเหมาะ เช่น ไก่ตุ๋นยาจีน, เกี๊ยวน้ำ, เป็ดปักกิ่ง และแกงมัสมั่น ฯลฯ เขาตัดสินใจไม่ซื้ออาหารไทยไปมากนัก เพราะรู้ว่าคุณน้าชอบทำอาหารไทยอยู่แล้ว ไม่อยากจะซื้อไปทับลายท่าน ให้พวกเขาได้ทานอะไรที่ต่างออกไปบ้างน่าจะดีกว่า เขาไม่ได้ซื้อไปเพื่อให้ดูดี แต่เพราะอยากให้พวกเขารู้ว่า ‘ตั้งใจ’ มาจริงๆ และแล้วไนท์ก็มายืนอยู่หน้าบ้านของคนโปรด มือทั้งสองหิ้วถุงของฝากแน่นจนสายหิ้วกดลึกเข้าที่นิ้ว เขาไม่บอกใครล่วงหน้า ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ หลังจากที่อีกฝ่ายงอนเขา ถึงขั้นบอกเลิก “สวัสดีครับคุณน้า สวัสดีครับคุณอา” เขาทักเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน คุณอานั่งดูทีวีอยู่ แม้เห็นผมมา เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย เหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติของวันงั้นแหละ “สวัสดีคับ
-ไนท์-[ย้อน]ผิดนัดครั้งที่ 1 หลังจากวันนั้น ที่เขาไปกินไอศกรีมกับคนโปรด ณะก็เล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่เจ้าตัวทะเลาะกับธรณ์ ต้นเหตุคือความสัมพันธ์แบบ FWB ที่ธรณ์มีอยู่กับผู้ชายอีกคน และณะที่เป็นแฟนก็จับได้ เพราะผู้ชายคนนั้นคอยส่งรูปธรณ์มาให้เขา ณะบอกให้ธรณ์เลิกยุ่งกับผู้ชายคนนั้นหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องกลับไม่จบง่ายๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมถอย แถมยังพยายามใช้มารยา อ้างความผูกพันและความเข้าใจที่ธรณ์เคยมีให้ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายคนนั้นเริ่มโพสต์รูปที่ถ่ายกับธรณ์ลงโซเชียล พร้อมเมนชั่นถึงณะอย่างจงใจ แฟนคลับที่ติดตามต่างพากันเห็นและส่งข้อความมาถาม มาถล่มด้วยความอยากรู้ จนณะรู้สึกทั้งอึดอัดและหนักใจจริงๆ เรื่องที่เขามีคู่หมั้นหรือแฟนเป็นธรณ์ เขาไม่ได้ประกาศหรือเปิดตัวให้ใครรู้ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้อยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยงานในวงการบันเทิงณะยังไม่อยากเปิดตัวแฟนตอนนี้ แต่เขามีความรักและจริงใจกับธรณ์จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ประคองความสัมพันธ์นี้ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยมาได้จนถึงตอนนี้“มันไม่ได้เจ็บที่เขานอกใจนะ” ณะพูดกับไนท์ น้ำเสียงนิ่งแต่หนัก “มันเจ็บตรงที่เขาไม่กระตือรือร้
หลังงานจบ คนโปรดเดินออกมาหน้าคณะไนท์ยืนรออยู่ข้างรถ พร้อมช่อกุหลาบสีแดงในมือผมเดินเข้าไปหาเขา“ดอกไม้ครับ” เขายื่นให้ผมรับไว้ “ขอบคุณครับ” พลางยิ้มไนท์ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ“ป่ะ” ไนท์พูดพลางเปิดประตูให้ ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ“ไปกินข้าวมั้ย?” เขาชวนขณะออกรถมีดอกไม้เหมือนอย่างที่บอกไว้จริงๆ แต่เขาไม่ได้ไปดูอยู่ตรงนั้น จะมีความหมายอะไร แล้วนี่ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ฟังหน่อยเหรอ“โปรด ว่าไง?”“ไปสิ”ตอนกินข้าวกัน ผมก็ไม่ได้ถามออกไปว่า ทำไมเขาถึงมาดูผมแสดงไม่ทัน ติดอะไรรึเปล่า ผมรอให้เขาเล่าเอง แต่จนหมดวัน เขาก็ไม่พูดถึงมันเลย ไม่อยากมา? คนเยอะ? หรืออะไร มีธุระ? เขาก็ไม่บอก หลังจากนั้น ไนท์ก็เริ่มผิดนัดอยู่เรื่อย บ้างก็ว่าติดธุระ งานที่บริษัท นัดไปกินข้าววันครบรอบ แต่ไนท์ก็บอกเหนื่อย ขอเลื่อนไปวันอื่น แต่พอเข้าไปดูในสตอรี่ของณะกลับมีไนท์อยู่ด้วย ธุระอะไร[ดูสิชั้นเจอใคร ไนท์กับณะ omg ไม่คิดว่าเขาจะรู้จักกัน] (แนบรูป//รูปถ่ายไนท์และณะนั่งอยู่ด้วยกันที่คาเฟ่)↳ อุ้ย ตัวท็อปคู่เลยหนิ หรือจะมีซัมติงอะไร
-คนโปรด-ผมเปิดประตูเข้าบ้าน“กลับมาแล้วครับแม่” ผมพูดขณะเดินผ่านไปทางบันได“อะแฮ่ม” แม่ที่อยู่ในครัวกระแอมขึ้นผมหันไปมองงงๆ ไม่แน่ใจว่าแม่มีอะไรจะพูด หรือแค่ไอเฉยๆ“อย่าลืมลงมากินข้าวนะ” แม่บอกผมชะงัก ก่อนตอบ“ผมกินมาแล้วครับ” “กับไนท์เหรอ?” …รู้ได้ยังไง แต่พอคิดดู ก็ไม่แปลก เพราะเมื่อวานผมเพิ่งบอกพ่อกับแม่ไปว่าไนท์เขาขอเป็นแฟน“ครับ”“อย่าคิดว่าแม่ไม่เห็นนะ”“? เห็น… อะไรครับ?”“ก็ที่ไนท์เปิดตัวลูกกับนักข่าวน่ะสิ”ผมตาโต ไวไปไหมเนี่ย“รู้ ได้ยังไงครับ?”“ก็เพื่อนแม่ที่โรงเรียนเขาเปิดให้ดู เขาเห็นหน้ากับชื่อลูกคุ้นๆ”“อ๋อ... ในทวิตเหรอครับ?”“ทำนองนั้นแหละ เห็นมาแรงด้วยนะ” “แล้วแม่…ได้เลื่อนอ่านคอมเมนต์ด้วยมั้ยครับ?” “อ่านสิ เห็นเขากรี๊ดกันใหญ่ บอกว่าน่าร้ากกก ว้าวมาก ไม่คิดว่าไนท์จะมีแฟนเป็นผู้ชาย อะไรประมาณนี้แหละจ้ะ” แม่เล่าเหมือนกำลังเม้ามอยกับเพื่อน “จริงๆ ผมยังไม่อยากให้เขาเปิดตอนนี้หรอกครับ เพราะว่าเขาเป็นดาราต้องทำงานกับคนอีกหลายคน ต้องมีคู่จิ้น อีกอย่างไม่
คนโปรดรีบเปลี่ยนชุดจนเสร็จ แล้วสาวเท้ากลับไปยังห้องของไนท์ ตอนแรกเขายกมือจะเคาะประตู แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า ไนท์บอกให้เข้าไปได้เลย ไม่ต้องเคาะ เดี๋ยวรำคาญเอาเขาเปิดประตูเข้าไป พบว่าไนท์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มือเลื่อนโทรศัพท์ไปมา แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตายิ่งกว่านั้นคือร่างสูงในชุดสูทที่ดูดีจนน่าตกใจแทนที่เขาจะถามเรื่องชุด แต่เขากลับ “ได้...ป่ะ?” พร้อมทำมือชักล้อเลียน“หยุดซิ!” เขาขมวดคิ้วใส่อย่างห้ามปราม“โอเคคับๆ” ร่างสูงยกมือขึ้นยอมแพ้ ยิ้มกว้างจนตาหยี “เป็นไงชุด?”“ก็อย่างที่เห็น” เขาตอบไปนิ่งๆ แต่ตัวก็ยืดอกให้ดูเต็มๆ “อื้มม หล่อมาก”“ชุด?” เขาถาม เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงชุดหรือเขากันแน่“ใช่” ไนท์พยักหน้าชุดหล่อเหรอวะ?“นี่ไง ใส่คู่กันกับกู” ไนท์พูดพลางลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นชุดอย่างเต็มตัว เขาใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำด้านใน ปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยช่วงคอ สวมทับด้วยสูทสีเงินเข้มแบบบาง ตัดทรงพอดีตัว ไม่หนาเทอะทะ กางเกงขายาวสีเดียวกัน สไตล์ที่ออกมาคล้ายคนที่ไปออกงานหรู แต่ไม่อยากดูแข็งเกินไป มีเสน่ห์แบบก้ำกึ่งระห







