-คนโปรด-
สายตาคนโปรดกำลังจับจ้องไปที่จอแล็ปท็อปอย่างใจจดใจจ่อ ไล่สายตาอ่านการตอบกลับอีเมลที่ตนเพิ่งส่งคำขอฝึกงานไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ‘เรียน คุณณปภัช พัฒนโชติโสภณ ฝ่ายบุคคลขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ทางค่ายLBN ENTERTAINMENT ตกลงรับท่านเข้าฝึกงานในตำแหน่งContent Creative’ “เยสสสสส!” คนลุ้นร้องออกมาด้วยความดีใจ เห็นอย่างนั้นแล้ว คนดีใจก็ลุกออกจากเก้าอี้เปิดประตูห้องนอนเดินลงบันไดมายังชั้นล่างอย่างไว “ฉาหลองเลยย แม่ แม่อยู่ไหน” คนโปรดหันรีหันขวางหาคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ฉลองอะไร มีอะไร ฮึ” คนเป็นแม่เดินออกจากห้องครัว เพราะได้ยินเสียงคนดีใจอะไรก็ไม่รู้ ก่อนจะยืนพิงขอบประตูขมวดคิ้วมองลูกชายตัวเอง “ได้ที่ฝึกงานแย้ววว” คนโปรดว่าพลางยิ้ม คุณแม่มุ่นคิ้ว “ฝึกงานอะไรลูก? ไหนบอกแม่ว่าไม่มีฝึกงานไง แต่เป็นทำโปรเจกต์จบแทน แล้วตอนนี้ก็ปิดเทอมอยู่ไม่ใช่เหรอ?” “ผมอยากไปฝึกเองครับ แฮ” คนเป็นลูกยิ้มแฉ่งเห็นฟันขาว “แม่รู้ป้ะ คนอยากได้ที่นี่กันตั้งเยอะเลยนะ นึกว่าจะไม่ได้แล้ว” “แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่ เป็นที่อื่นไม่ได้?” แม่เลิกคิ้วถาม “ก็ที่นี่อ้ะ เป็นค่ายน้องใหม่ที่กำลังมาตอนนี้ไง เผื่อเขาเห็นผมแบบมีแวว แล้วได้ไปแสดงกับเขาบ้างไรงี้” คนโปรดพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับยิ้มเล็กๆ แม่พยักหน้าเบาๆ พลางยิ้มตาม “อ่อเหรออ โอเค ดีใจด้วยๆ” คนโปรดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “แล้วก็…” “ก็?” “เป็นที่ที่พี่ไนท์ทำงานอยู่ด้วย” “พี่ไนท์? ที่เป็นลูก..คุณหมออ้ะเหรอ” แม่ถามพร้อมทำหน้าแปลกใจ “ใช่” “ชอบเขาเหรอ?” คุณแม่ถามกลับอย่างตรงไปตรงมา “แม่~ ไม่ใช่!” คนโปรดรีบปฏิเสธทันที พร้อมทำหน้ามุ่ย “เอ้า ไม่ได้ปลื้ม ไม่ได้อะไร แล้วทำไม..” “อ๋อ ใช่ครับ ปลื้ม” คุณแม่ที่เหมือนสังเกตเห็นความผิดปกติของลูก จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำหน้ายิ้มตาหยี เขินลอบมองผม “อะไร~” คนโปรดเม้มปากแน่น ก่อนเบือนหน้าหนีสายตาล้อเลียนของแม่ “ลูกอ้ะออกอาการ” แม่พูดพลางยิ้มล้อ “ออกอาการอะไรล่ะ ผมขำแม่นั่นแหละ” คนโปรดรีบแก้ตัว พยายามแสดงสีหน้านิ่ง “อ่อเหรอ” คนเป็นแม่เอ่ยพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เชื่อ “อะไรกัน แม่ลูกคู่นี้ ฮึ” เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากชั้นบน พ่อในชุดตำรวจที่เตรียมตัวออกไปทำงานเดินลงบันไดมาพร้อมกับถาม “ดีใจอะไร? ได้ยินเสียงลั่นบ้านเมื่อกี้” ดังขนาดนั้นเลยเหรอเนี้ย หูตำรวจดีจริงๆ “อ๋อ ผมจะไปฝึกงานน่ะครับ” “ฝึกงานอะไร” “คอนเทนต์ครีเอทีฟครับ” พ่อขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพึมพำขึ้น “ที่ต้องทำหลายๆ อย่างอ้ะนะ ยุ่งยากจะตาย ไปทำทำไม” “ไม่เป็นไรครับ ผมเลือกแล้ว” คนโปรดพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมสบตาพ่อด้วยความมั่นใจ “มากินข้าวกันดีกว่า” เป็นแม่ที่พูดตัดบททั้งสอง ก่อนเดินเข้าครัวไป เพื่อจะยกอาหารออกมาตั้งโต๊ะ เพราะได้เวลากินข้าวเช้าก่อนออกไปทำงาน “มาครับ ผมช่วย” คนโปรดเดินตามเข้าไปในครัวเพื่อยกสำหรับออกไปช่วย ไม่นานทุกคนบนโต๊ะก็รับประทานอาหารกันจนเสร็จเรียบร้อย “แล้วเริ่มไปวันไหนล่ะ?” แม่ถามขึ้น ขณะสองคนแม่ลูกช่วยกันยกจานข้าวที่กินเสร็จมาวางไว้ในครัว “พรุ่งนี้ครับ” ผมตอบวางของลงที่อ่างล้างจาน “โอเค วันนี้ก็พักผ่อนนะ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะหยิบฟองน้ำมาช่วยล้างจาน คุณแม่ก็ยังเป็นคนที่ใจดีและเข้าใจผมที่สุดเสมอ “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมล้างเอง แม่ไปเถอะเดี๋ยวรถติดเอา” ฟอดด♡˖꒰ᵕoᵕ꒱ หอมแก้มลาคุณแม่ให้ชื่นใจ เป็นกำลังใจให้ท่านก่อนออกไปทำงานหนึ่งที แล้วก็ไม่ลืมที่จะเดินออกไปกอดคุณพ่อ แล้วหอมเขาเช่นกัน ฟอดด♡˖꒰ᵕoᵕ꒱ เพราะทุกท่านคงทำงานกันเหนื่อยแย่กว่าจะเลี้ยงผมมา ตอนนี้ก็ยังทำงานอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะบอกว่ามันคือความสุขของเขาด้วยก็ตาม แม้จะมีปากเสียงไม่เข้าใจกันอยู่บ้าง แต่คนโปรดก็พยายามจะรักษาความสัมพันธ์อันดีของครอบครัวให้ไม่คลาย “บอกไม่ต้องหอมก็ได้ไง” นายตำรวจยกมือเช็ดแก้มตัวเองลวกๆ หลังจากยืนให้ลูกชายหอมแก้มโดยไม่ปฏิเสธ “ตั้งใจทำงานนะครับ” คนโปรดพูดเสียงสดใสเหมือนเด็กน้อย “เออ” แต่คุณพ่อตอบกลับเสียงเข้มห้วน “อะแฮ่ม” คุณลักษณ์ภรรยาที่ฟังอยู่กระแอมขึ้น “ครับ มึงก็เหมือนกัน” นายตำรวจว่า จากนั้นก็เปิดประตูออกจากบ้านไป “แต่วันนี้ผมไม่ได้ไปทำงานนะครับ” คนโปรดตะโกนบอกพ่อตัวเอง “เออนั่นแหละ ทำตัวดีๆ” “คร้าบบ” พ่อลูกตะโกนคุยกัน (^‿^) วันต่อมา วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสอีกวัน อากาศดี ไม่ร้อนมาก ไปฝึกงานกัน คนโปรดบึ่งบิ๊กไบค์คันเก่งออกมาจากบ้านแต่เช้า แม้บริษัทที่ว่าจะไม่ได้ตั้งอยู่ไกลจากบ้านเขานัก แต่ก็มาแต่เช้าไว้ก่อนเพราะกลัวรถจะติดเอา สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดง กำเบรกมือ ทางข้างหน้าท่ามกลางตึกสูง หัวตึกหนึ่งตรงหน้าที่เห็นอยู่คือ LBN ENTERTAINMENT จำกัด ค่ายที่ดูแลศิลปิน ผู้ผลิตซีรีส์และหนัง ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ ด้วยเจ้าของผลงานซีรีส์ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากเรื่องหนึ่งในปีนี้ เป็นบริษัทขนาดกลาง มีเพียงตึก 5 ชั้นตึกเดียว แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานหรืออาจจะเหลือซะด้วยซ้ำ ตัวตึกตั้งอยู่ในซอยที่มีเส้นทางลัดเลาะเข้าออกได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะใช้รถส่วนตัวหรือรถสาธารณะก็สามารถเข้าออกได้อย่างคล่องตัว หนึ่งในทีมผู้บริหารLBNอธิบายว่า ชื่อบริษัทย่อมาจากคำว่า “Love Beyond Normal” ซึ่งแปลว่า “รัก เหนือ ความธรรมดา” และอธิบายเพิ่มว่ารักคือรักในสิ่งที่เขากำลังทำ เหนือ-ความธรรมดากล่าวคือ มุ่งที่จะสร้างสรรค์ความแปลกใหม่และยกระดับคุณภาพของซีรีส์และหนังไทยสู่สายตาโลกนั่นเอง โดยมีผู้ถือหุ้นร่วมกันอยู่ทั้งผู้บริหาร ผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานในบริษัท จำนวนหลายรายชื่อ เดินเข้ามาภายในตึกชั้นหนึ่ง เป็นห้องโถงสำหรับรับรองแขก แน่นอนสิ่งแรกที่จะเจอก็คือ ล็อบบี้แผนกต้อนรับ แต่ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีร้านกาแฟขนาดเล็ก และโซนที่นั่งพักสำหรับรับรองแขกหรือจะทำงานก็ได้ ไว้ให้บริการเป็นบริเวณกว้างพอสมควร ส่วนโซนฝั่งซ้ายมือเมื่อเดินเข้ามาจะเห็นว่ามีป้ายบอร์ดรูปของผู้บริหาร ทีมงานและนักแสดงของค่ายติดอยู่ ภายในอาคารมีรูปแบบการจัดวางส่วนต่างๆ ไว้อย่างดี รวมทั้งการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์คู่กับโทนสีขาวของห้องที่ดูสว่างสบายตา แฝงด้วยความเรียบง่ายให้ความรู้สึกอบอุ่น สะดวกสบายเมื่อเข้ามา ลึกเข้ามาด้านในสุดก็จะเจอลิฟต์ ต๊อก แต๊ก ต๊อก แต๊ก ตึก ตึก เสียงรองเท้าส้นสูงของใครบางคนเดินคู่มากับรองเท้าหนัง ดังตามมาจากทางด้านหลัง คนโปรดกำลังจะเดินไปติดต่อที่ล็อบบี้ แต่ยังไปไม่ถึงไหนก็มีเสียงของใครบางคนเอ่ยชื่อของเขาขึ้น “คนโปรด ที่มาฝึกงานใช่มั้ย?” เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียกของหญิงสาว “ใช่ครับ” “คนนี้อ้ะเหรอ” “ใช่ค่ะ” “นี่คุณธาม ผู้บริหารค่ายจ้ะ” “สะ..สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้คนตรงหน้า เขาพยักหน้ารับ ดวงตาคมกริบมองมาด้วยความนิ่งขรึม อ่านใจไม่ถูกเลยทีเดียว ประธานค่ายมาในชุดสูทสีกรมเข้ม เชิ้ตตัวในสีฟ้าอ่อนให้โทนสว่างแมทช์กับรองเท้าหนังอ๊อกซ์ฟอร์ดสีดำ ให้ลุคดูสุภาพและภูมิฐาน “งั้นคุณก็พาเขาไป แล้วก็เข้าที่เข้าทางแล้ว เดี๋ยวยังไงเรียกเขามาพบผมด้วย” “ได้ค่ะ” เขาพูดกับคนที่น่าจะเป็นเลขา เสร็จจากนั้นก็ตรงไปที่ลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบน “พี่ชื่อมิ้นต์นะ เป็นเลขาคุณธาม ตามมาเดี๋ยวพี่พาไป” พี่เขาพาผมทัวร์และแนะนำคนในค่ายในแต่ละชั้นคร่าวๆ โดยชั้นห้าบนสุดคือผู้บริหารและห้องฉายหนัง ชั้นสี่มีทั้งส่วนของโปรดักชั่น ห้องอัดและมิกซ์เสียง ชั้นที่สามจะเป็นสตูดิโอถ่าย ห้องแอคติ้งโค้ช ชั้นสอง คือชั้นที่ผมจะประจำอยู่ ชั้นนี้มีห้องไว้สำหรับเขียนบท โซนออฟฟิศที่แบ่งเป็นคนละโต๊ะโดยมีที่กั้น มีการเงิน ครีเอทีฟ Content Creative และโพรโมต ฯลฯ ความต่างของส่วนของผมกับครีเอทีฟ ครีเอทีฟจะเน้นไอเดียความคิดสร้างสรรค์ เช่น การวางคอนเซปต์ การคิดธีม หรือการแผนงานโฆษณาต่างๆ ส่วนContent Creative หน้าที่หลักคือ คิดและออกแบบเนื้อหา ที่สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย วางแผนการเล่าในซีรีส์ วิดีโอ หรือโซเชียล อธิบายสิ่งที่ต้องการให้ทีมโปรดักชันหรือนักแสดงเข้าใจ ทำงานใกล้กับคนเขียนบท ผู้กำกับ หรือทีมโปรดักชัน หลังจากที่เลขาพี่มิ้นต์พาผมทำความรู้จักกับส่วนต่างๆ ของบริษัท ก็เห็นได้ว่าเหล่าพนักงานในค่ายต่างพากันทำงานด้วยความตั้งใจ แต่บรรยากาศก็ยังดูชิลล์ๆ อยู่ ไม่ได้เคร่งเครียดกันมากจนเกินไป บางคนก็พักเล่นโทรศัพท์ ผมว่ามันก็ดีนะ ผมชอบ “เดี๋ยวเรานั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ก็ได้ มันว่างอยู่” “โอเคครับ” โต๊ะของผมอยู่ใกล้ๆ กับฝ่ายการเงิน “ส่วนพี่ที่ทำContent Creativeนั่งอยู่ตรงนู้น ชื่อพี่เจี๊ยบ ตอนนี้น่าจะกำลังทำงานอยู่ชั้น 3 สตูดิโอถ่าย เราตามขึ้นไปก็ได้นะ” “ครับ” “เอ่อ..ผมต้องไปหาคุณธามด้วยใช่มั้ยครับ” “จ้ะ เดี๋ยวบ่ายค่อยขึ้นไปที่ห้องคุณธามก็ได้ โปรดขึ้นไปเองได้เลยนะ” “ได้..ครับ” “พี่ไปละ เช้านี้มีประชุมผู้บริหาร” เขาหมุนตัวเตรียมจะเดินไป “สู้ๆ ครับ” ผมพูดให้กำลังใจไล่หลังเขาไป เลขาสาวที่ได้ยินก็หันหลังกลับมาพยักหน้าให้ผม “หล่อแล้วยังน่ารักด้วยนะเรา” พร้อมกับชมผมด้วยหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับ เดินไป “แหม บอกพี่สู้ๆ บ้างสิจ๊ะ อยากได้กำลังใจบ้าง” พี่เฟิร์นการเงินที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ว่าขึ้น คนที่ได้ยินและฟังอยู่นาน “อ่อ สู้ๆ เหมือนกันนะครับ” “พี่แซวเล่น ฮ่าๆๆ” ผมยิ้มๆ จากนั้นผมก็ขึ้นไปที่ชั้น 3 ตามที่พี่เขาบอก ไปดูงานแล้วก็ช่วยหยิบจับให้พี่เจี๊ยบ จวบจะใกล้เที่ยงผมก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เพราะพี่เขาบอกให้มาพักได้ “บ่ายค่อยกลับเข้ามาก็ได้” พี่เฟิร์นว่า “ครับ งั้นขอตัวก่อนนะครับ” “จ้ะ เอ้อ ฝากซื้อของหน่อยได้มั้ย” “ดะ..ได้ครับ” “เอาข้าวเหนียวหมูปิ้ง 4 ไม้ ข้าว 1 ทำเป็น 2 ชุด เห็นอยู่เนาะร้าน ก่อนเราจะเข้ามาฝั่งสี่แยก” “ได้..ครับ” “ขอบใจจ้ะ” หลังจากออกมากินข้าวใกล้ๆ ออฟฟิศ กลับมาก็แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งที่พี่เฟิร์นฝาก ผมเดินเข้ามาในลิฟต์มือข้างหนึ่งก็ถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน วันหลังต้องจัดบ้างแล้ว ปลายนิ้วจิ้มลงบนเลขสอง ชั้นที่ผมอยู่ “มาเร็ว” ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก “รอด้วยค่ะ” เสียงคนวิ่งมาจะขึ้นลิฟต์ด้วย ผมกดเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้ “ขอบคุณค่ะ” เขาเดินเข้ามากับ พี่ไนท์ ฟึ้บ ประตูลิฟต์เลื่อนปิด “ชั้นไหนครับ?” “ชั้น 3 ค่ะ” พี่ผู้หญิงตอบ “มาทำไม?” พี่มันถามขึ้น หลังมีสีหน้าแปลกใจที่เห็นผมที่นี่ “ฮึ?” ผู้จัดการสาวงง “ก็มาฝึกงานไง” ผมตอบ “ฝึกงาน? ที่มึงเรียนไม่มีฝึกงานไม่ใช่เหรอ มึงคิดจะทำอะไรกันแน่” “ทำอะไร? ก็ดูงานไง” จ๊อกก จ๊อกก ร่างสูงยังไม่ทันว่าอะไรต่อ ผมที่ยืนข้างพี่มันก็ได้ยินเสียงท้องของเขาร้องขึ้น นึกขำในใจนิดหน่อย “หึ ท้องร้อง” ผมว่ายิ้มๆ “อะไร” เขาว่า “ไม่ได้กินข้าวมาเหรอ บ่ายละนะ” “แต่ผมคงแบ่งให้พี่ไม่ได้หรอกนะ เพราะมันไม่ใช่ของผม” “ใครขอละ” “ละทำไมต้องเป็นที่เดียวกับกู” “เอ้า? แล้วไม่ได้เหรอ ใครก็รู้ว่าตอนนี้ค่ายLBNกำลังมา คนอยากทำงานที่นี่ก็เยอะ และผมก็แค่เป็นหนึ่งในนั้น พี่อ้ะหลงตัวเองมากไปรึเปล่า” ตึ๊ง ฟึ้บ ลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่เขากด ชั้นสาม “ใครหลง” “พี่นั่นแหละ” ผมก้าวออกมาจากลิฟต์ “ไปเร็วไนท์ เดี๋ยวสายกว่านี้” ผู้จัดการสาวว่าขึ้น หลังจากที่เงียบ ปล่อยให้ผมกับพี่มันคุยกันสองคนอยูพักหนึ่ง ก่อนไนท์จะกดปิดลิฟต์ ผมยื่นให้พี่เฟิร์น “แต๊งกิ้วจ้ะ” “ตังค์ถอนครับ” “ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ให้ทิป” “ไม่เอาหรอกครับ” ผมยื่นตังค์ถอนคืนให้พี่เขา “เอาไปเถอะ” พี่เฟิร์นว่าจากนั้นก็หันไปสนใจในคอมต่อ “อ่อ ขะ..ขอบคุณครับ” “ผมไปหาคุณธามก่อนนะครับ” “จ้ะ” ตึ๊ง ฟึ้บ ลิฟต์ถูกเปิดออกเมื่อถึงชั้นที่กดไว้ตามต้องการ ชั้นห้า ชั้นบนสุดของตึก ทางเดินภายในยังกว้างขวางเหมือนเดิม แต่โทนสีของทั้งชั้นถูกเปลี่ยนเป็นสีดำ โทนสีของแต่ละชั้นของตึกจะไล่ระดับตั้งแต่สว่างไปจนถึงมืด ชั้นกลางของตึกก็จะเป็นสีเทา แม้ชั้นนี้จะเป็นสีดำ แต่ก็มีไฟที่คอยให้แสงสว่างไม่ให้มืดจนเกินไป เป็นการออกแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน พื้นที่ของชั้นนี้จะเป็นห้องประชุมทั้งขนาดเล็กและใหญ่ และเป็นห้องของเหล่าผู้บริหารหรือผู้ถือ-หุ้น คนโปรดก้าวไปตามทางเดินพร้อมทั้งไล่สายตามองหาชื่อของผู้บริหารคนเมื่อเช้า ตามป้ายที่ติดอยู่หน้าห้องของแต่ละห้อง และก็เจอ ห้องมุมในสุด ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เข้ามาเลย” “สวัสดีครับ” ผมเปิดประตูเข้ามา แล้วสวัสดีเขาอีกรอบ “สวัสดีอะไรหลายรอบ” … เป็นคนดุเหรอเนี้ย “แค่อยากให้ทำตัวตามสบาย” อ๋อ “นั่งสิ เราหน้าตาดีนะ เป็นสไตล์ที่ดูต่างจากหลายๆ คนที่ผมเคยเจอ แต่ไม่ใช่แค่นั้น ผมเห็นถึงแพชชั่นความตั้งใจของคุณ เห็นในพอร์ตเรียนการแสดงมาใช่มั้ย” “ใช่ครับ” “นั่นแหละ หวังว่าเราจะเรียนรู้งานหรืออะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ แล้วก็เอามันมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กับที่นี่ เผื่อมีโอกาสได้ร่วมงาน ถ่ายอะไรกันก็ว่าไป นะครับ” “ได้ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ยินดี และก็เป็นเกียรติอย่างมากครับที่ได้รับโอกาส ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยบอกได้เลยนะครับ ผมยินดี” “ไม่ต้องครับทุกคำก็ได้” “ครับ ขอบคุณครับ” “หึ” เขายกยิ้ม “ไม่เป็นไร ขอญาตเรียกคนโปรดแล้วกันเนาะ” “แล้วแต่คุณธามเลยครับ” “เรียกผมว่าพี่ธามก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก” “ครับ คุ-..พี่ธาม” “ไม่มีไรละ ไปทำงานได้ละ” “ครับ” “ปกติบริษัทรับคนฝึกงานที่ไม่ได้มาจากมหาลัยด้วยเหรอพี่” ไนท์ถามผู้จัดการ “ไม่รู้สิ ถามทำไมอ้ะ แล้วในลิฟต์รู้จักกันใช่มั้ย” “ประมาณนั้นแหละ” “ประมาณนั้นอะไรวะ ฮะ ฮ่าๆ ชื่อไรอ้ะ? หน้าตาดีนะ” “งั้นๆ แหละ ช่างมันเหอะ” “เอ้า” ###ไนท์ยังคงสายตานิ่ง ย้ำอีกรอบ“เป็นแฟนกับพี่นะ”“ซ้อมบทเหรอ?”“ไม่ได้ซ้อม กูพูดกับมึงเนี่ย” เขาว่า พร้อมยืนเท้าเอวเหมือนรอฟังคำตอบ“ผมกับพี่เนี่ยนะ?” ผมขมวดคิ้ว ยังงงอยู่ ในหัวตอนนี้กำลังประมวลผลว่าเขาล้อเล่นอยู่รึเปล่า “ล้อเล่นป่ะเนี่ย?”“แล้วคิดว่าไง” เขาลงเสียงทุ้ม “จะให้กูเอาไปเรื่อยๆ เหรอ”ผมเบ้หน้า ละเกียจจริงๆ เลย เวลาเขาพูดดูถูก “ฝันเหรอ”“เอ้า ก็ไม่รู้อะ ล่าสุดเราก็-” ผมถลึงตาใส่ทันที เป็นเชิงห้ามไม่ให้พูดประโยคนั้นออกมาไนท์หัวเราะในลำคอ สายตาเขายังไม่ละไปจากผม“พี่จริงจังมั้ยเนี่ย?” ผมถามเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อยเขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นช้าๆ ที่มุมปาก “จริงจังคับ” ทำมาเป็นพูดคับ หมาป่าเจ้าเล่ห์“..ขอคิดดูก่อน” คนโปรดตอบเสียงหนักแน่น“ทำไมอะ?” น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนลง ไนท์เอื้อมมาดึงชายเสื้อเชิ้ตที่ผมเสียบเรียบร้อยในกางเกงออกจากนั้นก็สอดมือเข้ามาใต้เนื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน ปลายนิ้วลูบจากขอบเอว ลามไปถึงแผ่นหลังช้าๆ แล้วเขาก็โน้มหน้าลงมาจุ๊บเบาๆ ที่ปาก จุ๊บ“คิดว่าผมจะตอบตก
-คนโปรด- บนโต๊ะอาหารเช้า “แม่ครับ วันนี้ผมจะได้ถ่ายหนังสั้นด้วยนะครับ ได้เล่นเป็นตัวหลักเลยน้าาจะบอกให้” “จริงเหรอลูก” แม่เงยหน้าขึ้นจากจาน ขานรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ยินดีกับผู้เป็นลูกอย่างเห็นได้ชัด “เป็นหนังประเภทไหนล่ะ?” พ่อที่กำลังตักข้าวเข้าปาก แต่หูกำลังตั้งใจฟังอยู่ถามขึ้น “ก็…วายครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับวงการบันเทิงนี่แหละครับ ถ่ายที่บริษัท ไม่ได้ไปไหน” พ่อชะงักเล็กน้อย ก่อนพูดเสียงเรียบ “วาย? ที่เขาว่าผู้ชายรักกับผู้ชายอะนะ” “ครับ..” คนโปรดพยักหน้า “แล้วมึงคิดยังไงรับเล่น” น้ำเสียงพ่อเปลี่ยนไปจากปกติ “เอ่อ…” คนโปรดยังไม่ทันตอบ พ่อก็พูดขึ้น “แล้วคนอื่นที่มองมา เขาจะไม่คิดว่ามึ- ลูกเป็นเกย์ เป็นอะไรเหรอ” “พ่อ..” เสียงคนโปรดแผ่วลง แต่สายตายังมองตรง “มันการแสดงนะครับ ส่วนใครจะมองอะไรยังไง ก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้แสดงเรื่องแนวนี้ เขาจะมองก็มองครับ” “ใช่พ่อ” แม่พูดสำทับอีกคน “เราต้องยินดีกับลูกสิ” พ่อไม่พูดอะไรต่อ แค่ยกแก้วน้ำขึ้นด
“อะไรของพี่เนี่ย!” ไนท์ยืนเบียดเข้ามาจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกัน มือหนาดึงเอวคนโปรดเข้ามาติดตัว“เป็นอะไรขึ้นมา ไปกินน้ำอยาก…มาหรือไง?” คนโปรดโวย ขณะที่หัวใจเต้นระรัว“ก็กูไม่ได้ไป ที่เคยไปนานแล้วไง” ไนท์พูดติดหงุดหงิดคนโปรดรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร“ใครจะไปรู้กับพี่อะ ก็ แค่สองอาทิตย์ป่ะ?”“สาม”“แล้วไง?”“มึงต้องรับผิดชอบ”“เกี่ยวอะไรกับผมอะ”“ก็มึงจัดตารางงานให้กูแน่น นอกจากถ่ายซีรีส์ ไหนจะเรียนแอ็กติ้งเสริม ดูหนัง ไหนจะแบรนด์กูอีก”คนโปรดเบ้ปาก “แต่มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนพี่โดนัทละนะ”“ไม่รู้แหละ กูบอกว่าเกี่ยว ก็คือเกี่ยว”ไนท์พูดจบไม่รอให้อีกฝ่ายเถียงกลับ มือบีบเอวแน่น ขณะที่ปากก้มลงจูบซอกคออย่างหิวกระหาย เดินไปเปิดประตูห้องน้ำห้องสุดท้ายก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าไปด้วยกัน แล้วปิดล็อกประตูในพริบตา เขาจับไหล่คนโปรดแล้วหมุนตัวให้หันมาหาเขา ก่อนที่จะค่อยๆ เลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาทีละเม็ด ปลายนิ้วลากผ่านผิวเนียนตรงกลางอกที่เริ่มโผล่ออกมาทีละนิด ก่อนจะรูดเนกไทของคนโปรดลงจนมันหลวมจากนั้นเขาก็จ
เงียบไปพักหนึ่ง คนโปรดถามขึ้นขณะลิฟต์เปิดออก “แล้วรู้ได้ไงว่าผมอยู่ข้างบน?” ทั้งคู่กำลังเดินกลับไปที่ห้องไนท์ “ก็เห็นมึงไปนานเลยมาตาม เจอเลขาเขาเลยถามว่าเห็นมึงมั้ย เขาก็เลยบอก” “อ๋อ” เข้ามาในห้องไนท์ อาการแดงที่ลำคอของเขาดูจะทุเลาลงเล็กน้อย คนโปรดหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋ากางเกง พลิกดูฉลากอ่านอย่างตั้งใจ ก่อนจะเทมันลงมือสองเม็ด แล้วยื่นให้คนตรงหน้า ไนท์แบมือรับไว้ มองคนโปรดที่เดินไปเปิดตู้เย็นเล็กๆ หยิบขวดน้ำเปล่าออกมา เปิดฝาแล้วยื่นให้กับเขา ไนท์กลืนน้ำพร้อมกับยาก่อนจะปิดฝาขวดแล้ววางไว้บนโต๊ะ “ขอบใจ” เขาพูดเรียบๆ “ไม่เป็นไรครับ” “มึงไม่ว่ากูใช่มั้ย? ที่บอกคุณธามนั่นไปว่ามึงเป็นเมียกู” คนโปรดนิ่งไปเล็กน้อย “…อือ ช่างมันเถอะ” ไนท์มองเขานิ่ง เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจ สุดท้ายถอนหายใจเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานอย่างเงียบๆ “ตอนบ่าย.. พี่จะให้ผมขับรถให้ หรือว่าพี่จะไปเอง” คนโปรดถามขึ้น “เดี๋ยวไปเอง ไปเจอกันที่นั่นเลย เออ เที่ยงกูไม่
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีเรียบกับใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดก็ก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ผ่านโต๊ะคนโปรดไป เขาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของณะและไนท์ ดวงตากวาดมองทั้งสองคนสลับกัน“พี่ขอโทษ” ธรณ์พูดกับณะเสียงอ่อนขณะยืนอยู่ข้างโต๊ะ “พี่คิดว่าเขาจบแล้ว ...แต่เขาไม่จบ” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่ยังเก็บความรู้สึกเอาไว้แน่นหนาไนท์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีครับพี่ธรณ์”ธรณ์พยักหน้ารับพลางถามกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูปกติ “สวัสดีครับ มาร้านนี้พอดีเหรอ? หรือว่าไง”“ครับ บังเอิญน่ะครับ” ไนท์ตอบเรียบๆ“ว่าแล้ว ก็ ไม่ได้เจอนานเลยนะ ตั้งแต่เรียนจบไป”“ครับ” ไนท์ยิ้มบาง ไม่คิดว่าธรณ์จะจำเขาได้ เพราะเจอกันแค่สองสาม-ครั้งเองมั้ง ตอนเขามาหาณะที่มหา’ลัยธรณ์จ้องไนท์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว “ไม่คิดถึงณะบ้างเหรอ?”เอ๊ะ? “ครับ?” ไนท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะพูดประโยคนี้ตอนนี้ณะหันไปมองแฟนตัวเองทันที “พี่ธรณ์...”แต่ธรณ์ยังไม่หยุดพูด “พี่หมายถึง เคยเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกั
-คนโปรด-คนโปรดลืมตาขึ้นในความเงียบของห้อง เตียงที่นุ่มนอนสบาย ไม่ได้ทำให้คนโปรดตื่นสายขึ้น แม้จะไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก แต่เขาก็ตั้งใจจะตื่นเช้าอยู่แล้ว และสุดท้ายก็รู้สึกตัวขึ้นมาตามเวลาที่ใจนัดไว้เขาไม่เดินไปเปิดม่านเพื่อรับแสงอาทิตย์ยามเช้า เพราะรู้ว่า แสงนั้นอาจปลุกใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงชั้นบนตื่นขึ้นมา และเขายังไม่อยากให้ไนท์ตื่นตอนนี้ที่เขายังไม่อยากให้ไนท์ตื่นตอนนี้ เพราะหนึ่งอยากให้อีกคนได้นอนอย่างเต็มอิ่ม เผื่อเจ้าตัวจะได้อารมณ์ดีไปทำงาน สองวันนี้ผมกับเขามีคิวถ่ายซีรีส์ก็ตอนบ่ายนู้น ถ้านอนพอ ไนท์จะได้เริ่มวันใหม่แบบไม่หงุดหงิดใส่ใคร โดยเฉพาะเขา คนโปรดย่องเบาไปหยิบโพสต์อิตแผ่นเล็กจากชั้นหนังสือ เขียนโน้ตทิ้งไว้ด้วยลายมือเรียบๆ ‘ผมออกไปก่อน จะแวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนด้วย’จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตู ค่อยๆ เปิดออกอย่างเบาที่สุด ไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด เงียบพอที่คนบนเตียงจะยังหลับได้ต่อไปเขาไม่อยากอยู่กับไนท์แค่สองคนนานเกินไป เพราะไนท์เองก็คงไม่ชอบ (ปกติเป็นแบบนั้น) และเขาเองก็ไม่อยากทำให้อีกคนรำคาญ เพราะเอาเข้าจริง... เขาก็เริ่มรำคาญแล้วด้