Share

บทที่ 11

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“ท่านจะให้ข้าทอดทิ้งผู้คุ้มกันที่กำลังจะไปสนามรบเหล่านี้ เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของข้าอย่างนั้นหรือ?”

ในดวงตาของฉู่หนิงฉายแววอำมหิต ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “หรือท่านไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แนวหน้ากำลังวิกฤต ต้องการกำลังคนสนับสนุนอย่างเร่งด่วน? ในยามนี้กลับจะมาสังหารเพื่อนร่วมแคว้นของตนเอง ท่านไม่คู่ควรกับการเป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม!”

ทหารผ่านศึกเหล่านี้เขาได้มาอย่างยากลำบาก จะยอมให้เฝิงอันกั๋วสังหารไปง่าย ๆ ได้อย่างไร

จ้าวอวี่ กวนอวิ๋น และทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนได้ฟังก็ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

พวกเขารู้ดีว่า ในยามนี้การทอดทิ้งพวกเขาคือทางเลือกที่ดีที่สุด

ทว่า ฉู่หนิงไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา!

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า การที่พวกเขาเลือกฉู่หนิงนั้นไม่ผิด!

ผู้มีความสามารถมีอยู่มากมาย แต่ผู้ที่มองเห็นและส่งเสริมความสามารถนั้นหาได้ยาก

เพื่อพวกเขาแล้ว ฉู่หนิงถึงกับยอมมาตีอาวุธด้วยตนเอง กระทั่งยอมละเมิดกฎหมายเพื่อการนี้!

ชีวิตนี้ได้พบนายท่านผู้ปราดเปรื่องเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้ว!

ทว่า เฝิงอันกั๋วกลับไม่สนใจฉู่หนิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว กล่าวอย่างเรียบเฉย “จวิ้นอ๋อง โปรดไตร่ตรองให้ดี หากวันนี้พวกเขาไม่ตาย คนที่ต้องตายอาจจะเป็นท่าน!

การลักลอบตีอาวุธ ประกอบกับฐานะองค์ชายของท่าน ย่อมทำให้ฝ่าบาททรงคิดว่าท่านมีเจตนาอื่นแอบแฝงได้”

คำพูดนี้ เท่ากับเป็นการตัดทางหนีทีไล่ของฉู่หนิงที่จะไกล่เกลี่ยเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว

ผู้คุ้มกันกลุ่มนี้ เฝิงอันกั๋วตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฆ่า!

กวนอวิ๋นทนเห็นฉู่หนิงถูกหยามเช่นนี้ไม่ได้ ตวัดดาบยาวในมือทันที มายืนคุ้มกันฉู่หนิงไว้ด้านหลัง

“ท่านอ๋อง ท่านไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มอบให้พวกเราจัดการ ต่อให้ต้องตาย พวกเราก็จะขอลากใครสักคนไปเป็นเพื่อน!”

จ้าวอวี่ก็ค่อย ๆ หันปลายหอกยาวในมือเล็งไปที่เฝิงอันกั๋ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านอ๋อง โปรดปล่อยท่านอ๋องไป!”

ท่านอ๋องได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหาหนทางรอดให้พวกเขาแล้ว แต่น่าเสียดายที่เฝิงอันกั๋วผู้นี้เผด็จการเกินไป ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ยอมปล่อย

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างมากก็แค่สู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

เพียงแต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่มีโอกาสได้ติดตามจวิ้นอ๋องไปรับใช้บ้านเมืองที่แนวหน้าด้วยกันแล้ว

แต่ว่า ก่อนตายจะต้องกำจัดคนอย่างเฝิงอันกั๋วเพื่อท่านอ๋องให้ได้!

กล้ามาหยามท่านอ๋องถึงเพียงนี้ ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องกำจัดคนผู้นี้ให้ได้

สิ่งนี้ คือสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำให้จวิ้นอ๋องได้ในตอนนี้

แน่นอนว่าเฝิงอันกั๋วไม่ได้คิดจะลงมือกับฉู่หนิงจริง ๆ จึงโบกมือครั้งใหญ่ทันที “จวิ้นอ๋อง รีบจากไปเถิด กระหม่อมจะประหารคนเหล่านี้ ณ ที่แห่งนี้!”

เมื่อสิ้นเสียงคำพูดนี้ ทหารของกรมกลาโหมก็กำอาวุธในมือแน่น รอเพียงคำสั่งสุดท้ายเท่านั้น

ทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนในตอนนี้ก็กลั้นหายใจ เตรียมพร้อมที่จะสู้ตาย

กวนอวิ๋นกล่าวเสียงทุ้ม “ท่านอ๋อง อย่าได้ไปขอร้องใครเพื่อพวกเราอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้พวกเราถูกฆ่าในวันนี้ ก็ไม่อยากเห็นท่านต้องไปขอร้องใครเช่นนี้!”

ในฐานะองค์ชาย ควรจะมีเกียรติและศักดิ์ศรีของราชวงศ์ จะไปขอร้องใครเพื่อพวกเขาได้อย่างไร

ถึงแม้ฉู่หนิงจะไม่ถือสา แต่พวกเขาก็ถือสา

ฉู่หนิงเห็นทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน ก็พลันถอนหายใจยาว “เฮ้อ คาดไม่ถึงว่าต้าฉู่ของเราในยามนี้ นอกจากจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามภายนอกแล้ว ยังต้องมาเผชิญกับภัยคุกคามภายในอีก!”

“การลักลอบตีอาวุธ ก็เพื่อปกป้องบ้านเมือง ไม่ได้มีเจตนาส่วนตัวแอบแฝง หากใต้เท้าเฝิงยืนกรานจะใช้กฎหมายมาจัดการพวกเขา ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด!”

เฝิงอันกั๋วหัวเราะเยาะในใจ

ก็ต้องการให้เจ้าไม่มีอะไรจะพูดนี่แหละ!

ต้องการจะฆ่าคนของเจ้าต่อหน้าเจ้า

ใครใช้ให้เจ้าไปล่วงเกินองค์ชายรองเล่า!

“แต่ว่า...”

ฉู่หนิงสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาดุจพญาอินทรีจ้องเขม็งไปที่เฝิงอันกั๋ว กล่าวเสียงทุ้ม “เดิมทีคนเหล่านี้คือผู้ที่จะคุ้มกันข้าไปที่แนวหน้า หากถูกฆ่าไป ใต้เท้าเฝิงก็ต้องจัดสรรกำลังคนบางส่วนมาเป็นผู้คุ้มกันให้ข้า!”

หยุดไปครู่หนึ่ง ฉู่หนิงก็เหลือบมองทหารของกรมกลาโหมที่ล้อมตนเองอยู่ พยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “คนเหล่านี้ล้วนรูปร่างกำยำแข็งแรง ในมือยังมีทั้งอาวุธและชุดเกราะ ก็ให้พวกเขาติดตามข้าไปแนวหน้าด้วยกันเถิด!”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา เหล่าทหารของกรมกลาโหมตกใจจนหน้าซีดเผือด รู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง

แนวหน้า ใครมันจะกล้าไปกัน!

ที่นั่นแทบจะเป็นแดนประหารที่ต้องตายอย่างแน่นอน จะไปสบายเหมือนกับการรับราชการอยู่ในกรมกลาโหมที่เมืองหลวงได้อย่างไร

เฝิงอันกั๋วได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ยิ่งเขียวคล้ำ จ้องฉู่หนิงเขม็ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จวิ้นอ๋องอย่าได้เปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้กระหม่อมกำลังพูดถึงเรื่องที่คนกลุ่มนี้ลักลอบตีอาวุธ!”

ฉู่หนิงยักไหล่ “คนก็อยู่ที่นี่แล้ว จะฆ่าก็ฆ่าไป แต่หากท่านฆ่าพวกเขาแล้ว ข้าจะทูลขอให้เสด็จพ่อส่งท่านและพวกเขาทั้งหมดไปที่แนวหน้า!”

สีหน้าของเฝิงอันกั๋วเปลี่ยนไปทันที

เหตุใด...ถึงได้ลามมาถึงตัวเองได้?

“ท่านอ๋องอย่าได้พูดจาเหลวไหล กระหม่อมในฐานะรองเสนาบดีกรมกลาโหม จะไปสนามรบง่าย ๆ ได้อย่างไร?”

“อย่างนั้นหรือ? ใต้เท้าเฝิงก็รู้ว่าตนเองเป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหมนี่นา เช่นนั้นก็พอดีเลยสิ กรมกลาโหมก็คือหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการรบ!”

ฉู่หนิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “ข้าเติบโตในหมู่สามัญชน ในกองทัพไม่มีบารมี คำพูดของข้า ทหารที่แนวหน้าอาจจะไม่ฟัง แต่หากมีใต้เท้าเฝิงติดตามไปด้วย ย่อมสามารถข่มขวัญเหล่าทหารที่แนวหน้าได้อย่างแน่นอน”

เฝิงอันกั๋วใจหายวาบ

หากเป็นยามปกติ ในฐานะรองเสนาบดีกรมกลาโหมย่อมไม่ต้องไปที่แนวหน้า

แต่แนวหน้าในยามนี้เปรียบเสมือนเผือกร้อน ทั้งยังไม่มีใครกล้าไปจัดการ หากฉู่หนิงทูลเสนอขึ้นมา แล้วฮ่องเต้ทรงอนุญาตขึ้นมาเล่า?

ถึงแม้ฉู่หนิงจะเป็นองค์ชายขยะ แต่ก็เป็นถึงองค์ชาย เป็นโอรสของฮ่องเต้!

ประกอบกับฝ่าบาทเพิ่งจะสั่งฆ่าล้างตระกูลเซียวหมิงเพื่อฉู่หนิง

ฉู่หนิงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฝ่าบาทยังทรงกำจัดเซียวหมิงให้ หากฉู่หนิงเอ่ยปากขึ้นมา ฝ่าบาทอาจจะทรงอนุญาตให้ตนเองไปแนวหน้าจริง ๆ ก็ได้

อย่างไรเสีย แนวหน้าก็ต้องการความมั่นคง หากส่งรองเสนาบดีกรมกลาโหมอย่างตนไปจริง ๆ ตนจะกล้าขัดรับสั่งได้อย่างไร?

ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนรน เฝิงอันกั๋วไม่เหลือท่าทีหยิ่งผยองเมื่อครู่อีกต่อไป แรงกดดันบนร่างก็ลดฮวบลงไป

“จวิ้นอ๋องล้อเล่นแล้ว ฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้ท่านไปแนวหน้า กระหม่อมจะกล้าล่วงเกินได้อย่างไร?”

เฝิงอันกั๋วยิ้มเจื่อน ๆ “ส่วนเรื่องที่นี่ คงจะเป็นการเข้าใจผิดเป็นแน่ ทหาร รีบถอนกำลังกลับ!”

เขาไม่กล้าพนัน!

หากพนันแพ้ จะต้องไปที่แนวหน้า

ทางที่ดีที่สุดคือการยอมสงบศึก แม้จะไม่สามารถไปรายงานองค์ชายรองได้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าการไปตายที่แนวหน้า!

สิ้นเสียงคำสั่ง ทหารของกรมกลาโหมก็รีบถอนกำลังทันที

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่รวมถึงคนอื่น ๆ ต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก

ทว่า ฉู่หนิงกลับไม่คิดจะปล่อยเฝิงอันกั๋วไปง่าย ๆ

คิดจะมาฆ่าคนของเขาฉู่หนิงต่อหน้าสาธารณชน ก็จะต้องชดใช้

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าแสดงความใสซื่อดูไม่มีพิษมีภัย

“ใต้เท้าเฝิงจะไปทั้งอย่างนี้แล้วหรือ?”

เฝิงอันกั๋วที่กำลังจะหันหลังเดินจากไป สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย มุมปากกระตุก เอ่ยขึ้นเสียงเบา “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องยังมีอะไรจะสั่งอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ตนเองก็ไม่เอาความเรื่องลักลอบตีอาวุธแล้ว เจ้าฉู่หนิงยังจะต้องการอะไรอีก?

ฉู่หนิงชี้ไปยังกวนอวิ๋นและคนอื่น ๆ “เรื่องที่พวกเขาตีอาวุธ ใต้เท้าเฝิงไม่สืบสวนแล้วหรือ?”

“นี่...พวกเขาล้วนทำเพื่อบ้านเมือง แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จะต้องสืบสวนไปไย?”

“อย่างนั้นหรือ? แต่วันนี้ใต้เท้าเฝิงเป็นคนพาคนมาที่นี่ หากวันพรุ่งนี้เป็นใต้เท้าคนอื่นจากกรมกลาโหมนำคนมาสืบสวนที่นี่อีกเล่า?”

“เรื่องนี้ง่ายมาก ท่านนำป้ายอาญาสิทธิ์ของกระหม่อมไปที่กรมกลาโหมเพื่อขอหนังสือรับรองก็พอแล้ว มีหนังสือรับรอง ท่านจะตีอาวุธสักห้าร้อยชิ้นก็ยังได้!”

ฉู่หนิงยื่นมือไปรับป้ายอาญาสิทธิ์ที่เฝิงอันกั๋วยื่นให้ บนใบหน้าเผยความพึงพอใจออกมา

“ในเมื่อใต้เท้าเฝิงไม่เอาความแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ให้จบลงเพียงเท่านี้ จ้าวอวี่ เจ้านำป้ายอาญาสิทธิ์ของใต้เท้าเฝิงไปเอาหนังสือรับรองที่กรมกลาโหม!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวอวี่รับป้ายอาญาสิทธิ์แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังกรมกลาโหมทันที

เฝิงอันกั๋วถอนหายใจอย่างโล่งอก “หากท่านอ๋องไม่มีอะไรจะสั่งแล้ว กระหม่อมขอทูลลา”

ฉู่หนิงมองแผ่นหลังของคนผู้นี้ที่จากไปราวกับหนีตาย บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องอาวุธจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเมื่อเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้แล้วจะทรงมีความคิดเห็นเช่นไร”

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้จะไม่รู้

ในตอนแรกที่อ่อนข้อให้เฝิงอันกั๋ว ก็เป็นเพียงการแสดงให้คนอื่นดูเท่านั้น

จุดประสงค์ที่แท้จริง ก็คือการทำให้ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้!

เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ ย่อมต้องมีการตอบโต้

ถึงแม้จะไม่ได้ใกล้ชิดกับฮ่องเต้ไร้ค่าผู้เป็นบิดามากนัก แต่ฮ่องเต้ไร้ค่าผู้นั้นก็เป็นคนรักหน้าตาอย่างยิ่ง วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะต้องทรงเรียกเขาไปเข้าเฝ้าเป็นแน่

ถึงตอนนั้น เขาจะมอบสิ่งประหลาดใจให้กับเฝิงอันกั๋ว!

คิดจะฆ่าเขาฉู่หนิง ก็จะต้องชดใช้!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 100

    ฉู่หนิงถือจอกเหล้าแล้วยิ้ม “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ช่วยให้ลูกได้แต่งงานในครั้งนี้”ฮ่องเต้พยักหน้าถือจอกเหล้า “จากนี้ เจ้าต้องดีกับท่านหญิงเสิ่นให้มาก”“เสด็จพ่อวางพระทัย ลูกจะไม่ทำให้หว่านอิ๋งต้องลำบากใจ!”“ดี ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”เมื่อเห็นฉู่หนิงเปลี่ยนกระทั่งสรรพนาม ส่วนเสิ่นหว่านอิ๋งไม่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ ฮ่องเต้หัวเราะเสียงดังยกจอกเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมดทว่า ในขณะที่ฉู่หนิงเตรียมดื่มคารวะฮองเฮา กลิ่นหอมโชยมาพร้อมเสียงฝีเท้าอย่างรวดเร็วต่อมา เสียงใสกังวานดังขึ้นด้านหลังเขา “ยินดีกับเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่หมั้นหมายสำเร็จแล้ว เหล้าจอกนี้ข้าขอดื่มคารวะเจ้า!”ฉู่หนิงเลิกคิ้ว แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่จ้าวเฟยเยี่ยนเป็นฝ่ายเสนอหน้า แต่ก็หันหลังพร้อมหัวเราะเสียงค่อย“นานทีองค์หญิงแห่งต้าจ้าวจะเดินทางมาต้าฉู่ เหล้าจอกนี้ ข้าดื่มหมดจอก!”พูดจบ ฉู่หนิงดื่มจนหมดในคราวเดียวจ้าวเฟยเยี่ยนมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดในคราวเดียวเช่นกันแม้จะเป็นสตรี แต่ความองอาจบนตัวนางกลับไม่แพ้ชายใดเมื่อดื่มเสร็จ จ้าวเฟยเยี่ยนหันมองเสิ่นหว่านอิ๋ง หยิบกาเหล้ารินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอก พลางยิ้มแล้ว

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 99

    “ถวายบังคมเสด็จพ่อ ฮองเฮา!”ฉู่หนิงเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มรถม้าขบวนเสด็จหยุดลง ฮ่องเต้ที่สวมชุดสีเหลืองทองเป็นฝ่ายเดินลงมาก่อนฮ่องเต้เปลี่ยนจากความน่าเกรงขามในยามปกติที่สวมชุดมังกร เป็นรอยยิ้มที่มีเมตตาของบิดาต่อมา หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมชุดฝ่ายในสีม่วงเดินลงมาจากรถม้าหลวงอย่างเชื่องช้าแม้รูปโฉมนางจะไม่ได้งดงามมากนัก แต่บนตัวกลับมีพลังของความเป็นแม่แห่งแผ่นดินเผยออกมา!นั่นคือฮองเฮาแห่งต้าฉู่ มารดาแท้ ๆ ของรัชทายาทองค์ปัจจุบัน จูซูเหยา!เมื่อมองฉู่หนิงที่ก้มลงทำความเคารพแวบหนึ่ง ดวงตาฮองเฮามีความแปลกใจแวบผ่านช่วงเวลานี้ นางพอจะได้ยินเรื่องราวการกระทำของฉู่หนิงมาบ้าง แต่รู้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปเป็นตัวตายตัวแทนที่แนวหน้า ดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสนใจฉู่หนิงมากนักหากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้เรียนเชิญด้วยพระองค์เอง นางคงไม่มีทางปรากฏตัวในงานหมั้นของฉู่หนิงครั้งแรกที่เห็นฉู่หนิง มองดูใบหน้าที่ละม้ายกับฮ่องเต้อยู่บ้าง ไม่รู้เหตุใด ในใจกลับรู้สึกประหม่าว่าฉู่หนิงจะชิงบัลลังก์กับลูกชายของนางต่อมาเมื่อนึกได้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปแนวหน้า ความกังวลนั้นก็หายเข้าไปในกลีบเมฆขณะ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 98

    เมื่อมองดูใบหน้าของจ้าวเฟยเยี่ยนที่โกรธจนหน้าถมึงทึง เหล่าขุนนางหัวเราะเสียงดัง ต่างเยาะเย้ย“องค์ชายกล่าวถูกต้อง องค์หญิงเฟยเยี่ยนช่างเป็นคนดีเหลือเกิน”“ต้นโสมช่างให้ได้เหมาะเจาะ องค์หญิงเฟยเยี่ยน หากครั้งหน้ายังมีต้นโสมเช่นนี้โปรดส่งมาสักหลายต้น!”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า องค์ชายรับต้นโสมเอาไว้ ได้ประโยชน์ถึงสองทาง!”“สมแล้วที่เป็นต้าจ้าว มั่งคั่งร่ำรวย รู้ว่ายามนี้องค์ชายต้องการต้นโสม ถึงกับนำมามอบให้เอง ถือเป็นการช่วยเหลือกันในยามยาก!”คำพูดของเหล่าขุนนางราวกระบี่คมกริบ เชือดเฉือนใจจ้าวเฟยเยี่ยนอย่างแรงนางไม่เคยนึกไม่เคยฝัน เจ้าฉู่หนิงกลับนึกถึงเหตุผลที่ไร้ยางอายขนาดนี้ได้นางปรามาสฉู่หนิงเกินไป!จ้าวเฟยเยี่ยนแววตาเย็นเยียบ ความทรงพลังทั่วร่างล่มสลายในวินาทีนี้ ไม่มีความกำเริบเสิบสานเหมือนตอนที่เพิ่งมาถึงจวนอ๋องทว่าขณะนั้น เจ้าฉู่หนิงกลัวหัวเราะ “ทำไมองค์หญิงเฟยเยี่ยนไม่พูดซะแล้วล่ะ? หรือไม่เห็นด้วยกับคำพูดของข้า?”จ้าวเฟยเยี่ยนจ้องมองฉู่หนิงครู่หนึ่ง “นึกไม่ถึงว่าองค์ชายจะพูดจาฉะฉานเช่นนี้ กลับเป็นเฟยเยี่ยนที่ไม่รอบคอบ ทว่า วันนี้เป็นวันมหามงคลขององค์ชาย เฟยเยี่ยนไม่ขอโดดเด่นเก

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 97

    ต้นโสมสามร้อยปีหนึ่งต้นทำให้ฉู่หนิงจมสู่ห้วงความคิดทว่าขณะนั้น นอกจวนอ๋องดันมีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ขุนนางมากมายต่างทยอยมาถึงแล้วพิธีกรที่เดิมทียืนอยู่หน้าประตูเตรียมเรียกขานสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เข้ามากระซิบข้างกายฉู่หนิง “องค์ชาย ใกล้ถึงฤกษ์ดีแล้ว เหล่าขุนนางในราชสำนักมาแล้วขอรับ”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปที่ถนน พบว่ามีขุนนางมากมายบ้างก็ขี่ม้า บ้างก็นั่งเกี้ยวกำลังมุ่งหน้ามาทางจวนอ๋องหากยังมัวร่ำไรอยู่กับจ้าวเฟยเยี่ยน รอให้ทุกคนมาถึง กลับกลายเป็นที่ขบขันของทุกคนระหว่างครุ่นคิด มุมปากจ้าวเฟยเยี่ยนยกขึ้นเล็กน้อย จนเป็นองศาที่น่าตะลึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกละสิ?เหงื่อคงเต็มแผ่นหลังสินะ!ใครใช้ให้เจ้าเป็นอริกับข้า!วันนี้ ข้าจะทำให้เจ้าอับอายขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลฮึ กล้าปฏิเสธองค์หญิงอย่างข้า ข้าจะให้เจ้าได้เห็นดีกัน!“แค่โสมต้นเดียวก็ทำให้จวิ้นอ๋องลำบากใจเพียงนี้เชียวหรือ?”จ้าวเฟยเยี่ยนขยับริมฝีปากแดงแผ่วเบา เหลือบมองร่างกายท่อนล่างของฉู่หนิง หัวเราะกล่าวว่า “หรือองค์ชายมีความลำบากที่ยากจะเอื้อยเอ่ย?”คำพูดประโยคหลัง นางเน้นย้ำเป็นพิเศษ!ฉู่หนิงเลิกคิ้ว “องค์หญิงเฟ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 96

    กลับเป็นเสิ่นหว่านอิ๋งที่มองฉู่หนิงอย่างขอโทษ จากนั้นจึงคล้องแขนมารดาตัวเองเข้าไปพร้อมกันฉู่หนิงลูบจมูกตัวเอง แล้วหัวเราะเจื่อน กลับไม่ได้ซักไซ้อะไรให้มากความ อย่างไรวันนี้เป้าหมายของเขาคือของขวัญของเหล่าองค์ชายและขุนนาง ท่าทีที่เสิ่นฮูหยินมีต่อเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญ“ดูแลเสิ่นฮูหยินกับท่านหญิงให้ดี ข้าจะไปต้อนรับทุกคนที่หน้าประตูด้วยตนเอง!”ฉู่หนิงสั่งการเสร็จสรรพ จึงได้พากวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สองคนเดินไปต้อนรับหน้าประตูจวนภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป แขกที่มาร่วมงานคนแรกปรากฏตัวแล้วคนผู้นั้นอยู่ในชุดทะมัดทะแมงสีน้ำเงิน ผมยาวถักเปียเป็นเส้นเล็กมากมาย ปล่อยสยายอยู่บนบ่าและแผ่นหลังดวงตาสดใสมีชีวิตชีวาคู่นั้น เข้าคู่กับใบหน้าที่มีรอยยิ้มจาง ๆ หากไม่ใช่จ้าวเฟยเยี่ยนองค์หญิงสิบแห่งต้าจ้าวจะเป็นใครได้อีก!ฉู่หนิงอึ้งไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาถึงเป็นคนแรกส่วนกวนอวิ๋นกับจ้าวอวี่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เคลื่อนฝีเท้าไปข้างกายฉู่หนิง หากอีกฝ่ายกล้าก่อเรื่อง พวกเขาไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่!”“ขอแสดงความยินดีกับเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่หมั้นหมายในวันนี้ ข้ามาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าจวิ้นอ๋องคงไม่อย

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 95

    “อะไรนะ ฉู่หนิงเอาเรื่องที่เรากับฮองเฮาจะไปร่วมงานหมั้นของเขาไปเผยแพร่หรือ?”คืนนั้น ภายในตำหนักอิงอู่ของวังหลวงเสียงประหลาดใจของฮ่องเต้ดังขึ้นมาองครักษ์เงาภายในตำหนักเอ่ยด้วยความเคารพว่า “เรื่องนี้แพร่กระจายในเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทั้งหมดกับขุนนางใหญ่ได้ยินข่าวนี้ก็กำลังเปลี่ยนของขวัญที่เตรียมไว้แต่เดิมกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ตาเป็นประกายขึ้นมา ทำหน้าเข้าใจทันทีที่แท้ฉู่หนิงทำเพื่อของขวัญแสดงความยินดีที่คนเหล่านี้มอบให้ถึงแม้ว่าเดิมทีอยากเก็บเรื่องเข้าร่วมงานนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ ข่มขวัญพวกคนที่อยากจะก่อความวุ่นวายในงานหมั้นเพื่อหนุนหลังฉู่หนิง แต่ในเมื่อฉู่หนิงอยากให้เอิกเกริก เช่นนั้นก็เอาให้เอิกเกริกไปเลยถึงอย่างไรของขวัญแสดงความยินดีที่ฉู่หนิงได้รับพวกนั้นก็ไม่อาจเก็บไว้ได้อยู่ดี ถูกนำไปใช้ในแนวหน้ามากกว่าครึ่งว่าไปแล้วนี่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับต้าฉู่เหมือนกัน“ในเมื่อเรื่องแพร่ไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังแล้ว จ้าวหมิง เจ้าให้กรมวังไปเตรียมราชรถสำหรับอีกสองวันข้างหน้า” “กระหม่อมน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวหมิงรับคำแล้วไปเตรียมการทันทีต่อมา ฮ่องเต้ก็เผยส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status