Share

บทที่ 10

Author: สายลมไร้กาลเวลา
ภายในร้านตีเหล็ก เปลวไฟในเตาลุกโชน อุณหภูมิที่ร้อนระอุทำให้เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหมดต้องถอดเสื้อท่อนบนออก

ภายใต้การสอนของฉู่หนิง พวกเขานำเหล็กดิบในมือมาตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

ที่เรียกว่าร้อยหลอมกลายเป็นเหล็กกล้า ไม่ใช่แค่การตีเหล็กหนึ่งร้อยครั้ง แต่คือการตีเหล็กให้มีความแข็งแกร่งจนถึงมาตรฐานของเหล็กกล้า

หนึ่งร้อยครั้งเป็นเพียงแนวคิด การจะเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ทำให้เหล็กกลายเป็นเหล็กกล้าได้นั้น เป็นกระบวนการที่ยาวนานอย่างยิ่ง

โชคดีที่สภาพร่างกายของเหล่าทหารผ่านศึกนั้นแข็งแกร่ง คนกว่าสามสิบคนแบ่งงานกันอย่างเป็นระบบ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง สถานการณ์ในร้านตีเหล็กเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย

ฉู่หนิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ด้วยความเร็วระดับนี้ อีกสามวันก็จะสามารถตีอาวุธออกมาได้หนึ่งชุด!”

มีผู้คุ้มกันแล้ว จะไม่มีอาวุธได้อย่างไร

การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ย่อมอันตรายอย่างยิ่ง การรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตนเองไว้คือสิ่งสำคัญที่สุด

ความสามารถของฉู่หนิงมีจำกัด ไม่สามารถจัดหาอาวุธเช่นนี้ให้แก่ทหารที่แนวหน้าได้ทั้งหมด แต่การติดอาวุธให้แก่ผู้คุ้มกันของตนเองนั้นยังไม่มีปัญหา

อย่างไรเสียร้านตีเหล็กแห่งนี้ก็เป็นของที่องค์ชายรองมอบให้ วัสดุที่จำเป็นสำหรับการตีเหล็กก็มีครบครัน ช่วยประหยัดเงินไปได้ไม่น้อย

ทว่า จ้าวอวี่ที่อยู่ด้านข้างกลับกล่าวด้วยความกังวล “ท่านอ๋อง เรื่องในวันนี้ เกรงว่าทางฝั่งองค์ชายรองคงจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงยักไหล่ “ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน รับมือแก้ไขไปตามสถานการณ์ หากพี่รองจะตำหนิจริง ๆ ก็ให้ข้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

จ้าวอวี่และกวนอวิ๋นสบตากัน บนใบหน้าปรากฏความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่

จวิ้นอ๋องยอมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวก็เพื่อสหายเหล่านั้น!

แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว

หากเบื้องบนจะลงโทษจริง ๆ พวกเขายินดีที่จะรับผิดชอบร่วมกับท่านอ๋อง

ขณะที่ทั้งสองกำลังตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบม้าดังมาจากระยะไกล

พร้อมกับเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด กองกำลังกลุ่มหนึ่งก็ควบม้าจากถนนมุ่งหน้ามายังร้านตีเหล็ก

“กรมกลาโหมปฏิบัติหน้าที่ ผู้ไม่เกี่ยวข้องหลีกทางไป ผู้ใดขวางทาง ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!”

บุรุษในชุดเกราะที่เป็นผู้นำตวาดลั่น ชาวบ้านบนถนนได้ยินก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด พากันหลีกทางให้

บนถนนที่ไร้สิ่งกีดขวาง เฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหม นำกองกำลังของกรมกลาโหมมาถึงร้านตีเหล็กด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ

“ทหาร ปิดล้อมที่นี่ไว้!” เฝิงอันกั๋วสะบัดบังเหียนในมือ ทหารของกรมกลาโหมก็เข้าล้อมร้านตีเหล็กไว้ในทันที

กวนอวิ๋นเป็นคนเลือดร้อน เมื่อเห็นสถานการณ์ก็โมโหอย่างยิ่ง แรงกดดันทั่วร่างพลันระเบิดออกมา พุ่งตัวเข้าไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าฉู่หนิง

“บังอาจ กล้าดีอย่างไรมาล้อมเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!”

การชิงลงมือก่อนไม่ได้ทำให้เฝิงอันกั๋วถอย แต่กลับหัวเราะเยาะ “แค่ทหารรักษาพระองค์ตัวเล็ก ๆ ยังกล้ามาตะโกนโหวกเหวกต่อหน้าข้าอีกหรือ?”

“ทหาร คนผู้นี้เหิมเกริมต่อเบื้องสูง ล่วงเกินข้า จัดการเขาเสีย ณ ที่นี้!”

องค์ชายรองต้องการจะสั่งสอนเผิงไหลจวิ้นอ๋อง เช่นนั้นก็ต้องแสดงอำนาจข่มขวัญกันเสียหน่อย

เริ่มลงมือจากคนข้างกายของเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!

สิ้นเสียงคำสั่ง เหล่าทหารก็ถือหอกยาวพุ่งเข้าใส่กวนอวิ๋น

จ้าวอวี่สีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบตวัดหอกยาวในมือเข้าประจันหน้าทันที

ในขณะเดียวกัน ทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนก็รีบเข้าล้อมไว้ กองกำลังทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน

เฝิงอันกั๋วแอบหัวเราะในใจ

สู้กันเลยสิ อย่างไรเสียกรมกลาโหมก็มีคนเยอะกว่า อีกทั้งยังเป็นทหารชั้นยอดที่คัดเลือกมาจากกองทัพทั่วสารทิศ สู้กันไปก็ไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน

ขอเพียงจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย สร้างผลงานให้องค์ชายรองเห็น ต่อไปตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็พอจะแย่งชิงมาได้

วันนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องสั่งสอนเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมีผู้นี้ให้ได้!

ก็แค่องค์ชายขยะคนหนึ่ง ยังกล้ามาต่อกรกับองค์ชายรอง ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!

เมื่อมองคนกว่าสามสิบคนที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า มุมปากของเฝิงอันกั๋วก็เผยรอยยิ้มเย็นชา “ดีนี่ ที่แท้เจ้าก็มีพรรคพวกด้วย!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ฆ่าพวกมันให้หมด!”

อย่างไรเสียองค์ชายขยะนั่นไปแนวหน้าก็เพื่อไปตาย คนพวกนี้ตามไปก็ตายเหมือนกัน

จะตายช้าหรือตายเร็ว สู้ตายด้วยน้ำมือเขา ให้เขาได้สร้างชื่อเสียงในหมู่ขุนนางของเมืองหลวงเสียยังจะดีกว่า

เหล่าทหารเมื่อได้ยินดังนั้นก็สบตากันแวบหนึ่ง เตรียมที่จะลงมือ

ในขณะนั้นเอง เสียงที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ

“ช้าก่อน!”

เฝิงอันกั๋วขมวดคิ้ว มองตามเสียงไป ก็พบว่าเป็นฉู่หนิง

ท่ามกลางวงล้อมของทุกคน ฉู่หนิงเดินมาอยู่ตำแหน่งตรงกลางระหว่างสองฝ่ายที่กำลังเผชิญหน้ากัน

“ไม่ทราบว่าใต้เท้าท่านนี้แซ่อะไรหรือ?” ฉู่หนิงยิ้มพลางประสานมือคารวะเฝิงอันกั๋ว

เฝิงอันกั๋วขมวดคิ้ว

องค์ชายคารวะตนเอง หากไม่คารวะตอบ เรื่องแพร่ออกไปคนอื่นจะหาว่าตนเองไม่รู้จักขนบธรรมเนียม

แม้ว่าจะต้องสั่งสอนฉู่หนิง แต่ปัจจัยที่จะส่งผลเสียต่อตนเองก็ต้องกำจัดออกไป!

เฝิงอันกั๋วรีบลงจากม้า คารวะตอบพลางเอ่ยขึ้น “กระหม่อมเฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหม คารวะเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!”

“ที่แท้ก็คือรองเสนาบดีเฝิงนี่เอง”

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าเป็นมิตร เดินเข้าไปจับมือเฝิงอันกั๋ว ราวกับได้พบญาติสนิท

เฝิงอันกั๋วถึงกับตกตะลึง

เผิงไหลจวิ้นอ๋องผู้นี้โง่หรืออย่างไร?

ตนมาเพื่อหาเรื่องแท้ ๆ แต่เหตุใดเขาถึงทำท่าทางดีใจถึงเพียงนี้?

หรือว่าคิดจะมาตีสนิทกับตน แล้วจัดการเรื่องนี้แบบขอไปที?

ไม่ได้ ตนรับปากองค์ชายรองไว้แล้วว่า จะต้องสั่งสอนฉู่หนิงให้ได้!

สีหน้าเคร่งขรึม เฝิงอันกั๋วดึงมือที่ถูกฉู่หนิงจับไว้ออกอย่างแนบเนียน กล่าวเสียงเย็นชา “ท่านอ๋อง คนเหล่านี้คือคนของท่านหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าพวกเขากระทำความผิดอันใด ถึงกับทำให้ใต้เท้าเฝิงต้องยกทัพมากันมากมายถึงเพียงนี้?”

ฉู่หนิงพูดไปพลาง ยื่นมือชี้ไปยังเหล่าทหารที่ล้อมร้านตีเหล็กไว้

นี่คิดจะเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้ตนเอาความเรื่องที่คนของเขามาล่วงเกินเมื่อครู่นี่เอง!

เฝิงอันกั๋วหัวเราะเยาะในใจ

ลูกไม้ตื้น ๆ แบบนี้ ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก

แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้รวบยอดทั้งสองเรื่อง คนพวกนี้อย่าหวังว่าจะรอดไปได้สักคน!

ดวงตาหรี่ลง บนใบหน้าของเฝิงอันกั๋วปรากฏเจตนาสังหาร

“จวิ้นอ๋อง กระหม่อมได้รับแจ้งมาว่า มีคนลักลอบตีอาวุธอยู่ที่นี่!”

สีหน้าของฉู่หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดึงเฝิงอันกั๋วไปด้านข้างแล้วกระซิบเสียงเบา “ใต้เท้าเฝิง เป็นข้าเองที่ให้พวกเขาตีอาวุธเพื่อใช้ป้องกันตัว ท่านน่าจะทราบดีว่าข้ากำลังจะไปแนวหน้า และคนเหล่านี้ก็เป็นผู้คุ้มกันของข้า หากไม่มีอาวุธ...”

“จวิ้นอ๋อง!”

เฝิงอันกั๋วไม่รอให้ฉู่หนิงพูดจบ สะบัดแขนเสื้อแล้วขัดจังหวะด้วยเสียงเย็นชา “ทุกเรื่องย่อมต้องมีกฎระเบียบ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนของท่านหรือไม่ และไม่ว่าพวกเขาจะตีอาวุธเพื่อไปใช้ที่แนวหน้าหรือไม่ พวกเขาก็ได้ลักลอบตีอาวุธ!

นี่เป็นความผิดมหันต์ หากท่านอ๋องคิดจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เกรงว่าแม้แต่ฝ่าบาทก็คงจะปกป้องท่านไม่ได้!”

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าจนปัญญาอย่างยิ่ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความอ้อนวอน “ใต้เท้าเฝิง เรื่องนี้ไม่มีทางผ่อนปรนได้เลยหรือ? ข้ายินดีจะจ่ายเงินเพื่อไถ่โทษให้พวกเขา ได้หรือไม่?”

ในฐานะองค์ชาย กลับต้องมาทำตัวอ่อนน้อมอ้อนวอนรองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่งถึงเพียงนี้ หากเรื่องแพร่ออกไป จะต้องกลายเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน!

เฝิงอันกั๋วแอบรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง

ต่อให้เจ้าฉู่หนิงจะเป็นองค์ชาย เป็นจวิ้นอ๋อง แล้วอย่างไรเล่า!

สุดท้ายก็ต้องมาอ้อนวอนขอให้ตนปล่อยคนอยู่ดี

แต่เมื่อมีจุดอ่อนอยู่ในมือแล้ว จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?

มุมปากของเฝิงอันกั๋วยกยิ้มเล็กน้อย เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “จวิ้นอ๋อง เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ยังเกี่ยวข้องกับตัวท่านเองด้วย!

หากคิดจะแสดงความบริสุทธิ์ กระหม่อมแนะนำให้ท่านทอดทิ้งพวกเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้ กระหม่อมจะประหารพวกเขา ณ ที่แห่งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนอื่นก็จะไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่าน”

ฆ่าคนพวกนี้แล้ว ฉู่หนิงก็จะเหลือตัวคนเดียว ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก แต่ไปแนวหน้าก็ไม่มีผู้คุ้มกัน ย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

องค์ชายรอง ท่านโปรดดูให้ดีเถิด เรื่องนี้กระหม่อมจะจัดการให้ท่านอย่างงดงามแน่นอน!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 318

    คำพูดนี้ทำให้องค์รัชทายาทและบรรดาองค์ชายถอนหายใจโล่งอกแม้ว่าเฝิงอันกั๋วจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน ไม่ได้ให้เหตุผลที่ฮ่องเต้จะตัดสินได้โดยตรงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเฝิงอันกั๋วจะมีมุมที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยแต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล อย่างไรสมญานามฉู่อ๋องก็เคยถูกใช้โดยฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์มาก่อน หากลูกหลานจะใช้ก็ต้องถามสำนักราชวงศ์ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าเฝิงพูดได้มีเหตุผล”จากนั้นหันไปมองชายชราผมขาวที่ถือไม้เท้าอยู่ในแถว “เสด็จอา ท่านคิดเห็นอย่างไร?”ชายชราผู้นี้มีนามว่าฉู่อวี๋ เป็นอาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ได้รับแต่งตั้งเป็นฉินอ๋อง ดูแลสำนักราชวงศ์ฉู่อวี๋ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะค้ำไม่เท้าก้าวออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เคยมีในราชวงศ์มาก่อน”ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ฉู่อวี๋กลับเสริมเพิ่มว่า “แต่ในกฎของราชวงศ์ก่อน ๆ เหมือนจะไม่ได้มีข้อห้ามว่าห้ามใช้พระนามของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกราชวงศ์ กระหม่อมตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ความหมายชัดเจนมาก ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ใช้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีผู้ใดใช้มาก่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 317

    “ฝ่าบาท ลูกไม่กล้าก้าวก่ายการตัดสินพระทัยขององค์พระองค์พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงรู้สึกว่าสมญานามฉู่อ๋องเป็นพระนามของฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ หากมอบให้ฉู่หนิง เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”องค์รัชทายาทไม่ใช่คนโง่ ย่อมได้ยินถึงความไม่พอพระทัยในน้ำเสียงของฮ่องเต้หากยังยืนกรานคัดค้าน ฮ่องเต้จะต้องไม่พอพระทัยแน่นอน!ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ละสายตาจากฮ่องเต้ไปที่องค์ชายคนอื่นและถาม“พวกเจ้าคิดอย่างไรกับคำพูดของรัชทายาท?”องค์ชายรองเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “เสด็จพ่อ ลูกมองว่าที่เสด็จพี่รัชทายาทกล่าวมาก็มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายที่เหลือเห็นว่ามีคนนำก็ใจกล้าขึ้นมา พากันก้าวออกไปพูดสนับสนุน“เสด็จพ่อ ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เรา ไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้สมญาฉู่อ๋อง!”“ฉู่หนิงเกิดในหมู่สามัญชน หากได้รับแต่งตั้งเป็นฉู่อ๋องเพียงเพราะผลงานการรบ เกรงว่าจะเร่งร้อนเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ต่อให้จะแต่งตั้งฉู่หนิงเป็นชินอ๋อง แต่จะให้เป็นฉู่อ๋องไม่ได้”บรรดาองค์ชายต่างแสดงความไม่พอใจฮ่องเต้มองท่าทีของทุกคน พระพักตร์แสดงถึงความไม่พอพระทัยมีคนกล้าคัดค้านความต้องการของเรางั้นหรือ?นี่มันพวกลูกทรพี!เหอะ ตอนน

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 316

    เหล่าขุนนางไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาในตอนนี้ พากันหลีกทางให้หลังจากทักทายไม่นาน ทุกคนก็มายืนเรียงแถวเป็นสองฝั่งที่ตำหนักอิงอู่“กระหม่อม/ลูก ถวายพระพรฝ่าบาท!”ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ “ไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ฉู่หนิงคว้าชัยชนะที่แนวหน้า พวกเจ้าก็มาฟังรายละเอียดด้วยกัน”จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างนำรายงานชัยชนะออกมาอ่าน “กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกใช้ขบวนลำเลียงเสบียงเป็นเหยื่อล่อให้ทัพศัตรูออกมาโจมตี แต่แท้จริงคือแอบซ่อนกำลังทหารไว้ในขบวนอยู่ก่อนแล้ว ทำลายกองโจมตีและกองซุ่มของศัตรูในคราเดียว”“จากนั้นเปิดประตูเมืองเพื่อล่อศัตรูมายังกำแพงเมืองฝั่งใต้ เมืองค่ายใหญ่ของศัตรูว่างเปล่าก็ส่งทหารที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเข้าไปเผาค่ายศัตรู พร้อมทั้งบุกเข้าไปยังกองบัญชาการ สังหารมู่หรงจู๋!”“ศึกครั้งนี้กำจัดทัพศัตรูไปสองแสนนาย อีกแสนนายที่เหลือได้เข้ายึดเมืองทั้งสี่ ลูกได้สั่งให้ไปตียึดคืนแล้ว”“กระนั้น ครั้งนี้กองทัพฝ่ายเราก็เสียกำลังพลไปเกินครึ่ง บัดนี้เหลือเพียงหกหมื่นนาย หวังว่าเสด็จพ่อจะส่งอนุญาตให้รับสมัครเพิ่ม พร้อมทั้งจัดหาเสบียงมาสนับสนุน อีกไม่นานก็จะตีคืนเมืองทั้งสี่จากศัตรูได้สำเร็จ”เมื่อรายง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 315

    สถานการณ์ของเมืองติ้งเซียงเริ่มเข้าที่เข้าทาง เมืองฉู่หนิงเปิดประตูให้ทุกคนเข้าทดสอบส่วนพวกจ้าวอวี่กับกวนอวิ๋นที่กำลังโจมตีเมืองอีกสี่แห่งก็กำลังดำเนินการตามแผนแต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยึดครองเมือง การโจมตีจึงไม่รุนแรงนัก ใช้วิธีปิดล้อมเพื่อตัดกำลังช่วยเหลือกองทัพปิดล้อมเมืองหนึ่งแห่ง รอให้อีกสามเมืองส่งคนมาช่วยเหลือ จากนั้นรอกำจัดระหว่างทางแต่กองทัพแคว้นจ้าวไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ได้ส่งคนมาช่วยเหลือแต่อย่างใดฉู่หนิงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ สั่งให้พวกเขาล้อมเมืองแค่หนึ่งแห่งก็พอ รอให้เสบียงในเมืองหมดลง กองทัพแคว้นจ้าวก็จะพ่ายแพ้ไปเองกาลเวลายืนอยู่ฝั่งของกองทัพฉู่ ฉู่หนิงไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น การเก็บกองทัพแคว้นฉู่เหล่านี้ไว้ก็ใช้ต่อรองกับราชสำนักได้ด้วยและหลังจากวันนี้ ในที่สุด ฮ่องเต้ประทับอยู่ในเมืองหลวงก็ได้รับข่าวของฉู่หนิง“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข่าวชัยชนะ เป็นข่าวชัยชนะจริง ๆ ด้วย!”ฮ่องเต้กำรายงานชัยชนะของฉู่หนิงไว้ในมือ เดินออกจากตำหนักอิงอู่ด้วยเสียงหัวเราะ“สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่ สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่!”ฮ่องเต้มีพระพักตร์ปลื้มปิติ “เด็ก ๆ เรียกขุนนางทุกฝ่ายม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 314

    เมื่อมองฝูงชนเบื้องหน้า คนเหล่านี้มาเพราะเชื่อมั่นในตัวเขา!เขาสูดหายใจเข้าลุก ๆ ก่อนจะยกมือสั่งเสียงทุ้ม “ทหาร เปิดประตูเมือง!”สีหน้าของหลิวโส่วพลันเปลี่ยนไป “ท่านอ๋อง ท่าน…ท่านจะทำอันใด?”“ข้าจะออกไปปลอบโยนทุกคน!”“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านี้เป็นคนอดอยาก หากประสงค์ร้ายขึ้นมา…”“พอแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร หากความกล้าแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้าก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองค์ชาย!”ฉู่หนิงมีท่าทีแน่วแน่ ว่าจบก็ลงจากกำแพงเมืองไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดออก ฉู่หนิงควบม้านำทหารกลุ่มหนึ่งออกไปช้า ๆหลิวโส่วเริ่นตะโกนเสียงดัง “เผิงไหลจวิ้นอ๋องเสด็จ เหตุใดยังไม่คำนับอีก?”ทุกคนรีบโค้งตัวประสานมือ “คารวะท่านอ๋อง!”ฉู่หนิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งสองกลุ่มอยู่ใกล้กันมาก ทำให้เขาเห็นสภาพของทุกคนชัดเจนราษฎรส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าชุดบาง ร่างกายผ่ายผอม สีหน้ามีความตื่นตระหนกฉู่หนิงถอนหายใจยาว ๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม “ข้าทราบถึงจุดประสงค์ที่ทุกคนมาที่นี่ แต่ข้าต้องการผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ พวกเจ้ามีสภาพเช่นนี้ ต่อให้ส่งเข้าสนามรบไปก็เปล่าประโยชน์”แม้จะฟังดูใจร้าย แต่มันก็เป็นความจริงคนแบบนี้เข้าส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 313

    ฉู่หนิงสังหารตู้หยวนจีด้วยกลยุทธ์สายฟ้าฟาด เป็นที่หวั่นเกรงของเจ้าเมืองทั้งสี่ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลาหลายวันต่อมา เจ้าเมืองทั้งสี่ไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ทำตามคำสั่งของฉู่หนิงอย่างเต็มกำลังและผลลัพธ์ ก็เกินความคาดหมาย!สามวันต่อมา ขณะที่ฉู่หนิงกำลังฝึกใช้หอกอยู่ในลานบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านนอกจากนั้น เสียงที่ดูร้อนรนของหลิวโส่วเริ่นก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว โยนหอกในมือกลับขึ้นแท่นวางอาวุธอย่างมั่นคง“มีเรื่องอันใดกัน ใต้เท้าหลิวจึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้?”ฉู่หนิงยื่นมือไปรับผ้าจากสาวใช้ด้านข้าง เช็ดเหงื่อที่หน้าผากไปพลาง ถามด้วยรอยยิ้มไปพลางหลิวโส่วเริ่นรับราชการมาหลายปี เรื่องที่ทำให้เขาตื่นตระหนกแบบนี้น่าจะมีไม่มาก“ท่านอ๋อง ท่านรีบไปดูเถิด นอกเมืองมีคนเยอะมาก!”หลิวโส่วเริ่นพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คนเหล่านี้บอกว่ามาเข้าร่วมกองทัพ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นชายฉกรรจ์ กระหม่อมกลัวว่าจะมีกองทัพแคว้นจ้าวปะปน ฉวยโอกาสโจมตีเมืองในจังหวะที่ทัพเราไม่ทันระวัง!”มีคนมาเยอะมากหรือ?ฉู่หนิงหรี่ตา โยนผ้าลงในกะละมังและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status