Share

บทที่ 10

Author: สายลมไร้กาลเวลา
ภายในร้านตีเหล็ก เปลวไฟในเตาลุกโชน อุณหภูมิที่ร้อนระอุทำให้เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหมดต้องถอดเสื้อท่อนบนออก

ภายใต้การสอนของฉู่หนิง พวกเขานำเหล็กดิบในมือมาตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

ที่เรียกว่าร้อยหลอมกลายเป็นเหล็กกล้า ไม่ใช่แค่การตีเหล็กหนึ่งร้อยครั้ง แต่คือการตีเหล็กให้มีความแข็งแกร่งจนถึงมาตรฐานของเหล็กกล้า

หนึ่งร้อยครั้งเป็นเพียงแนวคิด การจะเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ทำให้เหล็กกลายเป็นเหล็กกล้าได้นั้น เป็นกระบวนการที่ยาวนานอย่างยิ่ง

โชคดีที่สภาพร่างกายของเหล่าทหารผ่านศึกนั้นแข็งแกร่ง คนกว่าสามสิบคนแบ่งงานกันอย่างเป็นระบบ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง สถานการณ์ในร้านตีเหล็กเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย

ฉู่หนิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ด้วยความเร็วระดับนี้ อีกสามวันก็จะสามารถตีอาวุธออกมาได้หนึ่งชุด!”

มีผู้คุ้มกันแล้ว จะไม่มีอาวุธได้อย่างไร

การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ย่อมอันตรายอย่างยิ่ง การรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตนเองไว้คือสิ่งสำคัญที่สุด

ความสามารถของฉู่หนิงมีจำกัด ไม่สามารถจัดหาอาวุธเช่นนี้ให้แก่ทหารที่แนวหน้าได้ทั้งหมด แต่การติดอาวุธให้แก่ผู้คุ้มกันของตนเองนั้นยังไม่มีปัญหา

อย่างไรเสียร้านตีเหล็กแห่งนี้ก็เป็นของที่องค์ชายรองมอบให้ วัสดุที่จำเป็นสำหรับการตีเหล็กก็มีครบครัน ช่วยประหยัดเงินไปได้ไม่น้อย

ทว่า จ้าวอวี่ที่อยู่ด้านข้างกลับกล่าวด้วยความกังวล “ท่านอ๋อง เรื่องในวันนี้ เกรงว่าทางฝั่งองค์ชายรองคงจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงยักไหล่ “ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน รับมือแก้ไขไปตามสถานการณ์ หากพี่รองจะตำหนิจริง ๆ ก็ให้ข้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

จ้าวอวี่และกวนอวิ๋นสบตากัน บนใบหน้าปรากฏความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่

จวิ้นอ๋องยอมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวก็เพื่อสหายเหล่านั้น!

แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว

หากเบื้องบนจะลงโทษจริง ๆ พวกเขายินดีที่จะรับผิดชอบร่วมกับท่านอ๋อง

ขณะที่ทั้งสองกำลังตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบม้าดังมาจากระยะไกล

พร้อมกับเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด กองกำลังกลุ่มหนึ่งก็ควบม้าจากถนนมุ่งหน้ามายังร้านตีเหล็ก

“กรมกลาโหมปฏิบัติหน้าที่ ผู้ไม่เกี่ยวข้องหลีกทางไป ผู้ใดขวางทาง ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!”

บุรุษในชุดเกราะที่เป็นผู้นำตวาดลั่น ชาวบ้านบนถนนได้ยินก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด พากันหลีกทางให้

บนถนนที่ไร้สิ่งกีดขวาง เฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหม นำกองกำลังของกรมกลาโหมมาถึงร้านตีเหล็กด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ

“ทหาร ปิดล้อมที่นี่ไว้!” เฝิงอันกั๋วสะบัดบังเหียนในมือ ทหารของกรมกลาโหมก็เข้าล้อมร้านตีเหล็กไว้ในทันที

กวนอวิ๋นเป็นคนเลือดร้อน เมื่อเห็นสถานการณ์ก็โมโหอย่างยิ่ง แรงกดดันทั่วร่างพลันระเบิดออกมา พุ่งตัวเข้าไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าฉู่หนิง

“บังอาจ กล้าดีอย่างไรมาล้อมเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!”

การชิงลงมือก่อนไม่ได้ทำให้เฝิงอันกั๋วถอย แต่กลับหัวเราะเยาะ “แค่ทหารรักษาพระองค์ตัวเล็ก ๆ ยังกล้ามาตะโกนโหวกเหวกต่อหน้าข้าอีกหรือ?”

“ทหาร คนผู้นี้เหิมเกริมต่อเบื้องสูง ล่วงเกินข้า จัดการเขาเสีย ณ ที่นี้!”

องค์ชายรองต้องการจะสั่งสอนเผิงไหลจวิ้นอ๋อง เช่นนั้นก็ต้องแสดงอำนาจข่มขวัญกันเสียหน่อย

เริ่มลงมือจากคนข้างกายของเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!

สิ้นเสียงคำสั่ง เหล่าทหารก็ถือหอกยาวพุ่งเข้าใส่กวนอวิ๋น

จ้าวอวี่สีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบตวัดหอกยาวในมือเข้าประจันหน้าทันที

ในขณะเดียวกัน ทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนก็รีบเข้าล้อมไว้ กองกำลังทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน

เฝิงอันกั๋วแอบหัวเราะในใจ

สู้กันเลยสิ อย่างไรเสียกรมกลาโหมก็มีคนเยอะกว่า อีกทั้งยังเป็นทหารชั้นยอดที่คัดเลือกมาจากกองทัพทั่วสารทิศ สู้กันไปก็ไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน

ขอเพียงจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย สร้างผลงานให้องค์ชายรองเห็น ต่อไปตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็พอจะแย่งชิงมาได้

วันนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องสั่งสอนเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมีผู้นี้ให้ได้!

ก็แค่องค์ชายขยะคนหนึ่ง ยังกล้ามาต่อกรกับองค์ชายรอง ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!

เมื่อมองคนกว่าสามสิบคนที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า มุมปากของเฝิงอันกั๋วก็เผยรอยยิ้มเย็นชา “ดีนี่ ที่แท้เจ้าก็มีพรรคพวกด้วย!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ฆ่าพวกมันให้หมด!”

อย่างไรเสียองค์ชายขยะนั่นไปแนวหน้าก็เพื่อไปตาย คนพวกนี้ตามไปก็ตายเหมือนกัน

จะตายช้าหรือตายเร็ว สู้ตายด้วยน้ำมือเขา ให้เขาได้สร้างชื่อเสียงในหมู่ขุนนางของเมืองหลวงเสียยังจะดีกว่า

เหล่าทหารเมื่อได้ยินดังนั้นก็สบตากันแวบหนึ่ง เตรียมที่จะลงมือ

ในขณะนั้นเอง เสียงที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ

“ช้าก่อน!”

เฝิงอันกั๋วขมวดคิ้ว มองตามเสียงไป ก็พบว่าเป็นฉู่หนิง

ท่ามกลางวงล้อมของทุกคน ฉู่หนิงเดินมาอยู่ตำแหน่งตรงกลางระหว่างสองฝ่ายที่กำลังเผชิญหน้ากัน

“ไม่ทราบว่าใต้เท้าท่านนี้แซ่อะไรหรือ?” ฉู่หนิงยิ้มพลางประสานมือคารวะเฝิงอันกั๋ว

เฝิงอันกั๋วขมวดคิ้ว

องค์ชายคารวะตนเอง หากไม่คารวะตอบ เรื่องแพร่ออกไปคนอื่นจะหาว่าตนเองไม่รู้จักขนบธรรมเนียม

แม้ว่าจะต้องสั่งสอนฉู่หนิง แต่ปัจจัยที่จะส่งผลเสียต่อตนเองก็ต้องกำจัดออกไป!

เฝิงอันกั๋วรีบลงจากม้า คารวะตอบพลางเอ่ยขึ้น “กระหม่อมเฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหม คารวะเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!”

“ที่แท้ก็คือรองเสนาบดีเฝิงนี่เอง”

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าเป็นมิตร เดินเข้าไปจับมือเฝิงอันกั๋ว ราวกับได้พบญาติสนิท

เฝิงอันกั๋วถึงกับตกตะลึง

เผิงไหลจวิ้นอ๋องผู้นี้โง่หรืออย่างไร?

ตนมาเพื่อหาเรื่องแท้ ๆ แต่เหตุใดเขาถึงทำท่าทางดีใจถึงเพียงนี้?

หรือว่าคิดจะมาตีสนิทกับตน แล้วจัดการเรื่องนี้แบบขอไปที?

ไม่ได้ ตนรับปากองค์ชายรองไว้แล้วว่า จะต้องสั่งสอนฉู่หนิงให้ได้!

สีหน้าเคร่งขรึม เฝิงอันกั๋วดึงมือที่ถูกฉู่หนิงจับไว้ออกอย่างแนบเนียน กล่าวเสียงเย็นชา “ท่านอ๋อง คนเหล่านี้คือคนของท่านหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าพวกเขากระทำความผิดอันใด ถึงกับทำให้ใต้เท้าเฝิงต้องยกทัพมากันมากมายถึงเพียงนี้?”

ฉู่หนิงพูดไปพลาง ยื่นมือชี้ไปยังเหล่าทหารที่ล้อมร้านตีเหล็กไว้

นี่คิดจะเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้ตนเอาความเรื่องที่คนของเขามาล่วงเกินเมื่อครู่นี่เอง!

เฝิงอันกั๋วหัวเราะเยาะในใจ

ลูกไม้ตื้น ๆ แบบนี้ ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก

แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้รวบยอดทั้งสองเรื่อง คนพวกนี้อย่าหวังว่าจะรอดไปได้สักคน!

ดวงตาหรี่ลง บนใบหน้าของเฝิงอันกั๋วปรากฏเจตนาสังหาร

“จวิ้นอ๋อง กระหม่อมได้รับแจ้งมาว่า มีคนลักลอบตีอาวุธอยู่ที่นี่!”

สีหน้าของฉู่หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดึงเฝิงอันกั๋วไปด้านข้างแล้วกระซิบเสียงเบา “ใต้เท้าเฝิง เป็นข้าเองที่ให้พวกเขาตีอาวุธเพื่อใช้ป้องกันตัว ท่านน่าจะทราบดีว่าข้ากำลังจะไปแนวหน้า และคนเหล่านี้ก็เป็นผู้คุ้มกันของข้า หากไม่มีอาวุธ...”

“จวิ้นอ๋อง!”

เฝิงอันกั๋วไม่รอให้ฉู่หนิงพูดจบ สะบัดแขนเสื้อแล้วขัดจังหวะด้วยเสียงเย็นชา “ทุกเรื่องย่อมต้องมีกฎระเบียบ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนของท่านหรือไม่ และไม่ว่าพวกเขาจะตีอาวุธเพื่อไปใช้ที่แนวหน้าหรือไม่ พวกเขาก็ได้ลักลอบตีอาวุธ!

นี่เป็นความผิดมหันต์ หากท่านอ๋องคิดจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เกรงว่าแม้แต่ฝ่าบาทก็คงจะปกป้องท่านไม่ได้!”

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าจนปัญญาอย่างยิ่ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความอ้อนวอน “ใต้เท้าเฝิง เรื่องนี้ไม่มีทางผ่อนปรนได้เลยหรือ? ข้ายินดีจะจ่ายเงินเพื่อไถ่โทษให้พวกเขา ได้หรือไม่?”

ในฐานะองค์ชาย กลับต้องมาทำตัวอ่อนน้อมอ้อนวอนรองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่งถึงเพียงนี้ หากเรื่องแพร่ออกไป จะต้องกลายเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน!

เฝิงอันกั๋วแอบรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง

ต่อให้เจ้าฉู่หนิงจะเป็นองค์ชาย เป็นจวิ้นอ๋อง แล้วอย่างไรเล่า!

สุดท้ายก็ต้องมาอ้อนวอนขอให้ตนปล่อยคนอยู่ดี

แต่เมื่อมีจุดอ่อนอยู่ในมือแล้ว จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?

มุมปากของเฝิงอันกั๋วยกยิ้มเล็กน้อย เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “จวิ้นอ๋อง เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ยังเกี่ยวข้องกับตัวท่านเองด้วย!

หากคิดจะแสดงความบริสุทธิ์ กระหม่อมแนะนำให้ท่านทอดทิ้งพวกเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้ กระหม่อมจะประหารพวกเขา ณ ที่แห่งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนอื่นก็จะไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่าน”

ฆ่าคนพวกนี้แล้ว ฉู่หนิงก็จะเหลือตัวคนเดียว ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก แต่ไปแนวหน้าก็ไม่มีผู้คุ้มกัน ย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

องค์ชายรอง ท่านโปรดดูให้ดีเถิด เรื่องนี้กระหม่อมจะจัดการให้ท่านอย่างงดงามแน่นอน!

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
กูไม่รู้ กูลืม
ดีมากรออ่านตอนต่อไป
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 564

    “แต่ว่า……”ฉู่หนิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปทางหนึ่งในจวน แล้วกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ก่อนไป ข้าต้องไปพบคนผู้หนึ่งก่อน”เสิ่นหวั่นอิ๋งพยักหน้าเบาๆ “ข้าไปเก็บสัมภาระให้ท่าน”นางรู้ ฉู่หนิงจะไปพบราชครูต้าถังหยวนเทียน!คนผู้นี้ถูกคุมตัวไว้ที่นี่มาหลายวันแล้ว ตอนนี้ฉู่หนิงจะไปจากจวน ย่อมต้องจัดการเรื่องของคนผู้นี้ให้เรียบร้อยฉู่หนิงไปพบหยวนเทียนใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากครึ่งชั่วยามก็ออกมาไม่มีใครรู้ว่าฉู่หนิงพูดอะไรกับหยวนเทียน เพียงแต่หลังจากฉู่หนิงจากไป บนใบหน้าหยวนเทียนเผยให้เห็นรอยยิ้มในคืนนั้น หลังจากฉู่หนิงเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็พากองทัพม้าขาวมุ่งหน้าไปยังเมืองตุนหวงและไม่นานข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงขณะเดียวกัน ตำหนักบูรพาภายในห้องโถงใหญ่ที่แสงเทียนสั่นไหว สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่เย็นชาและแฝงความอำมหิตองค์รัชทายาทหัวเราะไม่หยุด “รีบไปตายที่เมืองตุนหวงขนาดนี้ เกินความคาดหมายของข้าจริงๆ!แต่เช่นนี้ก็ดี คืนนี้ข้าก็สามารถไปลิ้มรสของพระชายาฉู่อ๋องที่จวนฉู่อ๋องแล้ว!” เมื่อกล่าวจบ องค์รัชทายาทก็พาองครักษ์ข้างกายมุ่งหน้าไปยังจวนฉู่อ๋องทันทีฉู่หนิงแตะต้องผู้หญิงข

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 563

    “หว่านอิ๋ง รีบออกมาเลย ข้ามีของดีจะให้เจ้าดู”จวนฉู่อ๋อง เรือนส่วนหลังฉู่หนิงถือป้ายทองเว้นตายไว้ในมือ เมื่อกลับมาถึงก็ตะโกนเข้าไปในห้อง ทำเอาเสิ่นหว่านอิ๋งที่กำลังฝึกเขียนอักษร หนวกหูจนต้องเดินออกมา“รีบมาดูป้ายทองเว้นตายนี่เร็ว” ฉู่หนิงยื่นป้ายทองออกไปราวกับถวายสมบัติเสิ่นหว่านอิ๋งรับป้ายทองมาดูแวบหนึ่ง บนใบหน้าเผยแววประหลาดใจ “ท่านไปขอป้ายทองเว้นตายนี่มาจากฝ่าบาทได้อย่างไร?” ฉู่หนิงพลันแสยะยิ้ม “ราชวงศ์ต้าโจวเคลื่อนทัพมาทางราชวงศ์ของเรา เสด็จพ่ออยากให้ข้าไปจัดการเรื่องนี้ที่แนวหน้า ข้าจึงใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไข ขอป้ายทองเว้นตายนี่มา”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเสิ่นหว่านอิ๋งดูไม่ดีนัก“จะไปแนวหน้าอีกแล้วหรือ?”เสิ่นหว่านอิ๋งคืนป้ายทองเว้นตายให้เขา พลางกล่าวเสียงเย็น “หากไม่เอาป้ายทองเว้นตายนี่ ท่านไม่ไปแนวหน้าได้หรือไม่?”ทั้งสองเพิ่งแต่งงานกันเดือนกว่า ฉู่หนิงก็จะไปแนวหน้าอีกแล้ว เสิ่นหว่านอิ๋งไม่ประหม่าได้หรือหากฉู่หนิงเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่แนวหน้า ป้ายทองเว้นตายนี่ยังจะมีประโยชน์อะไร?เมื่อฉู่หนิงได้ยินกลับส่ายศีรษะ พลางกล่าวเสียงเรียบ “นี่เป็นข้อสรุปจากการหารือของ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 562

    นั่นเป็นเพียงทหารกองหน้าที่มาปูทางเท่านั้น!ครั้งนี้ ดูซิว่าเจ้าจะตายอย่างไร!องค์รัชทายาทที่คิดมาถึงตรงหน้า แสร้งทำหน้าจริงจังกะทันหัน “พูดมาเถิด เงื่อนไขของเจ้าคืออะไร?”บนบัลลังก์ ฮ่องเต้กำลังนั่งตัวตรง และทอดพระเนตรมาทางฉู่หนิงด้วยสีพระพักตร์ที่ประหม่า เพราะกลัวว่าฉู่หนิงจะพูดเงื่อนไขที่เกินเลยออกมาเห็นเพียงฉู่หนิงกล่าวสงบ “เงื่อนไขแรกของข้าก็คือ หากข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม ต่อไปยกเมืองตุนหวงให้ข้าปกครอง เช่นเดียวกับปิงโจว!”องค์รัชทายาทตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าฉู่หนิงจะพูดเงื่อนไขเช่นนี้ออกมาเมืองตุนหวงตั้งอยู่บริเวณชายแดน อากาศร้อนทั้งปี ไม่มีใครอยากไปปกครองสถานที่แห่งนั้นเลยแม้แต่ฮ่องเต้ก็ทรงตรัสอะไรไม่ออกเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเงื่อนไขแรกของฉู่หนิงจะต่ำเพียงนี้สามารถพูดได้ว่า นี่ไม่นับว่าเป็นเงื่อนไขเลยผู้อื่นไม่อยากไปเมืองตุนจวิน มีเพียงฉู่หนิงที่เสนอฮ่องเต้ขมวดพระขนงเบาๆ “เจ้าคิดดีแล้วหรือ เมืองตุนหวงตั้งอยู่บริเวณชายแดน ผู้คนในพื้นที่ห้าวหาญ ยากต่อการปกครอง!”แต่ฉู่หนิงกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพ่อ ก็เพราะปกครองยาก ลูกจึงอยากออกแรงส่วนหนึ่งเพื่อราช

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 561

    “เสด็จพ่อก็เห็นควรส่งลูกไปจัดการเรื่องราชวงศ์ต้าโจวเคลื่อนทัพหรือ?”ฉู่หนิงหวนคืนสติ หมุนกายไปมองฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ฉู่หนิงไม่เชื่อคำพูดของผู้อื่นต่อให้ออกมาจากปากองค์รัชทายาท ฉู่หนิงก็ไม่เชื่อเช่นกันเมื่อองค์รัชทายาทได้ยินดังนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมจนดูบูดบึ้งเล็กน้อยเจ้าหมอนี่ไม่ไว้หน้าข้าเลย!ระหว่างที่จมอยู่ในห้วงความคิด ฮ่องเต้มองฉู่หนิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งอันที่จริงสำหรับบุตรนอกสมรสผู้นี้ของตนเอง ฮ่องเต้ยอมรับว่าค่อนข้างลำเอียงไปทางเขา ซึ่งถือเป็นการชดเชยที่ให้เขาไปเป็นตัวตายตัวแทนเมื่อครั้งก่อนแต่ครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของต้าฉู่เช่นกัน หากจัดการได้ไม่ดี เป้าหมายต่อไปของราชวงศ์ต้าโจวก็คือต้าฉู่เพื่อต้าฉู่ จึงทำได้เพียงส่งฉู่หนิงไปแนวหน้าแล้วต่อให้ต้องสละฉู่หนิง ก็ยังคุ้มค่าอยู่ดีเสียสละองค์ชายท่านหนึ่งเพื่อบรรเทาโทสะของฮ่องเต้หญิงต้าโจว นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเขามีลูกชายเยอะ ตายไปคนหนึ่งก็ไม่กระทบต่อราชวงศ์ต้าฉู่แต่หากราชวงศ์ต้าโจวโจมตีต้าฉู่อย่างเต็มกำลัง เช่นนั้นสถานการณ์ก็ต่างกันแล้วเมื่อชั่งน้ำหนักผลได้เสีย ทำได้เพียงสละฉู่หนิง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 560

    แม้ฮ่องเต้จะรู้เจตนาของพวกองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่มีหนทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้วบางที การให้ฉู่หนิงมาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แววตาหรี่ลงและทอประกายเด็ดขาด “เด็ก ๆ ไปตามตัวฉู่หนิงมาหารือ!”สิ้นเสียงคำสั่ง หัวหน้าขันทีก็เดินทางไปยังจวนฉู่อ๋องด้วยตัวเองราวครึ่งชั่วยามต่อมา ฉู่หนิงที่ได้รับแจ้งข่าวก็เดินทางมาถึงตำหนักอิงอู่เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนัก ฉู่หนิงก็รู้สึกได้ว่าสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ตนตัวเขาที่ยังไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ แววตาเผยความประหลาดใจเล็กน้อยประหลาดยิ่งนัก เสด็จพ่อไม่เคยเรียกเขามาร่วมประชุม แต่แล้วจู่ ๆ ครั้งนี้กลับเรียกทุกคนมา หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่?ฉู่หนิงเดินเข้าไปทำความเคารพด้วยความสงสัย “ถวายพระพรเสด็จพ่อ!”ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย ตรัสด้วยเสียงทุ้มว่า “ไม่ต้องมากพิธี องค์รัชทายาท เจ้าบอกฉู่หนิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเถอะ”องค์รัชทายาทที่ถูกเรียกชื่อยิ้มเยาะในใจ ก้าวออกไปยืนหน้าฉู่หนิงและบอกข่าวที่ได้รับทราบมาเมื่อครู่ด้วยเสียงราบเรียบฉู่หนิงฟังจบก็ขมวดคิ้วแน่น เผยความรู้สึกประหลาดใจ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 559

    “กระไรนะ พวกเขาต้องการให้ราชสำนักเรารับผิดชอบ มิเช่นนั้นจะสังหารชาวเมืองตุนหวงทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?”ฮ่องเต้ลุกพรวดขึ้นยืนเมื่อได้ยินเช่นกัน พระพักตร์เต็มไปด้วยความโกรธ “รังแกเกินไปแล้ว รังแกเกินไปแล้วจริง ๆ !”ทั้งที่องค์หญิงเกาผิงถูกไป่หลีซิงฆ่าตายต่างหาก แต่นี่ฮ่องเต้หญิงต้าโจวกลับจะให้ต้าฉู่รับผิดชอบช่างเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลสิ้นดีต่อให้ต้าฉู่จะอ่อนแอลง แต่ก็ไม่อาจยอมให้ผู้ใดมารังแกถึงที่ได้แต่เพิ่งจะสิ้นเสียงฮ่องเต้ มหาราชครูกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป รีบก้าวออกมาประสานมือคำนับ “ฝ่าบาท หากไม่อดทนต่อเรื่องเล็กน้อย จะทำให้เสียการใหญ่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้กำหมัดแน่น จ้องมองไปที่มหาราชครู “ฮ่องเต้หญิงต้าโจวข่มขู่ขนาดนี้ จะเรายอมกล้ำกลืนฝืนทนอย่างนั้นรึ?”มหาราชครูเห็นฮ่องเต้ทรงกริ้วก็ไม่กล้าพูดอีกในขณะนั้นเอง อัครเสนาบดีก็ก้าวออกมาพูดเสียงทุ้ม “ฝ่าบาท หากจะทำศึกก็ส่งได้เพียงแม่ทัพใหญ่กับทหารที่เขาฝึก”“ทว่า หากทำเช่นนั้น เรื่องเสบียงและเบี้ยหวัดก็จะเกิดปัญหา เงินที่เหลืออยู่ในท้องพระคลังก็ไม่พอที่จะรับภาระสงคราม”“อีกอย่าง เสบียงที่สำรองไว้ก็มีไม่มาก อีกไม่นานก็จะถึงช่วยเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status