Share

บทที่ 12

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“ตีเหล็กต่อไป!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สั่งการให้ทุกคนตีเหล็กต่อไป

และเรื่องนี้ ก็ได้แพร่ไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว

ภายในตำหนักอิงอู่ที่งดงามตระการตา ฮ่องเต้กำลังจะเสวยพระกระยาหารกลางวัน แต่ในขณะนี้องครักษ์เงาก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท เฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหมนำคนไปล้อมเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่ร้านตีเหล็กพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ที่กำลังจะเสวยพระกระยาหารพลันมีสีพระพักตร์มืดมน แค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง ตะเกียบในพระหัตถ์ถูกขว้างลงไปอย่างแรง หักเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา

“ช่างบังอาจเสียจริง แค่รองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่ง ยังกล้ามารังแกฉู่หนิง!”

ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ “แล้วฉู่หนิงรับมืออย่างไร?”

องครักษ์เงาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังคร่าว ๆ

เมื่อฮ่องเต้ฟังจบก็พิโรธอย่างยิ่ง ทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน!

สะบัดแขนเสื้อ พระกระยาหารเลิศรสบนโต๊ะถูกปัดกระเด็นออกไปทั้งหมด จานชามแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“เฝิงอันกั๋ว เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ฮ่องเต้ทรงกริ้วจนพระพักตร์แดงก่ำ

ถึงแม้ฉู่หนิงจะเป็นบุตรนอกสมรส ในมือไม่มีทั้งอำนาจและบารมี ในราชสำนักก็ไม่มีใครสนับสนุน แต่ก็เป็นถึงองค์ชาย!

เป็นโอรสของเรา!

แค่รองเสนาบดีกรมกลาโหมขุนนางระดับสามขั้นต่ำ ยังกล้ามารังแกฉู่หนิงเช่นนี้

ดูท่าว่าเรื่องที่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กถูกฆ่าล้างตระกูลจะยังสั่งสอนคนพวกนี้ไม่ได้!”

“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

องครักษ์เงาและจ้าวหมิงเห็นฮ่องเต้ทรงพิโรธ ก็พากันคุกเข่าลงกับพื้น

“ระงับโทสะหรือ?”

ฮ่องเต้ทรงพระสรวลด้วยความกริ้ว “โอรสของเราถูกคนรังแก พวกเจ้ายังจะให้เราระงับโทสะอีกหรือ?”

“ไป ไปตามตัวฉู่หนิงมาพบเรา ครั้งนี้เราจะออกหน้าให้เขาเอง!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวหมิงรับคำแล้วรีบออกไปถ่ายทอดราชโองการทันที

ครึ่งชั่วยามต่อมา ฉู่หนิงก็ติดตามจ้าวหมิงมาถึงพระราชวัง

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาถึงพระตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้ ฉู่หนิงถึงกับตกตะลึงในความใหญ่โตโอฬารของพระราชวังแห่งนี้ ตลอดทางก็อดไม่ได้ที่จะมองซ้ายทีขวาทีเป็นระยะ ๆ

จ้าวหมิงรู้ที่มาที่ไปของฉู่หนิง จึงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูตำหนักอิงอู่ จ้าวหมิงก็ยังคงกระซิบเตือนเบา ๆ

“จวิ้นอ๋อง ตอนนี้ฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดีนัก เดี๋ยวตอนทูลตอบท่านโปรดระวังด้วย และก็อย่าได้มองซ้ายมองขวาอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเข้าไปในตำหนัก

ภายในตำหนัก ฮ่องเต้ประทับอยู่บนที่นั่งหลักด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ฉู่หนิงเดินเข้าไปทำความเคารพ “ลูกขอถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรโอรสที่ถูกรังแกซึ่งอยู่ตรงหน้า เขาอยากจะด่าทอฉู่หนิงแรง ๆ สักที!

ในฐานะองค์ชาย เหตุใดถึงได้ไม่เอาไหนเช่นนี้?

เจ้าฉู่หนิงเหตุใดถึงไม่กล้าสู้กับเฝิงอันกั๋วสักตั้งเล่า?

แต่เมื่อนึกถึงชาติกำเนิดและสถานการณ์ในปัจจุบันของฉู่หนิง คำพูดที่มาถึงพระโอษฐ์ก็ถูกกลืนกลับลงไป

องค์ชายที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมี ทั้งยังกำลังจะไปแนวหน้า จะเอาอะไรไปสู้กับรองเสนาบดีกรมกลาโหมได้?

คำตำหนิในที่สุดก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจยาว “ลุกขึ้นพูดเถอะ”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” ฉู่หนิงลุกขึ้นยืน ก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ

ฮ่องเต้เห็นท่าทีเช่นนี้ของฉู่หนิง ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูน

เด็กคนนี้ เสียเปรียบขนาดนี้ หรือแม้แต่จะฟ้องก็ยังทำไม่เป็น?

ใช่แล้ว ฉู่หนิงคงจะอยากทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นไม่มีอะไร ไม่อยากจะล่วงเกินผู้ใด

ท้ายที่สุดแล้ว ก็เพราะไม่มีทั้งอำนาจและบารมีนี่เอง

ฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์เล็กน้อย ตรัสถาม “ได้ยินว่าวันนี้เจ้ามีเรื่องขัดแย้งกับเฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหมที่ร้านตีเหล็กหรือ?”

สีหน้าของฉู่หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เผยท่าทีตื่นตระหนก แล้วรีบส่ายหน้า “ไม่มีเรื่องเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะไปมีเรื่องขัดแย้งกับใต้เท้าเฝิงได้อย่างไร”

ตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ ช่างไม่เอาไหนเสียจริง!

เจ้าเป็นถึงองค์ชาย กลับไปกลัวรองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่ง

เจ้าไม่เอาความ เราจะเอาความเอง!

“เจ้าเด็กคนนี้ ก็ซื่อเกินไปแล้ว เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าที่นี่คือเมืองหลวง มีเรื่องอะไรที่จะรอดพ้นสายตาเราไปได้?”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขรึม “เจ้าเป็นองค์ชาย เฝิงอันกั๋วเป็นขุนนาง เขาทำกับเจ้าเช่นนี้ก็คือการล่วงเกินผู้ที่สูงศักดิ์กว่า บอกมาเถิด เจ้าอยากให้เราจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”

ฉู่หนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กระซิบตอบ “เสด็จพ่อ เรื่องนี้จะปล่อยให้มันจบลงเพียงเท่านี้ไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“หืม?”

บนพระพักตร์ของฮ่องเต้ปรากฏความไม่พอใจ “มีเราหนุนหลังให้เจ้าอยู่ เจ้ายังจะกลัวคนอื่นมาแก้แค้นอีกหรือ?”

เจ้าเด็กนี่ ช่างขี้ขลาดเกินไปแล้ว

แต่ฉู่หนิงกลับเผยสีหน้าเมตตากรุณาออกมา “เสด็จพ่อ ยามนี้แนวหน้ากำลังวิกฤต เป็นช่วงเวลาที่ต้องการกำลังคน หากลูกเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้ ก็ทูลขอให้ท่านลงโทษใต้เท้าเฝิง จะไม่เป็นการเสียชาติเกิดที่เป็นองค์ชายหรือพ่ะย่ะค่ะ?

ลูกเจ็บช้ำน้ำใจบ้างก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ต้าฉู่จะขาดขุนนางขั้นสามไปเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!

บัดนี้สถานการณ์ที่แนวหน้าไม่สู้ดีนัก หากรองเสนาบดีกรมกลาโหมเกิดเรื่องขึ้น เกรงว่าจะทำให้ผู้คนแตกตื่น เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรองด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ถึงขนาดนี้แล้ว ฉู่หนิงยังจะพูดแทนเฝิงอันกั๋วอีก

แต่ว่า ด้วยชาติกำเนิดของฉู่หนิง การที่สามารถพูดเช่นนี้ออกมาได้ แสดงว่าฉู่หนิงทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตน ทำเพื่อต้าฉู่อย่างแท้จริง

ในพระทัยของฮ่องเต้พลันรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

หากองค์ชายทุกคนมองสถานการณ์โดยรวมของบ้านเมืองเหมือนกับฉู่หนิง ต้าฉู่ก็คงจะไม่กลายเป็นเช่นนี้

เจ้าลูกทรพีพวกนั้น ปกติก็เอาแต่ทำตัวกร่างวางอำนาจ พอถึงยามคับขัน กลับไม่มีใครสักคนยอมยืนหยัดเพื่อต้าฉู่เลยสักคน

สุดท้ายก็ยังต้องให้ฉู่หนิงไปที่แนวหน้า!

ความคิดเหล่านี้แวบผ่านเข้ามาในหัวของฮ่องเต้ ความรู้สึกผิดในพระทัยก็ยิ่งล้ำลึกขึ้น

แม้จะรู้ว่าในฐานะจักรพรรดิไม่ควรมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่หลายปีมานี้ ราชสำนักถูกองค์ชายสิบเจ็ดคนปั่นป่วนจนวุ่นวายไปหมด การปรากฏตัวของฉู่หนิงทำให้ฮ่องเต้ทรงรู้สึกถึงความเป็นบิดาเป็นครั้งแรก

ครั้งนี้ จะต้องปกป้องลูกของตนเองให้ได้!

ถือเสียว่าเป็นการชดเชยความรู้สึกผิดที่กำลังจะส่งฉู่หนิงไปตายก็แล้วกัน!

เมื่อทอดพระเนตรฉู่หนิงที่กำลังขอความเมตตาให้เฝิงอันกั๋วอยู่ตรงหน้า ในแววตาของฮ่องเต้ก็เผยความรักใคร่ออกมา

“ในเมื่อเจ้ายืนกราน เราก็จะไม่บังคับ แต่เฝิงอันกั๋วนั่นต้องได้รับการลงโทษ มิเช่นนั้นต่อไปใคร ๆ ก็จะกล้ามารังแกโอรสของเรา!”

ฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตรัสว่า “เราจำได้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังจัดตั้งกองกำลังคุ้มกัน แต่คนข้างกายที่ใช้การได้กลับมีน้อยเหลือเกิน เอาอย่างนี้แล้วกัน วันนี้ทหารของกรมกลาโหมที่ตามเฝิงอันกั๋วไปล้อมร้านตีเหล็กทั้งหมด ก็ให้พวกเขาไปเป็นผู้คุ้มกันของเจ้าเสีย”

แนวหน้ากำลังคับขัน กรมกลาโหมก็เสนอความเห็นดี ๆ ไม่ได้ คนพวกนี้ปล่อยไว้ที่กรมกลาโหมก็ไม่มีประโยชน์ สู้ไปรบอย่างกล้าหาญที่แนวหน้าเสียยังจะดีกว่า!

ถือโอกาสลงโทษเฝิงอันกั๋ว และข่มขวัญขุนนางคนอื่น ๆ ไปด้วย

เราจะทำให้ทุกคนรู้ว่า ต่อให้ฉู่หนิงจะเป็นตัวตายตัวแทน ก็ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะแตะต้องได้!

ฉู่หนิงแอบยิ้มในใจ

เขาหมายตาเหล่าทหารของกรมกลาโหมที่อยู่ข้างกายเฝิงอันกั๋วไว้นานแล้ว

ทหารของกรมกลาโหม นั่นคือทหารที่คัดเลือกมาอย่างดีที่สุดจากกองทัพต่าง ๆ ทั่วสารทิศ พลังการต่อสู้สูงส่ง!

หากได้คนกลุ่มนี้มา ความปลอดภัยของเขาในเมืองหลวงถึงจะมีการรับประกัน

แน่นอนว่า ต่อหน้าฮ่องเต้ ก็ยังต้องแสร้งทำต่อไปสักหน่อย

“เสด็จพ่อ นี่...ไม่ดีกระมัง?”

“มีอะไรไม่ดี?”

ฮ่องเต้ถลึงพระเนตร “แนวหน้าวิกฤต กรมกลาโหมจะไม่มีความรับผิดชอบเลยหรือ? ทหารของกรมกลาโหมมีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน ทั้งยังเป็นทหารชั้นยอดของกองทัพ ปล่อยไว้ในเมืองหลวงก็เป็นการสิ้นเปลือง สู้ให้ติดตามเจ้าไปแนวหน้าด้วยกันเสียยังจะดีกว่า!”

ไม่ลงโทษเฝิงอันกั๋ว แต่การลดทอนกำลังของเฝิงอันกั๋วก็ยังจำเป็น

เราลงมือเอง จะต้องทำให้เฝิงอันกั๋วนั่นรู้สึกเจ็บปวดใจ!

ฉู่หนิงถอนหายใจยาว “ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเสด็จพ่อทรงแน่วแน่ถึงเพียงนี้ ลูกก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ลูกขอทูลลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักพระพักตร์เล็กน้อย “เจ้าต้องจำไว้ว่า เจ้าคือองค์ชาย หากได้รับความไม่เป็นธรรม จะต้องมาบอกเรา”

“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่หนิงรับคำแล้วออกจากตำหนักไป

แต่ฮ่องเต้กลับทอดพระเนตรแผ่นหลังของฉู่หนิงด้วยสีหน้าครุ่นคิด

โอรสที่ดีถึงเพียงนี้ ส่งไปแนวหน้าเช่นนี้ จะไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ?

แต่นี่เป็นการตัดสินใจในท้องพระโรงแล้ว ตอนนี้จะกลับคำก็ไม่ทันแล้ว

แต่ว่า คนจะไป แต่เชื้อสายยังต้องอยู่!

ฮ่องเต้หรี่พระเนตรลง ทันใดนั้นก็ตะโกนออกไปนอกตำหนัก “จ้าวหมิง ไปสืบดูว่าจวนของใครมีหญิงสาววัยเหมาะสมบ้าง!”

“เราจะจัดการเรื่องการแต่งงานให้ฉู่หนิง!”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 696

    แต่ก็มีคนก้าวออกมาคัดค้านทันที “ฮึ่ม ใต้เท้าเหอดูแลกรมโยธาธิการ หากย้ายไปกรมการคลัง ใครจะรับผิดชอบงานของกรมโยธาธิการ?”“ถูกต้อง ใต้เท้าเหอไม่เหมาะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง ให้ใต้เท้าจางดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังเหมาะสมกว่า”“ใต้เท้าจางไม่เหมาะ ให้ใต้เท้าเผิงดำรงตำแหน่งเหมาะสมที่สุด”“ฝ่าบาท ในความเห็นของกระหม่อม ใต้เท้าโม่เหมาะกับตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังที่สุด”ทุกคนพากันก้าวออกมา ปกป้องผู้ที่ตนเองจงรักภักดีตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังมีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องแย่งตำแหน่งนี้มาให้เจ้านายของตนเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปอยู่ในราชสำนัก จะตกอยู่ใต้อำนาจผู้อื่นแต่พวกเขายิ่งทะเลาะกัน รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่หนิงก็ยิ่งกว้างทะเลาะเลย ทะเลาะเยอะๆ ทะเลาะจนทำให้เสด็จพ่อรำคาญพวกเจ้า ถึงเวลานั้น ตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังก็จะเป็นของหลิวโส่วเริ่นเจ้าพวกนี้ยังคิดจะฉวยโอกาส แต่หารู้ไม่ว่าเสด็จพ่อ ถนัดเรื่องการถ่วงดุลอำนาจมากที่สุดตอนนี้พวกเจ้าแต่ละคนให้ขุนนางที่สนับสนุนตนเองออกมาร่วมวงด้วย นี่ไม่เท่ากับกำลังบอกฮ่องเต้ว่า : คนพวกนี้เป็นคนของพวกเจ้า!ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ ไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายใด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 695

    “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าใต้เท้าหลิวเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง!”ฉู่หนิงก้าวออกมาพูดแทนหลิวโส่วเริ่น “ในช่วงนี้ ขุนนางกรมการคลังขาดแคลน ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถจัดการได้ทันท่วงที ใต้เท้าหลิวเป็นคนประคับประคองกรมการคลังมาโดยตลอดดูจากใต้เท้าหลิวจัดการงานของกรมการคลังในช่วงที่ผ่านมา เขาสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”การมีคนในราชสำนักย่อมทำให้ทำงานง่ายขึ้น หากสามารถควบคุมกรมการคลังที่เป็นหนึ่งในหกกรม ก็เท่ากับมีหูตาอยู่ในราชสำนักนี่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาปิงโจวในอนาคตอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น หลิวโส่วเริ่นมีพื้นเพมาจากปิงโจว และยังเคยเป็นเจ้าเมืองเมืองติ้งเซียง มีความผูกพันกับปิงโจว หลังจากกลายเป็นเสนาบดีกรมการคลัง จะต้องหาวิธีดูแลปิงโจวแน่นอนราชสำนักในอดีต ท้องพระคลังขาดแคลน กรมการคลังมีแต่ชื่อ ไม่มีอำนาจมากนักแต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว ท้องพระคลังได้รับเงินมากมายเช่นนั้น กรมการคลังในอนาคต เป็นเนื้อก้อนโตเลยทีเดียว!แต่ก็เพราะเป็นเนื้อก้อนโต องค์รัชทายาทกับองค์ชายคนอื่นๆ ก็อยากชิงดูสักตั้ง!ทันทีที่สิ้นเสียงฉู่หนิง องค์รัชทายาทก้าวออกมาคัดค้านเป็นคนแรก“น้องส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 694

    เพราะอย่างไรเสีย ฉู่หนิงก็เป็นคนทวงเงินกลับคืนมาทันทีที่สิ้นเสียง ขุนนางที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาทก้าวออกมาสนับสนุนทันที เมื่อองค์ชายรองและคนอื่นๆ เห็นดังนี้ก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็พากันเห็นด้วย เวลานี้ ขุนนางคนอื่นๆ จึงจะเข้าใจเหล่าองค์ชายเห็นพ้องต้องกัน!แต่มาลองคิดดูมันก็ถูก ครั้งนี้ฉู่หนิงได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ทำให้เขาเด่นเกินหน้าเกินตา ในฐานะองค์ชาย ใครก็ต้องหวั่นเกรงในเรื่องของการพระราชทานรางวัล เหล่าองค์ชายย่อมไม่อยากให้ฉู่หนิงได้เปรียบเหล่าขุนนางที่เข้าใจแล้ว ก็พากันก้าวออกมาสนับสนุน“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทพูดถูก!”“ชีวิตของฉู่อ๋องในปิงโจวลำบากมาก เมื่อก่อนราชสำนักไม่มีเงิน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่อ๋องพึ่งพาตนเอง ตอนนี้ราชสำนักมีเงินแล้ว ก็ควรดูแลฉู่อ๋องเป็นพิเศษ!”“กระหม่อมก็รู้สึกว่าควรพระราชทานเงิน”“ขอฝ่าบาทโปรดทรงมีพระราชโองการ!”คำพูดของขุนนางบุ๋นบู๊ ทำให้หลิวโส่วเริ่นที่เป็นผู้รักษาการณ์กรมการคลังทนดูต่อไปไม่ได้แล้วเขาก้าวออกมากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท ฉู่อ๋องช่วยราชสำนักทวงเงินกลับคืนมานับร้อยล้าน ช่วยแก้ปัญหาท้องพระคลังขาดแ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 693

    วันต่อมา ยามเหมายามเช้าในเดือนห้า ท้องฟ้าสว่างจนมองเห็นชัดฉู่หนิงสวมชุดอ๋องสีม่วง ควบม้ามาถึงหน้าประตูพระราชวัง“คำนับท่านอ๋อง!”หน้าประตูพระราชวัง ขุนนางหลายคนพากันประสานมือคารวะฉู่หนิงสามารถทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ยอมอ่อนข้อเพียงลำพัง ทั่วราชวงศ์ต้าฉู่มีเพียงฉู่หนิงที่ทำได้ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะอยู่ฝ่ายใด ล้วนชื่นชมฉู่หนิงมากฉู่หนิงกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”ขณะที่กำลังพูด มีเสียงกีบเท้าม้า องค์ชายรองฉู่หมิงควบม้ามาถึงแล้ว“น้องสิบแปด ช่างหน้าใหญ่จริงๆ!” องค์ชายรองมองฉู่หนิงที่ถูกทุกยกยอจนแทบตัวลอย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“พี่รองล้อเล่นแล้ว ข้าเพิ่งมาถึงเอง เป็นเพราะขุนนางทุกท่านเกรงใจเกินไปต่างหาก”“พอแล้ว รีบเข้าไปเถิด การประชุมเช้ากำลังจะเริ่มแล้ว”เมื่อกล่าวจบ องค์ชายรองพลิกกายลงจากม้า แล้วเดินตรงไปที่ประตูของพระราชวังฉู่หนิงพลันยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรมากที่หน้าประตูตำหนักจินหลวน มีองค์ชายและขุนนางมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นองค์ชายรองกับฉู่หนิงเดินมา ก็พากันคารวะองค์รัชทายาทเพียงกวาดมองฉู่หนิงด้วยสีหน้าไร้อารม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 692

    ผู้หญิงคนนี้หนีไปได้ ไม่แน่อาจเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้าแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้ จัดการคนเจ็ดคนนี้ก่อนค่อยว่ากัน“ฮึ่ม ว่ามา เหตุใดต้องลอบสังหารข้า?” ฉู่หนิงจ้องคนทั้งเจ็ดอย่างเย็นชาและถามหัวหน้าตระกูลทั้งเจ็ดเงียบทันทีเหตุใดลอบสังหารเจ้า? ในใจเจ้าไม่รู้เลยหรือ?เดิมทีปิงโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลใหญ่ แต่พอเจ้าฉู่หนิงไปปิงโจว ยึดที่ดินทั้งหมดคืน ตระกูลใหญ่จะอยู่รอดได้อย่างไรไม่ฆ่าเจ้าแล้วจะฆ่าใคร?แต่พวกเขาไม่กล้าพูดคำพูดนี้ออกมา เพราะกลัวฉู่หนิงจะลงมือกับตนเอง“ไม่พูดใช่หรือไม่?”ฉู่หนิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เด็กๆ ฆ่าพวกมันให้หมด!”ทันทีที่คำสั่งดังขึ้น ก่อนคนทั้งเจ็ดจะตั้งสติได้ หร่านหมิงพลันยิ้มอย่างดุร้าย เงื้อมดาบในมือขึ้น ก็ตัดศีรษะของหัวหน้าตระกูลคนหนึ่งหลุดโดยตรง เมื่อทัพอาชาคนอื่นเห็นดังนี้ ก็พากันลงดาบในมือ พริบตาเดียว ที่เกิดเหตุมีดวงวิญญาณเพิ่มมาหกดวงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนฉุนจมูก ฉู่หนิงปิดจมูก พลางโบกมือสั่ง “เผาศพ แล้วฝังไว้ตรงนี้!”หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ทุกคนเดินทางกลับเมืองเ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 691

    ในที่สุดก็หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังคดีลอบสังหารเจอเสียทีเป็นไปตามที่ฉู่หนิงคาดการณ์ เป็นฝีมือของแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ที่จริงเดาออกนานแล้วว่าเป็นฝีมือของคนเหล่านี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีหลักฐานก็เท่านั้นเองตอนนี้มีการชี้ตัวของเหล่าตระกูลใหญ่ การจับกุมแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ก็เป็นไปอย่างมีความชอบธรรมและหลักฐานองค์รัชทายาทมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของฉู่หนิง มีความไม่เต็มใจเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านแววตาวันนี้เจ้าหมอนี่ไม่เพียงทวนเงินคลังที่ถูกยักยอกกลับคืนมา และยังหาเงินสำหรับการสร้างสุสานให้เสด็จพ่อด้วย เสด็จพ่อคงจะโปรดปรานเขามากขึ้นแน่!ไม่ได้ ปล่อยให้ฉู่หนิงทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาดองค์รัชทายาทพลันหรี่ตาลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เสด็จพ่อ ปัจจุบันน้องสิบแปดใจกล้าบ้าบิ่น จะต้องทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ เกิดความไม่พอใจต่อเขาแน่นอน นี่ไม่เป็นผลดีต่อราชวงศ์ต้าฉู่ของเรานะ เพราะวันข้างหน้ายังมีเรื่องอีกมากมายต้องพึ่งพาเหล่าตระกูลใหญ่”แต่เวลานี้ฮ่องเต้กำลังจมอยู่กับความปีติยินดีของการสร้างสุสานหลวง เมื่อได้ยินองค์รัชทายาทว่าร้ายฉู่หนิง สีพระพักตร์จึงเคร่งขรึมลงทันที“รัชทายาท เรารู้ว่า

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status