Share

บทที่ 12

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“ตีเหล็กต่อไป!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สั่งการให้ทุกคนตีเหล็กต่อไป

และเรื่องนี้ ก็ได้แพร่ไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว

ภายในตำหนักอิงอู่ที่งดงามตระการตา ฮ่องเต้กำลังจะเสวยพระกระยาหารกลางวัน แต่ในขณะนี้องครักษ์เงาก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท เฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหมนำคนไปล้อมเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่ร้านตีเหล็กพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ที่กำลังจะเสวยพระกระยาหารพลันมีสีพระพักตร์มืดมน แค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง ตะเกียบในพระหัตถ์ถูกขว้างลงไปอย่างแรง หักเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา

“ช่างบังอาจเสียจริง แค่รองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่ง ยังกล้ามารังแกฉู่หนิง!”

ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ “แล้วฉู่หนิงรับมืออย่างไร?”

องครักษ์เงาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังคร่าว ๆ

เมื่อฮ่องเต้ฟังจบก็พิโรธอย่างยิ่ง ทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน!

สะบัดแขนเสื้อ พระกระยาหารเลิศรสบนโต๊ะถูกปัดกระเด็นออกไปทั้งหมด จานชามแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“เฝิงอันกั๋ว เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ฮ่องเต้ทรงกริ้วจนพระพักตร์แดงก่ำ

ถึงแม้ฉู่หนิงจะเป็นบุตรนอกสมรส ในมือไม่มีทั้งอำนาจและบารมี ในราชสำนักก็ไม่มีใครสนับสนุน แต่ก็เป็นถึงองค์ชาย!

เป็นโอรสของเรา!

แค่รองเสนาบดีกรมกลาโหมขุนนางระดับสามขั้นต่ำ ยังกล้ามารังแกฉู่หนิงเช่นนี้

ดูท่าว่าเรื่องที่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กถูกฆ่าล้างตระกูลจะยังสั่งสอนคนพวกนี้ไม่ได้!”

“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

องครักษ์เงาและจ้าวหมิงเห็นฮ่องเต้ทรงพิโรธ ก็พากันคุกเข่าลงกับพื้น

“ระงับโทสะหรือ?”

ฮ่องเต้ทรงพระสรวลด้วยความกริ้ว “โอรสของเราถูกคนรังแก พวกเจ้ายังจะให้เราระงับโทสะอีกหรือ?”

“ไป ไปตามตัวฉู่หนิงมาพบเรา ครั้งนี้เราจะออกหน้าให้เขาเอง!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวหมิงรับคำแล้วรีบออกไปถ่ายทอดราชโองการทันที

ครึ่งชั่วยามต่อมา ฉู่หนิงก็ติดตามจ้าวหมิงมาถึงพระราชวัง

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาถึงพระตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้ ฉู่หนิงถึงกับตกตะลึงในความใหญ่โตโอฬารของพระราชวังแห่งนี้ ตลอดทางก็อดไม่ได้ที่จะมองซ้ายทีขวาทีเป็นระยะ ๆ

จ้าวหมิงรู้ที่มาที่ไปของฉู่หนิง จึงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูตำหนักอิงอู่ จ้าวหมิงก็ยังคงกระซิบเตือนเบา ๆ

“จวิ้นอ๋อง ตอนนี้ฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดีนัก เดี๋ยวตอนทูลตอบท่านโปรดระวังด้วย และก็อย่าได้มองซ้ายมองขวาอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเข้าไปในตำหนัก

ภายในตำหนัก ฮ่องเต้ประทับอยู่บนที่นั่งหลักด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ฉู่หนิงเดินเข้าไปทำความเคารพ “ลูกขอถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรโอรสที่ถูกรังแกซึ่งอยู่ตรงหน้า เขาอยากจะด่าทอฉู่หนิงแรง ๆ สักที!

ในฐานะองค์ชาย เหตุใดถึงได้ไม่เอาไหนเช่นนี้?

เจ้าฉู่หนิงเหตุใดถึงไม่กล้าสู้กับเฝิงอันกั๋วสักตั้งเล่า?

แต่เมื่อนึกถึงชาติกำเนิดและสถานการณ์ในปัจจุบันของฉู่หนิง คำพูดที่มาถึงพระโอษฐ์ก็ถูกกลืนกลับลงไป

องค์ชายที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมี ทั้งยังกำลังจะไปแนวหน้า จะเอาอะไรไปสู้กับรองเสนาบดีกรมกลาโหมได้?

คำตำหนิในที่สุดก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจยาว “ลุกขึ้นพูดเถอะ”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” ฉู่หนิงลุกขึ้นยืน ก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ

ฮ่องเต้เห็นท่าทีเช่นนี้ของฉู่หนิง ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูน

เด็กคนนี้ เสียเปรียบขนาดนี้ หรือแม้แต่จะฟ้องก็ยังทำไม่เป็น?

ใช่แล้ว ฉู่หนิงคงจะอยากทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นไม่มีอะไร ไม่อยากจะล่วงเกินผู้ใด

ท้ายที่สุดแล้ว ก็เพราะไม่มีทั้งอำนาจและบารมีนี่เอง

ฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์เล็กน้อย ตรัสถาม “ได้ยินว่าวันนี้เจ้ามีเรื่องขัดแย้งกับเฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหมที่ร้านตีเหล็กหรือ?”

สีหน้าของฉู่หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เผยท่าทีตื่นตระหนก แล้วรีบส่ายหน้า “ไม่มีเรื่องเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะไปมีเรื่องขัดแย้งกับใต้เท้าเฝิงได้อย่างไร”

ตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ ช่างไม่เอาไหนเสียจริง!

เจ้าเป็นถึงองค์ชาย กลับไปกลัวรองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่ง

เจ้าไม่เอาความ เราจะเอาความเอง!

“เจ้าเด็กคนนี้ ก็ซื่อเกินไปแล้ว เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าที่นี่คือเมืองหลวง มีเรื่องอะไรที่จะรอดพ้นสายตาเราไปได้?”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขรึม “เจ้าเป็นองค์ชาย เฝิงอันกั๋วเป็นขุนนาง เขาทำกับเจ้าเช่นนี้ก็คือการล่วงเกินผู้ที่สูงศักดิ์กว่า บอกมาเถิด เจ้าอยากให้เราจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”

ฉู่หนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กระซิบตอบ “เสด็จพ่อ เรื่องนี้จะปล่อยให้มันจบลงเพียงเท่านี้ไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“หืม?”

บนพระพักตร์ของฮ่องเต้ปรากฏความไม่พอใจ “มีเราหนุนหลังให้เจ้าอยู่ เจ้ายังจะกลัวคนอื่นมาแก้แค้นอีกหรือ?”

เจ้าเด็กนี่ ช่างขี้ขลาดเกินไปแล้ว

แต่ฉู่หนิงกลับเผยสีหน้าเมตตากรุณาออกมา “เสด็จพ่อ ยามนี้แนวหน้ากำลังวิกฤต เป็นช่วงเวลาที่ต้องการกำลังคน หากลูกเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้ ก็ทูลขอให้ท่านลงโทษใต้เท้าเฝิง จะไม่เป็นการเสียชาติเกิดที่เป็นองค์ชายหรือพ่ะย่ะค่ะ?

ลูกเจ็บช้ำน้ำใจบ้างก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ต้าฉู่จะขาดขุนนางขั้นสามไปเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!

บัดนี้สถานการณ์ที่แนวหน้าไม่สู้ดีนัก หากรองเสนาบดีกรมกลาโหมเกิดเรื่องขึ้น เกรงว่าจะทำให้ผู้คนแตกตื่น เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรองด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ถึงขนาดนี้แล้ว ฉู่หนิงยังจะพูดแทนเฝิงอันกั๋วอีก

แต่ว่า ด้วยชาติกำเนิดของฉู่หนิง การที่สามารถพูดเช่นนี้ออกมาได้ แสดงว่าฉู่หนิงทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตน ทำเพื่อต้าฉู่อย่างแท้จริง

ในพระทัยของฮ่องเต้พลันรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

หากองค์ชายทุกคนมองสถานการณ์โดยรวมของบ้านเมืองเหมือนกับฉู่หนิง ต้าฉู่ก็คงจะไม่กลายเป็นเช่นนี้

เจ้าลูกทรพีพวกนั้น ปกติก็เอาแต่ทำตัวกร่างวางอำนาจ พอถึงยามคับขัน กลับไม่มีใครสักคนยอมยืนหยัดเพื่อต้าฉู่เลยสักคน

สุดท้ายก็ยังต้องให้ฉู่หนิงไปที่แนวหน้า!

ความคิดเหล่านี้แวบผ่านเข้ามาในหัวของฮ่องเต้ ความรู้สึกผิดในพระทัยก็ยิ่งล้ำลึกขึ้น

แม้จะรู้ว่าในฐานะจักรพรรดิไม่ควรมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่หลายปีมานี้ ราชสำนักถูกองค์ชายสิบเจ็ดคนปั่นป่วนจนวุ่นวายไปหมด การปรากฏตัวของฉู่หนิงทำให้ฮ่องเต้ทรงรู้สึกถึงความเป็นบิดาเป็นครั้งแรก

ครั้งนี้ จะต้องปกป้องลูกของตนเองให้ได้!

ถือเสียว่าเป็นการชดเชยความรู้สึกผิดที่กำลังจะส่งฉู่หนิงไปตายก็แล้วกัน!

เมื่อทอดพระเนตรฉู่หนิงที่กำลังขอความเมตตาให้เฝิงอันกั๋วอยู่ตรงหน้า ในแววตาของฮ่องเต้ก็เผยความรักใคร่ออกมา

“ในเมื่อเจ้ายืนกราน เราก็จะไม่บังคับ แต่เฝิงอันกั๋วนั่นต้องได้รับการลงโทษ มิเช่นนั้นต่อไปใคร ๆ ก็จะกล้ามารังแกโอรสของเรา!”

ฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตรัสว่า “เราจำได้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังจัดตั้งกองกำลังคุ้มกัน แต่คนข้างกายที่ใช้การได้กลับมีน้อยเหลือเกิน เอาอย่างนี้แล้วกัน วันนี้ทหารของกรมกลาโหมที่ตามเฝิงอันกั๋วไปล้อมร้านตีเหล็กทั้งหมด ก็ให้พวกเขาไปเป็นผู้คุ้มกันของเจ้าเสีย”

แนวหน้ากำลังคับขัน กรมกลาโหมก็เสนอความเห็นดี ๆ ไม่ได้ คนพวกนี้ปล่อยไว้ที่กรมกลาโหมก็ไม่มีประโยชน์ สู้ไปรบอย่างกล้าหาญที่แนวหน้าเสียยังจะดีกว่า!

ถือโอกาสลงโทษเฝิงอันกั๋ว และข่มขวัญขุนนางคนอื่น ๆ ไปด้วย

เราจะทำให้ทุกคนรู้ว่า ต่อให้ฉู่หนิงจะเป็นตัวตายตัวแทน ก็ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะแตะต้องได้!

ฉู่หนิงแอบยิ้มในใจ

เขาหมายตาเหล่าทหารของกรมกลาโหมที่อยู่ข้างกายเฝิงอันกั๋วไว้นานแล้ว

ทหารของกรมกลาโหม นั่นคือทหารที่คัดเลือกมาอย่างดีที่สุดจากกองทัพต่าง ๆ ทั่วสารทิศ พลังการต่อสู้สูงส่ง!

หากได้คนกลุ่มนี้มา ความปลอดภัยของเขาในเมืองหลวงถึงจะมีการรับประกัน

แน่นอนว่า ต่อหน้าฮ่องเต้ ก็ยังต้องแสร้งทำต่อไปสักหน่อย

“เสด็จพ่อ นี่...ไม่ดีกระมัง?”

“มีอะไรไม่ดี?”

ฮ่องเต้ถลึงพระเนตร “แนวหน้าวิกฤต กรมกลาโหมจะไม่มีความรับผิดชอบเลยหรือ? ทหารของกรมกลาโหมมีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน ทั้งยังเป็นทหารชั้นยอดของกองทัพ ปล่อยไว้ในเมืองหลวงก็เป็นการสิ้นเปลือง สู้ให้ติดตามเจ้าไปแนวหน้าด้วยกันเสียยังจะดีกว่า!”

ไม่ลงโทษเฝิงอันกั๋ว แต่การลดทอนกำลังของเฝิงอันกั๋วก็ยังจำเป็น

เราลงมือเอง จะต้องทำให้เฝิงอันกั๋วนั่นรู้สึกเจ็บปวดใจ!

ฉู่หนิงถอนหายใจยาว “ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเสด็จพ่อทรงแน่วแน่ถึงเพียงนี้ ลูกก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ลูกขอทูลลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักพระพักตร์เล็กน้อย “เจ้าต้องจำไว้ว่า เจ้าคือองค์ชาย หากได้รับความไม่เป็นธรรม จะต้องมาบอกเรา”

“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่หนิงรับคำแล้วออกจากตำหนักไป

แต่ฮ่องเต้กลับทอดพระเนตรแผ่นหลังของฉู่หนิงด้วยสีหน้าครุ่นคิด

โอรสที่ดีถึงเพียงนี้ ส่งไปแนวหน้าเช่นนี้ จะไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ?

แต่นี่เป็นการตัดสินใจในท้องพระโรงแล้ว ตอนนี้จะกลับคำก็ไม่ทันแล้ว

แต่ว่า คนจะไป แต่เชื้อสายยังต้องอยู่!

ฮ่องเต้หรี่พระเนตรลง ทันใดนั้นก็ตะโกนออกไปนอกตำหนัก “จ้าวหมิง ไปสืบดูว่าจวนของใครมีหญิงสาววัยเหมาะสมบ้าง!”

“เราจะจัดการเรื่องการแต่งงานให้ฉู่หนิง!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 339

    วีรกรรมของเฝิงมู่หลานทำให้ทุกคนตกตะลึงขุนนางกว่าสิบคนที่มาดื่มอวยพร จอกสุราในมือล้วนถูกเฝิงมู่หลานรับไปดื่มรวดเดียวหมดแม้แต่ฮ่องเต้ก็ทรงตะลึงลานแม้จะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเฝิงมู่หลานอยู่บ้าง และรู้จักนิสัยของนางดี แต่การได้เห็นความห้าวหาญของเฝิงมู่หลานด้วยตาตนเองเป็นครั้งแรกเช่นนี้ ก็ยังทำให้อดตกตะลึงไม่ได้!แต่อย่างไร การเรียกคืนอำนาจทางทหารก็ไม่อาจล่าช้าเพราะเฝิงมู่หลานเมื่อไม่อาจกรอกสุราต่อไป ก็ต้องใช้วิธีที่แข็งกร้าวแทนโชคดีที่ฉู่หนิงก็ดื่มไปไม่น้อยแล้ว บางทีสติสัมปชัญญะอาจไม่แจ่มใสเท่าเดิมฮ่องเต้พลันทรงหัวเราะออกมาเสียงกังวาน “เราได้ยินมานานแล้วว่าบุตรสาวของใต้เท้าเฝิงเป็นวีรสตรี ครั้งนี้ไม่เพียงสร้างคุณูปการที่สนามรบแนวหน้า แม้แต่การดื่มสุราก็ช่างห้าวหาญยิ่งนัก!”“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉู่หนิงก็ดื่มไปไม่น้อย นับว่าพอสมควรแล้ว”บรรดาขุนนางที่มาดื่มอวยพรได้ยินเช่นนั้นก็พากันโล่งอก พร้อมใจกันคำนับถอยออกจากศาลาเสิ่นหว่านอิ๋งถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เพียงฮ่องเต้มีรับสั่ง เรื่องนี้ก็ถือว่าจบเพียงเท่านี้นางดึงมือเฝิงมู่หลานเบา ๆ ด้วยความเป็นห่วงเฝิงมู่หลานส่ายหน้าให้เส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 338

    ข้าต้องขู่ให้รู้สำนึกเสียบ้าง!เป็นเพียงรองเสนาบดีคนหนึ่งเท่านั้น แค่ได้รับการเสนอชื่อจากฉู่หนิงให้มานั่งที่โต๊ะนี้เข้าหน่อย เจ้าก็คิดว่าตนเองมีคุณสมบัติดีพอจะรับจอกแทนฉู่หนิงแล้วหรือ?“นี่...”หลิวโส่วเริ่นเหลือบมองฮ่องเต้ที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง รู้สึกลำบากใจยิ่งนักหากตนเองไม่ออกมา ท่านอ๋องต้องถูกกรอกสุราจนเมามายแน่แต่หากยืนกรานจะรับจอกแทนต่อไป ย่อมถูกตีตราว่าเป็นพรรคพวกฉู่อ๋อง ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งต่อตนเองและท่านฉู่อ๋องในขณะที่ลังเล ฮ่องเต้ก็ทรงหรี่พระเนตร จ้องมองหลิวโส่วเริ่นแล้วตรัสเสียงเรียบว่า “ใต้เท้าหลิว ท่านช่างจงรักภักดีต่อฉู่หนิงจริง ๆ”คำพูดนี้ทำให้หลิวโส่วเริ่นตกใจจนเหงื่อกาฬแตกผลั่กการบอกว่าตนจงรักภักดีต่อฉู่หนิง นั่นก็คือไม่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้นี่เป็นการเตือนตนเองว่า ไม่ควรรับจอกดื่มแทนผู้อื่นหลิวโส่วเริ่นรีบคำนับ “ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแต่สงสารท่านฉู่อ๋อง มิได้มีเจตนาอื่นใดพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ไม่ตรัสอะไรแต่องค์รัชทายาทกลับหัวเราะออกมาเล็กน้อย “เพียงดื่มสุราเท่านั้น ใต้เท้าหลิวก็สงสารแล้ว หากฉู่อ๋องมีเรื่องอื่น ใต้เท้าหลิวคงรีบร้อนเข้าหาราวกับฝูงนกบินไปรับอา

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 337

    อาหารเลิศรสที่ถูกยกมาจัดวางส่งกลิ่นหอมฟุ้งเตะจมูก บรรยากาศพลันผ่อนคลายลงไม่น้อยฮ่องเต้ต้องการให้บรรยากาศรื่นเริงขึ้น จึงบอกให้ทุกคนยกจอกดื่มอวยพรกันในช่วงนี้ชั่วครู่หนึ่ง ทุกคนต่างสลับจอกกันดื่ม ช่างครึกครื้นยิ่งนักแน่นอนว่า ในฐานะดาวเด่นของงาน ฉู่หนิงย่อมตกเป็นเป้าหมายในการรุมล้อมของทุกคน“ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งใหญ่ของท่านฉู่อ๋อง!”“จอกนี้กระหม่อมขอมอบให้ฉู่อ๋อง!”“ช่างเป็นวีรบุรุษในวัยหนุ่มจริง ๆ ฉู่อ๋องยังหนุ่มแน่นแต่กลับมีผลงานเช่นนี้ ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”“ท่านอ๋อง กระหม่อมขอดื่มให้พระองค์หมดจอก ส่วนพระองค์ก็ตามสบายเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ภายใต้การ “รุมล้อม” ของทุกคน แม้ฉู่หนิงจะเป็นคนคอแข็งแต่ก็ยังต้องดื่มจนใบหน้าแดงก่ำแล้วแม้สุราในยุคนี้จะไม่ได้ร้อนแรงอันใด แต่ดื่มมากไปก็เมามายได้เช่นกันเมื่อมีขุนนางหลายสิบคนผลัดกันมาดื่มอวยพร ต่อให้เป็นเทพสุรามาอยู่ตรงนี้ก็คงต้านทานไม่ไหวภาพนี้ทำให้เสิ่นหว่านอิ๋งที่อยู่ด้านข้างรู้สึกกังวลยิ่ง ใบหน้าอ่อนหวานปรากฏความร้อนใจเป็นครั้งแรกหากดื่มต่อไปเช่นนี้ ฉู่หนิงจะทนไหวได้อย่างไร!อีกทั้งเหล่าองค์ชายยังไม่ได้มาดื่มอวยพร หากบรรดาองค

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 336

    อีกทั้งนางยังเป็นสตรีคนแรกในใต้หล้าที่ได้ออกสู่สนามรบ หากเรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือออกไป ชื่อเสียงของแคว้นต้าฉู่ย่อมเหนือกว่าราชวงศ์อื่นใด“พูดดีมีเหตุผล!”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์เล็กน้อย ตรัสยิ้ม ๆ ว่า “โต๊ะนี้ควรมีที่นั่งสำหรับนาง!”“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” เฝิงมู่หลานแย้มยิ้มพริ้มเพรา ก้าวเข้าไปในศาลาอย่างสง่างาม แล้วนั่งลงเคียงข้างเสิ่นหว่านอิ๋งฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรไปยังเหล่าขุนนางและองค์ชายทั้งหลายที่อยู่ร่วมงานเลี้ยง พบว่ายังไม่มีผู้ใดคัดค้าน จึงอดร้อนพระทัยไม่ได้เราคิดหาวิธีกดดันฉู่หนิงแทบตาย พวกเจ้ากลับไม่ให้ความร่วมมือเสียนี่ยังเหลืออีกหนึ่งตำแหน่ง ดูซิว่าฉู่หนิงจะเลือกผู้ใดอีก!แม่ทัพผู้ร่วมรบกับฉู่หนิงที่กลับมาก็มีเพียงจ้าวอวี่กับเฝิงมู่หลานเท่านั้น คราวนี้เจ้าคงไม่มีคนให้แนะนำแล้วกระมัง“ยังเหลืออีกหนึ่งตำแหน่ง ฉู่หนิง เจ้าคิดว่าผู้ใดควรได้นั่ง?” ฮ่องเต้ทรงตรัสถามอย่างสงบนิ่งฉู่หนิงเพิ่งจะอ้าปาก องค์รัชทายาทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ “น้องสิบแปด ตำแหน่งสุดท้ายนี้สำคัญยิ่ง เจ้าต้องคิดให้ดีก่อนพูดยังมีพี่ชายอีกสิบหกคนที่ไม่ได้เข้ามา เจ้าตั้งใจจะมอบตำแหน่

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 335 

    ภายในศาลา ฉู่หนิงกับองค์รัชทายาท คนหนึ่งนั่งฝั่งซ้าย คนหนึ่งนั่งฝั่งขวาของฮ่องเต้เสิ่นหว่านอิ๋งกับพระชายารัชทายาทก็ย่อมนั่งข้างผู้ชายของตนเองหนึ่งโต๊ะมีแปดที่นั่ง ตอนนี้นั่งไปห้าคนแล้ว องค์ชายที่เหลือจ้องที่นั่งที่เหลืออีกสามที่จนตาแดงฮ่องเต้ย่อมสังเกตเห็นเรื่องแค่นี้ ในสายพระเนตรจึงมีแววพินิจแลบผ่าน“ฉู่หนิง โต๊ะของพวกเรายังเหลือที่นั่งอีกสามที่ เจ้าคิดว่าควรให้ใครนั่งดี?”เมื่อครู่ช่วยฉู่หนิงคลี่คลายสถานการณ์ ควรเก็บดอกเบี้ยสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเจ้าลูกทรพีพวกนั้นจะรู้สึกว่าเราลำเอียงแน่นอน ยังสามารถใช้โอกาสนี้หยั่งเชิงฉู่หนิง ดูว่าเขาอยากให้ใครมาร่วมโต๊ะเมื่อคำพูดนี้ออกมา สายตาของทุกคนไปรวมกันที่ตัวฉู่หนิงโดยเฉพาะองค์ชายทั้งหลาย แต่ละคนจ้องฉู่หนิงตาแดงก่ำ ราวกับว่าถ้าฉู่หนิงไม่ให้พวกเขาร่วมโต๊ะ ก็จะกลืนเขาลงท้องทั้งเป็นองค์รัชทายาทมองฉู่หนิงแวบหนึ่ง บนใบหน้าปรากฏแววเย้ยหยันสิ่งที่เสด็จพ่อถนัดที่สุดก็คือการสร้างความสมดุล เมื่อครู่จงใจช่วยฉู่หนิงคลี่คลายสถานการณ์ ตอนนี้ก็จะให้โจทย์ยากแก่ฉู่หนิงยังเหลือองค์ชายอีกสิบหกคน ดูซิว่าเจ้าจะเลือกอย่างไรไม่ว่าเขาให้ใครมาร่ว

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 334

    “ฉู่อ๋องก็จริงๆ เลย เหตุใดต้องไปทะเลาะกับองค์รัชทายาทด้วย แค่ต่อว่าเจ้าคำสองคำ อดกลั้นไว้ก็สิ้นเรื่อง”“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ฉู่อ๋องมองสถานการณ์ไม่ออกเลย”“ในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกจากฝ่าบาทแล้ว คำพูดขององค์รัชทายาทใหญ่สุด ฉู่อ๋องเป็นศัตรูกับองค์รัชทายาท ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลย”ขุนนางส่วนใหญ่รู้สึกว่าฉู่หนิงไม่ควรพูดเช่นนี้เขาเป็นรัชทายาท ส่วนเจ้าเป็นแค่ชินอ๋อง องค์รัชทายาทต่อว่าเจ้า แล้วเจ้าทำอะไรเขาได้?ต่อให้เจ้ามีอำนาจทางทหารในมือแล้วอย่างไร ทหารอยู่ที่แนวหน้า เจ้าอยู่ในเมืองหลวง องค์รัชทายาทอยากจัดการเจ้าง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!องค์รัชทายาทย่อมได้ยินคำพูดของเหล่าขุนนาง เขามองฉู่หนิงอย่างเย้ยหยัน “ดูเหมือนน้องสิบแปดไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของข้านะ ข้าว่าเจ้ามาสาย เจ้าก็มาสาย!”“หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองถามใต้เท้าทุกท่านดูสิ”ต่อว่าเจ้ายังไม่พอใจ?เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะอาศัยคนหมู่มากรังแกเจ้า!ภาพนี้ทำให้สีหน้าของจ้าวอวี่ที่เดินตามหลังฉู่หนิงเปลี่ยนฉับพลัน และจะก้าวออกมาพูดแทนฉู่หนิงทันทีแต่ฉู่หนิงกลับยื่นมือไปขวางจ้าวอวี่เอาไว้ เขามององค์รัชทายาทแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่องค์รัชทายาทพูด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status