Home / แฟนตาซี / ศึกเทพชิงพิภพ / ตอนที่1 ลำนำแห่งว๊าก

Share

ศึกเทพชิงพิภพ
ศึกเทพชิงพิภพ
Author: นักเขียนบ้านนา

ตอนที่1 ลำนำแห่งว๊าก

last update Last Updated: 2025-05-06 16:20:48

ลำนำแห่งว๊าก

จากบันทึกของออร์ค       

ณ ดวงดาวดวงหนึ่งในจักรวาลที่อันแสนไกล ดาวดวงนี้เดิมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าแมลงยักษ์ แต่ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ประตูมิติเปิด ได้นำพาสิ่งมีชีวิตอีกหลายพันธุ์เข้ามา แต่สิ่งที่มากที่สุดและพอจะมีสติปัญญาคือ พวก ออร์ค อมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ผิวสีเขียว มีความป่าเถื่อน ชอบในการทำสงครามเข้ามาในดาวดวงนี้ พวกมันเข่นฆ่าเหล่าแมลงยักษ์ แม้พวกแมลงยักษ์จะร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงใด พวกออร์คนั้นมีพละกำลังและความบ้าเลือดจึงสามารถฆ่าแมลงยักษ์ได้จนหมด ดาวดวงนี้ถูกเรียกว่า ว๊าก ! หลักจากนั้นพวกมันก็เริ่มขยายเผ่าพันธุ์และดินแดนจนเรียกได้ว่าครองดาวด้วยนี้ได้แล้ ทำให้ดวงดาวกลายเป็นดาวที่ป่าเถื่อนและมีสงครามไม่เว้นในแต่ละวัน !

จบบันทึกแห่งออร์ค ซึ่งก็ไม่รู้ว่าออร์คตัวไหนเขียน เพราะขืนไปถามมัน จะโดนฆ่าแทน

บันทึกของโดวาฟกลุ่มแรก ผู้บันทึกคือ สโตน ราชาแห่งโดวาฟกลุ่มแรกรวมกับโดวาฟอีก 6 คนที่ไม่ขอเอ่ยนาม

            ข้านำพาโดวาฟกลุ่มใหญ่ทั้งชายและหญิงพันคน ขุดเหมือนที่ภูเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าเองในเวลานั้น ยังเป็นแค่หัวหน้าคนงานเท่านั้นเอง แต่เราขุดลึกเกินไปมันเกิดแสงสว่างวาปขึ้นมา มารู้ตัวเองที่พวกเราก็อยู่ในที่เราไม่คุ้นเคยแล้ว พวกเราได้เจอกับสิ่งมีชีวิตประหลาดอีกหลายสายพันธุ์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอเลยคือ พวกออร์ค ! การได้เจอพวกมันถือเป็นเรื่อง แย่ที่แล้ว โชคดีที่เรามีอาวุธที่ดีกว่า เลยทำให้ต่อกรพวกออร์คได้ ข้าเลยตัดสินใจ ไปตั้งรกรากกันที่ภูเขาลูกหนึ่งที่เต็มไปด้วยสินแร่สารพัดชนิด สถาปนา อาณาจักร   โดวาฟแห่งแรกขึ้นโดย ตั้งชื่อดินแดน วันเทาซั่น ตามจำนวนคนที่มาที่แรก และแต่งตัวเองเป็นปฐมกษัตริย์ ดินแดนของโดวาฟเริ่มมีความเจริญมากขึ้น แต่เราก็ไม่ได้คิดจะขยายดินแดนเพิ่มเติม แค่ให้คนของปลอดภัยเท่านั้นเอง

บันทึกจาก พ็อตไชลอง วีรบุรุษและกวีชาวเอลฟ์รูมิแย่

            พวกเราเอลฟ์นั้นไซร์ ได้หนีภัยสงครามจากดินแดนของพวกเราเอง แรก ๆ ยังไม่มีการแยกเผ่ากัน พวกเรามีแต่เอลฟ์เท่านั้น โดยมาทางเรือ ฝ่าเกลียวคลื่นและพายุร้าย ที่หมายจะเอาชีวิตพวกเราตลอดเวลา โอเหตุได้กันพวกเรา ถึงได้เจอกับชะตากรรมอันโหดร้ายเช่นนี้ คลื่นลูกใหญ่โถมเข้ามาแต่แล้วก็เกิดแสงสว่าง         วาปขึ้นมา พวกเรามาโผล่ที่ดินแดนที่เราไม่รู้จัก พวกเราไม่รู้จะทำเช่นไรดินแดนเต็มไปด้วยพวกป่าเถื่อน       อัปลักษ์ อย่างพวกออร์คตัวเขียว และพวกโดวาฟตัวเตี้ย พวกเราที่มาโผล่ที่นี่โดยไร้ซึ่งอาวุธ จึงถูกตามล่าและขับไล่ จากที่นี่แต่เราไม่มีไปแล้วเพราะกลับสู่บ้านเกิดก็ไม่ได้แล้ว แต่แล้วสวรรค์ก็เมตตาเราพวก ได้มีเทพีที่แสนงดงามนามว่าเทพี ดานู[1] ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเรา นางเห็นพวกเราโดยเข่นฆ่าก็สงสาร นางจึงขออาสาสมัครที่จะเรียนวิชากับนาง ซึ่งได้เอลฟ์ผู้กล้าหาญสามตนได้อาสามาเรียนวิชากับนาง คือ

มาริยง นางเป็นผู้หญิงคนเพียงคนเดียวในกลุ่มสามตนนั้น  นางมากจาเอลฟ์ตระกูลสูงในดินแดนเดิมของเราได้เรียนวิชากับเทพีดานู ทำให้พวกเรานั้น มีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม ส่องประกายดุจดวงตะวัน พวกเราจึงเรียกตัวเองว่า รูมิแย่ หรือ เอลฟ์แสง และกลายเป็นธรรมเนียมว่า ผู้ปกครองดินแดนของเหล่า เอลฟรูมิแย่ ต้องเป็นหญิงเท่านั้น 

ยออาน เอลฟ์ใจโฉด เอลฟ์ทมิฬ มันเป็นอดีตนักโทษเอลฟ์ที่ทำผิดมาจนนับไม่ได้เลย มันเรียนวิชากับเทพีดานู แต่กลับมกมุ่นในศาสตร์มืด จนเรียกได้ว่า มันทำตัวเองกลายสิ่งที่เอลฟ์รับไม่ได้จริง ๆ คือ พวกมันมีผิวซีด ผมขาว แถมตายังเหมือนแมวอีก พวกมันเรียกตัวเอง เอลฟ์รานุน หรือ เอลฟ์มืด

ซูม่า เอลฟ์ผู้นิยมธรรมชาติ เป็นคนเรียนวิชาเทพีดานูแล้ว รู้สึกว่าจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติจึงทำให้พวกเขากลายเป็นคนป่าคนดอย และเรียกตัวเองว่า เอลฟ์ฟอร์แคร์ หรือเอลฟ์ป่า

หลังจากนั้นเหล่าเอลฟ์ได้รับการถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ จากทั้งสามตนจึงทำให้แบ่งสามกลุ่ม หลังจากที่สามารถสร้างดินแดนที่ยิ่งใหญ่ให้กับพวกเราแต่ล่ะเผ่าได้แล้ว ทำให้เอลฟ์กลายเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว หากแต่เราเอลฟ์รูมิแย่ยังต้องคอยจัดการพวกเอลฟ์เผ่าอื่นเสมอ อย่างไม่จบไม่สิ้น

(แต่เรื่องนี้ เอลฟ์รานุนเป็นตัวนำนะเฟ้ย)  

[1] เทพี ดานู เทพมารดร ตามความเชื่อของชาวไอริช นางเป็นผู้สอนวิชาให้เทพกลุ่มแรกในตำนานของไอริช

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่75 ตะโกนเสียงดังลั่น

    “ใช้คาถานั่นกับข้า” “เฮ้ย ! ไอ้การเป็นคนเสียสตินี่ นี่เป็นโรคติดต่อหรือไงวะเนี่ย” ดิดิเย่ร์พูด “ทำเลย” ดาเมี่ยงตะโกนเสียงดังลั่น “ก็ได้ แต่ไม่รับรู้ด้วยนะโวย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ดิดิเย่ร์ร่ายมนตร์ควันสีดำมาปกคลุมร่างของดาเมี่ยงเหมือนกับดิสมัส ทั้งสองโจมตีอีกครั้งแม้พลังจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่อาจระคายผิว ของบาลเดอร์ได้เลย แถมยังถูก บาลเดอร์ปล่อยลำแสงออกมาเล่นงานทั้งสองอีก คราวนี้ทั้งสองหลบไม่ได้โดนเข้าไปเต็ม ๆ ถึงล้มลงไปและลุกแทบไม่ขึ้น ดิดิเย่ร์ซึ่งตอนนี้ทำอะไรแทบไม่ถูกแล้ว แต่เมื่อมองไปที่ร่างเปลือยเปล่าของบัลเดอร์ก็นึกบางอย่างออก เขาเลยตัดสินใจลุกขึ้น เหวี่ยงไม้คถาไปที่หว่างขาของมัน ซึ่งเป้าหมายคือ ลูกอัณฑะ ร่างของมันที่เปลือยเปล่าทำให้เห็นเป้าหมายชัดเจน ซึ่งเขาคิดอย่างไรเสีย มันก็เป็นผู้ชาย โดนฟาดไปเต็ม ๆ แบบนี้ยังไงก็ต้องเจ็บปวดแน่นอนแต่กลายเป็นบาลเดอร์ไม่เป็นอะไรเลย “คิดว่าข้าจะเจ็บกับอะไรแบบนี้หรือไง” และมันก็แตะเข้าที่หว่างขาของดิดิเย่ร์คืน เขารู้สึกเจ็บและจุกจนยืนแทบไม่ได้“กระจอกมาก ไม่มีอะไรในโลกที่ฆ่าข้าได้หรอกโวย” พูดยังไม่ทันขาดคำมีบางอย

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่74

    “จะช่วยเขาก็มีทางเดียวแล้วล่ะ ข้าต้องเสกอาวุธที่สามารถฆ่าเจ้านั้นได้ หวังว่าคงไม่ได้ตัวอะไรมาอีกนะ” ศุภมิตรพูด เขาก่อกองไฟขึ้นมา นั่งขัดสมาธิ และเริ่มร่ายมนตร์ เปลวไฟตรงหน้าลุกโชนราวกับมันกำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน สองพี่น้องมองดูด้วยใจเต้นแรง และภาวนาให้พิธีนี้สำเร็จโดยเร็ว และสักพักก็มีต้นไม้ต้นเล็กสีเขียวปรากฏขึ้นมา มันดูอ่อนแอและบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ทำอาวุธอะไรได้ “ท่านเสกอีหยังมาเนี่ย” คำพูนพูดอย่างแปลกใจ ศุภมิตรนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า “มันเรียกว่าต้น มิสเซิลโท เป็นต้นไม้ตระกูลกาฝากน่ะ เจ้าต้นไม้ต้นนี้ ตอนที่แม่ของบาลเดอร์ไปทำสัญญานั้น มันยังเล็กอยู่จึงไม่ได้ทำสัญญาด้วย นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่ฆ่าเจ้านั่นได้” “ฮ่วย ! มันต้นน้อยซ่ำนี่ และแถมดูอ่อนหลาย ๆ จะเอามาเฮ็ดเป็นอีหยังได้” คำพูนพูดพลางลองหักด฿ ซึ่งมันก็อ่อนอย่างที่คำพูลพูดจริง ๆ ศุภมิตรทำหน้าไม่ถูก แค่คำแพงกลับเห็นอะไรบ้างอย่าง “ข้อยจะเฮ็ดมันเป็นอาวุธเอง” ที่สนามรบ ดิสมัส อลิซซ่า ดิดิเยร์ ดาเมี่ยงกำลังยืนดูกองทัพไวกิ้งกำลังเคลื่อนพลมา ทั้งดิสมัสและ ดิดิเยร์เสกโกเ

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่73 จอมทัพคงกระพัน

    ดิสมัสปั้นหน้าไม่ถูกเพราะ เขาไม่เคยเห็นคนที่เป็นราชาแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะ ๆ เช่นนี้ อิบารา โดจิกับศุภมิตรพูดจาปราศัยกันสักพัก อรุณนภาต้องถามว่า “ท่านศุภมิตรพาใครมาเหรอเจ้าคะ”ศุภมิตรเลยรีบแนะนำเอลฟ์ทั้งสอง “ดิสมัส กับ อลิซซ่า พวกเขาเป็นเอลฟ์ ที่ยึดดินแดนใหญ่ของเจ้าเพาเดอร์ไป”ชูเท็นโดจิหันขวับมา แต่อรุณนาภารีบบอกว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็น มานั่งกินเหล้าเงียบ ๆ เถอะนะ”ชูเท็นโดจิ หันมาพูดกับอิบารากิโดจิว่า “วันนี้เจ้ากับข้ามีเรื่องพูดกันเยอะนะ อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ” ชูเท็นโดจิกลับนั่งและดื่มเหล้า อลิซซ่าก้าวเท้าออกมาโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ข้าอลิซซ่า ตัวแทนของเหล่าเอลฟ์ มาขอคาราวะองค์ราชาและราชินี” “พวกเจ้ามายึดดินแดนข้า ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพหรอก” ชูเท็นโดจิพูดด้วยน้ำเสียงพร้อมหาเรื่อง แต่อรุณนภากลับพูดว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็นเจ้าก็รู้นี่ ว่าไอ้เอลฟ์ที่มายึดเมืองเราต้องนั้นไม่ใช่พวกเขา ข้าขอเจรจาเอง” ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่ม “จริงอยู่ดินแดนนั้นเคยเป็นของพวกท่าน แต่ท่านเสียให้เพาเดอร์ไปก่อนแล้ว ตอน

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่72 ศึกนรสิงฆ์

    แม้ว่าตอนนี้ พวกมนุษย์หนูจะกลัวพวกนรสิงฆ์ แต่มันกลัวดิสมัสมากกว่า เลยตามดิสมัสไป เขากระโดดไปเกาะเจ้านกแสก ให้มันพาบินไปที่สนามรบและปล่อยร่างของนายมันลงไป เบต้าเองก็บินตามมาด้วย ดิสมัสกำดาบในมือแน่น เหล่านรสิงฆ์เข้ามาโจมตีเข้า ดิสมัสหลบได้และฟันสวนไปโดนเกราะ ดาบเด้งออกมา ทำให้รู้ว่าเกราะที่พวกเขาสวมอยู่ทำจากหวายสาน ! และดูจากสีของมันแล้ว มันต้องถูกแช่ในน้ำมันมาแน่น ๆ เกราะชนิดนี้มีน้ำหนักเบาแต่มีความเหนียวมาก อาวุธมีคมทำลายได้ไม่ง่าย ยิงพวกธนูยิ่งแล้วใหญ่มันเจาะเกราะแบบนี้ไม่ได้ แน่ ๆ “เบต้า แกบินไปบอกพี่ข้า ว่าเกราะพวกนี้เป็นหวายแช่น้ำมัน !” เบต้าพยักหน้ารับรู้และบินไปทันที คำแพงกับคำพูนกำลังจะตามช่วยดิสมัส แต่ดาเมี่ยงยืนขว้างหน้าเอาไว้ก่อน “คิดจะทำบ้าอะไร” “ก็ไปซอยอ้ายมัดติ เจ้าหลบไป” คำแพงพูด ดาเมี่ยงเลิกคิ้วเพราะเขาไม่ค่อยออกว่า คำแพงพูดว่าอะไรบ้าง ดิดิเย่ร์เลยพูดว่า “นางคงอยากให้เจ้าหลีกล่ะมั้ง เจ้ายังไม่ต้องไปไหนเดี๋ยว ไอ้ดิสมัสก็ส่งข่าวมา” ดิดิเย่ร์พูด “ฮู้ได้จั๋งได๋” คำแพงถาม ดิดิเย่ร์ตอบว่า

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่71 อ้ายเฮ็ดอีหยัง

    ดิสมัสไม่พูดอะไรอีกเขาเดินออกจากที่ประชุม และไปดูอาหารของตัวเอง ซึ่งเป็นเนื้อเค็มสูตรเขาและบิสกิสก้อนหิน “อ้ายเฮ็ดอีหยัง” คำแพงถามเขา “อยากจะเอาอะไรท่านพี่ทั้งสองกินสักหน่อย” ดิสมัสพูดขึ้นมา คำแพงมาดูแล้วพูดว่า “เอาของบ่เป็นตาแดก ไปให้สองคนนั้นเด้ เขาก็ชังอ้ายหลาย ๆ อยู่แฮ้ว เดี๋ยวก็ได้ชังหนักว่าเดิมติ”คำแพงพูดและมองรอบ ๆ ตอนนี้มีเพียงไข่กับข้าวเท่านั้น “รอก่อนเด้อ”คำแพงทำข้าวจี่และให้ดิสมัสเอาไปให้ฝาแฝด ตั้งแต่ถูกจับมา ดาเมี่ยงดูจะหงุดหงิดไปกับทุกอย่างรอบตัว ผิดกับดิดิเย่ร์ที่ดูสงบมากตั้งแต่เข้ามาในห้องขัง “โวยวายหาอะไรวะ ดาเมี่ยง” “แกไม่หงุดหงิดหรือไงวะ คุกนี้พวกเราคุมการสร้างเองนะโวย ! ใครจะไปคิดวะว่าจะเอามาขังพวกเราเอง” “ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกมันก็มาปล่อยเรา” ดิดิเย่พูด ดิสมัสกับคำแพงมาหาเขา ดิดิเย่ร์มองหน้าดิสมัสแล้วถามว่า “ต้องการอะไร” “ข้าแค่เอาอาหารมาให้เท่านั้นล่ะ” ดิสมัสวางข้าวจี่ตรงหน้าของฝาแฝด พวกเขาทำหน้างง แล้วถามพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ “ไอ้เหลือง ๆ นี่

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่ 70 ให้รอเหรอ

    “อ้ายล่อมันไปก่อน ข่อยจะเหวี่ยงหินใส่มัน” “เจ้าเป็นบ้าบ่ โตนมันยังกะยักษ์ หินก้อนน้อย ๆ ของเจ้าจะเฮ็ดหยังมันได้” พูดยังไม่ทันขาดคำเหล่าพานรมฤครุมโจมตีโกเล็มซะก่อน คำแพงเห็นเป็นโอกาสรีบเหวี่ยงหินไปทันที แต่ว่า ดาเมี่ยงโผล่มาเอาดาบปัดหินทิ้ง “คิดว่าหินแบบนี้จะฆ่าพวกเราได้งั้นเหรอ”คำพูลรีบมาขว้างหน้าคำแพง เขาตะโกนเสียงดังลั่น “ข่อยขอท้าสู้กับเจ้า โตต่อโต”ดาเมี่ยงได้ยินก็หัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้าพูดบ้าอะไร อย่างเจ้าเหรอจะมาท้าทายข้าหา” “หรือว่าเจ้าย่านข่อยบ่”ดาเมี่ยงได้ยินก็ยิ่งหัวเราะเข้าไปอีก คราวนี้มันถึงกับน้ำตาไหล แล้วพูดว่า “อยากตายนักก็ได้ ข้าจะสงเคราะห์ให้ ดิดิเย่ร์ เจ้าไม่ต้องยุ่ง” ดาเมี่ยงพูด ดิดิเย่ร์หยักไหล่แล้วพูดว่า “ล้อเล่นเปล่าเนี่ย แค่มนุษย์คนเดียว แกยังจะให้ข้าลงมืออีกเหรอ”ดาเมี่ยงชักดาบออกมา คำพูลกำพร้าในมือเอาไว้แน่น เขารู้สึกถึงความกดดันที่แผ่เข้ามา ทำให้รู้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายน่าจะเหนือกว่าตนหลายเท่า ดิสมัสตัดสินใจลุกขึ้นมาและเรียกเจ้านกแสกกลับ เขารวมพลังยิงกะโหลกเพลิงออ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status