Home / แฟนตาซี / ศึกเทพชิงพิภพ / ตอนที่2 ศึกแห่งเอลฟ์

Share

ตอนที่2 ศึกแห่งเอลฟ์

last update Last Updated: 2025-05-07 23:18:46

เสียงกลองศึกและเสียงอาวุธกระทบกันดังไปทั่วบริเวณ นี่คือสงครามของเอลฟ์ ทั้งสามเผ่า รานุน  รูมิแย่ ฟอร์แคร์ดำเนินกันมาช้านาน แม้เอาจริง ๆ เอลฟ์ทั้งสามเผ่าก็มาจากรากเหง้าเดียวกัน เคยก่อร่วมสงครามชิงดินแดนกับพวกออร์คและโดวาฟมาแล้ว แต่หลังเสร็จศึกใหญ่ครั้งนั้น พวกเอลฟ์ก็หันมารบกันเอง ศึกนี้เป็นของเอลฟ์รานุนกับเอลฟ์ฟอร์แคร์

            เอลฟ์รานุนคือ กลุ่มเอลฟ์ที่มีเชี่ยวชาญการใช้ศาสตร์มืด มนตร์ดำ การอัญเชิญภูต เสกโครงกระดูก และโกเล็ม ยังชำนาญในการสร้างอาวุธที่มีคำสาปหรือพลังเวทย์อาบเอาไว้ด้วย นอกจากหูที่แหลม ลักษณะเด่นของเอลฟ์พวกนี้ ผิวซีดเหมือนศพ ตาเหมือนแมว ผมสีขาว พวกเขามีดินแดนเป็นอาณาจักรใหญ่ ที่พวกเขาตั้งชื่อดินแดนว่า ยออาน ตามชื่อของเอลฟ์รานุนตนแรกที่ไปฝึกวิชากับเทพีดานูและได้สำเร็จวิชาสายมืด

ส่วนพวกเอลฟ์ฟอร์แคร์ คือเอลฟ์ที่อยู่ในป่าและชอบอยู่กับธรรมชาติ เชี่ยวการยิงธนู และการใช้สลิง[1] เวทย์สายธรรมชาติ และการสื่อสารกับสัตว์ป่า พวกนี้จะมีผมสีดำ ผิวจะค่อนข้างคล้ำ และนิยมใช้สีทาตัวทาหน้า พวกเขาไม่ได้รวมกันเป็นอาณาจักรใหญ่เหมือนกับเอลฟ์รานุน แต่มักจะอยู่กระจายกันเป็นชนเผ่ามากกว่าและตั้งชื่อเผ่าเป็นสัตว์ อย่างเผ่านี้เรียกตัวเองว่า อัว (ห่าน ในภาษาเอลฟ์[2])

แม้ว่าอาวุธของพวกเอลฟ์รานุนจะดีกว่า แต่พวกเอลฟ์ฟอร์แคร์ชำนาญพื้นที่มากกว่า เลยทำให้การต่อสู้ยืดเยือนมาเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนและแทบจะเดาผลการต่อสู้ไม่ได้เลย แถมพวกสัตว์ป่ายังมาช่วยรบ จนทำให้ผู้นำทัพของเอลฟ์รานุนทั้งสองเริ่มที่จะเครียด ผู้นำทัพของเหล่าเอารานุนนั้น เป็นฝาแฝด นามว่า ดาเมียง และดิดิเย่ร์ ทั้งสองมีหน้าตาเหมือนกันราวกับคนเดียวกัน มีผิวซีด ผมยาวสีขาว ตาเหมือนแมวสีเหลืองอำพัน ดาเมียงสวมเกราะสีดำ มีลายเหมือนกันเส้นเลือดที่ขึ้นตามผิวหนัง ถือดาบยาวในมือ ขี่ม้าสีดำ เขาเป็นนักดาบมือหนึ่งของพวกเอลฟ์รานุน ส่วนดิดิเย่ร์สวมเกราะเบาถักจากโซ่สีเงินและสวมเสื้อคลุมสีดำปักกลายพระจันทร์เสี้ยว นั่งอยู่บนรถศึกที่เทียมด้วยม้าโครงกระดูก ! ถือไม้เท้ายอดเป็นรูปหัวกะโหลก

“ไอ้พวกกรีสฮาร์ทเนี่ย มันน่ารำคาญชะมัดเลยนะ กำจัดเท่าไหร่ก็ไม่หมด” ดาเมียงบ่น กรีทฮาร์ทเป็นคำเหยียดที่พวกเขาใช้เรียกพวกเอลฟ์รานุน เพราะว่าพวกเขามองว่าเอลฟ์ รานุนทำตัวไม่สมกับเอลฟ์เลยสักนิด ตรงข้ามเขามองพวกนี้เหมือนพวกออร์คในร่างเอลฟ์ซะมากกว่า จึงบอกว่าพวกนี้มีหัวใจสีเขียวเหมือนสีผิวของออร์ค

“นั่นสินะ ยิ่งไอ้เผ่านี้ ยิ่งแล้วใหญ่เลยว่ะ ตั้งชื่อเผ่าตัวเองได้ทุเรศมาก ห่านเนี่ยนะ”ดิดิเย่ร์พูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

“แต่ก็ถึงเวลาต้องจัดการให้สิ้นซากสักที” ดาเมียงพูดจบก็ควบม้าไปและเหวี่ยงดาบ เพลงดาบของเขาร้ายกาจมากขนาดที่เรียกได้ ทุกคมดาบที่ฟาดไปนั้นต้องสังหารพวกเอลฟ์ฟอร์แคร์ได้ตนหนึ่ง ดิดิเย่ร์ร่ายมนตร์ศพทุกศพที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวระเบิดออกกลายเป็นทหารโครงกระดูก โดยพวกมันจะใช้อาวุธแบบเดียวกับที่ใช้ตอนมีชีวิต และยังมีพอจะต่อสู้แบบพื้นฐานได้ ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปนั้น

“ช้างงาจอบ” เสียงทหารของดาเมียงดังขึ้นมา พร้อมเสียงช้างร้อง ! ทัพช้างงาจอบของเหล่าเอลฟ์ฟอร์แคร์กำลังเคลื่อนพลมา มันเป็นช้างรูปร่างใหญ่โตปานขุนเขา มีงาแหลมอยู่ใต้คาง พวกมันมีควาญช้างคอยบังคับ แบกป้อมที่มีพลธนูอยู่เต็มไปหมด ทำให้มันเหมือนป้อมธนูเคลื่อนที่ ทหารฝ่ายรานุนเสียชีวิตไปหลายตน ดาเมียงเผชิญหน้ากับเหล่าช้างงาจอบ และกำลังจะถูกฟาดงวงใส่ แต่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดรูปร่างใหญ่โตปรากฎตัวขึ้นมาช่วยเขาเอาไว้ มันร่างกายเป็นหินและดิน ที่หัวมีเพียงดวงตาสีแดงคู่หนึ่ง มันคือ โกเล็ม เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากเวทย์มนตร์

“ขอบใจมากดิดีเย่ร์”

“ข้าไม่ได้เสกมันขึ้นมา” ดิดีเย่ร์ตอบ ดาเมียงเปลี่ยนสีหน้าทันที

“ไอ้ดิสมัส มันยุ่งไม่เข้าเรื่องอีกแล้ว”

            มีนกแสกตัวหนึ่งบินเข้ามาในสนามรบ มันเป็นนกแสกสีน้ำตาล ที่แปลกคือมันสวมเกราะสีเงิน และมีกงเล็บเป็นโลหะ ! เข้าไปโจมตีควาญช้าง เลือดไหลอาบหน้าและพลาดตกจากช้างของตน เมื่อไม่มีควาญมันก็อาละวาดหนัก เจ้านกแสกขยายตัวใหญ่ตัวของพอ ๆ กับหมาป่าตัวหนึ่งเลย

มีเอลฟ์ตนหนึ่งกระโดดมาเกาะที่กงเล็บของมันและพาร่างของเขาบินขึ้นฟ้าไป เขาเป็นเอลฟ์รูปร่างสูงโย่ง ผิวขาวชีด ผมขาวสั้นยุ่ง หูแหลมเชิด ตาเหมือนแมวสีม่วง ! เขาสวมชุดเกราะสีดำขาว มีรูปร่างเหมือนกับโครงกระดูก ที่เอวมีดาบสะพายอยู่คือ ดิสมัส เอลฟ์ผู้เป็นแบล็กพาลาดิน คือ สามารถใช้ได้ทั้งเชิงดาบและทักษะของหมอผี ซึ่งน้อยคนจะทำได้ ! เจ้านกแสกพาเขาไปปล่อยลงที่หลังของช้างคลั่ง พลธนูกำลังจะฆ่าเขา แต่ดิสมัสร่ายคำสาปทำให้เหล่าพลธนูสับสนจนถึงกับฆ่ากันเอง ดิสมัสเอาดาบออกมา ดาบของเขามีรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว มีลูกตาตรงโกร่งดาบ เขาแทงไปหัวของช้างตรงตำแหน่งก้านสมองพอดี ทำให้เจ้าช้างตายและกำลังจะล้มแต่ ดิสมัสร่ายมนตร์ ร่างของช้างระเบิดออก กลายเป็นโครงกระดูกช้าง ขนาดยักษ์เข้าโจมตีข้าศึก  ดิดิเย่ร์เห็นแล้วก็กัดฟันกร่อยแล้วพูดว่า

“ไม่อยากยอมรับเลยโวย ! หาทางล้มช้างนั่นและสร้างโครงกระดูกช้างยักษ์ มาเป็นกำลังให้พวกเรา ทำตามมัน” พวกเอลฟ์รานุนใช้วิธีการไปฟันช้างเข้าที่ขาทำให้มันล้มลงและรีบกระหน่ำแทงจนกระทั่งมันตาย และสร้างโครงกระดูกช้างยักษ์มาร่วมกองทัพทำให้เริ่มได้เปรียบแล้ว แต่แล้วก็มีหินลอยมาโดนหัวของทหารเอลฟ์ตายไปหลายนาย

“ไอ้พวกกรีนฮาร์ทใช้อาวุธเถื่อนเลยเหรอ !” ดิดิเย่ร์พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ

[1] อาวุธสมัยโบราณ ทำจากเชือกและหนัง ใช้การเหวี่ยงลูกหิน แม้จะรูปร่างดูบ้าน ๆ ก็ตามแต่ว่า อานุภาพร้ายแรงพอสมควร

[2] ถ้าเทียบกับภาษามนุษย์นั้น พวกเอลฟ์จะพูดฝรั่งเศส

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่75 ตะโกนเสียงดังลั่น

    “ใช้คาถานั่นกับข้า” “เฮ้ย ! ไอ้การเป็นคนเสียสตินี่ นี่เป็นโรคติดต่อหรือไงวะเนี่ย” ดิดิเย่ร์พูด “ทำเลย” ดาเมี่ยงตะโกนเสียงดังลั่น “ก็ได้ แต่ไม่รับรู้ด้วยนะโวย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ดิดิเย่ร์ร่ายมนตร์ควันสีดำมาปกคลุมร่างของดาเมี่ยงเหมือนกับดิสมัส ทั้งสองโจมตีอีกครั้งแม้พลังจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่อาจระคายผิว ของบาลเดอร์ได้เลย แถมยังถูก บาลเดอร์ปล่อยลำแสงออกมาเล่นงานทั้งสองอีก คราวนี้ทั้งสองหลบไม่ได้โดนเข้าไปเต็ม ๆ ถึงล้มลงไปและลุกแทบไม่ขึ้น ดิดิเย่ร์ซึ่งตอนนี้ทำอะไรแทบไม่ถูกแล้ว แต่เมื่อมองไปที่ร่างเปลือยเปล่าของบัลเดอร์ก็นึกบางอย่างออก เขาเลยตัดสินใจลุกขึ้น เหวี่ยงไม้คถาไปที่หว่างขาของมัน ซึ่งเป้าหมายคือ ลูกอัณฑะ ร่างของมันที่เปลือยเปล่าทำให้เห็นเป้าหมายชัดเจน ซึ่งเขาคิดอย่างไรเสีย มันก็เป็นผู้ชาย โดนฟาดไปเต็ม ๆ แบบนี้ยังไงก็ต้องเจ็บปวดแน่นอนแต่กลายเป็นบาลเดอร์ไม่เป็นอะไรเลย “คิดว่าข้าจะเจ็บกับอะไรแบบนี้หรือไง” และมันก็แตะเข้าที่หว่างขาของดิดิเย่ร์คืน เขารู้สึกเจ็บและจุกจนยืนแทบไม่ได้“กระจอกมาก ไม่มีอะไรในโลกที่ฆ่าข้าได้หรอกโวย” พูดยังไม่ทันขาดคำมีบางอย

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่74

    “จะช่วยเขาก็มีทางเดียวแล้วล่ะ ข้าต้องเสกอาวุธที่สามารถฆ่าเจ้านั้นได้ หวังว่าคงไม่ได้ตัวอะไรมาอีกนะ” ศุภมิตรพูด เขาก่อกองไฟขึ้นมา นั่งขัดสมาธิ และเริ่มร่ายมนตร์ เปลวไฟตรงหน้าลุกโชนราวกับมันกำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน สองพี่น้องมองดูด้วยใจเต้นแรง และภาวนาให้พิธีนี้สำเร็จโดยเร็ว และสักพักก็มีต้นไม้ต้นเล็กสีเขียวปรากฏขึ้นมา มันดูอ่อนแอและบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ทำอาวุธอะไรได้ “ท่านเสกอีหยังมาเนี่ย” คำพูนพูดอย่างแปลกใจ ศุภมิตรนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า “มันเรียกว่าต้น มิสเซิลโท เป็นต้นไม้ตระกูลกาฝากน่ะ เจ้าต้นไม้ต้นนี้ ตอนที่แม่ของบาลเดอร์ไปทำสัญญานั้น มันยังเล็กอยู่จึงไม่ได้ทำสัญญาด้วย นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่ฆ่าเจ้านั่นได้” “ฮ่วย ! มันต้นน้อยซ่ำนี่ และแถมดูอ่อนหลาย ๆ จะเอามาเฮ็ดเป็นอีหยังได้” คำพูนพูดพลางลองหักด฿ ซึ่งมันก็อ่อนอย่างที่คำพูลพูดจริง ๆ ศุภมิตรทำหน้าไม่ถูก แค่คำแพงกลับเห็นอะไรบ้างอย่าง “ข้อยจะเฮ็ดมันเป็นอาวุธเอง” ที่สนามรบ ดิสมัส อลิซซ่า ดิดิเยร์ ดาเมี่ยงกำลังยืนดูกองทัพไวกิ้งกำลังเคลื่อนพลมา ทั้งดิสมัสและ ดิดิเยร์เสกโกเ

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่73 จอมทัพคงกระพัน

    ดิสมัสปั้นหน้าไม่ถูกเพราะ เขาไม่เคยเห็นคนที่เป็นราชาแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะ ๆ เช่นนี้ อิบารา โดจิกับศุภมิตรพูดจาปราศัยกันสักพัก อรุณนภาต้องถามว่า “ท่านศุภมิตรพาใครมาเหรอเจ้าคะ”ศุภมิตรเลยรีบแนะนำเอลฟ์ทั้งสอง “ดิสมัส กับ อลิซซ่า พวกเขาเป็นเอลฟ์ ที่ยึดดินแดนใหญ่ของเจ้าเพาเดอร์ไป”ชูเท็นโดจิหันขวับมา แต่อรุณนาภารีบบอกว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็น มานั่งกินเหล้าเงียบ ๆ เถอะนะ”ชูเท็นโดจิ หันมาพูดกับอิบารากิโดจิว่า “วันนี้เจ้ากับข้ามีเรื่องพูดกันเยอะนะ อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ” ชูเท็นโดจิกลับนั่งและดื่มเหล้า อลิซซ่าก้าวเท้าออกมาโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ข้าอลิซซ่า ตัวแทนของเหล่าเอลฟ์ มาขอคาราวะองค์ราชาและราชินี” “พวกเจ้ามายึดดินแดนข้า ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพหรอก” ชูเท็นโดจิพูดด้วยน้ำเสียงพร้อมหาเรื่อง แต่อรุณนภากลับพูดว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็นเจ้าก็รู้นี่ ว่าไอ้เอลฟ์ที่มายึดเมืองเราต้องนั้นไม่ใช่พวกเขา ข้าขอเจรจาเอง” ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่ม “จริงอยู่ดินแดนนั้นเคยเป็นของพวกท่าน แต่ท่านเสียให้เพาเดอร์ไปก่อนแล้ว ตอน

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่72 ศึกนรสิงฆ์

    แม้ว่าตอนนี้ พวกมนุษย์หนูจะกลัวพวกนรสิงฆ์ แต่มันกลัวดิสมัสมากกว่า เลยตามดิสมัสไป เขากระโดดไปเกาะเจ้านกแสก ให้มันพาบินไปที่สนามรบและปล่อยร่างของนายมันลงไป เบต้าเองก็บินตามมาด้วย ดิสมัสกำดาบในมือแน่น เหล่านรสิงฆ์เข้ามาโจมตีเข้า ดิสมัสหลบได้และฟันสวนไปโดนเกราะ ดาบเด้งออกมา ทำให้รู้ว่าเกราะที่พวกเขาสวมอยู่ทำจากหวายสาน ! และดูจากสีของมันแล้ว มันต้องถูกแช่ในน้ำมันมาแน่น ๆ เกราะชนิดนี้มีน้ำหนักเบาแต่มีความเหนียวมาก อาวุธมีคมทำลายได้ไม่ง่าย ยิงพวกธนูยิ่งแล้วใหญ่มันเจาะเกราะแบบนี้ไม่ได้ แน่ ๆ “เบต้า แกบินไปบอกพี่ข้า ว่าเกราะพวกนี้เป็นหวายแช่น้ำมัน !” เบต้าพยักหน้ารับรู้และบินไปทันที คำแพงกับคำพูนกำลังจะตามช่วยดิสมัส แต่ดาเมี่ยงยืนขว้างหน้าเอาไว้ก่อน “คิดจะทำบ้าอะไร” “ก็ไปซอยอ้ายมัดติ เจ้าหลบไป” คำแพงพูด ดาเมี่ยงเลิกคิ้วเพราะเขาไม่ค่อยออกว่า คำแพงพูดว่าอะไรบ้าง ดิดิเย่ร์เลยพูดว่า “นางคงอยากให้เจ้าหลีกล่ะมั้ง เจ้ายังไม่ต้องไปไหนเดี๋ยว ไอ้ดิสมัสก็ส่งข่าวมา” ดิดิเย่ร์พูด “ฮู้ได้จั๋งได๋” คำแพงถาม ดิดิเย่ร์ตอบว่า

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่71 อ้ายเฮ็ดอีหยัง

    ดิสมัสไม่พูดอะไรอีกเขาเดินออกจากที่ประชุม และไปดูอาหารของตัวเอง ซึ่งเป็นเนื้อเค็มสูตรเขาและบิสกิสก้อนหิน “อ้ายเฮ็ดอีหยัง” คำแพงถามเขา “อยากจะเอาอะไรท่านพี่ทั้งสองกินสักหน่อย” ดิสมัสพูดขึ้นมา คำแพงมาดูแล้วพูดว่า “เอาของบ่เป็นตาแดก ไปให้สองคนนั้นเด้ เขาก็ชังอ้ายหลาย ๆ อยู่แฮ้ว เดี๋ยวก็ได้ชังหนักว่าเดิมติ”คำแพงพูดและมองรอบ ๆ ตอนนี้มีเพียงไข่กับข้าวเท่านั้น “รอก่อนเด้อ”คำแพงทำข้าวจี่และให้ดิสมัสเอาไปให้ฝาแฝด ตั้งแต่ถูกจับมา ดาเมี่ยงดูจะหงุดหงิดไปกับทุกอย่างรอบตัว ผิดกับดิดิเย่ร์ที่ดูสงบมากตั้งแต่เข้ามาในห้องขัง “โวยวายหาอะไรวะ ดาเมี่ยง” “แกไม่หงุดหงิดหรือไงวะ คุกนี้พวกเราคุมการสร้างเองนะโวย ! ใครจะไปคิดวะว่าจะเอามาขังพวกเราเอง” “ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกมันก็มาปล่อยเรา” ดิดิเย่พูด ดิสมัสกับคำแพงมาหาเขา ดิดิเย่ร์มองหน้าดิสมัสแล้วถามว่า “ต้องการอะไร” “ข้าแค่เอาอาหารมาให้เท่านั้นล่ะ” ดิสมัสวางข้าวจี่ตรงหน้าของฝาแฝด พวกเขาทำหน้างง แล้วถามพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ “ไอ้เหลือง ๆ นี่

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่ 70 ให้รอเหรอ

    “อ้ายล่อมันไปก่อน ข่อยจะเหวี่ยงหินใส่มัน” “เจ้าเป็นบ้าบ่ โตนมันยังกะยักษ์ หินก้อนน้อย ๆ ของเจ้าจะเฮ็ดหยังมันได้” พูดยังไม่ทันขาดคำเหล่าพานรมฤครุมโจมตีโกเล็มซะก่อน คำแพงเห็นเป็นโอกาสรีบเหวี่ยงหินไปทันที แต่ว่า ดาเมี่ยงโผล่มาเอาดาบปัดหินทิ้ง “คิดว่าหินแบบนี้จะฆ่าพวกเราได้งั้นเหรอ”คำพูลรีบมาขว้างหน้าคำแพง เขาตะโกนเสียงดังลั่น “ข่อยขอท้าสู้กับเจ้า โตต่อโต”ดาเมี่ยงได้ยินก็หัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้าพูดบ้าอะไร อย่างเจ้าเหรอจะมาท้าทายข้าหา” “หรือว่าเจ้าย่านข่อยบ่”ดาเมี่ยงได้ยินก็ยิ่งหัวเราะเข้าไปอีก คราวนี้มันถึงกับน้ำตาไหล แล้วพูดว่า “อยากตายนักก็ได้ ข้าจะสงเคราะห์ให้ ดิดิเย่ร์ เจ้าไม่ต้องยุ่ง” ดาเมี่ยงพูด ดิดิเย่ร์หยักไหล่แล้วพูดว่า “ล้อเล่นเปล่าเนี่ย แค่มนุษย์คนเดียว แกยังจะให้ข้าลงมืออีกเหรอ”ดาเมี่ยงชักดาบออกมา คำพูลกำพร้าในมือเอาไว้แน่น เขารู้สึกถึงความกดดันที่แผ่เข้ามา ทำให้รู้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายน่าจะเหนือกว่าตนหลายเท่า ดิสมัสตัดสินใจลุกขึ้นมาและเรียกเจ้านกแสกกลับ เขารวมพลังยิงกะโหลกเพลิงออ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status