“ข้าจะมอบกำลังทหารให้สามร้อยคน ให้เจ้าบัญชาการ” การมีทหารในสังกัดตัวเองนั้น ถือว่าดิสมัสมีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิน ดิดีเยร์รีบแย้งว่า
“มันจะไม่มากไปหน่อยหรือขอรับ ท่านพ่อ”
“เขาทำความชอบก็สมควรได้รับรางวัลสิ พวกเจ้าจะกังวลทำไม มีทหารในสังกัดเป็นพัน อีกอย่างเขาก็เป็นลูกข้าเหมือนกับเจ้านั่นล่ะ พวกเจ้าน่ะมัวทำอะไรอยู่ แค่กรีนฮาร์ทเผ่าเดียว รบได้ตั้งเดือนหนึ่ง ดิสมัสเลยอาสาไปจัดการให้แป๊บเดียวเท่านั้น” เทียรี่พูดอย่างไม่ไว้หน้า สองแฝดทำหน้าไม่ถูกได้เก็บความโกรธไว้ในใจ
“ข้าขอไปพบท่านแม่ก่อนนะขอรับ” ดิสมัสรีบตัดบท และเดินออกไป เพราะเขารู้ว่าขืนอยู่ต่อจะต้องมีสงครามน้ำลายแน่ ๆ
“เจ้าเพิ่งชนะสงครามมานะ ทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้” เบต้าพูดด้วยเสียงแหลม ๆ ดิสมัสนั้นนอกจากวิชาหมอผีแล้ว เขายังสามารถอัญเชิญภูตได้ด้วยเป็นวิชาของเอลฟ์ฟอร์แคร์ที่เขาเอามาดัดแปลงใส่พลังความมืดเข้าไป ซึ่ง เบต้าเป็นภูตตนแรกที่เขาอัญเชิญได้มีพลังในการปล่อยผงสามชนิดคือ ผงรักษา ผงพิษ และผงลอยตัว เบต้ามีความพิเศษคือ จะปรากฏตัวได้ตามใจไม่ต้องรอให้เขาเรียกเหมือนภูตตัวอื่น ส่วนเจ้านกแสกที่มาช่วยเขารบนั้น ชื่อ อรอลโต เป็นภูตเหมือนกัน มีความสามารถในการขยายร่างและพาเขาบินขึ้นฟ้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกสามตนที่เขาสามารถเรียกได้ด้วย
“ชนะแล้วไง เจ้าไม่เห็นพี่สองคนของข้าหรือไง ว่าเขาทำเหมือนข้าไปทำอะไรผิดมายังไงยังงั้น”
“โอย สองหน่อนั่นน่ะ เจ้าหายใจยังผิดเลยไม่ต้องคิดมากหรอก”
“เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่ก็พูดได้ ข้าเป็นน้องชายเขา หวังว่าสักวันนะเขาจะเห็นข้าเป็นน้อง”
ดิสมัสมาหยุดที่ประตูห้องของราชินีลิซ่าผู้เป็นมารดา เขาเคาะประตู สักพักก็มีเสียงแหบเหมือนคนป่วยพูดขึ้นมา
“ใคร”
“ข้าเองท่านน้าเฮล ดิสมัส”
ประตูถูกเปิดออก เฮลให้เขาเข้าไปข้างใน เฮลนั้นใครเห็นก็คงจะต้องมีคำถามว่า วัน ๆ กินอะไรบ้างมั้ยเนี่ยเพราะผอมมาก แล้วดูเป็นคนที่เหมือนกับว่าหายใจยังเหนื่อย ผิดกับลิซ่า นางนั้นดูอ่อนเยาจนบ้างครั้งหลายคนยังสงสัยเลยว่าตกลงใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่
“เจ้าชนะสงครามมาแล้วสินะ แล้วคราวนี้ได้อะไรมาตอบแทนล่ะ” ลิซ่าพูดขึ้นมา ดิสมัสตอบว่า
“ขอรับ ท่านพ่อมอบ ทหารในสังกัดให้ข้าสามร้อยนายขอรับ”
“ดีมาก ทำต่อไปเพื่อสะสมอำนาจของเราให้มีมากขึ้นไปอีก เพื่อวันหน้าเราจะครองทุกดินแดน” ลิซ่าพูด นางอาจดูเหมือนผู้หญิงหน้าตาดี ที่ไร้พิษภัยก็จริง แต่ลึก ๆ แล้วนางมีความทะเยอทะยานสูงจนไม่อาจคาดเดาได้เลย
ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นก็ทำให้ดิสมัสอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็พูดออกมาว่า
“ข้ามิได้หวังเช่นนั้นเลยท่านแม่”
“เจ้าว่าอะไรนะ” ลิซ่าหันมามองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจนัก ดิสมัสอึ้งไป นักรบที่เก่งกาจอย่างเขา เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดากลับพูดอะไรไม่ออกเลย
“ไม่มีอะไรหรอกข้าขอรับ ข้าจะทำเพื่อท่านแม่ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”
ดิสมัสเดินออกไป เบต้าเลยพูดว่า
“เจ้าน่ะต่อหน้าแม่ก็เป็นซะแบบนี้ เมื่อไหร่จะเข้าใจกันล่ะ” เบต้าพูด ดิสมัสไม่ตอบอะไรเลย เรื่องที่เป็นที่รู้กันดีคือ ลิซ่านั้นเข้มงวดกับลูกมากในเรื่องการสร้างอำนาจ
ณ ดินแดน มาริยง ดินแดนแห่งเอลฟ์รูมิแย่ ตั้งชื่อตามเอลฟ์รูมิแย่ตนแรกที่บรรลุวิชาจากเทพีดานู เอลฟ์รูมิแย่ มีหน้าตางดงาม ดวงตาไม่ได้เหมือนแมว ผมก็ไม่ได้เป็นสีขาวหากแต่มีหลากหลายสี ผิวไม่ได้ซีดแต่ดูแล้วสดใสกว่าเผ่าอื่น และรูปหน้างดงามกว่าก็เท่านั้น จะเหมือนเอลฟ์เผ่าอื่นก็แค่หูแหลม เอลฟ์รูมิแย่เป็นนักกวี นักดนตรี และหลงใหลในงานศิลปะ แต่พวกเขาหาได้อ่อนแอไม่ ตรงข้ามเขาเป็นนักรบที่เข้มแข็ง เป็นจอมเวทย์ชั้นสูงที่ใช้พลังจากเวทย์มนตร์จากพลังธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ โลหะ ไม้ สายฟ้า แต่เป็นเอกลักษ์จริง ๆ คือการสร้างอัญมณีที่พลังเวทมนตร์และเวทย์มนตร์จากเสียงดนตรี ดีด สี ตี เป่า ด้านเศรฐกิจ ที่นี่เป็นแหล่ง ปลูกข้าวสาลี และแหล่งเลี้ยงผึ้งที่ ใหญ่ที่สุด จึงเป็นแหล่งทำขนมปังชั้นเลิศ และเหล้าน้ำผึ้ง และยังมีการทำประมงด้วย สัตว์เลี้ยงที่นิยมเลี้ยงคือ วัว แกะขนทองคำ ยังเป็นแหล่งสายแร่อัญมณี ทองคำที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ว่ากันตามตรงดินแดนนี้ยิ่งใหญ่มั่งคั่ง ยิ่งกว่าของเอลฟ์รานุนซะอีก
การปกครองของที่นี่ ให้ผู้หญิงเป็นราชินีปกครองดินแดนทั้งหมด เพราะในตอนที่เทพีดานูมาสอนวิชาให้ เอลฟ์รูมิแย่ตนแรกที่ไปเรียนวิชานั้นเป็นผู้หญิง พวกเขาจึงถือว่าผู้หญิงเป็นผู้ปกครองทียิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้ชายซะอีก โดยการเลือกราชินีนั้นจะมีสองแบบคือ หนึ่ง สืบทอดทางสายเลือด ราชินีนั้นไม่ได้มีกฎว่าห้ามแต่งงานแต่อย่างไร เพียงแต่สวามีของราชินี่จะไม่ได้เป็นราชา มักจะแม่ทัพใหญ่ ที่ปรึกษา หรือดูแลด้านอื่น ๆ ไปแทน หากได้ทายาทเป็นหญิงจะมีสิทธิ์สืบทอดบังลังค์ แต่ถ้าเป็นชายก็อาจได้รับตำแหน่งอื่นไปแทน อีกทางคือ คัดเลือกที่จากสตรีที่เกิดในวันอาทิตย์ แล้วมาประชันความสามารถกันว่าใครควรจะได้ตำแหน่งไป
ราชินีองค์ปัจจุบันมาจาก การคัดเลือกนามว่า อลิซซ่า นางเป็นเอลฟ์ที่มีผิวขาวราวกับน้ำนม ผมมีสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล ปากแดง หูแหลมเชิด จัดว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ที่พิเศษคือ นางได้ตำแหน่ง ราชินีตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น นางครองตำแหน่งมาสิบปีแล้ว มีองค์รักษ์คนสนิทคือ มารีสเจ้าของมนตร์เหมัน เขาเป็นเอลฟ์ ที่มีผมสีฟ้า ตาสีฟ้า มีขลุ่ยเป็นอาวุธประจำกาย หลายคนเชียร์ให้ทั้งสองได้ลงเอยกันสักที เพราะรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
อีกข้อที่ทำให้เอลฟ์รูมิแย่แตกต่างอย่างมากกับเอลฟ์รานุนคือ พวกเขาพร้อมที่จะเจรจามากกว่าจะออกรบดังเช่นวันนี้ อลิซซ่ากำลังเจรจากับหัวหน้าเอลฟ์ฟอร์แคร์ เผ่าลู (หมาป่า) โดยหัวหน้าเผ่ามีนามว่า แคนนอร์ ซึ่งเผ่านี้เป็นอันตรายกว่าเผ่าอื่นตรงที่ สามารถฝึกหมาป่าให้มาร่วมต่อสู้ได้ แถมยังมีการแปลงร่างเป็นปีศาจหมาป่าได้อีกด้วย ว่ากันว่าเผ่านี้แข็งแกร่งมากและเจรจาด้วยยากที่สุดแล้ว
“ใช้คาถานั่นกับข้า” “เฮ้ย ! ไอ้การเป็นคนเสียสตินี่ นี่เป็นโรคติดต่อหรือไงวะเนี่ย” ดิดิเย่ร์พูด “ทำเลย” ดาเมี่ยงตะโกนเสียงดังลั่น “ก็ได้ แต่ไม่รับรู้ด้วยนะโวย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ดิดิเย่ร์ร่ายมนตร์ควันสีดำมาปกคลุมร่างของดาเมี่ยงเหมือนกับดิสมัส ทั้งสองโจมตีอีกครั้งแม้พลังจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่อาจระคายผิว ของบาลเดอร์ได้เลย แถมยังถูก บาลเดอร์ปล่อยลำแสงออกมาเล่นงานทั้งสองอีก คราวนี้ทั้งสองหลบไม่ได้โดนเข้าไปเต็ม ๆ ถึงล้มลงไปและลุกแทบไม่ขึ้น ดิดิเย่ร์ซึ่งตอนนี้ทำอะไรแทบไม่ถูกแล้ว แต่เมื่อมองไปที่ร่างเปลือยเปล่าของบัลเดอร์ก็นึกบางอย่างออก เขาเลยตัดสินใจลุกขึ้น เหวี่ยงไม้คถาไปที่หว่างขาของมัน ซึ่งเป้าหมายคือ ลูกอัณฑะ ร่างของมันที่เปลือยเปล่าทำให้เห็นเป้าหมายชัดเจน ซึ่งเขาคิดอย่างไรเสีย มันก็เป็นผู้ชาย โดนฟาดไปเต็ม ๆ แบบนี้ยังไงก็ต้องเจ็บปวดแน่นอนแต่กลายเป็นบาลเดอร์ไม่เป็นอะไรเลย “คิดว่าข้าจะเจ็บกับอะไรแบบนี้หรือไง” และมันก็แตะเข้าที่หว่างขาของดิดิเย่ร์คืน เขารู้สึกเจ็บและจุกจนยืนแทบไม่ได้“กระจอกมาก ไม่มีอะไรในโลกที่ฆ่าข้าได้หรอกโวย” พูดยังไม่ทันขาดคำมีบางอย
“จะช่วยเขาก็มีทางเดียวแล้วล่ะ ข้าต้องเสกอาวุธที่สามารถฆ่าเจ้านั้นได้ หวังว่าคงไม่ได้ตัวอะไรมาอีกนะ” ศุภมิตรพูด เขาก่อกองไฟขึ้นมา นั่งขัดสมาธิ และเริ่มร่ายมนตร์ เปลวไฟตรงหน้าลุกโชนราวกับมันกำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน สองพี่น้องมองดูด้วยใจเต้นแรง และภาวนาให้พิธีนี้สำเร็จโดยเร็ว และสักพักก็มีต้นไม้ต้นเล็กสีเขียวปรากฏขึ้นมา มันดูอ่อนแอและบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ทำอาวุธอะไรได้ “ท่านเสกอีหยังมาเนี่ย” คำพูนพูดอย่างแปลกใจ ศุภมิตรนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า “มันเรียกว่าต้น มิสเซิลโท เป็นต้นไม้ตระกูลกาฝากน่ะ เจ้าต้นไม้ต้นนี้ ตอนที่แม่ของบาลเดอร์ไปทำสัญญานั้น มันยังเล็กอยู่จึงไม่ได้ทำสัญญาด้วย นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่ฆ่าเจ้านั่นได้” “ฮ่วย ! มันต้นน้อยซ่ำนี่ และแถมดูอ่อนหลาย ๆ จะเอามาเฮ็ดเป็นอีหยังได้” คำพูนพูดพลางลองหักด฿ ซึ่งมันก็อ่อนอย่างที่คำพูลพูดจริง ๆ ศุภมิตรทำหน้าไม่ถูก แค่คำแพงกลับเห็นอะไรบ้างอย่าง “ข้อยจะเฮ็ดมันเป็นอาวุธเอง” ที่สนามรบ ดิสมัส อลิซซ่า ดิดิเยร์ ดาเมี่ยงกำลังยืนดูกองทัพไวกิ้งกำลังเคลื่อนพลมา ทั้งดิสมัสและ ดิดิเยร์เสกโกเ
ดิสมัสปั้นหน้าไม่ถูกเพราะ เขาไม่เคยเห็นคนที่เป็นราชาแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะ ๆ เช่นนี้ อิบารา โดจิกับศุภมิตรพูดจาปราศัยกันสักพัก อรุณนภาต้องถามว่า “ท่านศุภมิตรพาใครมาเหรอเจ้าคะ”ศุภมิตรเลยรีบแนะนำเอลฟ์ทั้งสอง “ดิสมัส กับ อลิซซ่า พวกเขาเป็นเอลฟ์ ที่ยึดดินแดนใหญ่ของเจ้าเพาเดอร์ไป”ชูเท็นโดจิหันขวับมา แต่อรุณนาภารีบบอกว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็น มานั่งกินเหล้าเงียบ ๆ เถอะนะ”ชูเท็นโดจิ หันมาพูดกับอิบารากิโดจิว่า “วันนี้เจ้ากับข้ามีเรื่องพูดกันเยอะนะ อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ” ชูเท็นโดจิกลับนั่งและดื่มเหล้า อลิซซ่าก้าวเท้าออกมาโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ข้าอลิซซ่า ตัวแทนของเหล่าเอลฟ์ มาขอคาราวะองค์ราชาและราชินี” “พวกเจ้ามายึดดินแดนข้า ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพหรอก” ชูเท็นโดจิพูดด้วยน้ำเสียงพร้อมหาเรื่อง แต่อรุณนภากลับพูดว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็นเจ้าก็รู้นี่ ว่าไอ้เอลฟ์ที่มายึดเมืองเราต้องนั้นไม่ใช่พวกเขา ข้าขอเจรจาเอง” ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่ม “จริงอยู่ดินแดนนั้นเคยเป็นของพวกท่าน แต่ท่านเสียให้เพาเดอร์ไปก่อนแล้ว ตอน
แม้ว่าตอนนี้ พวกมนุษย์หนูจะกลัวพวกนรสิงฆ์ แต่มันกลัวดิสมัสมากกว่า เลยตามดิสมัสไป เขากระโดดไปเกาะเจ้านกแสก ให้มันพาบินไปที่สนามรบและปล่อยร่างของนายมันลงไป เบต้าเองก็บินตามมาด้วย ดิสมัสกำดาบในมือแน่น เหล่านรสิงฆ์เข้ามาโจมตีเข้า ดิสมัสหลบได้และฟันสวนไปโดนเกราะ ดาบเด้งออกมา ทำให้รู้ว่าเกราะที่พวกเขาสวมอยู่ทำจากหวายสาน ! และดูจากสีของมันแล้ว มันต้องถูกแช่ในน้ำมันมาแน่น ๆ เกราะชนิดนี้มีน้ำหนักเบาแต่มีความเหนียวมาก อาวุธมีคมทำลายได้ไม่ง่าย ยิงพวกธนูยิ่งแล้วใหญ่มันเจาะเกราะแบบนี้ไม่ได้ แน่ ๆ “เบต้า แกบินไปบอกพี่ข้า ว่าเกราะพวกนี้เป็นหวายแช่น้ำมัน !” เบต้าพยักหน้ารับรู้และบินไปทันที คำแพงกับคำพูนกำลังจะตามช่วยดิสมัส แต่ดาเมี่ยงยืนขว้างหน้าเอาไว้ก่อน “คิดจะทำบ้าอะไร” “ก็ไปซอยอ้ายมัดติ เจ้าหลบไป” คำแพงพูด ดาเมี่ยงเลิกคิ้วเพราะเขาไม่ค่อยออกว่า คำแพงพูดว่าอะไรบ้าง ดิดิเย่ร์เลยพูดว่า “นางคงอยากให้เจ้าหลีกล่ะมั้ง เจ้ายังไม่ต้องไปไหนเดี๋ยว ไอ้ดิสมัสก็ส่งข่าวมา” ดิดิเย่ร์พูด “ฮู้ได้จั๋งได๋” คำแพงถาม ดิดิเย่ร์ตอบว่า
ดิสมัสไม่พูดอะไรอีกเขาเดินออกจากที่ประชุม และไปดูอาหารของตัวเอง ซึ่งเป็นเนื้อเค็มสูตรเขาและบิสกิสก้อนหิน “อ้ายเฮ็ดอีหยัง” คำแพงถามเขา “อยากจะเอาอะไรท่านพี่ทั้งสองกินสักหน่อย” ดิสมัสพูดขึ้นมา คำแพงมาดูแล้วพูดว่า “เอาของบ่เป็นตาแดก ไปให้สองคนนั้นเด้ เขาก็ชังอ้ายหลาย ๆ อยู่แฮ้ว เดี๋ยวก็ได้ชังหนักว่าเดิมติ”คำแพงพูดและมองรอบ ๆ ตอนนี้มีเพียงไข่กับข้าวเท่านั้น “รอก่อนเด้อ”คำแพงทำข้าวจี่และให้ดิสมัสเอาไปให้ฝาแฝด ตั้งแต่ถูกจับมา ดาเมี่ยงดูจะหงุดหงิดไปกับทุกอย่างรอบตัว ผิดกับดิดิเย่ร์ที่ดูสงบมากตั้งแต่เข้ามาในห้องขัง “โวยวายหาอะไรวะ ดาเมี่ยง” “แกไม่หงุดหงิดหรือไงวะ คุกนี้พวกเราคุมการสร้างเองนะโวย ! ใครจะไปคิดวะว่าจะเอามาขังพวกเราเอง” “ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกมันก็มาปล่อยเรา” ดิดิเย่พูด ดิสมัสกับคำแพงมาหาเขา ดิดิเย่ร์มองหน้าดิสมัสแล้วถามว่า “ต้องการอะไร” “ข้าแค่เอาอาหารมาให้เท่านั้นล่ะ” ดิสมัสวางข้าวจี่ตรงหน้าของฝาแฝด พวกเขาทำหน้างง แล้วถามพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ “ไอ้เหลือง ๆ นี่
“อ้ายล่อมันไปก่อน ข่อยจะเหวี่ยงหินใส่มัน” “เจ้าเป็นบ้าบ่ โตนมันยังกะยักษ์ หินก้อนน้อย ๆ ของเจ้าจะเฮ็ดหยังมันได้” พูดยังไม่ทันขาดคำเหล่าพานรมฤครุมโจมตีโกเล็มซะก่อน คำแพงเห็นเป็นโอกาสรีบเหวี่ยงหินไปทันที แต่ว่า ดาเมี่ยงโผล่มาเอาดาบปัดหินทิ้ง “คิดว่าหินแบบนี้จะฆ่าพวกเราได้งั้นเหรอ”คำพูลรีบมาขว้างหน้าคำแพง เขาตะโกนเสียงดังลั่น “ข่อยขอท้าสู้กับเจ้า โตต่อโต”ดาเมี่ยงได้ยินก็หัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้าพูดบ้าอะไร อย่างเจ้าเหรอจะมาท้าทายข้าหา” “หรือว่าเจ้าย่านข่อยบ่”ดาเมี่ยงได้ยินก็ยิ่งหัวเราะเข้าไปอีก คราวนี้มันถึงกับน้ำตาไหล แล้วพูดว่า “อยากตายนักก็ได้ ข้าจะสงเคราะห์ให้ ดิดิเย่ร์ เจ้าไม่ต้องยุ่ง” ดาเมี่ยงพูด ดิดิเย่ร์หยักไหล่แล้วพูดว่า “ล้อเล่นเปล่าเนี่ย แค่มนุษย์คนเดียว แกยังจะให้ข้าลงมืออีกเหรอ”ดาเมี่ยงชักดาบออกมา คำพูลกำพร้าในมือเอาไว้แน่น เขารู้สึกถึงความกดดันที่แผ่เข้ามา ทำให้รู้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายน่าจะเหนือกว่าตนหลายเท่า ดิสมัสตัดสินใจลุกขึ้นมาและเรียกเจ้านกแสกกลับ เขารวมพลังยิงกะโหลกเพลิงออ