Home / แฟนตาซี / ศึกเทพชิงพิภพ / ตอนที่4 ชนะแล้วไง

Share

ตอนที่4 ชนะแล้วไง

last update Last Updated: 2025-05-07 23:26:39

            “ข้าจะมอบกำลังทหารให้สามร้อยคน ให้เจ้าบัญชาการ” การมีทหารในสังกัดตัวเองนั้น ถือว่าดิสมัสมีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิน ดิดีเยร์รีบแย้งว่า

            “มันจะไม่มากไปหน่อยหรือขอรับ ท่านพ่อ”

            “เขาทำความชอบก็สมควรได้รับรางวัลสิ พวกเจ้าจะกังวลทำไม มีทหารในสังกัดเป็นพัน อีกอย่างเขาก็เป็นลูกข้าเหมือนกับเจ้านั่นล่ะ พวกเจ้าน่ะมัวทำอะไรอยู่ แค่กรีนฮาร์ทเผ่าเดียว รบได้ตั้งเดือนหนึ่ง ดิสมัสเลยอาสาไปจัดการให้แป๊บเดียวเท่านั้น” เทียรี่พูดอย่างไม่ไว้หน้า สองแฝดทำหน้าไม่ถูกได้เก็บความโกรธไว้ในใจ

            “ข้าขอไปพบท่านแม่ก่อนนะขอรับ” ดิสมัสรีบตัดบท และเดินออกไป เพราะเขารู้ว่าขืนอยู่ต่อจะต้องมีสงครามน้ำลายแน่ ๆ

            “เจ้าเพิ่งชนะสงครามมานะ ทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้” เบต้าพูดด้วยเสียงแหลม ๆ ดิสมัสนั้นนอกจากวิชาหมอผีแล้ว เขายังสามารถอัญเชิญภูตได้ด้วยเป็นวิชาของเอลฟ์ฟอร์แคร์ที่เขาเอามาดัดแปลงใส่พลังความมืดเข้าไป ซึ่ง เบต้าเป็นภูตตนแรกที่เขาอัญเชิญได้มีพลังในการปล่อยผงสามชนิดคือ ผงรักษา ผงพิษ และผงลอยตัว เบต้ามีความพิเศษคือ จะปรากฏตัวได้ตามใจไม่ต้องรอให้เขาเรียกเหมือนภูตตัวอื่น  ส่วนเจ้านกแสกที่มาช่วยเขารบนั้น ชื่อ อรอลโต เป็นภูตเหมือนกัน มีความสามารถในการขยายร่างและพาเขาบินขึ้นฟ้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกสามตนที่เขาสามารถเรียกได้ด้วย

           “ชนะแล้วไง เจ้าไม่เห็นพี่สองคนของข้าหรือไง ว่าเขาทำเหมือนข้าไปทำอะไรผิดมายังไงยังงั้น”

            “โอย สองหน่อนั่นน่ะ เจ้าหายใจยังผิดเลยไม่ต้องคิดมากหรอก”

            “เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่ก็พูดได้ ข้าเป็นน้องชายเขา หวังว่าสักวันนะเขาจะเห็นข้าเป็นน้อง”

            ดิสมัสมาหยุดที่ประตูห้องของราชินีลิซ่าผู้เป็นมารดา เขาเคาะประตู สักพักก็มีเสียงแหบเหมือนคนป่วยพูดขึ้นมา

            “ใคร”

            “ข้าเองท่านน้าเฮล ดิสมัส”

ประตูถูกเปิดออก เฮลให้เขาเข้าไปข้างใน เฮลนั้นใครเห็นก็คงจะต้องมีคำถามว่า วัน ๆ กินอะไรบ้างมั้ยเนี่ยเพราะผอมมาก แล้วดูเป็นคนที่เหมือนกับว่าหายใจยังเหนื่อย ผิดกับลิซ่า นางนั้นดูอ่อนเยาจนบ้างครั้งหลายคนยังสงสัยเลยว่าตกลงใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่

            “เจ้าชนะสงครามมาแล้วสินะ แล้วคราวนี้ได้อะไรมาตอบแทนล่ะ” ลิซ่าพูดขึ้นมา ดิสมัสตอบว่า

            “ขอรับ ท่านพ่อมอบ ทหารในสังกัดให้ข้าสามร้อยนายขอรับ”

“ดีมาก ทำต่อไปเพื่อสะสมอำนาจของเราให้มีมากขึ้นไปอีก เพื่อวันหน้าเราจะครองทุกดินแดน” ลิซ่าพูด นางอาจดูเหมือนผู้หญิงหน้าตาดี ที่ไร้พิษภัยก็จริง แต่ลึก ๆ แล้วนางมีความทะเยอทะยานสูงจนไม่อาจคาดเดาได้เลย

            ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นก็ทำให้ดิสมัสอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็พูดออกมาว่า

            “ข้ามิได้หวังเช่นนั้นเลยท่านแม่”

            “เจ้าว่าอะไรนะ” ลิซ่าหันมามองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจนัก ดิสมัสอึ้งไป นักรบที่เก่งกาจอย่างเขา เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดากลับพูดอะไรไม่ออกเลย

            “ไม่มีอะไรหรอกข้าขอรับ ข้าจะทำเพื่อท่านแม่ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”

ดิสมัสเดินออกไป เบต้าเลยพูดว่า

            “เจ้าน่ะต่อหน้าแม่ก็เป็นซะแบบนี้ เมื่อไหร่จะเข้าใจกันล่ะ” เบต้าพูด ดิสมัสไม่ตอบอะไรเลย เรื่องที่เป็นที่รู้กันดีคือ ลิซ่านั้นเข้มงวดกับลูกมากในเรื่องการสร้างอำนาจ

ณ ดินแดน มาริยง ดินแดนแห่งเอลฟ์รูมิแย่ ตั้งชื่อตามเอลฟ์รูมิแย่ตนแรกที่บรรลุวิชาจากเทพีดานู  เอลฟ์รูมิแย่ มีหน้าตางดงาม ดวงตาไม่ได้เหมือนแมว ผมก็ไม่ได้เป็นสีขาวหากแต่มีหลากหลายสี ผิวไม่ได้ซีดแต่ดูแล้วสดใสกว่าเผ่าอื่น และรูปหน้างดงามกว่าก็เท่านั้น จะเหมือนเอลฟ์เผ่าอื่นก็แค่หูแหลม เอลฟ์รูมิแย่เป็นนักกวี นักดนตรี และหลงใหลในงานศิลปะ แต่พวกเขาหาได้อ่อนแอไม่ ตรงข้ามเขาเป็นนักรบที่เข้มแข็ง เป็นจอมเวทย์ชั้นสูงที่ใช้พลังจากเวทย์มนตร์จากพลังธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ โลหะ ไม้ สายฟ้า  แต่เป็นเอกลักษ์จริง ๆ คือการสร้างอัญมณีที่พลังเวทมนตร์และเวทย์มนตร์จากเสียงดนตรี ดีด สี ตี เป่า ด้านเศรฐกิจ ที่นี่เป็นแหล่ง ปลูกข้าวสาลี และแหล่งเลี้ยงผึ้งที่ ใหญ่ที่สุด จึงเป็นแหล่งทำขนมปังชั้นเลิศ และเหล้าน้ำผึ้ง และยังมีการทำประมงด้วย สัตว์เลี้ยงที่นิยมเลี้ยงคือ วัว แกะขนทองคำ ยังเป็นแหล่งสายแร่อัญมณี ทองคำที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ว่ากันตามตรงดินแดนนี้ยิ่งใหญ่มั่งคั่ง ยิ่งกว่าของเอลฟ์รานุนซะอีก

การปกครองของที่นี่ ให้ผู้หญิงเป็นราชินีปกครองดินแดนทั้งหมด เพราะในตอนที่เทพีดานูมาสอนวิชาให้ เอลฟ์รูมิแย่ตนแรกที่ไปเรียนวิชานั้นเป็นผู้หญิง พวกเขาจึงถือว่าผู้หญิงเป็นผู้ปกครองทียิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้ชายซะอีก โดยการเลือกราชินีนั้นจะมีสองแบบคือ หนึ่ง สืบทอดทางสายเลือด ราชินีนั้นไม่ได้มีกฎว่าห้ามแต่งงานแต่อย่างไร เพียงแต่สวามีของราชินี่จะไม่ได้เป็นราชา มักจะแม่ทัพใหญ่ ที่ปรึกษา หรือดูแลด้านอื่น ๆ ไปแทน หากได้ทายาทเป็นหญิงจะมีสิทธิ์สืบทอดบังลังค์ แต่ถ้าเป็นชายก็อาจได้รับตำแหน่งอื่นไปแทน อีกทางคือ คัดเลือกที่จากสตรีที่เกิดในวันอาทิตย์ แล้วมาประชันความสามารถกันว่าใครควรจะได้ตำแหน่งไป

ราชินีองค์ปัจจุบันมาจาก การคัดเลือกนามว่า อลิซซ่า นางเป็นเอลฟ์ที่มีผิวขาวราวกับน้ำนม ผมมีสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล ปากแดง หูแหลมเชิด จัดว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ที่พิเศษคือ นางได้ตำแหน่ง ราชินีตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น นางครองตำแหน่งมาสิบปีแล้ว มีองค์รักษ์คนสนิทคือ มารีสเจ้าของมนตร์เหมัน เขาเป็นเอลฟ์ ที่มีผมสีฟ้า ตาสีฟ้า มีขลุ่ยเป็นอาวุธประจำกาย หลายคนเชียร์ให้ทั้งสองได้ลงเอยกันสักที เพราะรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว 

 อีกข้อที่ทำให้เอลฟ์รูมิแย่แตกต่างอย่างมากกับเอลฟ์รานุนคือ พวกเขาพร้อมที่จะเจรจามากกว่าจะออกรบดังเช่นวันนี้ อลิซซ่ากำลังเจรจากับหัวหน้าเอลฟ์ฟอร์แคร์ เผ่าลู (หมาป่า) โดยหัวหน้าเผ่ามีนามว่า แคนนอร์ ซึ่งเผ่านี้เป็นอันตรายกว่าเผ่าอื่นตรงที่ สามารถฝึกหมาป่าให้มาร่วมต่อสู้ได้ แถมยังมีการแปลงร่างเป็นปีศาจหมาป่าได้อีกด้วย ว่ากันว่าเผ่านี้แข็งแกร่งมากและเจรจาด้วยยากที่สุดแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่75 ตะโกนเสียงดังลั่น

    “ใช้คาถานั่นกับข้า” “เฮ้ย ! ไอ้การเป็นคนเสียสตินี่ นี่เป็นโรคติดต่อหรือไงวะเนี่ย” ดิดิเย่ร์พูด “ทำเลย” ดาเมี่ยงตะโกนเสียงดังลั่น “ก็ได้ แต่ไม่รับรู้ด้วยนะโวย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ดิดิเย่ร์ร่ายมนตร์ควันสีดำมาปกคลุมร่างของดาเมี่ยงเหมือนกับดิสมัส ทั้งสองโจมตีอีกครั้งแม้พลังจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่อาจระคายผิว ของบาลเดอร์ได้เลย แถมยังถูก บาลเดอร์ปล่อยลำแสงออกมาเล่นงานทั้งสองอีก คราวนี้ทั้งสองหลบไม่ได้โดนเข้าไปเต็ม ๆ ถึงล้มลงไปและลุกแทบไม่ขึ้น ดิดิเย่ร์ซึ่งตอนนี้ทำอะไรแทบไม่ถูกแล้ว แต่เมื่อมองไปที่ร่างเปลือยเปล่าของบัลเดอร์ก็นึกบางอย่างออก เขาเลยตัดสินใจลุกขึ้น เหวี่ยงไม้คถาไปที่หว่างขาของมัน ซึ่งเป้าหมายคือ ลูกอัณฑะ ร่างของมันที่เปลือยเปล่าทำให้เห็นเป้าหมายชัดเจน ซึ่งเขาคิดอย่างไรเสีย มันก็เป็นผู้ชาย โดนฟาดไปเต็ม ๆ แบบนี้ยังไงก็ต้องเจ็บปวดแน่นอนแต่กลายเป็นบาลเดอร์ไม่เป็นอะไรเลย “คิดว่าข้าจะเจ็บกับอะไรแบบนี้หรือไง” และมันก็แตะเข้าที่หว่างขาของดิดิเย่ร์คืน เขารู้สึกเจ็บและจุกจนยืนแทบไม่ได้“กระจอกมาก ไม่มีอะไรในโลกที่ฆ่าข้าได้หรอกโวย” พูดยังไม่ทันขาดคำมีบางอย

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่74

    “จะช่วยเขาก็มีทางเดียวแล้วล่ะ ข้าต้องเสกอาวุธที่สามารถฆ่าเจ้านั้นได้ หวังว่าคงไม่ได้ตัวอะไรมาอีกนะ” ศุภมิตรพูด เขาก่อกองไฟขึ้นมา นั่งขัดสมาธิ และเริ่มร่ายมนตร์ เปลวไฟตรงหน้าลุกโชนราวกับมันกำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน สองพี่น้องมองดูด้วยใจเต้นแรง และภาวนาให้พิธีนี้สำเร็จโดยเร็ว และสักพักก็มีต้นไม้ต้นเล็กสีเขียวปรากฏขึ้นมา มันดูอ่อนแอและบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ทำอาวุธอะไรได้ “ท่านเสกอีหยังมาเนี่ย” คำพูนพูดอย่างแปลกใจ ศุภมิตรนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า “มันเรียกว่าต้น มิสเซิลโท เป็นต้นไม้ตระกูลกาฝากน่ะ เจ้าต้นไม้ต้นนี้ ตอนที่แม่ของบาลเดอร์ไปทำสัญญานั้น มันยังเล็กอยู่จึงไม่ได้ทำสัญญาด้วย นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่ฆ่าเจ้านั่นได้” “ฮ่วย ! มันต้นน้อยซ่ำนี่ และแถมดูอ่อนหลาย ๆ จะเอามาเฮ็ดเป็นอีหยังได้” คำพูนพูดพลางลองหักด฿ ซึ่งมันก็อ่อนอย่างที่คำพูลพูดจริง ๆ ศุภมิตรทำหน้าไม่ถูก แค่คำแพงกลับเห็นอะไรบ้างอย่าง “ข้อยจะเฮ็ดมันเป็นอาวุธเอง” ที่สนามรบ ดิสมัส อลิซซ่า ดิดิเยร์ ดาเมี่ยงกำลังยืนดูกองทัพไวกิ้งกำลังเคลื่อนพลมา ทั้งดิสมัสและ ดิดิเยร์เสกโกเ

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่73 จอมทัพคงกระพัน

    ดิสมัสปั้นหน้าไม่ถูกเพราะ เขาไม่เคยเห็นคนที่เป็นราชาแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะ ๆ เช่นนี้ อิบารา โดจิกับศุภมิตรพูดจาปราศัยกันสักพัก อรุณนภาต้องถามว่า “ท่านศุภมิตรพาใครมาเหรอเจ้าคะ”ศุภมิตรเลยรีบแนะนำเอลฟ์ทั้งสอง “ดิสมัส กับ อลิซซ่า พวกเขาเป็นเอลฟ์ ที่ยึดดินแดนใหญ่ของเจ้าเพาเดอร์ไป”ชูเท็นโดจิหันขวับมา แต่อรุณนาภารีบบอกว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็น มานั่งกินเหล้าเงียบ ๆ เถอะนะ”ชูเท็นโดจิ หันมาพูดกับอิบารากิโดจิว่า “วันนี้เจ้ากับข้ามีเรื่องพูดกันเยอะนะ อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ” ชูเท็นโดจิกลับนั่งและดื่มเหล้า อลิซซ่าก้าวเท้าออกมาโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ข้าอลิซซ่า ตัวแทนของเหล่าเอลฟ์ มาขอคาราวะองค์ราชาและราชินี” “พวกเจ้ามายึดดินแดนข้า ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพหรอก” ชูเท็นโดจิพูดด้วยน้ำเสียงพร้อมหาเรื่อง แต่อรุณนภากลับพูดว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็นเจ้าก็รู้นี่ ว่าไอ้เอลฟ์ที่มายึดเมืองเราต้องนั้นไม่ใช่พวกเขา ข้าขอเจรจาเอง” ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่ม “จริงอยู่ดินแดนนั้นเคยเป็นของพวกท่าน แต่ท่านเสียให้เพาเดอร์ไปก่อนแล้ว ตอน

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่72 ศึกนรสิงฆ์

    แม้ว่าตอนนี้ พวกมนุษย์หนูจะกลัวพวกนรสิงฆ์ แต่มันกลัวดิสมัสมากกว่า เลยตามดิสมัสไป เขากระโดดไปเกาะเจ้านกแสก ให้มันพาบินไปที่สนามรบและปล่อยร่างของนายมันลงไป เบต้าเองก็บินตามมาด้วย ดิสมัสกำดาบในมือแน่น เหล่านรสิงฆ์เข้ามาโจมตีเข้า ดิสมัสหลบได้และฟันสวนไปโดนเกราะ ดาบเด้งออกมา ทำให้รู้ว่าเกราะที่พวกเขาสวมอยู่ทำจากหวายสาน ! และดูจากสีของมันแล้ว มันต้องถูกแช่ในน้ำมันมาแน่น ๆ เกราะชนิดนี้มีน้ำหนักเบาแต่มีความเหนียวมาก อาวุธมีคมทำลายได้ไม่ง่าย ยิงพวกธนูยิ่งแล้วใหญ่มันเจาะเกราะแบบนี้ไม่ได้ แน่ ๆ “เบต้า แกบินไปบอกพี่ข้า ว่าเกราะพวกนี้เป็นหวายแช่น้ำมัน !” เบต้าพยักหน้ารับรู้และบินไปทันที คำแพงกับคำพูนกำลังจะตามช่วยดิสมัส แต่ดาเมี่ยงยืนขว้างหน้าเอาไว้ก่อน “คิดจะทำบ้าอะไร” “ก็ไปซอยอ้ายมัดติ เจ้าหลบไป” คำแพงพูด ดาเมี่ยงเลิกคิ้วเพราะเขาไม่ค่อยออกว่า คำแพงพูดว่าอะไรบ้าง ดิดิเย่ร์เลยพูดว่า “นางคงอยากให้เจ้าหลีกล่ะมั้ง เจ้ายังไม่ต้องไปไหนเดี๋ยว ไอ้ดิสมัสก็ส่งข่าวมา” ดิดิเย่ร์พูด “ฮู้ได้จั๋งได๋” คำแพงถาม ดิดิเย่ร์ตอบว่า

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่71 อ้ายเฮ็ดอีหยัง

    ดิสมัสไม่พูดอะไรอีกเขาเดินออกจากที่ประชุม และไปดูอาหารของตัวเอง ซึ่งเป็นเนื้อเค็มสูตรเขาและบิสกิสก้อนหิน “อ้ายเฮ็ดอีหยัง” คำแพงถามเขา “อยากจะเอาอะไรท่านพี่ทั้งสองกินสักหน่อย” ดิสมัสพูดขึ้นมา คำแพงมาดูแล้วพูดว่า “เอาของบ่เป็นตาแดก ไปให้สองคนนั้นเด้ เขาก็ชังอ้ายหลาย ๆ อยู่แฮ้ว เดี๋ยวก็ได้ชังหนักว่าเดิมติ”คำแพงพูดและมองรอบ ๆ ตอนนี้มีเพียงไข่กับข้าวเท่านั้น “รอก่อนเด้อ”คำแพงทำข้าวจี่และให้ดิสมัสเอาไปให้ฝาแฝด ตั้งแต่ถูกจับมา ดาเมี่ยงดูจะหงุดหงิดไปกับทุกอย่างรอบตัว ผิดกับดิดิเย่ร์ที่ดูสงบมากตั้งแต่เข้ามาในห้องขัง “โวยวายหาอะไรวะ ดาเมี่ยง” “แกไม่หงุดหงิดหรือไงวะ คุกนี้พวกเราคุมการสร้างเองนะโวย ! ใครจะไปคิดวะว่าจะเอามาขังพวกเราเอง” “ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกมันก็มาปล่อยเรา” ดิดิเย่พูด ดิสมัสกับคำแพงมาหาเขา ดิดิเย่ร์มองหน้าดิสมัสแล้วถามว่า “ต้องการอะไร” “ข้าแค่เอาอาหารมาให้เท่านั้นล่ะ” ดิสมัสวางข้าวจี่ตรงหน้าของฝาแฝด พวกเขาทำหน้างง แล้วถามพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ “ไอ้เหลือง ๆ นี่

  • ศึกเทพชิงพิภพ    ตอนที่ 70 ให้รอเหรอ

    “อ้ายล่อมันไปก่อน ข่อยจะเหวี่ยงหินใส่มัน” “เจ้าเป็นบ้าบ่ โตนมันยังกะยักษ์ หินก้อนน้อย ๆ ของเจ้าจะเฮ็ดหยังมันได้” พูดยังไม่ทันขาดคำเหล่าพานรมฤครุมโจมตีโกเล็มซะก่อน คำแพงเห็นเป็นโอกาสรีบเหวี่ยงหินไปทันที แต่ว่า ดาเมี่ยงโผล่มาเอาดาบปัดหินทิ้ง “คิดว่าหินแบบนี้จะฆ่าพวกเราได้งั้นเหรอ”คำพูลรีบมาขว้างหน้าคำแพง เขาตะโกนเสียงดังลั่น “ข่อยขอท้าสู้กับเจ้า โตต่อโต”ดาเมี่ยงได้ยินก็หัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้าพูดบ้าอะไร อย่างเจ้าเหรอจะมาท้าทายข้าหา” “หรือว่าเจ้าย่านข่อยบ่”ดาเมี่ยงได้ยินก็ยิ่งหัวเราะเข้าไปอีก คราวนี้มันถึงกับน้ำตาไหล แล้วพูดว่า “อยากตายนักก็ได้ ข้าจะสงเคราะห์ให้ ดิดิเย่ร์ เจ้าไม่ต้องยุ่ง” ดาเมี่ยงพูด ดิดิเย่ร์หยักไหล่แล้วพูดว่า “ล้อเล่นเปล่าเนี่ย แค่มนุษย์คนเดียว แกยังจะให้ข้าลงมืออีกเหรอ”ดาเมี่ยงชักดาบออกมา คำพูลกำพร้าในมือเอาไว้แน่น เขารู้สึกถึงความกดดันที่แผ่เข้ามา ทำให้รู้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายน่าจะเหนือกว่าตนหลายเท่า ดิสมัสตัดสินใจลุกขึ้นมาและเรียกเจ้านกแสกกลับ เขารวมพลังยิงกะโหลกเพลิงออ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status