“ข้าจะมอบกำลังทหารให้สามร้อยคน ให้เจ้าบัญชาการ” การมีทหารในสังกัดตัวเองนั้น ถือว่าดิสมัสมีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิน ดิดีเยร์รีบแย้งว่า
“มันจะไม่มากไปหน่อยหรือขอรับ ท่านพ่อ”
“เขาทำความชอบก็สมควรได้รับรางวัลสิ พวกเจ้าจะกังวลทำไม มีทหารในสังกัดเป็นพัน อีกอย่างเขาก็เป็นลูกข้าเหมือนกับเจ้านั่นล่ะ พวกเจ้าน่ะมัวทำอะไรอยู่ แค่กรีนฮาร์ทเผ่าเดียว รบได้ตั้งเดือนหนึ่ง ดิสมัสเลยอาสาไปจัดการให้แป๊บเดียวเท่านั้น” เทียรี่พูดอย่างไม่ไว้หน้า สองแฝดทำหน้าไม่ถูกได้เก็บความโกรธไว้ในใจ
“ข้าขอไปพบท่านแม่ก่อนนะขอรับ” ดิสมัสรีบตัดบท และเดินออกไป เพราะเขารู้ว่าขืนอยู่ต่อจะต้องมีสงครามน้ำลายแน่ ๆ
“เจ้าเพิ่งชนะสงครามมานะ ทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้” เบต้าพูดด้วยเสียงแหลม ๆ ดิสมัสนั้นนอกจากวิชาหมอผีแล้ว เขายังสามารถอัญเชิญภูตได้ด้วยเป็นวิชาของเอลฟ์ฟอร์แคร์ที่เขาเอามาดัดแปลงใส่พลังความมืดเข้าไป ซึ่ง เบต้าเป็นภูตตนแรกที่เขาอัญเชิญได้มีพลังในการปล่อยผงสามชนิดคือ ผงรักษา ผงพิษ และผงลอยตัว เบต้ามีความพิเศษคือ จะปรากฏตัวได้ตามใจไม่ต้องรอให้เขาเรียกเหมือนภูตตัวอื่น ส่วนเจ้านกแสกที่มาช่วยเขารบนั้น ชื่อ อรอลโต เป็นภูตเหมือนกัน มีความสามารถในการขยายร่างและพาเขาบินขึ้นฟ้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกสามตนที่เขาสามารถเรียกได้ด้วย
“ชนะแล้วไง เจ้าไม่เห็นพี่สองคนของข้าหรือไง ว่าเขาทำเหมือนข้าไปทำอะไรผิดมายังไงยังงั้น”
“โอย สองหน่อนั่นน่ะ เจ้าหายใจยังผิดเลยไม่ต้องคิดมากหรอก”
“เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่ก็พูดได้ ข้าเป็นน้องชายเขา หวังว่าสักวันนะเขาจะเห็นข้าเป็นน้อง”
ดิสมัสมาหยุดที่ประตูห้องของราชินีลิซ่าผู้เป็นมารดา เขาเคาะประตู สักพักก็มีเสียงแหบเหมือนคนป่วยพูดขึ้นมา
“ใคร”
“ข้าเองท่านน้าเฮล ดิสมัส”
ประตูถูกเปิดออก เฮลให้เขาเข้าไปข้างใน เฮลนั้นใครเห็นก็คงจะต้องมีคำถามว่า วัน ๆ กินอะไรบ้างมั้ยเนี่ยเพราะผอมมาก แล้วดูเป็นคนที่เหมือนกับว่าหายใจยังเหนื่อย ผิดกับลิซ่า นางนั้นดูอ่อนเยาจนบ้างครั้งหลายคนยังสงสัยเลยว่าตกลงใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่
“เจ้าชนะสงครามมาแล้วสินะ แล้วคราวนี้ได้อะไรมาตอบแทนล่ะ” ลิซ่าพูดขึ้นมา ดิสมัสตอบว่า
“ขอรับ ท่านพ่อมอบ ทหารในสังกัดให้ข้าสามร้อยนายขอรับ”
“ดีมาก ทำต่อไปเพื่อสะสมอำนาจของเราให้มีมากขึ้นไปอีก เพื่อวันหน้าเราจะครองทุกดินแดน” ลิซ่าพูด นางอาจดูเหมือนผู้หญิงหน้าตาดี ที่ไร้พิษภัยก็จริง แต่ลึก ๆ แล้วนางมีความทะเยอทะยานสูงจนไม่อาจคาดเดาได้เลย
ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นก็ทำให้ดิสมัสอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็พูดออกมาว่า
“ข้ามิได้หวังเช่นนั้นเลยท่านแม่”
“เจ้าว่าอะไรนะ” ลิซ่าหันมามองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจนัก ดิสมัสอึ้งไป นักรบที่เก่งกาจอย่างเขา เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดากลับพูดอะไรไม่ออกเลย
“ไม่มีอะไรหรอกข้าขอรับ ข้าจะทำเพื่อท่านแม่ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”
ดิสมัสเดินออกไป เบต้าเลยพูดว่า
“เจ้าน่ะต่อหน้าแม่ก็เป็นซะแบบนี้ เมื่อไหร่จะเข้าใจกันล่ะ” เบต้าพูด ดิสมัสไม่ตอบอะไรเลย เรื่องที่เป็นที่รู้กันดีคือ ลิซ่านั้นเข้มงวดกับลูกมากในเรื่องการสร้างอำนาจ
ณ ดินแดน มาริยง ดินแดนแห่งเอลฟ์รูมิแย่ ตั้งชื่อตามเอลฟ์รูมิแย่ตนแรกที่บรรลุวิชาจากเทพีดานู เอลฟ์รูมิแย่ มีหน้าตางดงาม ดวงตาไม่ได้เหมือนแมว ผมก็ไม่ได้เป็นสีขาวหากแต่มีหลากหลายสี ผิวไม่ได้ซีดแต่ดูแล้วสดใสกว่าเผ่าอื่น และรูปหน้างดงามกว่าก็เท่านั้น จะเหมือนเอลฟ์เผ่าอื่นก็แค่หูแหลม เอลฟ์รูมิแย่เป็นนักกวี นักดนตรี และหลงใหลในงานศิลปะ แต่พวกเขาหาได้อ่อนแอไม่ ตรงข้ามเขาเป็นนักรบที่เข้มแข็ง เป็นจอมเวทย์ชั้นสูงที่ใช้พลังจากเวทย์มนตร์จากพลังธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ โลหะ ไม้ สายฟ้า แต่เป็นเอกลักษ์จริง ๆ คือการสร้างอัญมณีที่พลังเวทมนตร์และเวทย์มนตร์จากเสียงดนตรี ดีด สี ตี เป่า ด้านเศรฐกิจ ที่นี่เป็นแหล่ง ปลูกข้าวสาลี และแหล่งเลี้ยงผึ้งที่ ใหญ่ที่สุด จึงเป็นแหล่งทำขนมปังชั้นเลิศ และเหล้าน้ำผึ้ง และยังมีการทำประมงด้วย สัตว์เลี้ยงที่นิยมเลี้ยงคือ วัว แกะขนทองคำ ยังเป็นแหล่งสายแร่อัญมณี ทองคำที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ว่ากันตามตรงดินแดนนี้ยิ่งใหญ่มั่งคั่ง ยิ่งกว่าของเอลฟ์รานุนซะอีก
การปกครองของที่นี่ ให้ผู้หญิงเป็นราชินีปกครองดินแดนทั้งหมด เพราะในตอนที่เทพีดานูมาสอนวิชาให้ เอลฟ์รูมิแย่ตนแรกที่ไปเรียนวิชานั้นเป็นผู้หญิง พวกเขาจึงถือว่าผู้หญิงเป็นผู้ปกครองทียิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้ชายซะอีก โดยการเลือกราชินีนั้นจะมีสองแบบคือ หนึ่ง สืบทอดทางสายเลือด ราชินีนั้นไม่ได้มีกฎว่าห้ามแต่งงานแต่อย่างไร เพียงแต่สวามีของราชินี่จะไม่ได้เป็นราชา มักจะแม่ทัพใหญ่ ที่ปรึกษา หรือดูแลด้านอื่น ๆ ไปแทน หากได้ทายาทเป็นหญิงจะมีสิทธิ์สืบทอดบังลังค์ แต่ถ้าเป็นชายก็อาจได้รับตำแหน่งอื่นไปแทน อีกทางคือ คัดเลือกที่จากสตรีที่เกิดในวันอาทิตย์ แล้วมาประชันความสามารถกันว่าใครควรจะได้ตำแหน่งไป
ราชินีองค์ปัจจุบันมาจาก การคัดเลือกนามว่า อลิซซ่า นางเป็นเอลฟ์ที่มีผิวขาวราวกับน้ำนม ผมมีสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล ปากแดง หูแหลมเชิด จัดว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ที่พิเศษคือ นางได้ตำแหน่ง ราชินีตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น นางครองตำแหน่งมาสิบปีแล้ว มีองค์รักษ์คนสนิทคือ มารีสเจ้าของมนตร์เหมัน เขาเป็นเอลฟ์ ที่มีผมสีฟ้า ตาสีฟ้า มีขลุ่ยเป็นอาวุธประจำกาย หลายคนเชียร์ให้ทั้งสองได้ลงเอยกันสักที เพราะรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
อีกข้อที่ทำให้เอลฟ์รูมิแย่แตกต่างอย่างมากกับเอลฟ์รานุนคือ พวกเขาพร้อมที่จะเจรจามากกว่าจะออกรบดังเช่นวันนี้ อลิซซ่ากำลังเจรจากับหัวหน้าเอลฟ์ฟอร์แคร์ เผ่าลู (หมาป่า) โดยหัวหน้าเผ่ามีนามว่า แคนนอร์ ซึ่งเผ่านี้เป็นอันตรายกว่าเผ่าอื่นตรงที่ สามารถฝึกหมาป่าให้มาร่วมต่อสู้ได้ แถมยังมีการแปลงร่างเป็นปีศาจหมาป่าได้อีกด้วย ว่ากันว่าเผ่านี้แข็งแกร่งมากและเจรจาด้วยยากที่สุดแล้ว
“ท่านพ่อ” ดิสมัสมาถึงพอดี และกำลังจะเข้าไปต่อสู้ แต่ถูกบาลเดอร์ปล่อยพลังแสงใส่ ดิสมัสถึงกับเจ็บปวดจนลุกไม่ขึ้น เท่ากับว่าคนในราชวงศ์ถูกกำจัดในพริบตา “โอดินเสด็จ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา โอดินเดินมาพร้อมกับสามจิ้งจอก เขาเดินมาหาเทียรี่เอาเท้าเหยียบเข้าที่หัวขององค์ราชาและกดเท้าลงไปเป็นเครื่องหมายว่าตอนนี้เหล่าเอลฟ์รานุนได้แพ้แก่เขาแล้ว ลูก ๆ ทั้งสามของเทียรี่กัดฟันด้วยความโกรธแค้น และยังไม่ไรไทร์ก็เดินมาพร้อมกับ ลิซ่าและเฮล เมื่อทั้งสองเห็นหน้าของโอดินก็หน้าเสียทันที “ท่านแม่ อย่าทำอะไรแม่ข้านะ” ดิสมัสพูด โอดินหันมามองลิซ่า และหันไปมองเทียรี่กับดิสมัส “นี่ข้าได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย เจ้าเรียกไอ้นี่ว่าแม่เหรอ” โอดินพูด เทียรี่หันมาพูดว่า “นางเป็นเมียข้า ก็ต้องเป็นแม่ของลูกข้าสิ” โอดินหัวเราะเสียงดังเหมือนกับมีเรื่องตลกตรงหน้า แต่ลิซ่าหน้าซีดตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เทียรี่ไม่เคยเห็นภรรยาหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน “นี่เจ้ารู้จักมันเหรอ หรือว่ามันเป็นสามีเก่าเจ้ากัน” โอดินหยุดหัวเราะแล้วแตะเข้าที่หน้าของเทียรี่อย่างแรง
ดิสมันเดินทางไปทันที “เจ้าเนี่ยทำไม ไม่บอกราชาเทียรี่ล่ะ เราโดนแกล้งชัด ๆ ” เบต้าบ่น “เจ้าคิดว่ามีเรื่องกับพี่ ๆ เขาแล้ว มันจะจบแบบไหนกัน ข้าน่ะทำได้แค่อดทนเท่านั้นล่ะ” ดิสมัสพูดตลอดทางดิสมัสรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะว่า เขาไม่เห็นร่องรอยของพวกโจรเลยแม้คนเดียว แต่ก็ยิ่งต้องตกใจเมื่อมาถึงเมือง พบว่าเมืองโดนถล่มไปแล้ว ดิสมัสรีบสั่งให้ตรวจสอบทันที พบว่าไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว !“รีบกลับไปที่เมืองหลวงเร็ว” ดิสมัสสั่งก่อนไปเขาร่ายมนตร์สร้างกองทัพโครงกระดูกจากทุกศพที่เห็นที่เมืองหลวงยออาน เหล่านักรบโจมตีโดยที่ไม่มีใครคาดถึง แต่กระนั้นเหล่าเอลฟ์นรานุนก็ต่อสู้อย่างกล้าหาญ โดยดาเมี่ยงกับดิดิเย่ร์เป็นคนนำทัพมาเอง ขณะที่กำลังต่อสู้อยู่นั้นก็ร่างของทหารกระเด็นมา“ทำไมท่านพ่อต้องให้นำทัพมารบกับพวกนี้ด้วยนะ งานแบบนี้มันของไอ้อ้วนธอร์ไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่ม ผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า ใบหน้างดงาม จนแทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นบุรุษเพศ รูปร่างของเขาดูไม่เหมือนนักรบเลยนักนิดแต่เหมือนกับพวกกวี หรือ หนุ่มเจ้าชู้ซะมากกว่า ไม่รู้ทำไม สองแฝดรู้สึกถึงพลังที่แผ่ออกมา ทำให้พวกเขาขนลุก“ฝาแฝดเหรอ ข้าจะเกลียดฝาแฝดท
เสียงสี่เสียงดังขึ้นมา เป็นผู้ชายสองคน และผู้หญิงหนึ่งคน และเอลฟ์อีกหนึ่งตน ชายคนแรกรูปร่างสูงใหญ่ผมยาวสีทอง ในมือถือขวาน เขาคือ โมดิ บุตรแห่งธอร์ อีกคนรูปร่างเตี้ยล่ำเป็นมะขามข้อเดียว ใช้ตะบองเป็นอาวุธ เขาคือ แม็กนี บุตรแห่งธอร์ สวนผู้หญิงในกลุ่มนั้น มีใบหน้างดงาม ผมสีแดง ถักเปีย มีรูปร่างกำยำล่ำสัน ใช้ดาบกับโล่เป็นอาวุธ นางคือ ทรุด บุตรีแห่งธอร์ส่วนเอลฟ์นั้นรูปร่างสูงโย่ง ผมสีแดง ผิวเข้ม ในมือถือดาบ เขาชื่อว่า เพาเดอร์ บุตรแห่งธอร์“หวังว่าข้าจะไม่เผลอฆ่าญาติของเจ้าไปนะ” แม็กนีพูด เพาเตอร์หันไปพูดว่า“ข้าไม่ใช่เอลฟ์แถวนี้”ทั้งสี่เข้าต่อสู้ทันที มารีสนำทหารเข้าต่อสู้ เขาเป่าขลุ่ยและมีแท่งน้ำแข็งพุ่งใส่พวกทหารผู้รุกราน ทำให้พวกมันต้องเริ่มถอยห่าง ส่วนอลิซซ่า เธอใช้คถาปล่อยพลังสายฟ้าใส่พวกทหารล้มตายไปจำนวนมาก แต่แล้วบุตรของธอร์ทั้งสี่ก็บุกเข้ามา และจัดการเหล่าเอลฟ์ได้ ทั้งหมด เมื่อ อลิซซ่าเห็นเพาเดอร์ก็พูดว่า“นี่เจ้าเป็นเอลฟ์เผ่าไหนกัน ทำไมถึงช่วยเผ่าอื่นโจมตีพวกเรา” “ข้าไม่ใช่เอลฟ์ที่นี่ ข้าขอจัดการพวกมันเอง พวกเจ้าอยู่เฉย ๆ นะ” เพาเดอร์พูด และควงดาบออกไป แล
“ข้าคิดว่า พวกเราสองดินแดนน่าจะร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน แลกเปลี่ยนทำการค้าด้วยกัน และยังสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ด้วยกันได้อีกด้วย” อสิซซ่าพูด“ตูไม่เห็นอยากจะได้ความรู้อะไรจากสูเลย” แคนนอร์สวน อลิซช่า ตั้งสติระงับอารมณ์โกรธและรีบพูดต่อไปว่า“พวกท่านกับข้ามีศัตรูคนเดียวก็สมควรแล้วล่ะที่จะต้องร่วมกันสู้กับพวกมัน”“นี่สูหาพวกตูจะสู้ ไอ้ตัวซีดนั่นไม่ได้หรือไงกัน !” แคนนอร์เริ่มหัวเสียแล้ว อลิซซ่ารีบพูดว่า“มิได้เป็นเช่นนั้น พวกเราต่างหากที่ต้องพึ่งความแข็งแกร่งของท่าน” อลิซซ่าพูด แคนนอร์ถามทันที“หมายความว่าอะไร”“พวกเราไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนท่าน จึงต้องให้ท่านช่วยเหลือ เราถึงจะต่อสู้กับพวกรานุนได้” อลิซซ่าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แคนนอร์เริ่มมีทางทีที่อ่อนลง อลิซซ่าส่งสัญญาณ มารีสเป่าขลุ่ยนักดนตรีคนอื่นเริ่มเล่นเครื่องดนตรีของตนด้วยทำนองเพลงที่เป็นจังหวะเพลงช้า อลิซซ่าเป็นคนร้อง เสียงของนางไพเราะจับใจมาก จนทำให้แคนนอร์เริ่มที่จะเคลิ้ม แต่เพลงก็เริ่มที่มีจังหวะสนุกสนานขึ้น อลิซซ่าเริ่มร้ายรำด้วยลีลาสวยงามและอ่อนช้อย หลังเพลงจบ แคนนอร์ตบมือให้ด้วยความชื่นชม“เยี่ยมมาก ตูตกลงที่จะเป็นพันธมิตรกั
“ข้าจะมอบกำลังทหารให้สามร้อยคน ให้เจ้าบัญชาการ” การมีทหารในสังกัดตัวเองนั้น ถือว่าดิสมัสมีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิน ดิดีเยร์รีบแย้งว่า “มันจะไม่มากไปหน่อยหรือขอรับ ท่านพ่อ” “เขาทำความชอบก็สมควรได้รับรางวัลสิ พวกเจ้าจะกังวลทำไม มีทหารในสังกัดเป็นพัน อีกอย่างเขาก็เป็นลูกข้าเหมือนกับเจ้านั่นล่ะ พวกเจ้าน่ะมัวทำอะไรอยู่ แค่กรีนฮาร์ทเผ่าเดียว รบได้ตั้งเดือนหนึ่ง ดิสมัสเลยอาสาไปจัดการให้แป๊บเดียวเท่านั้น” เทียรี่พูดอย่างไม่ไว้หน้า สองแฝดทำหน้าไม่ถูกได้เก็บความโกรธไว้ในใจ “ข้าขอไปพบท่านแม่ก่อนนะขอรับ” ดิสมัสรีบตัดบท และเดินออกไป เพราะเขารู้ว่าขืนอยู่ต่อจะต้องมีสงครามน้ำลายแน่ ๆ “เจ้าเพิ่งชนะสงครามมานะ ทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้” เบต้าพูดด้วยเสียงแหลม ๆ ดิสมัสนั้นนอกจากวิชาหมอผีแล้ว เขายังสามารถอัญเชิญภูตได้ด้วยเป็นวิชาของเอลฟ์ฟอร์แคร์ที่เขาเอามาดัดแปลงใส่พลังความมืดเข้าไป ซึ่ง เบต้าเป็นภูตตนแรกที่เขาอัญเชิญได้มีพลังในการปล่อยผงสามชนิดคือ ผงรักษา ผงพิษ และผงลอยตัว เบต้ามีความพิเศษคือ จะปรากฏตัวได้ตามใจไม่ต้องรอให้เขาเรียกเหมือนภูตตัวอื่น ส่วนเจ
แม้ว่าสลิงจะเป็นจะเป็นอาวุธที่ดูเรียบง่ายแต่อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะกระสุนของมันเป็นหิน แถมเป้าหมายในการโจมตีคือหัว ซึ่งโดนเข้าทีเดียวก็ถึงตาย “มันอยากลองดีสินะ พลหน้าไม้ !” ดิดิเย่ร์ลตะโกน พลหน้าไม้ตั้งแถวและยิงลูกศรใส่ทันที หน้าไม้นั้นมีแรงดึงมากกว่าธนูซะอีก ทำให้ลูกศรนั้นมันความรุนแรงและพุ่งได้เร็วกว่าธนูหลายเท่า พวกเอลฟ์ ฟอร์แคร์เริ่มมีล้มตายกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีเอลฟ์รานุนถูกสังหารไปอีกหลายตัว โดยฝีมือของเอลฟ์ร่างสูงใหญ่ ทาหน้าทาตัว ด้วยสีดำ และสวมหมวกขนนกทั้งหัว นั่นคือเครื่องหมายของหัวหน้าเผ่า ในมือถึงขวานหินคู่ มันโจมตีอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง “เข้ามาเลย เอ็น ผู้นี้จะส่งพวกแกไปลงนรก” แม้ว่ามันจะไม่เกราะสวมเกราะ แต่ไม่รู้ว่าเพราะสีที่ทาตัวมันหรือเพราะอะไรกันแน่ทำให้มันหนังเหนียวอาวุธมีคมไม่อาจต้องกายมันได้ ดาเมียงกำลังไปต่อสู้กับมัน แต่ว่า ดิสมัสกลับมาขว้างหน้าเขาเอาไว้ “หลบไปดิสมัส ! ข้าจัดการเอง”แต่เหมือนดิสมัสจะไม่ได้สนใจฟังเลย เขาเข้าไปต่อสู้กับเอ็นทันที ขวานหินของเอ็นมีทั้งความคมและความหนาเรียกได้ว่ามันเป็นอาวุธที่ผสมระหว่างกา
เสียงกลองศึกและเสียงอาวุธกระทบกันดังไปทั่วบริเวณ นี่คือสงครามของเอลฟ์ ทั้งสามเผ่า รานุน รูมิแย่ ฟอร์แคร์ดำเนินกันมาช้านาน แม้เอาจริง ๆ เอลฟ์ทั้งสามเผ่าก็มาจากรากเหง้าเดียวกัน เคยก่อร่วมสงครามชิงดินแดนกับพวกออร์คและโดวาฟมาแล้ว แต่หลังเสร็จศึกใหญ่ครั้งนั้น พวกเอลฟ์ก็หันมารบกันเอง ศึกนี้เป็นของเอลฟ์รานุนกับเอลฟ์ฟอร์แคร์ เอลฟ์รานุนคือ กลุ่มเอลฟ์ที่มีเชี่ยวชาญการใช้ศาสตร์มืด มนตร์ดำ การอัญเชิญภูต เสกโครงกระดูก และโกเล็ม ยังชำนาญในการสร้างอาวุธที่มีคำสาปหรือพลังเวทย์อาบเอาไว้ด้วย นอกจากหูที่แหลม ลักษณะเด่นของเอลฟ์พวกนี้ ผิวซีดเหมือนศพ ตาเหมือนแมว ผมสีขาว พวกเขามีดินแดนเป็นอาณาจักรใหญ่ ที่พวกเขาตั้งชื่อดินแดนว่า ยออาน ตามชื่อของเอลฟ์รานุนตนแรกที่ไปฝึกวิชากับเทพีดานูและได้สำเร็จวิชาสายมืดส่วนพวกเอลฟ์ฟอร์แคร์ คือเอลฟ์ที่อยู่ในป่าและชอบอยู่กับธรรมชาติ เชี่ยวการยิงธนู และการใช้สลิง[1] เวทย์สายธรรมชาติ และการสื่อสารกับสัตว์ป่า พวกนี้จะมีผมสีดำ ผิวจะค่อนข้างคล้ำ และนิยมใช้สีทาตัวทาหน้า พวกเขาไม่ได้รวมกันเป็นอาณาจักรใหญ่เหมือนกับเอลฟ์รานุน แต่มักจะอยู่กระจายกันเป็นชนเผ่ามากกว่าและตั้ง
ลำนำแห่งว๊าก จากบันทึกของออร์ค ณ ดวงดาวดวงหนึ่งในจักรวาลที่อันแสนไกล ดาวดวงนี้เดิมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าแมลงยักษ์ แต่ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ประตูมิติเปิด ได้นำพาสิ่งมีชีวิตอีกหลายพันธุ์เข้ามา แต่สิ่งที่มากที่สุดและพอจะมีสติปัญญาคือ พวก ออร์ค อมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ผิวสีเขียว มีความป่าเถื่อน ชอบในการทำสงครามเข้ามาในดาวดวงนี้ พวกมันเข่นฆ่าเหล่าแมลงยักษ์ แม้พวกแมลงยักษ์จะร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงใด พวกออร์คนั้นมีพละกำลังและความบ้าเลือดจึงสามารถฆ่าแมลงยักษ์ได้จนหมด ดาวดวงนี้ถูกเรียกว่า ว๊าก ! หลักจากนั้นพวกมันก็เริ่มขยายเผ่าพันธุ์และดินแดนจนเรียกได้ว่าครองดาวด้วยนี้ได้แล้ ทำให้ดวงดาวกลายเป็นดาวที่ป่าเถื่อนและมีสงครามไม่เว้นในแต่ละวัน !จบบันทึกแห่งออร์ค ซึ่งก็ไม่รู้ว่าออร์คตัวไหนเขียน เพราะขืนไปถามมัน จะโดนฆ่าแทนบันทึกของโดวาฟกลุ่มแรก ผู้บันทึกคือ สโตน ราชาแห่งโดวาฟกลุ่มแรกรวมกับโดวาฟอีก 6 คนที่ไม่ขอเอ่ยนาม ข้านำพาโดวาฟกลุ่มใหญ่ทั้งชายและหญิงพันคน ขุดเหมือนที่ภูเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าเองในเวลานั้น ยังเป็นแค่หัวหน้าคนงานเท่านั้นเอง แต่เราขุดลึกเกินไปมันเกิดแสงสว่างวาปขึ้น