Share

บทที่ 1218

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมื่อซ่งซีซีกลับมาถึงบ้าน อาจารย์หยูยื่นจดหมายของเซี่ยหลูโม่ให้นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ท่านเพิ่งออกไปข้างนอก จดหมายของท่านอ๋องก็ส่งมาถึง”

ดวงตาของซ่งซีซีเป็นประกาย เอื้อมมือไปรับ ยังไม่รีบร้อนที่จะอ่าน ถามขึ้นว่า “ทำไมอาจารย์ไม่กลับบ้านไปฉลองปีใหม่กับครอบครัวล่ะ?”

“ใกล้จะกลับไปเฝ้าปีกับพวกเขาแล้ว นี่ไง กำลังรอส่งจดหมายให้พระชายาด้วยมือตัวเองอยู่” อาจารย์หยูหรี่ตาลง “อยากเห็นพระชายามีความสุข และอยากรู้ว่านอกจากเรื่องส่วนตัวแล้ว ท่านอ๋องยังได้พูดถึงเรื่องอีกหรือไม่”

ซ่งซีซีไม่ได้ปิดบังความสุขเลย “นี่เป็นจดหมายฉบับแรกจากเขา ข้าอ่านก่อน”

นางรู้ว่าในจดหมายจะต้องมีข้อมูลของสถานการณ์ ฉะนั้นจึงต้องส่งจดหมายฉบับนี้ให้อาจารย์หยูดูเหมือนกัน

ทว่าหลังจากที่นางเปิดจดหมายก็พบว่าจดหมายนั้นแบ่งออกเป็นสามแผ่น สองแผ่นแรกเขียนถึงนาง และอีกแผ่นหนึ่งเป็นคำอธิบายสถานการณ์

หลังจากกวาดตาตูคร่าวๆ สักพัก นางก็ยื่นส่วนที่อธิบายสถานการณ์ให้อาจารย์หยู แล้วเก็บจดหมายสองแผ่นที่เขียนถึงนางไว้อ่านค่อยๆ บรรจงอ่าน

อาจารย์หยูพูดด้วยรอยยิ้ม “เขียนถึงพระชายาสองหน้าเต็มๆ ส่วนการตรวจสอบมีเพียงหน้าเดียว การไปทำงาน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1219

    ซ่งซีซีไม่สามารถตอบจดหมายได้ เพราะพวกเขาไม่มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอน จึงได้แต่ซ่อนความปรารถนาไว้ในใจ รอให้เขากลับมาแล้วค่อยบอกเขาปีนี้เป็นปีที่ผ่านไปอย่างรื่นรมย์มีความสุข มีทั้งการให้และการได้รับ เป่าจูแทบอยากจะสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งหมดให้นาง เพื่อไม่ให้กลับไปที่จวนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวง และสวมชุดทางการอีกเช้าตรู่ของทุกวัน เป่าจูจะวางนางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าแบบดอกท้อ แต่งหน้าแบบดอกสาลี่ ล้วนสลับปรับเปลี่ยนเพื่อแต่งตัวให้นางดูสวยงาม แม้แต่ฮูหยินเสนาบดีมู่ยังกล่าวว่าสตรีที่ผิวไม่ขาวมากก็สวยที่สุดเช่นกันซ่งซีซีไม่ได้ผิวขาว ตะลอนออกไปข้างนอกทุกวัน แม้จะมีรากฐานที่ดีแค่ไหน ก็สูญเสียความขาวอันละเอียดอ่อนของสตรีในห้องหอเหมือนกัน ทว่าผิวพรรณสีข้าวสาลีกลับดูเปล่งปลั่ง ราวกับดอกท้อที่บานสะพรั่ง เหมือนผลผิงกั๋วที่สุกงอมฮองเฮาได้รับการปล่อยตัวจากการกักบริเวณในวันที่แปด ประกาศให้บรรดาสตรีชั้นสูงทั้งในและนอกเมืองหลวงเข้ามาถวายพระพรในไม่ช้า ก็มีข่าวลือว่า เดิมทีคุณหนูของบ้านหนึ่งเป็นคู่หมั้นกับหลานชายของเสนาบดีกั๋วกงเว่ย ต่อมาเพื่อเรื่องของสถาบันการศึ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1220

    เสิ่นว่านจือกล่าวว่า “แต่ว่า ค่าเล่าเรียนที่พวกนางจ่ายจะอยู่ได้นานแค่ไหน? ยิ่งกว่านั้นลูกสาวของครอบครัวชาวบ้านต้องออกไปหาเลี้ยงชีพ การเรียนไม่ได้ทำให้หาเงินได้”“นั่นเป็นเงินจำนวนไม่น้อย สามารถอยู่ได้หนึ่งปีสองปี” ซ่งซีซีคิดอยู่พักหนึ่ง “ไม่คิดค่าเล่าเรียนไม่ได้ แต่คิดแค่เล็กน้อย ใช้เวลาเรียนครึ่งวัน ให้เวลาพวกนางกลับไปช่วยทำงานที่บ้านอีกครึ่งวัน”“อีกอย่าง ยังมีพ่อค้าอยู่ไม่ใช่หรือ? พวกเขาไม่ตระหนี่เรื่องเงิน ไม่ว่ากฎเกณฑ์และข้อจำกัดอะไร เหล่าพ่อค้าก็ไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น”เสิ่นว่านจือพยักหน้า “นั่นก็จริง นอกจากตระกูลใหญ่หรือพ่อค้าในราชวงศ์แล้ว หากเป็นพ่อค้าธรรมดา ก็ยังมีผู้หญิงออกมาทำการค้าอยู่”กั๋วไท่ฮูหยินยังกล่าวอีกว่า “ชาวบ้านธรรมดาก็จะมาเช่นกัน หนึ่งเป็นเพราะชื่อเสียงของอาจารย์เสิ่น อีกประการหนึ่งคือหลายครอบครัวไม่มีเงินพอที่จะส่งลูกชายไปเรียน ถ้าลูกสาวสามารถเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาสตรีได้ แถมค่าเล่าเรียนยังถูกมาก พวกเขาก็ยินดีที่จะส่งลูกสาวมาเรียน ถึงแม้เพื่อจะให้ลูกสาวกลับไปสอนพี่ชายน้องชายให้รู้หนังสือ ก็คุ้มค่าทั้งนั้น”ซ่งซีซีพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1221

    ในตำหนักฉือหนิงฮองไทเฮาเพิ่งฟังรายงานสถานการณ์ของเหล่าหรงไทเฟยทางนั้น ถอนหายใจเล็กน้อย “รู้แล้ว ให้หมอหลวงรักษาเต็มที่ ต้องใช้ยาดีอะไรก็ใช้ได้เลย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เกากงกงพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ขอบพระทัยไทเฮา”“เหตุใดจึงไม่รายงานเรื่องนี้ต่อฮองเฮา?” ไทเฮาถามเรียบๆเกากงกงกล่าวว่า “ไปรายงานแล้ว ฮองเฮาตรัสว่า นางแก่แล้ว อย่างไรก็ต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แล้วให้คนไปส่งอาหารของกิน จากนั้นตรัสว่าขอให้ไทเฟยสบายใจ เรื่องการเตรียมงานศพคงจะเตรียมไว้อย่างดี บ่าวไม่กล้าบอกไทเฟยเช่นนี้”ไทเฮาขมวดคิ้วเล็กน้อย “อึ้ม ไม่จำเป็นต้องพูด สิ่งที่ควรเตรียมก็ต้องเตรียม แต่ตอนนี้ต้องยายามรักษากันอย่างเต็มที่ก่อน”เกากงกงสะอื้นและกล่าวว่า “ไทเฮาตรัสเช่นนี้บ่าวก็วางใจ มีหมอหลวงคอยวินิจฉัยและรักษา อย่างน้อยไทเฟยก็จะรู้สึกสบายขึ้นบ้าง”“ไปเถอะ ประเดี๋ยวข้าก็จะไปหานางเช่นกัน” ไทเฮาตรัสเกากงกงคุกเข่าลงกราบขอบพระทัย แล้วจากไป“ฉีฉิวอัน” ไทเฮาทรงร้องเรียก กระแสเสียงกริ้วเล็กน้อย “ไปสำนักหมอหลวง สืบดูว่าฮองเฮาไม่อนุญาตให้หมอหลวงไปตรวจรักษาเหล่าหรงไทเฟยจริงหรือไม่?”ฝูฉิวอันรับคำสั่งแล้วออกไป ทันทีที่ไปถึงประตูก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1222

    เมื่อได้ยินดังนั้น ไทเฮาก็เงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อยแล้วยิ้ม “ข้าจำได้ว่าก่อนที่ฮองเฮาจะอภิเษกสมรสกับฮ่องเต้ ก็เคยเป็นสตรีผู้มีความสามารถมีชื่อเสียงในเมืองหลวง เจ้าเคยอ่านตำรามามากมาย แต่สุดท้ายกลับคิดว่าสตรีเรียนหนังสือไม่ใช่เรื่องดี? แล้วเมื่อครู่ที่เจ้าพูดว่าอ่านหนังสือเพื่อความรู้แจ้งนั้นดีมาก? ฮองเฮาพูดขัดแย้งกันเองเช่นนี้ ไม่รู้ตัวเลยหรือ?”ฮองเฮาสะดุ้ง “หม่อมฉัน...ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผู้หญิงเรียนหนังสือไม่ดี สตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ได้ศึกษาเล่าเรียนก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะจะได้เปิดโลกทัศน์ ถึงอย่างไรก็มีกฎบ้านและจริยธรรม การศึกษาสามารถทำให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วดียิ่งขึ้นไปอีก”“ฮองเฮา ข้ารู้สึกว่าเจ้าชอบพูดเรื่องกฎเกณฑ์และมารยาท เจ้าชอบถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์และมารยาทกระนั้นหรือ?”ฮองเฮาได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจมาก “เสด็จแม่ นี่คือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับสตรีที่จะดำเนินชีวิตในสังคม จะบอกว่าชอบหรือไม่ชอบได้อย่างไร? คนที่ประพฤติตนตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ย่อมต้องปฏิบัติตาม เหมือนกฎของราชวงศ์ซางเรา ผูกมัดไม่ให้ผู้คนทำชั่วหรือฝ่าฝืนกฎหมาย คนที่มีเจตนาชั่วร้ายย่อมไม่ชอบกฎเหล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1223

    หลังจากส่งฮองเฮาออกไปแล้ว ไทเฮาก็ส่งคนออกจากวัง ไปถ่ายทอดพระราชเสาวนีย์กับซ่งซีซีว่า สถาบันการศึกษาหย่าจวินจะจัดการอย่างไรนั้น ก็ให้นางจัดการได้เลย คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ไม่ต้องไปสนใจส่งคนไปถ่ายทอดพระราชเสาวนีย์แล้ว ก็ยังส่งคนไปบอกจักรพรรดิซูชิง ให้เขามาเสวยอาหารเย็นด้วยฝูฉิวอันชงชาให้นางแล้วพูดว่า “อย่าทรงกริ้วไปเลย ไม่คู่ควร ฮองเฮาไม่เข้าใจ ท่านแค่สอนนางก็พอ”“หลายปีมานี้ยังสอนไม่พออีกหรือ? มีคำไหนบ้างที่นางเชื่อฟัง? เหตุใดข้าต้องเสียเวลาพูดกับนางอีก?” ไทเฮาขมวดคิ้ว “ขนาดเรื่องที่สร้างความลำบากให้เหล่าหรงไทเฟยนางยังกล้าทำ นางกลัวอ๋องเยี่ยนจะหาเหตุผลออกไปป่าวประกาศข้างนอกไม่ได้หรืออย่างไร”ตอนนี้อ๋องเยี่ยนกลับมาที่เยี่ยนโจวแล้ว เมื่อคนพิการ ย่อมจะกลายเป็นคนโหดเหี้ยมมากขึ้น หากสนมหรงตายอย่างน่าเวทนา มันจะทำให้เขามีโอกาสหาข้ออ้างที่จะปลุกปั่นชาวเยี่ยนโจวได้พอดี ซึ่งหมอนนี้นางส่งได้เหมาะเจาะยิ่งนักถ้าไม่ไหวจริงๆ งั้นตำแหน่งฮองเฮานี้ก็เปลี่ยนคนเถอะในห้องทรงพระอักษร จักรพรรดิซูชิงได้ยินคนจากตำหนักฉือหนิงมารายงาน บอกว่าไทเฮาเชิญเขาไปเสวยคืนนี้จักรพรรดิซูชิงรู้สึกชาวาบไปทั่วศีรษะ เ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1224

    จักรพรรดิซูชิงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววโกรธขึ้ง “ข้าบอกเจ้าหรือยังว่าจะปิดสถาบันการศึกษาสตรีหญ่าจวิน? สถาบันการศึกษาสตรีก่อตั้งโดยเสด็จแม่ อนาคตจะสามารถรวบรวมสตรีจากตระกูลขุนนางมารวมตัวกันได้มากมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อข้ามาก ทำไมข้าถึงอยากปิด?”ฮองเฮาพูดอย่างว่างเปล่า “แต่ฝ่าบาทไม่ต้องการให้ซ่งซีซีติดต่อกับพวกนางอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่หรือ?”จักรพรรดิซูชิงจ้องมองนาง พูดเน้นทีละคำ “ฮองเฮาไม่มีความสามารถที่จะมาแทนที่ซ่งซีซีกระนั้นหรือ?”ฮองเฮาเบิกตากว้าง ราวกับแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “ฝ่าบาทหมายความว่า ให้หม่อมฉันลดตัวลงไปหาสถาบันการศึกษาสตรี? หรือไปเอาใจบรรดาฮูหยินของขุนนาง?”นางเป็นฮองเฮานะ ให้นางไปสถาบันการศึกษาสตรีจะเป็นการสมควรหรือ? แล้วฮูหยินขุนนางเหล่านั้น ทำไมต้องให้นางที่เป็นฮองเฮาไปเอาใจพวกนางด้วย? ไม่ใช่พวกนางหรอกหรือที่ต้องมาประจบประแจงนางที่นี่?นี่ไม่เท่ากับว่าทำลายศักดิ์ศรีหรือ?จักรพรรดิซูชิงกล่าวอย่างเย็นชา “อำนาจกษัตริย์ดูอาจดูเหมือนสูงส่งยิ่งใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถสูงส่งได้จริง ถ้าไม่ระวังก็จะตกต่ำลงอย่างรวดเร็วและพังทลาย ข้าเป็นฮ่องเต้ มีหลายเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1225

    เมื่อประตูตำหนักเปิดออก อู๋ต้าปั้นก็รีบร้องว่ายกเกี้ยว ส่วนป้าหลานเจี่ยนก็รีบเดินเข้าไปในตำหนัก ช่วยพยุงฮองเฮาขึ้นมา“มือของฮองเฮาได้รับบาดเจ็บ” ป้าหลานเจี่ยนรีบเช็ดเลือดด้วยผ้าเช็ดหน้า จากนั้นจึงเรียกนางกำนัลเข้ามาทำความสะอาดบาดแผลฮองเฮาฉีนั่งอิดโรยบนเก้าอี้ สีหน้าตื่นตระหนกหวาดกลัว “เขาบอกว่าเขาจะปลดฮองเฮา ฝ่าบาทบอกว่าจะปลดฮองเฮา”“ฝ่าบาททรงพิโรธเพียงชั่วขณะ จะทรงปลดฮองเฮาได้อย่างไร? ไม่ต้องกังวลเพคะ” ป้าหลานเจี่ยนไล่นางกำนัลที่เข้ามารับใช้ออกไป มองดูฮองเฮาที่มีสีหน้าซีดเซียว แล้วถอนหายใจ “ฮองเฮาไม่ควรไปพูดเรื่องนั้นกับไทเฮา อีกอย่างเรื่องเหล่าหรงไทเฟย บ่าวก็เกลี้ยกล่อมท่านแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง”“ข้าไม่เข้าใจ มันผิดอะไร!” ดวงตาของฮองเฮาฉีเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ “เรื่องสองเรื่องนี้ แม้จะมีความผิด แต่ก็เป็นเพียงความผิดเล็กน้อย ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงด้วยซ้ำ”ป้าหลานเจี่ยนถอนหายใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่ฟังสิ่งที่ไทเฮาและฝ่าบาทพูด ตอนนี้จิตใจของนางมุ่งความสนใจไปที่การโจมตีซ่งซีซี และวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่แต่นี่เป็นวิธีที่ผิด“ฮองเฮาสามารถตีสนิทซ่งซีซีได้ ไม่จำเป็นต้องต่อต้านนาง นางไม่ใช่ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1226

    “ฮองเฮาไม่ควรเป็นคนโง่เขลาขนาดนี้ เมื่อก่อนนางเคยฉลาดมาก” ไทเฮาลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร นั่งบนเก้าอี้ไม้จันทน์ กินอิ่มเจ็ดส่วน ก็นั่งสบาย “คนผู้หนึ่งที่เฉลียวฉลาดกลับกลายเป็นคนโง่เขลา เพราะว่าอยู่ในสถานการณ์นั้นเอง มองเห็นอะไรไม่ชัดเจน เห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์นี้ ไม่ว่านางจะเสียสละใคร นางก็คิดว่ามีเหตุผลทั้งนั้น”“ใช่ เสด็จแม่ตรัสถูกต้อง” จักรพรรดิซูชิงพยักหน้าเห็นด้วยไทเฮาให้เขานั่งลง ตรัสถามว่า “เรื่องที่สถาบันการศึกษาสตรีรับสมัครนักเรียน เต้าคิดเห็นอย่างไร?”จักรพรรดิซูชิงตรัสตอบว่า “ลูกคิดว่าเป็นสิ่งที่ที่ดีมาก สามารถทำให้ประชาชนรู้สึกว่า ตนเองละผู้มีอำนาจอยู่ไม่ห่างชั้นกันมากนัก ความขุ่นเคืองของประชาชนก็ลดน้อยลงมาก”เขาย่อมคิดจากสถานการณ์โดยรวมอยู่แล้ว ส่วนจะทำให้เด็กสาวชาวบ้านได้มีความรู้อะไรนั่น เขาไม่สนใจ“แล้วเจ้าคิดว่า นักเรียนจากทั่วทั้งแผ่นดินจะโจมตีนักเรียนกลุ่มนี้หรือไม่?” ไทเฮาถามอีกครั้งจักรพรรดิซูชิงหัวเราะและตรัสว่า “เป็นไปได้อย่างไร? บัณฑิตบางคนไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ คิดว่าสตรีไม่ฉลาดพอ คิดว่าสถาบันการศึกษาสตรีเป็นเพียงการละเล่นของเด็ก ก็

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status