Share

บทที่ 270

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
วันรุ่งขึ้น รุ่ยเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาและความเจ็บปวดยังคงอยู่ แต่ไม่เจ็บปวดเท่ากับตอนที่กระดูกหักและถูกต่อกลับเข้าไปใหม่แล้ว

ในขณะที่ต้องอดทนกับความเจ็บปวด เขาก็ต้องฝืนยิ้มเพื่อปลอบใจท่านอาและคนในครอบครัวของท่านตาอีกด้วย

ท่าทางที่เข้มแข็งของเขาเช่นนี้ทำให้คนอื่นเห็นใจจริงๆ

ถึงกระนั้น แต่การฝังเข็มที่คอยังทำต่อไป หงเชวี่ยบอกว่ามันหยุดไม่ได้ เมื่อวานต่อกระดูกไม่ได้ฝัง วันนี้เว้นไม่ได้อีกเลย

โดยเฉพาะเมื่อเขากรีดร้องในเมื่อวานนี้ มันค่อนข้างได้ผล ทั้ง หมอมหัศจรรย์ดันและหงเชวี่ยต่างเชื่อว่าพิษในร่างกายของเขาได้รับการล้างพิษเร็วกว่าที่คาดไว้

ยิ่งไปกว่านั้น การติดยาของยาไส้หมู่ด่านไม่ได้กำเริบอีกเลย นี่ทำให้หมอมหัศจรรย์ดันประหลาดใจ ต้องรู้ว่าแม้ว่าเขาจะยอมรับว่าจะเลิกยา แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีขึ้นไป เขาอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น กลับมีความตั้งใจแน่วแน่เช่นนั้น

หมอมหัศจรรย์ดันพูดกับหงเชวี่ยเป็นการส่วนตัวว่า "ตระกูลซ่งไม่มีคนอ่อนแอจริงๆ จิตวิญญาณของตระกูลซ่ง น่าประทับใจยิ่งนัก"

หงเชวี่ยก็คิดเช่นนั้น หลังจากที่เขาทำการรักษาให้รุ่ยเอ๋อร์ เขาได้สร้างความสัมพันธ์กับรุ่ยเอ๋อร์แล้ว เขาถือว่าเ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (2)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
จะทำให้อีกฝ่ายปฎิบัติตามได้อย่างไร
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ความคิดเห็นส่วนตัว
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 271

    ซ่งซีซีพยักหน้าและถามต่อว่า "ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามต่อ ที่ความคิดเห็นจาคนทั่วไปจะดูถูกเขา เพราะเขาไม่ได้ปฏิบัติตามความเมตตากรุณา ความยุติธรรม มารยาท ภูมิปัญญา และความไว้วางใจข้อใด้บ้างล่ะ""มันเป็นการแต่งงานครั้งที่สองของเจ้าส่งผลกระทบต่อเขา""การแต่งงานครั้งที่สองของข้าเกี่ยวอะไรกับเขา การแต่งงานครั้งที่สองเป็นเรื่องของข้าเอง" ซ่งซีซีพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น โดยไม่แสดงความละอายอย่างที่เหลียงเส้าคิดไว้ "ขอถามอีกครั้ง ที่ข้าแต่งงานใหม่หลังหย่า มันผิดกฎหมายหรือผิดธรรมเนียม? จะถามเพิ่มหน่อย หากผู้หญิงถูกทอดทิ้งก็ควรบวชเป็นแม่ชี และใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวตลอดการถือว่าเป็นทางเลือกที่ถูกต้องหรือ?"เหลียงเส้าเยาะเย้ย "พูดเก่งสินะ!"ไม่สามารถโต้เถียงกับคำพูดของซ่งซีซีได้ เขาจึงเลือกที่จะตอบด้วยความดูถูกซ่งซีซียิ้มลึกขึ้น "ขุนนางดอกไม้ ไม่ยอมพัฒนาตนเอง พอทำเรื่องผิดพลาดไปกลับไม่ยอมปรับปรุง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าเป็นห่วงจริงๆ"ทันใดนั้นเหลียงเส้าก็รู้โกรธขึ้นมา "เจ้า... ข้าเป็ฯหวังดี แต่เจ้ากลับดูถูกฉันด้วยคำพูดของนักบุญ มีญาตเช่นนี้ ไม่ไปมาหาสู่จะดีกว่า!"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ลุกขึ้นยื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 272

    อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงท่านบางคน นางจำได้ว่ามีตระกูลหวังตระกูลหนึ่งมาสู่ขอเขาหวังเบียว เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านป๋อผิงซี แต่ท่านแม่ไม่ชอบเขาช่างเถอะ เรื่องในอดีตก็อย่าไปพูดถึงอีก นางกับเซี่ยหลูโม่จะแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้า เรื่องที่ผ่านไปก็ให้มันแล้วไป ให้ความสำคัญกับปัจจุบันบอกลาอดีตและวิ่งไปสู่อนาคตอากาศเริ่มเย็นลง ดอกบ๊วยในสวนก็ผลิดอกตูม และคาดว่าจะบานในอีกไม่กี่วันข้างหน้าดอกบ๊วยในปีนี้จะบานเร็วกว่าทุกปี ซึ่งลุงฟูกล่าวว่าเป็นสัญญาณอันเป็นมงคลรุ่ยเอ๋อร์สามารถลงพื้นได้ แต่สามารถเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเอง ก็จะกลับไปพักผ่อนที่เตียงในจวงกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงาน ชุดแต่งงานได้ถูกเย็บในวันที่ประกาศจะแต่งงาน และส่งมอบให้กับช่างปักของร้านเฟิงเหลียน สตรีผู้สูงส่งในเมืองหลวงต่างงานมักจะสั่งตัดเสื้อผ้าที่ร้านเฟิงเหลียน เพราะหนึ่ง งานปักทำได้ดีและรวดเร็วมาก และประการที่สอง นักปักที่ร้านเฟิงเหลียนล้วนเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยราชวงศ์ซาง นักธุรกิจและขุนนางที่ร่ำรวยจำนวนมากจากที่อื่นต่างใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อสั่งชุดแต่งงานจากร้านเฟิงเหลียนมีอยู่วันหนึ่งที่แม่นมเหลียง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 273

    แต่สองวันต่อมา ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนป๋อผิงซีกลับส่งคำเชิญมา โดยบอกว่าพรุ่งนี้จะพาคุณหนูสามมาเยี่ยมเมื่อแม่นมเหลียงมารายงาน นางก็พูดว่า "ไม่งั้นไม่เจอดีกว่า ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร ถ้ามาเพื่อสอบถามสถานการณ์ในจวนแม่ทัพ ก็น่าจะถามตั้งนานแล้ว แทนที่รอจนกว่าการแต่งงานถูกตกลงเอาไว้ และขนาดเตรียมชุดแต่งงานแล้วถึงมา"ซ่งซีซีก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะพบปะ ก่อนถามว่า "คำเชิญเขียนอะไรบ้าง"แม่นมเหลียงกล่าวว่า "พวกเขาบอกว่ามาเยี่ยมเราเพื่อแสดงความยินดีการกลับมาของนายน้อยของเรา นี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น นายน้อยของเรากลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกเขาถึงยอมมาเยี่ยม ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมา"ซ่งซีซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไปตอบเขาว่า รุ่ยเอ๋อร์ยังอยู่ระหว่างการพักฟื้นอยู่ ไม่เหมาะสมที่จะมีแขกมาเยี่ยม เมื่อเขาหายดีแล้ว ข้าจะพาเขาไปเยี่ยมถึงจวน"แม่นมเหลียงพยักหน้าตอบรับแล้วหันหลังกลับซ่งซีซีไม่เหมาะที่พบแม่ลูกสองคนพวกนั้นจริงๆ คงมาเพื่อเรื่องของจวนแม่ทัพ เรื่องจวนแม่ทัพ นางไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลย ไม่ควรพูดอะไร เป็นการดีที่สุดที่จะไม่พบพวกเขาหลังจากตอบกลับแล้ว พอสองวันต่อมา หิมะแรกแห่งปีนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 274

    เซี่ยหลูโม่มาเยี่ยมรุ่ยเอ๋อร์ในตอนเย็น การปลอบโยนจากเขามีผลดีกว่าหงเชวี่ยและท่านอาเลยและคำพูดปลอบใจของเขาเป็นเพียงประโยคสั้นๆ ว่า "ลูกผู้ชายต้องรู้จักอดทน"ทันทีที่เขาพูดคำเหล่านี้ รุ่ยเอ๋อร์ก็หมดความวิตกกังวลและยอมรับการรักษาอย่างสงบและว่าง่ายเลยเซี่ยหลูโม่อยู่ฝึกเขียนอักษรเป็นเพื่อนเขาเป็นเวลาครึ่งชั่วยามลายมือของเขาสวยขึ้นเรื่อยๆ และการใช้นิ้วก็คล่องแคล่วกว่าเดิมตั้งเยอะเลย ความก้าวหน้าของเขาทำให้ผู้คนมีความสุขมากเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนช่างพูด เมื่อเซี่ยหลูโม่อยู่ข้างๆ เขาถามคำถามมากมายบนกระดาษ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้สำคัญอะไร แค่คุยเล่นเฉยๆเซี่ยหลูโม่ก็พูดคุยกับเขาอย่างใจเย็น และตอบทุกสิ่งที่เขาถามซ่งซีซีอยู่เป็นเพื่อนกับเขาสักพักแล้ว จากนั้นก็ให้คนไปเตรียมอาหารเย็น และให้ท่านอ๋องอยู่ต่อเพื่อทานอาหารเย็นที่จวนตอนนี้ เซี่ยหลูโม่จะรับประทานอาหารที่จวนเสนาบดีกั๋วกงเป็นครั้งคราว และแม่นมเหลียงก็รู้ว่าเขาชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ไม่ชอบกินหวานแต่ก็พอกินได้ กินเผ็ดไม่ค่อยได้แต่ยอมกินเผ็ดเป็นเพื่อนคุณหนูทุกครั้งเขามีความอยากอาหารมากและสามารถกินข้าวเปล่าได้หกชามในมื้อเดียว กินอะไรได้หมด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 275

    ฮ่องเต้ต้องการช่วยระบายความโกรธให้นาง และให้จ้านเป่ยว่าง แต่งงานกับผู้หญิงที่หย่าโดยสันติหลังจากแต่งงานได้หนึ่งปีมันพอดีเลย นางกับจ้านเป่ยว่างก็หย่าหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปีเช่นกันเพียงแต่ว่า คุณหนูสามคนนั้นอาจไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เพราะฮ่องเต้ได้ออกคำสั่งไว้แล้ว ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้วันนั้นที่นางมาหา นางคงอยากรู้ว่าจ้านเป่ยว่างเป็นคนแบบไหนที่ฮ่องเต้ทำเช่นนี้ จะทำให้ซ่งซีซีรู้สึกว่าตนเองอาจทำให้คุณหนูสามเดือดร้อนไปด้วยนี่ไม่ใช่การระบายความโกรธให้นาง แต่เป็นการสร้างศัตรูให้นางมากกว่าดูเหมือนว่า นางต้องการพบกับคุณหนูสามสักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อกำจัดความขุ่นเคืองของพวกนาง เพื่อที่จะไม่เป็นศัตรูกับจวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อตัวเอง มันไม่ได้สำคัญอะไร ต่อไปรุ่ยเอ๋อร์จะเป็นผู้นำของจวนเสนาบดีกั๋วกง อย่าเพื่อเรื่องนี้ทำให้เกิดความแค้นใจขึ้นมาเมื่อเห็นนางขมวดคิ้ว เซี่ยหลูโม่จึงกล่าวว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าจากป๋อผิงซีส่งคำเชิญอยากมาเยี่ยม คงอยากถามไถ่เรื่องที่เจ้าหย่ากับจ้านเป่ยว่าง เรื่องนี้ข้างนอกลือกันใหญ่ แต่พวกนางเป็นคนมีเหตุผล รู้ว่าข่าวที่ข้างนอกลือกันนั้นไม่อาจเป็นความจริงท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 276

    ฮูหยินผู้เฒ่าสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายลายเมฆสีฟ้า ถือถังทำความร้อนอยู่ในมือ นางดูมีอายุประมาณห้าสิบปี มีผมหงอกบางส่วน ผมของนางหวีเป็นมวยอย่างประณีต และดูสง่างามมากเมื่อมองไปที่คุณหนูสาม นางแต่งตัวเรียบๆ ใต้เสื้อขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว นางสวมกระโปรงสีเหลือง อายุยี่สิบกว่า และดูสวยงาน แต่ใบหน้าของนางดูไร้ชีวิตชีวาเล็กน้อย หากมิใช่มีสีเหลืองนี้ ก็คงรู้สึกว่าออร่าของนางดูเชยกว่าท่านแม่ของนางซะอีกหลังจากที่ซ่งซีซีเชิญพวกนางนั่งลง นางก็อธิบายว่า "ก่อนหน้านี้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งคำเชิญมา ตอนนั้นรุ่ยเอ๋อร์กำลังอยู่ระหว่างช่วงการรักษา ข้าเลยไม่อาจเจียดเวลามาพบแขก กลัวว่าจะเสียมายาทได้ เลยให้คนรับใช้ปฏิเสธไปก่อน ตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้ว เลยอยากจะชวนทั้งสองคนมารวมตัวกันที่จวน ขอบคุณที่พวกเจ้ายังคงคำนึงถึงรุ่ยเอ๋อร์"วันนั้นที่พวกนางออกคำเชิญ โดยบอกว่าจะมาเยี่ยมนายน้อยรุ่ยเอ๋อร์ ซ่งซีซีย่อมต้องพูดเช่นนั้นไปฮูหยินผู้เฒ่าถามว่า "ตอนนี้นายน้อยเป็นยังไงบ้าง?""ดีขึ้นมากแล้วเจ้าคะ เป็นพรของเขาที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นห่วง" ซ่งซีซีกล่าวฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มและพูดว่า "ข้ารู้ว่าที่จวนเสนาบดีกั๋วกงของพวกเจ้ามีทุกอย่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 277

    หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็ยิ้มอีกครั้ง "แต่เจ้าหย่าแล้วก็ดี บัดนี้ได้แต่งงานกับท่านเป่ยหมิงอ๋อง การเป็นพระชายาจะไม่ดีกว่าฮูหยินของแม่ทัพหรือ"ซ่งซีซีไม่ชอบคำพูดที่ประชดของนาง จึงพูดอย่างใจเย็นว่า "คนเราจะควบคุมโชคชะตาได้อย่างไร เมื่อข้าหย่า ข้าก็ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะแต่งงานท่านเป่ยหมิงอ๋องได้""ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง" ฮูหยินผู้เฒ่าทำสีหน้าไม่พอใจ"ขอโทษนะ ข้ามักจะพูดตรงไปตรงมาเสมอ หวังว่าคุณหนูซ่งจะไม่ถือสา" คุณหนูสามระงับรอยยิ้ม แล้วถามอีกครั้ง "แล้วคุณหนูซ่งคิดอย่างไรกับนิสัยใจคอของจ้านเป่ยว่างล่ะ ในเมื่อเจ้าหย่ากับเขาแล้ว เขาต้องมีสภาพแย่มากอยู่ในใจของเจ้าสินะ"ซ่งซีซีรู้สึกตลกสิ้นดี "ในเมื่อคุณหนูสามพูดแบบนี้แล้ว ทำไมถึงมาถามข้าล่ะ"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องเขม็งไปที่หวังชิงหลูอย่างดุเดือด จากนั้นพูดกับ ซ่งซีซีด้วยน้ำเสียงขอโทษ "คุณหนูซ่งอย่าไปถือสาเลย หลายปีมานี้นางอยู่คนเดียวจนชินเป็นนิสัย พูดอะไรไม่ใช้สมอง เจ้าอย่าเก็บไว้ในใจ ที่เรามาครั้งนี้ นอกจากมาเยี่ยมนายน้อยแล้ว ยังอยากรู้ว่าจ้านเป่ยว่างเป็นคนยังไงจากปากของคุณหนู อย่างน้อย มองจากมุมมองของคุณหนูว่าเขาเป็นคนแบบไหน"ซ่งซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 278

    หลังจากส่งฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซี และคุณหนูสามออกไปแล้ว ซ่งซีซีก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นสักพักใหญ่ นางรู้สึกงุนงงเล็กน้อยจ้านเป่ยว่างมีท่าทียังไงกับการแต่งงานครั้งนี้ล่ะ? ไหนบอกว่ารักยี่ฝางคนเดียวเหรอ? เมื่อนึกถึงยี่ฝางที่มาอวดต่อหน้านางอย่างหยิ่งผยอง ไม่คิดว่าจะมีนายหญิงคนใหม่เร็วขนาดนี้ ไม่รู้ว่ายี่ฝางจะคิดยังไง แล้วจะคิดว่าที่ตนเองหยิ่งผยองในตอนแรกนั้นจะตลกน่าขำหรือไม่แม้ว่าคุณหนูสามจะเข้ากันได้ยากนัก แต่ถึงยังไงนางเป็นคุณหนูจากจวนป๋อผิงซี ดังนั้นนางจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับผิดชอบเรื่องต่างๆ ในจวนยิ่งไปกว่านั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านน่าจะชอบลูกสะใภ้คนนี้มาก ไม่มีเหตุผลอื่นใดหรอก แม้ว่านางจะเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง แต่นางก็จะมีสินเดิมมากมาย และครอบครัวของท่านพ่อแม่ของนางก็แข็งแกร่งด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าชอบลูกสะใภ้ที่มีภูมิหลังเก่งๆยี่ฝางเคยบอกว่านางจะไม่สู้กับผู้หญิง แต่ไม่รู้ว่าคราวนี้นางจะสู้หรือเปล่า?นางอยากใช้ชีวิตแบบคนที่นางเกลียดชังมากที่สุดหรือเปล่าเนี่ย?ซ่งซีซีอยากรู้อยากเห็นก็จริง แต่นางจะไม่ส่งคนไปสอบถามอย่างไรก็ตาม แม้ว่าซ่งซีซีไม่ได้ไปสอบถามเอง ก็มีคนจากต

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status