LOGIN“อุ๊ย!” เยว่หมิงอันอุทานมาอีก
“มาถามอะไรกันตรงนี้เจ้าคะ ดูเอาเถิด ฮูหยินคนใหม่อย่างหลี่เซวียนอี้ตีสีหน้าไม่ถูกเสียแล้ว”
คำทักท้วงของเยว่หมิงอันกึ่งสัพยอกขันๆ ทำให้เจาจ้าวหลงได้คิดรีบเอ่ยขอตัวรวดเร็ว ก่อนโอบไหล่บางของฮูหยินพาเดินออกประตูโดยไว
แขนแข็งแรงที่โอบรอบหลัง ซึ่งเคยให้ความอบอุ่น หากบัดนี้กลับทำหลี่เซวียนอี้รู้สึกหนาวยะเยือก
เจาจ้าวหลงไม่พูดสิ่งใดเลย ตลอดทางที่เดินไปจุดจอดรอของรถม้าด้วยกัน กระทั่งถึงยามที่เข้าไปนั่งด้านในจึงได้หันมามองหลี่เซวียนอี้ครู่หนึ่ง
ร่างสูงปล่อยให้รถม้าเคลื่อนตัวห่างจวนเจ้านายไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เคาะให้คนบังคับมาหยุดรถม้าเอาไว้ในจุดลับตาคน
“ไปรอให้ห่างจากรถม้า เสร็จธุระแล้วจะเรียก”
“เซวียนอี้” มือแข็งแรงแตะลงบนคางนาง จับให้หันมาสบตาเขา
“เยว่หมิงอันพูดจริงหรือเปล่า ที่ว่าอี้เออร์กำลังจะมีเด็ก”
หลี่เซวียนอี้มองสบตาเข้มคมอยู่ราวสิบวินาทีถึงตอบ “ไม่จริงหรอกเจ้าค่ะ”
หน้าคมสันขบกรามจนดูว่ากร้าวกระด้างนิ่วหน้านิดๆ แต่แล้วก็กลับคลายออกเป็นปกติ
หลี่เซวียนอี้คิดว่าเขาจะพูดอันใดออกมา แต่แล้วก็หันกลับไปถอนหายใจเปิดม่านออกเตรียมจะเรียกบ่าวที่ไล่ไปให้กลับมา แต่ก็จับค้างเอาไว้เช่นนั้น หลี่เซวียนอี้ลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของสามี
สีหน้าเจาจ้าวหลงเวลานี้ เป็นสีหน้าที่หลี่เซวียนอี้ไม่ค่อยจะคุ้น เพราะเต็มไปด้วยแววหมกมุ่นคล้ายมีเรื่องใหญ่ยิ่งให้ต้องคิด หรืออาจกำลังตีปัญหาของชาวบ้านมากกว่าร้อยครัวเรือนอยู่ในหัว
ถึงกระนั้น ก็ยังเป็นเสี้ยวหน้าที่ชวนมอง เป็นใบหน้าของผู้ชายมากเสน่ห์ ที่ผู้หญิงแทบทุกคนคงพร้อมจะสยบอยู่แทบเท้า เพียงแต่เขาจะแสดงไมตรีด้วยแม้เพียงสักนิดก็พร้อมทอดกายให้
นางเองก็ไม่ได้ต่างจากผู้หญิงเหล่านั้น เพราะขนาดว่าไม่ได้ตั้งใจ นางก็ยังเผลอไผลหล่นโครมลงไปในหลุมรักที่เขาขุดล่อด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของบุรุษเพศ
เมื่อแรกรู้ว่าจะต้องแต่งงานกับเขาแทนที่จะเป็นบุตรชายที่อายุไม่แตกต่างกันมาก หลี่เซวียนอี้ทั้งหวาดทั้งกลัวแม้ว่ามีความตื่นเต้นแทรกอยู่ลึกๆ
นางบอกตัวเองว่า ไม่มีทางเลือก เพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้แทนคุณบิดาที่ให้การเลี้ยงดูนางมาอย่างดี และรักนางอย่างสม่ำเสมอ
นางมองเห็นเส้นทางในอนาคตไม่ชัดเจนนัก เพราะเป็นการแต่งงานที่นางเองไม่ได้รักว่าที่เจ้าบ่าว เพียงแต่ชอบเขามากก็เท่านั้น
แต่หลังจากนางเป็นฮูหยินของเขา ใช้ชีวิตร่วมไม่ทันไรอนาคตที่มัวอยู่ ก็ชัดเจนขึ้น
การแต่งงานครั้งนี้ หาได้เป็นภาวะที่จะต้องจำทนแม้แต่น้อย หลังจากได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ตนมีต่อสามี นั่นก็คือ นางรักเขา อายุที่ห่างกันยี่สิบปี ไม่มีผลใดๆ ต่อความรู้สึกของนางที่มีต่อเขา
นางไม่เคยเห็นว่าเขาแก่ ถึงว่าเขาจะอายุมากกว่านางเกือบสองรอบ เขายังดูหนุ่มฉกรรจ์ และต่อให้เขามีผมขาวแซม เขาก็จะยังดูไม่แก่สำหรับนาง นั่นกลับทำให้เขาน่าหลงใหลกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
หลี่เซวียนอี้ไม่เคยรู้จักความรัก ไม่เคยมีอารมณ์หวือหวาต่อชายหนุ่มคนไหนมาก่อน เจาจ้าวหลงคือจุดเริ่มความรู้สึกทั้งหลายของตัวนาง
เขาทำให้นางได้รู้จักความสุขจากการมีสัมพันธ์ชายหญิง ทำให้นางได้รู้ว่าการแสดงออกถึงความปรารถนาในกันและกันระหว่างคู่แต่งงานไม่ใช่สิ่งน่าอาย
แต่ทำไมหนอ ท่านเทพถึงใจร้าย ทำให้นางรู้สึกว่าชีวิตใหม่ สถานภาพใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขที่เพิ่งเริ่มได้ไม่นาน กำลังจมดิ่งสู่ความมืดมน
และหากเป็นพรหมลิขิต เหตุใดจึงไม่บันดาลให้นางล่วงรู้ความจริงก่อนที่นางจะถลำตัว ถลำใจถึงขั้นนี้ ความรู้สึกที่ไม่มีวันจะถ่ายถอนคืนมาได้ต่อให้ใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิต นางควรตัดสินใจอย่างไรดี
“อี้เออร์” เสียงกระซิบของจ้าวหลง นำพาจิตใจของนางที่ล่องลอยออกไปแสนไกลให้กลับเข้ามาอยู่ในรถม้า
“เจ้าคะ”
“คิดอันใดอยู่”
“ไม่ได้คิดอันใดเจ้าค่ะ เซวียนอี้…ไม่รู้เจ้าค่ะ ไม่แน่ใจอันใดเลย” น้ำตาที่กักเก็บไว้เอ่อล้นขึ้นมารอบดวงตา
“ไม่ต้องร้อง ยังไม่ท้องก็ไม่เป็นอันใด” ริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบลงมาบนใบหน้าและขมับของหลี่เซวียนอี้หลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะลายลงไปยังซอกคอเรียวระหงของสตรีที่มีหยดน้ำตาไหลผ่านแก้ม
“เจาจ้าวหลง ท่านจะทำอันใด” เซวียนอี้ใช้มือเล็กพยายามจับเขาดันออกไป แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของสามีที่มากกว่าได้เลย ใจของนางสับสนนักด้านหนึ่งอยากใกล้ชิดให้มากก่อนที่จะไม่มีโอกาสรับสัมผัสเช่นนี้จากคนในดวงใจ แต่อีกด้านหนึ่งก็น้อยใจเสียใจจนไม่อยากให้เขาแตะต้องร่างกายของตนเพื่อนึกถึงหญิงอื่น
“ทีแรกคิดว่าจะหยอกล้อเล่น แต่เมื่อยังดื้อดึงไม่เรียกให้ถูกต้อง ข้าก็จะฉีดพ่นน้ำชีวิตจนกว่าฮูหยินจะมีเด็กติดครรภ์”
“แต่นี่…นี่มันนอกจวนนะเจ้าคะ” เซวียนอี้ทักท้วง เพราะแม้ว่าจะเลี้ยวมาจอดในจุดลับตาแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้คนสัญจรไปมาในบางจังหวะ
“หากอับอายก็กลั้นเสียงหวานนั้นเอาไว้ให้ดีเล่า”
เจาจ้าวหลงกล่าวตักเตือนในสิ่งที่เซวียนอี้ไม่คิดว่าตนเองจะทำได้แล้ว เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายมาจู่โจมร่างที่อวบอิ่มขึ้นกว่าคืนวันแต่งงาน เพราะจ้าวหลงชอบที่จะให้ฮูหยินของตนอวบอั๋นเสียหน่อย นั่นส่งให้ความมีน้ำมีนวลที่ซ่อนรูปจองเซวียนอี้บัดนี้ชัดเจนเต็มไม้เต็มมือมากกว่าเดิมหลายส่วน
มือแข็งแรงกอบกุมนวดคลึงภูสองลูกที่แม้จะไม่ได้ไปถึงขั้นสุดท้าย ก็จะต้องรวบตัวฮูหยินมานั่งตักและบีบขยำให้ทั้งช่วงตื่นนอนและก่อนนอน
“ท่านพะ…พี่”
“เรียกอย่างที่สั่งได้แล้วหรือ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะก้มลงใช้ปากครองยอดถันเอาไว้ แม้ว่าจะมีอาภรณ์กีดขวางก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของลิ้นร้ายกาจที่จะสร้างความรู้สึกวาบหวามให้แก่หลี่เซวียนอี้เลย
บัดนี้หญิงสาวที่สับสนอยู่เมื่อไม่กี่ชั่วอึดใจก่อนมีเพียงแค่ความปรารถนาในกายของบุรุษตรงหน้าเพียงเท่านั้น มือเล็กๆ ดึงผมที่ท้ายทอยกระชากให้จ้าวหลงเงยหน้าขึ้นมาแลกเปลี่ยนลมหายใจกับตนเอง ปากอิ่มบดคลึงส่งความรู้สึกน้อยใจออกไปให้เจารับรู้จนแดงช้ำ
บทที่ 6ทว่าเจาจ้าวหลงมิได้รับรู้เลย เขาเพียงคิดว่าเพราะการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำให้ผู้เป็นฮูหยินมีแรงกระตุ้นมากกว่าปกติจึงได้เริ่มกระทำรุนแรงขึ้นเหมือนอย่างที่เขาจะทำเพื่อเร้าอารมณ์เซวียนอี้อยู่เสมอบ้างมือใหญ่ปลดอาภรณ์ของฮูหยินตนออกจนหมด เขานวดฟอนเฟ้นจนพอใจ แล้วก็ถอนจูบออกเพื่อมาครอบครองไตแข็งสีแดงก่ำที่ดึงดูดสายตาเขาโดยไม่มีผืนผ้ามาขวางกั้น นางงดงามไปทั้งตัว ผิวขาวราวหิมะที่แดงช้ำง่ายจนเป็นกังวล แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นเซวียนอี้ก็ไม่เคยเอ่ยห้าม มีแต่จะร้องขอให้ทำกับนางมากขึ้น รุนแรงขึ้น เสียงหวานที่เปล่งออกมาแต่ละครั้งมอมเมาเขาจนไม่อาจยั้งมือ ต้องทำตามที่คนใต้ร่างขอ จนมานึกสงสารในภายหลังอยู่ทุกคราไปนั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาอดใจไม่โรมรันมอบรักให้แก่ฮูหยินผู้นี้ทุกคืนวัน เมื่อทำกับนางจนอ่อนแรงแทบจะสลบคาแท่งหยกของเขาคืนเว้นคืน ในคืนที่ว่างเว้น เจาจ้าวหล
บทที่ 5“อุ๊ย!” เยว่หมิงอันอุทานมาอีก“มาถามอะไรกันตรงนี้เจ้าคะ ดูเอาเถิด ฮูหยินคนใหม่อย่างหลี่เซวียนอี้ตีสีหน้าไม่ถูกเสียแล้ว”คำทักท้วงของเยว่หมิงอันกึ่งสัพยอกขันๆ ทำให้เจาจ้าวหลงได้คิดรีบเอ่ยขอตัวรวดเร็ว ก่อนโอบไหล่บางของฮูหยินพาเดินออกประตูโดยไวแขนแข็งแรงที่โอบรอบหลัง ซึ่งเคยให้ความอบอุ่น หากบัดนี้กลับทำหลี่เซวียนอี้รู้สึกหนาวยะเยือกเจาจ้าวหลงไม่พูดสิ่งใดเลย ตลอดทางที่เดินไปจุดจอดรอของรถม้าด้วยกัน กระทั่งถึงยามที่เข้าไปนั่งด้านในจึงได้หันมามองหลี่เซวียนอี้ครู่หนึ่งร่างสูงปล่อยให้รถม้าเคลื่อนตัวห่างจวน
บทที่ 4สายคล้องไหล่ที่ไม่ได้ผูกเป็นปมเงื่อนไว้ถูกปัดให้เลื่อนหลุดออกจากไหล่มน เพียงเขาปล่อยมือ ชุดนอนบางเนียนก็รูดพลิ้วลงไปกองที่ข้อเท้าเสียงหายใจแรงจนเกือบฟังเป็นหอบของเจ้าบ่าวเรียกให้นางเหลือบตาขึ้น พอเห็นว่าเขากำลังกวาดตามองร่างเปลือยของนางด้วยแววตากระหาย เซวียนอี้ก็รู้สึกว่าเนื้อตัวเหมือนจะละลาย คล้ายขี้ผึ้งที่ถูกไฟลนจนหลอมเหลว“เซวียนอี้ เจ้างดงามเหลือเกิน!” เสียงห้าวลึกฟังแหบพร่าสั่นสะท้าน“เห็นเจ้าตัวเล็กเพียงเท่านั้น ที่ไหนได้ อย่างนี้เองที่เรียกว่าซ่อนรูป เปิดหูเปิดตาข้าแล้ว”วาจาเขาว่าร้าย แต่สัมผัสของเขาร้ายยิ่งกว่า เพราะทำเอานางสั่นเยือก เมื่อมือที่แตะไหล่เลื่อนลงมากดไล่ลงบนต้นขาเปล่าเปลือย จากนั้นจึงค่
บทที่ 3“เรื่องเกิดช่วงที่พี่สาวของข้าจะเข้าวังพอดี เคยพบกันตามงานเลี้ยงอยู่บ้าง นางงดงามมาก เจาจ้าวหลงทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนี้หัวปักหัวปำเลยทีเดียว แต่เท่าที่จำได้ก็ดูจะชอบยั่วให้สามีกินน้ำส้มด้วยการมีสหายต่างเพศไม่ซ้ำหน้าคอยพาไปโน่นมานี่”“แล้วแม่นางน้อยบุตรสาวของคหบดีหลี่กงจาน ก็หน้าตาเหมือนซูเหมยหนี่อย่างกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา” เสียงซึ่งฟังว่าจะเป็นเสียงที่สามขัดขึ้น ก่อนเรื่องจะแตกออกไป “แค่คล้ายน่ะ พี่สาวฉันเคยคบค้ากับคุณหนูซู ลูกสาวหลี่กงจานดูงดงามแบบอ่อนหวานมากกว่า ไม่พอยังอ่อนกว่ามาก จำได้ว่าเมื่อซูเหมยหนี่เสียชีวิตอายุเลยยี่สิบมาไกล อายุน้อยกว่าเจาจ้าวหลงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น”“เช่นนี้มันก็คิดกันไปได้ ว่าที่เจาจ้าวหลงเลือกแต่งงานกับแม่นางผู้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรชาย ทั้งที่ไม่เคยปรากฏว่ารสนิยมชอบเด็กสาวๆ เพียงเพราะคุณหนูลูกพ่อค้านั่นหน้าตาเหมือนคนรักที่ตาย”“ก็ไม่มีอันใดต้องสงสัยอีก แม่นางนั่นหมดจดก็จริงอยู่ แต่ที่เจาจ้าวหลงมีข่าวหลุดรอดออกมาด้วยก็ล้วนแต่งดงามกันทั้งสิ้น”“จริงอย่างเจ้าว่า เจาจ้าวหลงเห็นจะไม่มาหลงรักสตรีอายุน้อยกว่าเป็นรอบสองรอบอย่างนี้ ที่ชอบพอคงเ
บทที่ 2“ผู้ใดเจ้าคะ” เซวียนอี้เอียงคอถามด้วยความสงสัย“คนที่อยู่ต่อหน้าเซวียนอี้ในคืนนี้น่ะ”“คนผู้นี้ไม่แก่หรอกเจ้าค่ะ” “รองเสนาบดีเจาสามสิบแปดแล้วนะ เรียกได้ว่าเฉียดสี่สิบ น่าจะอยู่ในพวกแก่แล้วสำหรับเซวียนอี้ คนเลยพากันสงสัย”“ท่านพี่จะบอกว่าเซวียนอี้เด็กไปอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” “ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าแค่กังวลว่าอาจจะเป็นคนน่าเบื่อสำหรับแม่นางน้อยอย่างอี้เออร์”“ไม่เบื่อเจ้าค่ะ ท่านพี่ไม่แก่สักหน่อย สตรีบ้านใดก็แต่งให้บุรุษที่มีอายุมากกว่าทั้งสิ้น”“ยี่สิบ” เขาบอกพลางดึงตัวฮูหยินมากอดเอาไว้ “เจ้าคะ” เซวียนอี้ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจนัก“บุรุษผู้นี้อายุยี่สิบแล้ว เมื่อเซวียนอี้ลืมตาดูโลก เป็นบิดาอี้เออร์ได้ด้วยซ้ำ”“เปรียบเทียบอย่างนี้ก็ฟังดูมีอายุจริงๆ เจ้าค่ะ”เจาจ้าวหลงหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาทุ้มนุ่มหู เช่นเดียวกับเสียงพูด ซึ่งนางชอบฟังเป็นที่สุด“ยอมรับเองอย่างนี้สงสัยจะต้องถูกลงโทษที่หาว่าสามีมีอายุ” เขาพูด “หรือต้องให้รีบมีลูกตอนนี้เลยดี”“ตรงนี้ได้ที่ไหนกันเจ้าคะ เลิกพูดเรื่องเซวียนอี้อายุน้อยพอจะเป็นลูกท่านพี่ได้แล้ว แล้วเซวียนอี้ก็ไม่อยากเป็นบุตรสาวหรอกเจ้าค่ะ เป็นอย่างน
บทที่ 1หลี่เซวียนอี้ ไม่เคยต้องใช้เวลานานในการที่จะมองหาร่างสูงสง่าของเจาจ้าวหลง ไม่ว่าอยู่ท่ามกลางผู้คนมากหรือน้อย เขาก็โดดเด่นที่สุดในสายตาของเซวียนอี้เสมอนางรู้ดี ว่าไม่ใช่แค่ความสูงที่เทียบเคียงกับพวกโพ้นทะเลที่เคยเห็นตามเมืองท่าของเขา แต่เนื่องจากจิตวิญญาณของคุณหนูหลี่จดจ่ออยู่ที่เขาต่างหาก...นั่นคือเหตุผลแท้จริงย้อนหลังไปก่อนสองเดือนที่แล้ว หลี่เซวียนอี้เคยได้ยินแต่ชื่อเจาจ้าวหลงโดยไม่เคยพบตัวจริงแม้สักครั้ง กระทั่งนางกลับมาอยู่เมืองหลวง หลังจากบิดายื่นคำขาดไม่ยอมให้ไปเที่ยวเล่นอยู่กับพี่ชายที่เดินทางค้าขายแล้วนางไม่คิดอยู่กับบ้านรอแม่สื่อเพียงให้ได้สามีมาครอบครอง เสียเวลาไปกับคนที่ใจไม่ได้อยากรัก ความสนใจของนางอยู่ที่การใช้ชีวิตให้สนุกสนานหรือพูดให้ถูกก็คือหลี่เซวียนอี้จะแต่งงานก็ต่อเมื่อมีความรักเป็นเหตุผลก็เท่านั้น นางไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใดให้มีชีวิตรอด หนังสือความรักประโลมโลกที่โด่งดังในหมู่สตรีแคว้นต้าอิ้งล้วนมาจากฝีมือการเขียนของเซวียนอี้ทั้งสิ้น แม้จะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้า แต่ถ้าหากจะใช้เลี้ยงตนเองคนเดียวก็เพียงพอ แต่ถึงอย่างไรบิดาและพี่ชายก็คงไม่มีวันยอมให้ดวงใจของจว







