โจวอี้เฉินมาหาลั่วหนิงฮวาในยามดึกของคืนนั้น ลั่วหนิงฮวามองดูชายยอดรักที่ยามนี้มีสีหน้าบึ้งตึงก็นึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง "เป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงมองข้าเช่นนี้" "หนิงฮวา เจ้าเคยพบกับหลิงหวางน้องชายข้าหรือ?""หลิงหวาง เอ๋ ไม่นี่เจ้าคะ" "เขาบอกว่าเจอเจ้ากำลังถูกบุรุษผู้หนึ่งลวนลาม จึงเข้าไปช่วยเอาไว้" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วหนิงฮวาก็ร้องอ๋อขึ้นในใจ ก่อนจะเอ่ยตอบโจวอี้เฉิน "อ้อ ข้าจำได้แล้วเจ้าค่ะ เขาช่วยข้าไว้แต่ข้าไม่ได้จำ เพราะไม่สำคัญ ที่แท้ก็เป็นน้องชายของท่านนี่เอง" "มันบอกว่ารักเจ้า" "แต่ข้าไม่ได้รักเขานี่ เพิ่งเจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น" ลั่วหนิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะดึงนางเข้ามากอดแนบอก "ภรรยาข้างดงามจนบุรุษถึงกับหลงรักเช่นนี้ ข้าไม่วางใจเอาเสียเลย" "ท่านหึงหวงข้าหรือ?" "แน่นอนอยู่แล้ว" "เช่นนั้นก็รีบแต่งกับข้าเสียสิ มิใช่แวะมาเอาเปรียบข้าเช่นนี้" "หนิงฮวา อีกเพียงสามเดือนเท่านั้น เจ้ารอหน่อยนะ" "ข้าย่อมรอได้อยู่แล้ว" "อืม ส่วนเรื่องบุตรสาวตระกูลเซียวเจ้ามิต้องเป็นกังวล ข้ามีวิธีจัดการนางด้วยตนเองแล้ว"
วังหลวงหนึ่งชั่วยามก่อนหน้า "หึ!!! คนสารเลวเช่นพวกเจ้า สุดท้ายก็มาถึงวันที่ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ไม่ไหว ถึงกับกล้าบีบบังคับข้าเช่นนี้!!!" ฮ่องเต้โจวเหลียนจ้องมองโจวเหวินกวงและเซียวฮองเฮาด้วยแววตาที่เกลียดชัง เดิมทีเขาเองก็ไม่ไว้ใจผู้ใดมาก่อนอยู่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคนที่กล้าคิดฆ่าเขาจะเป็นเมียรักและน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกัน พวกมันวางยาเขาจนกลายเป็นอัมพาต อีกทั้งยังปลอมแปลงพระราชโองการขึ้นมาอีกด้วย ช่างใจกล้าเทียมฟ้าเหลือเกิน!!! "ฝ่าบาท หม่อมฉันสัญญาว่าจะส่งโจวอี้เฉินไปอยู่เป็นเพื่อนพระองค์ในไม่ช้านี้เพคะ พระองค์ไม่ต้องทรงกังวลพระทัยอีก แผ่นดินนี้ โจวหลิงหวางจะต้องดูแลต่อจากพระองค์ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง" "นังสารเลว!!!" "พระองค์สิเพคะที่สารเลว ทรงรักแต่ลูกของนังแพศยาตระกูลกู้จนละเลยพวกเราสองแม่ลูก!!!" "ข้าเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเจ้าจิตใจหยาบช้าถึงเพียงนี้!!!" "รู้ก็ดี จงตายเสีย ข้ากับลูกจะได้สุขสบายเสียที!!!" "นังแพศยา!!!" ฮ่องเต้โจวเหลียนเคียดแค้นชิงชังเสียจนกระอักโลหิตออกมาคำโต เขาปรายตามองโจวเหวินกวงด้วยความเสียใจ "เจ้าก็อีกคน ร่วมมือกับนังแพศยานี่มานานเท่าใดแล้ว!!!"
"พระโพธิสัตว์โปรดคุ้มครองข้าด้วย ขอให้ข้าเดินทางโดยปลอดภัยด้วยเถิด ขอให้ข้าได้พบกับเสด็จพี่ด้วยเถิด!!!" ท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมทั่วท้องนภา ปรากฏร่างของโจวหลิงหวางที่ควบม้าอย่างรวดเร็วโดยมิหยุดพักท่ามกลางแสงจันทร์ที่ให้แสงสว่างเลือนราง เป้าหมายของเขาคือชายแดนทางทิศใต้ ป้ายทางการทหารนี้จะต้องถึงมือของโจวอี้เฉินให้ได้เขาร้องไห้ไม่หยุดระหว่างเดินทาง ภาพที่เสด็จแม่วางยาพิษเสด็จพ่อยังคงติดตาของเขา เขาเสียใจทุกข์ใจยิ่งนัก ที่มิอาจช่วยเสด็จพ่อได้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งภาพที่เสด็จแม่ถูกเสด็จอาสังหารก็สร้างรอยแผลลึกในใจให้แก่เขา เขาเกลียดเสด็จอายิ่งนัก!!!ยิ่งนึกถึงเสด็จพ่อที่ถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม ใจของเขาก็บีบรัดจนแน่น"เสด็จพ่อได้โปรดคุ้มครองลูกด้วย" โจวหลิงหวางใช้แส้ฟาดตีไปที่ท้องม้าเพื่อเร่งให้มันวิ่งให้เร็วขึ้น โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า ด้านหลังของตนนั้นมีร่างของชายชราสวมชุดมังกรสีทองกำลังติดตามเขาออกเดินทางไปด้วยเช่นกันโปรดวางใจเถิดลูกพ่อ ตลอดเส้นทางจะไร้ซึ่งภัยร้ายมากล้ำกรายเจ้า ด้านลั่วหนิงฮวาและแม่ทัพลั่วในยามนี้นั้น ถูกควบคุมตัวมายังคุกหลวงใต้ดินพร้อมกัน ส่วนโจวอวี้หลันเอง
ด้านโจวอี้เฉินและลั่วจินหยางนั้น พวกเขาเดินทางออกจากเมืองหลวงได้ไม่ถึงครึ่งทางเสียด้วยซ้ำ เพียงผ่านหมู่บ้านชนบทที่ลั่วหนิงฮวาเคยอยู่มาก่อน เบื้องหน้าก็ปรากฏภาพของเหล่าทหารราวแสนนายอยู่ตรงหน้า เมื่อมองให้ดีดีจึงได้พบว่า ผู้คุมกองทัพทหารเรือนแสนนั้นก็คือเยี่ยนอ๋อง ซึ่งโจวอี้เฉินเคยได้พบกับเยี่ยนอ๋องในสนามรบเมื่อคราก่อน โจวอี้เฉินละสายตาจากเยี่ยนอ๋องไปหยุดอยู่ที่คนผู้หนึ่งที่อยู่บนหลังม้าร่วมทัพกับเยี่ยนอ๋องก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น นั่นคือผู้ใด?"องค์รัชทายาท นั่นคือฉู่อ๋องพ่ะย่ะค่ะ" "ฉู่อ๋องหรือ?" "ท่านลุงรู้จักเขาหรือ?" "สมัยก่อน เมื่อครั้งที่อดีตฮองเฮายังมีพระชนม์ชีพ ยามที่ตระกูลกู้ยังเรืองอำนาจ กระหม่อมเคยตามท่านพ่อมาร่วมรบกับสองแคว้น กระหม่อมจำเขาได้พ่ะย่ะค่ะ" "เช่นนั้นพวกมัน?""เหตุใดพวกมันจึงล่วงล้ำเข้าสู่เขตดินแดนของหยางโจวได้!!!"กู้เฉวียน ผู้เป็นท่านลุงของโจวอี้เฉินรับรู้ได้ในทันทีว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ปกติเสียแล้ว "องค์รัชทายาท กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เหตุใดคนของแคว้นเยี่ยนและแคว้นฉู่จึงกล้ารุกรานผ่านประตูชายแดนเข้ามาในเขตหยางโจวได้ง่ายดายเช่นนี้!!!" ลั่วจินห
คุกหลวง ลั่วหนิงฮวาจ้องมองอาหารตรงหน้าก่อนจะก่นด่าโจวเหวินกวงในใจ นี่เท่ากับบีบคั้นนางชัด ๆ แม่ทัพลั่วมองข้าวเปล่าถ้วยเล็ก ๆ ตรงหน้าและผัดผักหนึ่งอย่าง ก่อนจะเลื่อนอาหารตรงหน้ามาให้ลั่วหนิงฮวา "เจ้ากินเถิด" "ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านหิว ท่านกินเถิด ข้าไม่หิวเจ้าค่ะ" บิดานางแก่ชรามากแล้ว ย่อมอยู่อย่างลำบากเช่นนี้ไม่ไหว อาหารเพียงเท่านี้ย่อมไม่เพียงพอที่จะกินกันถึงสองคน แม่ทัพลั่วสิ่งยิ้มให้ลั่วหนิงฮวาก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางด้วยความรักใคร่ "หนิงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดที่ทำให้พ่อรู้สึกผิดมาโดยตลอด นั่นก็คือการละเลยเจ้า พ่อไม่ได้ปกป้องเจ้าให้ดี ทำให้เจ้าถูกคนชั่วรังแกมาโดยตลอด" "ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดอีกเลยเจ้าค่ะ เรื่องราวมันผ่านไปนานแล้วนะเจ้าคะ ยามนั้นท่านเองก็ออกรบเพื่อบ้านเมือง ข้าเข้าใจท่านพ่อเจ้าค่ะ" "ฟังพ่อ เจ้ากินข้าวเสีย เจ้าจะต้องมีชีวิตรอดออกไป พวกเจ้าสองคนพี่น้องจะต้องมีชีวิตรอดต่อไป" "ท่านพ่อ ท่านหมายความเช่นไร!!!" "ต่อให้ฝ่าบาทจะบีบบังคับเจ้าด้วยวิธีใด จงอย่ายอมรับคำของเขาเด็ดขาด เจ้าสัญญากับพ่อสิ" "ไม่!!! ท่านพ่อ ท่านจะทำสิ่งใด!!!" "ลูกเอ๋ย พ่อแก่ชรามาก
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้
คุกหลวง ลั่วหนิงฮวาจ้องมองอาหารตรงหน้าก่อนจะก่นด่าโจวเหวินกวงในใจ นี่เท่ากับบีบคั้นนางชัด ๆ แม่ทัพลั่วมองข้าวเปล่าถ้วยเล็ก ๆ ตรงหน้าและผัดผักหนึ่งอย่าง ก่อนจะเลื่อนอาหารตรงหน้ามาให้ลั่วหนิงฮวา "เจ้ากินเถิด" "ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านหิว ท่านกินเถิด ข้าไม่หิวเจ้าค่ะ" บิดานางแก่ชรามากแล้ว ย่อมอยู่อย่างลำบากเช่นนี้ไม่ไหว อาหารเพียงเท่านี้ย่อมไม่เพียงพอที่จะกินกันถึงสองคน แม่ทัพลั่วสิ่งยิ้มให้ลั่วหนิงฮวาก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางด้วยความรักใคร่ "หนิงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดที่ทำให้พ่อรู้สึกผิดมาโดยตลอด นั่นก็คือการละเลยเจ้า พ่อไม่ได้ปกป้องเจ้าให้ดี ทำให้เจ้าถูกคนชั่วรังแกมาโดยตลอด" "ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดอีกเลยเจ้าค่ะ เรื่องราวมันผ่านไปนานแล้วนะเจ้าคะ ยามนั้นท่านเองก็ออกรบเพื่อบ้านเมือง ข้าเข้าใจท่านพ่อเจ้าค่ะ" "ฟังพ่อ เจ้ากินข้าวเสีย เจ้าจะต้องมีชีวิตรอดออกไป พวกเจ้าสองคนพี่น้องจะต้องมีชีวิตรอดต่อไป" "ท่านพ่อ ท่านหมายความเช่นไร!!!" "ต่อให้ฝ่าบาทจะบีบบังคับเจ้าด้วยวิธีใด จงอย่ายอมรับคำของเขาเด็ดขาด เจ้าสัญญากับพ่อสิ" "ไม่!!! ท่านพ่อ ท่านจะทำสิ่งใด!!!" "ลูกเอ๋ย พ่อแก่ชรามาก
ด้านโจวอี้เฉินและลั่วจินหยางนั้น พวกเขาเดินทางออกจากเมืองหลวงได้ไม่ถึงครึ่งทางเสียด้วยซ้ำ เพียงผ่านหมู่บ้านชนบทที่ลั่วหนิงฮวาเคยอยู่มาก่อน เบื้องหน้าก็ปรากฏภาพของเหล่าทหารราวแสนนายอยู่ตรงหน้า เมื่อมองให้ดีดีจึงได้พบว่า ผู้คุมกองทัพทหารเรือนแสนนั้นก็คือเยี่ยนอ๋อง ซึ่งโจวอี้เฉินเคยได้พบกับเยี่ยนอ๋องในสนามรบเมื่อคราก่อน โจวอี้เฉินละสายตาจากเยี่ยนอ๋องไปหยุดอยู่ที่คนผู้หนึ่งที่อยู่บนหลังม้าร่วมทัพกับเยี่ยนอ๋องก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น นั่นคือผู้ใด?"องค์รัชทายาท นั่นคือฉู่อ๋องพ่ะย่ะค่ะ" "ฉู่อ๋องหรือ?" "ท่านลุงรู้จักเขาหรือ?" "สมัยก่อน เมื่อครั้งที่อดีตฮองเฮายังมีพระชนม์ชีพ ยามที่ตระกูลกู้ยังเรืองอำนาจ กระหม่อมเคยตามท่านพ่อมาร่วมรบกับสองแคว้น กระหม่อมจำเขาได้พ่ะย่ะค่ะ" "เช่นนั้นพวกมัน?""เหตุใดพวกมันจึงล่วงล้ำเข้าสู่เขตดินแดนของหยางโจวได้!!!"กู้เฉวียน ผู้เป็นท่านลุงของโจวอี้เฉินรับรู้ได้ในทันทีว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ปกติเสียแล้ว "องค์รัชทายาท กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เหตุใดคนของแคว้นเยี่ยนและแคว้นฉู่จึงกล้ารุกรานผ่านประตูชายแดนเข้ามาในเขตหยางโจวได้ง่ายดายเช่นนี้!!!" ลั่วจินห
"พระโพธิสัตว์โปรดคุ้มครองข้าด้วย ขอให้ข้าเดินทางโดยปลอดภัยด้วยเถิด ขอให้ข้าได้พบกับเสด็จพี่ด้วยเถิด!!!" ท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมทั่วท้องนภา ปรากฏร่างของโจวหลิงหวางที่ควบม้าอย่างรวดเร็วโดยมิหยุดพักท่ามกลางแสงจันทร์ที่ให้แสงสว่างเลือนราง เป้าหมายของเขาคือชายแดนทางทิศใต้ ป้ายทางการทหารนี้จะต้องถึงมือของโจวอี้เฉินให้ได้เขาร้องไห้ไม่หยุดระหว่างเดินทาง ภาพที่เสด็จแม่วางยาพิษเสด็จพ่อยังคงติดตาของเขา เขาเสียใจทุกข์ใจยิ่งนัก ที่มิอาจช่วยเสด็จพ่อได้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งภาพที่เสด็จแม่ถูกเสด็จอาสังหารก็สร้างรอยแผลลึกในใจให้แก่เขา เขาเกลียดเสด็จอายิ่งนัก!!!ยิ่งนึกถึงเสด็จพ่อที่ถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม ใจของเขาก็บีบรัดจนแน่น"เสด็จพ่อได้โปรดคุ้มครองลูกด้วย" โจวหลิงหวางใช้แส้ฟาดตีไปที่ท้องม้าเพื่อเร่งให้มันวิ่งให้เร็วขึ้น โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า ด้านหลังของตนนั้นมีร่างของชายชราสวมชุดมังกรสีทองกำลังติดตามเขาออกเดินทางไปด้วยเช่นกันโปรดวางใจเถิดลูกพ่อ ตลอดเส้นทางจะไร้ซึ่งภัยร้ายมากล้ำกรายเจ้า ด้านลั่วหนิงฮวาและแม่ทัพลั่วในยามนี้นั้น ถูกควบคุมตัวมายังคุกหลวงใต้ดินพร้อมกัน ส่วนโจวอวี้หลันเอง