LOGINตอนที่ 3 เจอหน้า
ครืด ครืด ครืด
แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพอเห็นชื่อปลายสายที่กระหน่ำโทรเข้ามา แม้จะปล่อยผ่านมาหลายครั้งก็ตามแต่ก็ต้องตัดสินใจยอมรับสาย
“ครับป๊า”
“แกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ฉันโทรหาแกตั้งหลายสายทำไมไม่รับ” น้ำเสียงโมโหตะคอกดังแผดลั่นทันทีที่รับสาย
“ไม่ว่างครับ”
“พรุ่งนี้แกมาหาฉันที่บ้านด้วย”
“ผมก็บอกว่าผมไม่ว่าง”
“แกอย่ามาขัดคำสั่งฉัน”
“…”
“ฟิน แกยังฟังฉันอยู่ไหม”
“อือ ฟังอยู่”
“อย่าจองหองให้มาก ฉันให้แกทำอะไรแกก็ต้องทำหรืออยากให้แม่แกกับน้องแกลำบาก ฉันจะไม่ส่งเสียเงินเลี้ยงดูพวกแกก็ได้นะ”
“แล้วสิ่งที่ป๊าทำทุกวันนี้ทุกคนยังทุกข์ใจไม่พอหรอ แล้วอีกอย่างพวกผมไม่ต้องการเงินจากป๊าหรอก และเงินที่ป๊าโอนให้มาแต่ละเดือนยังอยู่ครบ เราไม่เคยใช้เงินที่ป๊าให้มาสักบาท จะให้ผมโอนคืนก็ได้นะ”
“ไอ้ฟิน!”
“แค่นี้นะ พรุ่งนี้จะเข้าไป”
ผมตัดสายทิ้งทันทีแล้วยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิมแต่พอจะก้าวเดินไปยังรถที่จอดอยู่ ก็เจอกับใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และผมมั่นใจว่าเธอคงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“ฉันไม่ได้ยินอะไรเลยนะคะ”
“ผมยังไม่ได้ถามเลย”
“ก็สายตาคุณตำหนิฉันเสียขนาดนั้น”
สายตาคมไล่มองดาวเด่นของคลับอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ผิดหูผิดตาจากผู้หญิงเซ็กซี่ ร้อนแรงในชุดคอร์สเพลย์แมวก่อนหน้า ใบหน้าสวยไร้เครื่องสำอางดูเกลี้ยงเกลา อ่อนเยาว์เหมือนเด็กมัธยมปลายจนแทบจำไม่ได้
“อายุถึงยี่สิบหรือยังมาทำในคลับแบบนี้”
“ถึงค่ะ แค่หน้าเด็กเฉยๆ”
“หลงตัวเอง”
“เปล่าสักหน่อย ใครๆ ก็พูดแบบนี้” ร่างบางไหวไหล่เอ่ยตอบไม่ยี่หระ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินไปทางหน้าคลับเพื่อเรียกรถแท็กซี่
“หึๆ”
“ขอตัวนะคะ แล้วเมื่อกี้แค่ผ่านมา ไม่ได้ยินในเรื่องที่คุณพูดกับปลายสายหรอก”
“เดี๋ยว”
“อะไรคะ”
“เราเคยเจอกันมาก่อนไหม”
“มุกจีบหรอ? คิดมาใหม่นะคะมันไม่เวิร์ค”
“จะให้ถามว่าเท่าไร...แบบนี้หรอ”
เท้าเรียวชะงักกึกหันมองคนพูด ท่าทางก็ดูเรียบร้อย สุภาพ ใส่แว่นดูเนิร์ดๆ แต่คำพูดคำจากลับเจ้าเล่ห์ และกวนประสาทน่าตบสักทีสองที เสียแรงที่ก่อนหน้าชมว่าหล่อ ขอเอาคำพูดคืน ตอนนี้จะทันไหม
“หมายความว่าไง”
“ตามที่พูด”
“อย่ากวน...”
“ไม่ได้กวน จริงจัง”
“เอาจริงๆนะ เราเป็นพวกเดียวกัน ไม่น่าจะเหมาะหรอกมั้ง ถ้าได้กันเอง” ร่างบางเอ่ยปฎิเสธน้ำเสียงยียวนก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น “คุณว่าจริงไหม”
“ยังไม่ได้ลองเลย”
“ไม่เคยได้ยินหรอเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”
“งั้นเสือกับเสือลองมาเจอกันหน่อยไหม จะได้รู้ไงว่าคำพูดติดปากพวกนี้จะเป็นจริงได้หรือไม่ได้”
“ถ้าเจอผู้ชายแบบคุณ ขอไม่ลองดีกว่า มีแต่เสียกับเสีย”
“หึๆ ไม่กล้าหรอ”
“ไม่อยากยุ่งมากกว่า ขอตัวนะคะ”
ผมหัวเราะในลำคอเสียงเบา พร้อมกับยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างใช้ความคิดจ้องมองตามแผ่นหลังบางจนสุดสายตา
“เจอของถูกใจเข้าแล้วสิไอ้ฟิน”
@มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง
“เป็นอะไรวะจันทร์เจ้า” ฟาริญหรือข้าวฟ่างเพื่อนสนิทที่เจอกันตั้งแต่วันแรกในวันปฐมนิเทศและโชคดีที่เรียนคณะบริหารเหมือนกันและสาขาเดียวกัน ฉันจึงคบเป็นเพื่อนตั้งแต่นั้นมา แม้อีกคนจะรวยล้นฟ้า แต่กลับไม่ถือตัวยอมคบกับเธอที่เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆเป็นเพื่อน
“เซ็ง”
“เรื่อง?”
“เรื่องเดิมแหละ”
“เจอแขกชวนรับงานบนเตียงหรอ” ฟาริญเอ่ยถามพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมหยิบขนมเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“อือ หล่อนะดูเนิร์ดๆ แต่พออ้าปากพูดเท่านั้นแหละแบดบอย คาสโนว่าตัวพ่อเลยล่ะ”
“เจอทุกวัน ไม่ชินหรือไง”
“ใครชินก็บ้าแล้วข้าวฟ่าง”
“เอาจริงก็อยากออกไปทำแบบแกบ้างนะ ดูน่าสนุกดีเป็นประสบการณ์ชีวิต”
“โอ้ หยุดความคิดแกเลยเพื่อน เป็นคุณหนูข้าวฟ่างแบบนี้แหละดีแล้ว มีแต่พวกเสือ พวกสิงห์ แบบแกไม่เหมาะหรอก”
“เสือ สิงห์ ผู้ชายเจ้าชู้ถึงไม่เข้าผับก็เจอป่ะจันทร์เจ้า”
“ก็จริงของแก”
“แหม่ๆ จันทร์เจ้า เธอพูดเหมือนไม่รู้จักตัวตนของคุณหนูข้าวฟ่างเลยนะ” แซนดี้หรือชรันณ์เพื่อนสนิทชายใจหญิง ลูกคนเดียวของเจ๊กุ้งเจ้าของแผงลอตเตอรี่รายใหญ่ที่รู้จักกับเธอตั้งแต่มัธยมต้นเดินนวยนาดเข้ามาทันได้ยินพอดิบพอดี จึงจีบปากจีบคอพูดขึ้น
“พวกแกมองฉันในแง่ร้ายเกินไปแล้ว” ฟาริญโอดครวญเสียงแผ้ว ใบหน้าสวยมุ่ยลงเล็กน้อย
“มองถึงตัวตนลึกๆของหล่อนต่างหากย่ะข้าวฟ่าง”
“เฮ้อ อยู่บ้านก็ถูกคุณยายสอนกรองมาลัย ร้อยดอกไม้ ทำอาหารคาวหวานแบบฉบับชาววัง ออกมาข้างนอกก็ให้เป็นตัวเองหน่อยเหอะ”
“อยากจะโทรฟ้องยายหล่อนจังเลย ว่าหลานสาวผู้เรียบร้อยดั่งผ้าที่พับไว้ได้แปลงร่างเป็นสาวน้อยผู้แสนซนไปเสียแล้ว”
“ถ้าโทรนี่คือใจร้ายมากนะแซนดี้”
“ล้อเล่นย่ะ ใครจะกล้ารังแกเพื่อน” ชรันณ์หัวเราะออกมาเสียงเบาเมื่อแกล้งยียวนอีกฝ่ายได้ ก่อนจะหันมาถามเพื่อนสนิท ที่ตั้งแต่มัธยมต้นเกาะกันแน่นหนึบกันมาจนขึ้นมหาวิทยาลัย “อ่ะแล้วนี่เป็นอะไร นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเลย”
“เซ็ง”
“แกก็ทำใจให้ชินได้แล้วจันทร์เจ้า วันๆแกต้องเจอคนหลายรูปแบบอย่าเอามาใส่ใจเลย บางคนเป็นคนแต่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องก็มีถมเถไป บางคนมันก็เลวเกินที่จะแยกแยะอะไรได้ เลยมีพวกที่มาราวีแกแบบนี้เนี่ยแหละ”
แปะ แปะ แปะ
“ขอยกย่อง วันนี้พูดดี” ฟาริญพูดเย้าเสียงขำ
“แน่นอน สวยขนาดนี้ มงต้องลงแล้วป่ะ” ชรันณ์ลอยหน้าลอยตาตอบพร้อมกับยกมือขึ้นรับมงกุฎประกอบท่าทาง
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊งๆๆๆ
“โอ้ว แม่เจ้าใครรัวแชทมาขนาดนั้นจันทร์เจ้า”
“เห้อ” จิณห์วราถอนหายใจยาวเหยียดพร้อมก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองที่กำลังสั่นสะท้าน “พฤกษ์แม่งก็แชทมาทุกวี่ทุกวัน”
ฉันวางโทรศัพท์เครื่องหรูที่กัดฟันซื้อมือสองมาในราคาหลายหมื่นกระแทกวางบนกองหนังสือด้วยความหงุดหงิด
“ขอดูหน่อยนะ” ชรันทร์หยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดู ส่วนฟาริญก็รีบชะโงกหน้าไล่สายตาอ่านข้อความนับสิบๆข้อความ
‘อยากเลิกเป็นคนเหงา เปลี่ยนมาเป็นของเราได้นะ’
‘เบอร์ได้แล้ว ไลน์ได้แล้ว เมื่อไรจะได้เธอมาเป็นแฟนหนอ’
“มันไปหามุกจีบมาจากไหนเยอะแยะวะ” ชรันทร์เปรยขึ้นเสียงเบา
“นั่นดิ เลี่ยนมาก” ฟาริญเอ่ยตอบก่อนจะเลื่อนดูข้อความอื่นๆต่อ
‘ช่วงนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยอ่ะ สงสัยไปอยู่กับเธอหมดแล้ว’
“โอ้เธอ หวานเจี๊ยบ” ฟาริญเอ่ยขึ้นเสียงเบาก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหน้าเจ้าของโทรศัพท์ “ไม่คิดจะใจอ่อนให้มันบ้างเหรอจันทร์เจ้า พฤกษ์มันก็หล่อนะ คารมก็ดี”
“จริงคารมดี รูปก็หล่อ ฮอตก็ฮอต ใครบ้างจะไม่รู้จัก พฤกษ์
วิศวะโยธา หนุ่มหล่อ ขี้เล่น ทะเล้น น่ารัก มีแต่คนอยากได้ไปเป็นแฟน เดินควงแขนสักวันคงมีความสุขดี อ๊าย! พูดแล้วคิดถึงหน้าหล่อๆเลยว่ะ อยากได้ๆ” ชรันณ์เอ่ยขึ้นยิ้มๆแววตาเหม่อลอยเป็นประกายระยิบระยับ“ลืมอีกข้อรึเปล่าแซนดี้”
“อะไร?”
“เจ้าชู้ตัวพ่อ”
“จะไปยากอะไร ถ้ามันจะนอกใจ ชิงทิ้งมันก่อนเหมือนทุกทีที่แกทำสิจันทร์เจ้า”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบรุ่นเดียวกันด้วย”
“ทำไม?”
“รู้ทันกันทุกเรื่อง”
“งั้นไปชอบเด็กไปอย่างน้องดิน หรือไม่ก็น้องแทนเดือนบริหารปีหนึ่ง”
“ไม่เอา เด็กกว่างอแงเก่ง ขี้เกียจโอ๋”
“งั้นไปคบคนอายุมากกว่า”
“ไม่เอา ตามไม่ค่อยทัน พวกนี้ประสบการณ์ชีวิตเยอะ เดี๋ยวโดนหลอกได้ง่ายๆ” จิณห์วราเอ่ยตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“คบคนอายุมากกว่ากลัวเขาทิ้งแล้วจะเสียชื่อเสือสาวจอมหยิ่งยโส ก็บอกมาเถอะ แกคบใครไม่เกินสี่วันแม่งบอกเลิกหมด”
“ก็ดูแต่ละคนที่เข้ามาสิข้าวฟ่าง หวังแต่อะไรไม่รู้”
“งั้นเชิญแกอยู่แบบโสดๆสวยๆไปค่ะสาว” ชรันณ์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือไล่ประกอบท่าทาง
“ก็ยังไม่เจอคนถูกใจสักทีไงแซนดี้”
“คงไม่มีหรอก เพราะฉันเห็นแกคบคนนั้นบอกเลิกคนนี้ ไม่เกินสามวันไปคบกับอีกคนหนึ่ง แบบนี้แล้วเมื่อไรจะเจอ”
“เอ้า ไม่ใช่ก็ต้องรีบตัดคู่แข่งดิ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะมัวเสียเวลาทำไม แล้วแกดูแต่ละคนที่เข้ามา คุยไม่ถึงวันจะพาขึ้นแต่คอนโด จะลากขึ้นเตียงให้ได้ พวกนั้นคิดว่าฉันเป็นโคโยตี้ เป็นเด็กนั่งดริ๊งก์อยู่ในคลับแล้วคิดว่าจะง่ายไง มันก็หวังเคลมฉันกันทั้งนั้นแหละ”
“แค่นี้เขาก็ขนานนามว่าแกเป็นคาสโนวีตัวแม่ แม่เสือสาวที่ชอบหักอกผู้ชายเล่นเป็นชีวิตจิตใจแล้วนะ”
“โนสนโนแคร์ค่ะสาว ไม่ดีก็แค่ทิ้งป่ะ คนอื่นจะพูดไงก็แล้วแต่ดิ”
“เห้อ ฉันล่ะกลัวเหลือเกินพวกโค้ชเก่งๆ เจอของจริงตกม้าตายทีหลังกันทุกราย”
“ไม่มีวันนั้นหรอข้าวฟ่าง ฉันมีภูมิต้านทานด้านนี้ดีและชีวิตนี้ ฉันไม่เคยคิดรักใครด้วย”
“จ้า ตอนนี้ก็พูดได้เพราะยังไม่เจอความรักจริงๆมากกว่า” ฟาริญพยักหน้ารับเพราะจิณห์วราทำงานในสถานบันเทิงเจอผู้คนมากมายหลายแบบทำให้ไม่กล้าที่จะรักใคร แต่ก็เก่งที่เอาตัวรอดออกจากดงเสือมาได้ทุกครั้ง
“ก็คงงั้นมั้ง” จิณห์วราเอ่ยรับอย่างไม่ใส่ใจเพราะไม่คิดที่จะรักใครอยู่แล้ว ยิ่งเธอทำอาชีพนี้ใครจะมารักจริง…ชาตินี้คงไม่มี
“เออ ฉันเห็นด้วยกับที่ข้าวฟ่างมันพูดนะ เจอของจริงระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าล่ะ” ชรันณ์พูดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย
“คงยาก”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ขึ้นเรียนเหอะ เดี๋ยวสาย” ชรันณ์ก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วรีบลนลานเก็บของเพราะอีกไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว
“อือๆ”
ตอนที่ 5 อดีตฝังใจ ปริชญ์หลีกเดินออกมาทางห้องครัวเพื่อบอกลาแม่นมก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านหิรัญกุล แต่ในระหว่างที่เดินออกมานั้นกลับต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจออีกครั้ง ที่กำลังยืนกอดอกพิงเสาอยู่ริมทางเดินด้านนอกตัวบ้านที่เชื่อมกับห้องครัว “ฟิน รฐาขอคุยด้วยหน่อย” “มีอะไรก็พูดมา” “รฐาอยากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น คืนนั้นรฐาเมามาก รฐาไม่ได้มีเจตนาจะนอกใจฟินเลยนะ” “สุดท้ายก็นอกใจอยู่ดีไม่ใช่เหรอ” “ก็ฟินไม่มีเวลาให้รฐาเลย วันๆทำแต่งาน ฟินรู้ไหมว่ารฐาต้องการความรักจากฟินมากแค่ไหน” “ผมรักคุณมาตลอด ไม่เคยนอกใจคุณเลยซักครั้งแล้วคุณล่ะต้องการรักแบบไหน หรือมากขนาดไหนถึงจะพอใจ ห๊ะ! รฐา ต้องมากแค่ไหนคุณถึงจะไม่หักหลังผม ไปแอบได้กับไอ้ทัชเพื่อนสนิทผม” “ขอโทษ…แต่วันนั้นทัชเป็นฝ่ายเข้าหา รฐาก่อน” “พอ! เพราะสุดท้ายคุณก็นอกใจผมอยู่ดี แต่ช่างเถอะเรื่องมันจบไปนานแล้วอย่ารื้อฟื้นขึ้นมาเลยและอีกอย่างผมลืมไปหมดแล้ว” “ฟินลืมความรักของเราจริงๆหรอ” “อืม” “ไม่จริง ฟินรักรฐ
ตอนที่ 4 แฟนเก่า@บ้านธนพัฒน์ธาดาบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านกลางพื้นที่หลายสิบไร่กลางเมืองหลวง โดยพื้นที่รอบๆถูกจัดแต่งสวนสไตล์อังกฤษเข้ากับตัวบ้านสีขาว แสงตะวันในช่วงเช้าสาดส่องยิ่งทำให้บรรยากาศรอบๆตัวบ้านร่มรื่นร่างสูงก้าวเดินเข้ามาในตัวบ้านที่ดูผิดไปจากเดิมจากบ้านที่เคยดูอบอุ่นมีพ่อแม่และลูกๆ ใช้เวลาร่วมกันในตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความสุข แต่ตอนนี้กลับแทนที่ด้วยความเศร้าหมองไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็มีแต่ความว่างเปล่า “คุณหนูของนม” ลาวัลย์หัวหน้าแม่บ้านในวัยเลขหกปลายๆ พาร่างท้วมสวมกอดคุณหนูที่เธอเคยช่วยคุณผู้หญิงของบ้านเลี้ยงดูตั้งแต่ทารกน้อยจนเติบโตเป็นหนุ่มหล่อ“อย่าวิ่งครับนม จะลื่น หกล้มเอานะครับ”“นมคิดถึงคุณหนูมากเลยค่ะ แล้วคุณผู้หญิงกับคุณหนูข้าวฟ่างมาด้วยไหมคะ”“ไม่มาครับ”“ทุกคนสบายดีไหมคะ”“ทุกคนสบายดีครับ ข้าวฟ่างฝากของบำรุงมาให้เยอะแยะเลยครับ”“ขอบคุณนะคะ น่าจะพาคุณหนูข้าวฟ่างมาหานมบ้าง ป่านนี้คงโตเป็นสาวสวยแล้วแน่ๆเลย”“รายนั้นไม่ยอมมาง่ายๆหรอกครับ”“เฮ้อ” ลาวัลย์ถอนหายใจทิ้งนึกถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดจากครอบครัวที่อบอุ่นต้องมาพังทลายเพราะคนไม่รู้จักพอและผู้หญิงหน้าไม่อ
ตอนที่ 3 เจอหน้าครืด ครืด ครืดแรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพอเห็นชื่อปลายสายที่กระหน่ำโทรเข้ามา แม้จะปล่อยผ่านมาหลายครั้งก็ตามแต่ก็ต้องตัดสินใจยอมรับสาย“ครับป๊า”“แกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ฉันโทรหาแกตั้งหลายสายทำไมไม่รับ” น้ำเสียงโมโหตะคอกดังแผดลั่นทันทีที่รับสาย“ไม่ว่างครับ”“พรุ่งนี้แกมาหาฉันที่บ้านด้วย”“ผมก็บอกว่าผมไม่ว่าง”“แกอย่ามาขัดคำสั่งฉัน”“…”“ฟิน แกยังฟังฉันอยู่ไหม”“อือ ฟังอยู่”“อย่าจองหองให้มาก ฉันให้แกทำอะไรแกก็ต้องทำหรืออยากให้แม่แกกับน้องแกลำบาก ฉันจะไม่ส่งเสียเงินเลี้ยงดูพวกแกก็ได้นะ”“แล้วสิ่งที่ป๊าทำทุกวันนี้ทุกคนยังทุกข์ใจไม่พอหรอ แล้วอีกอย่างพวกผมไม่ต้องการเงินจากป๊าหรอก และเงินที่ป๊าโอนให้มาแต่ละเดือนยังอยู่ครบ เราไม่เคยใช้เงินที่ป๊าให้มาสักบาท จะให้ผมโอนคืนก็ได้นะ”“ไอ้ฟิน!”“แค่นี้นะ พรุ่งนี้จะเข้าไป”ผมตัดสายทิ้งทันทีแล้วยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิมแต่พอจะก้าวเดินไปยังรถที่จอดอยู่ ก็เจอกับใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และผมมั่นใจว่าเธอคงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว“ฉันไม่ได้ยินอะไรเลยนะคะ”“ผมยังไม่ได้ถามเลย”“ก็สายตา
ตอนที่ 2 โชคชะตาเล่นตลก ‘ใครจะไปทำ เหอะ ก็ฉันเนี่ยไงที่ทำ’ 2 ปีต่อมา ปัจจุบัน TRADA CLUB คลับหรูใจกลางเมืองย่านดังที่ใครๆต่างรู้จักเป็นอย่างดีถูกยกให้เป็นคลับอันดับหนึ่งที่เนืองแน่นไปด้วยนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายมีตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงานจนถึงวัยกลางคน ที่มีอายุใกล้เลขห้าแต่ทุกคนที่เข้ามาได้จะต้องเป็นสมาชิกระดับวีไอพีขึ้นไปเท่านั้น ส่วนค่าสมัครสมาชิกก็แสนโหดแต่คนเหล่านี้ก็พร้อมจ่ายเพราะมันคุ้มค่าและดีที่สุดสำหรับผู้มาใช้บริการ ภายในคลับถูกจัดแบ่งโซนไว้เป็นสัดส่วนให้เลือกใช้บริการทั้งโซนหน้าเวทีใหญ่ ห้องคาราโอเกะขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่และเลาจ์สุดหรูไว้รองรับนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ “จันทร์เจ้า ทำไมวันนี้มาสายจังล่ะ” จิณห์วราในชุดนักศึกษาวิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องแต่งตัว จากเด็กน้อยกระโปโลในวันนั้นเติบโตเป็นสาวสวยวัยสะพรั่ง เครื่องหน้าสวยครบสมบูรณ์แบบ เพราะถูกเนตรทรายหรือที่ใครๆในคลับเรียกเจ๊มะนาวเทรนงานให้จนกลายเป็นดาวเด่นของคลับ ที่ลูกค้าต่างหมายปองแต่กลับไม่เคยมีใครได้เ
ตอนที่ 1 บังเอิญเสียงกระทะกระทบกันดังกึกก้องไปทั่วบริเวณริมฟุตบาทใกล้สถานบันเทิงชื่อดัง ก่อนที่เสียงเจ๊เจ้าของร้านตะโกนดังโวกเวก“จันทร์เจ้า เสิร์ฟข้าวโต๊ะแปดหน่อย”ใช่จ้า จันทร์เจ้าคือชื่อฉันเอง ผู้หญิงสู้ชีวิตคนหนึ่ง พ่อแม่ของเธอจากโลกนี้ไปเหลือเธอไว้บนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ตามลำพัง ปากกัด ตีนถีบพาชีวิตแสนลำเค็ญ กระเสือกกะสนเอาชีวิตให้รอดในแต่ละวัน ทุกอย่างปลูกฝั่งให้เธอเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ทันโลก และสู้คน“จ้า เจ๊”ร่างบางเพรียวระหง ผมสั้นปะบ่าสีน้ำตาลในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์พอดีตัว เอ่ยรับก่อนจะวิ่งไปหยิบจานข้าวกระเพราหมูสับ ไข่ดาวฟองใหญ่ใส่ถาดแล้วเดินเสิร์ฟตามโต๊ะวนลูปไปมาตั้งเฉกเช่นทุกวัน กว่าลูกค้าคืนนี้จะบางตาเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่“เห้อ วันนี้ลูกค้าเยอะจัง”“วันศุกร์ก็แบบนี้แหละ คนมาเที่ยวกัน เที่ยวเสร็จต่อด้วยข้าวเป็นธรรมดา” ดาด้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้มบีบนวดต้นขาตัวเอง “ดูสิเนี่ยจันทร์เจ้า ทำไมแกต้องมาทนเหนื่อยแบบนี้ด้วย พี่บอกให้แกลองไปแคสติ้งหรือไปทำงานบนห้างก็ไม่ไปเผลอๆ ได้เงินเยอะกว่าด้วยนะ”“โอ๊ยพี่ด้า ฉันก็หน้าตาธรรมดาบ้านๆ ใครเขาจะมามอง”“เจ๊เห็นด้วยกับดาด้ามัน







