Share

บทที่ 1066 เป็นนาง

Penulis: ม่อเยี่ยน
เย่จั้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

“แม่นาง ข้า...คือข้า...”

เขากำลังจะบอกว่าเขาเป็นอาคันตุกะที่มาใหม่ แต่สตรีในชุดขาวก็เดินตรงผ่านเขาไป และหยุดที่ลำธาร

นางยืนตัวตรง ชุดผ้าโปร่งสีขาวราวกับหิมะปลิวไปตามสายลม ราวกับเป็นนางฟ้าที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ เมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์อันหนาวเย็น นางยิ่งดูประณีตไร้มลทินดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์

ขณะมองดูนางยืน เย่จั้นก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์โดยไม่รู้ตัว

หลายปีที่ผ่านมา เขาเคยเห็นผู้หญิงที่สง่างามเช่นนี้นอกวัดสุ่ยจิ้งในเมืองหลวง นางเป็นเหมือนดอกดารารัตน์ที่ชุ่มชื้นอยู่ริมน้ำ นางยืนเงียบๆ ใต้แสงจันทร์ เลิกคิ้วงามขึ้นน้อยๆ ประหนึ่งมีเรื่องกลุ้มใจที่แก้ไม่ตก

เย่จั้นไม่เคยเห็นผู้หญิงที่พิเศษเช่นนี้มาก่อน ชั่วขณะนั้นเอง จิตใจทั้งหมดเหมือนจะถูกคว้าไว้ด้วยมือที่มองไม่เห็น และไม่สามารถหลุดพ้นได้อีกต่อไป...

เมื่อนึกถึงสตรีที่เฝ้าคะนึงหามาตลอดหลายปี เย่จั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจ เดินไปหาสตรีในชุดขาวโดยไม่รู้ตัว

“แม่นาง”

เขาเรียกเบาๆ

ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ได้ยินอะไรเลย ดวงตาสุกใสดุจธารายังคงมองไปข้างหน้า

เย่จั้นกระแอมไอแห้งๆ

“แม่นางไม่ต้องกลัวนะ ข้า
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1067 เจ้าต้องการหรือไม่

    “อินหลี?”เย่จั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยนี่มันไม่ถูกต้อง!อินหลีผลักเขาออกไป แล้วเดินไปทางลำธารอย่างดื้อรั้นเย่จั้นเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของอินหลี ทันใดนั้นก็ได้ยินคนถามว่า “นั่นใคร”เย่จั้นจี้สกัดจุดของอินหลีทันที และอุ้มนางเหาะไปที่ถ้ำร้างในเวลานี้ อินชิงเสวียนกลับมาบนเขาแล้วเดิมทีนางคิดที่จะไปหาฉุยอวี้ ลังเลที่ประตูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงล้มเลิกความตั้งใจเฟิงเอ้อร์เหนียงเพิ่งวางยานาง หากพบนางในตอนนี้คงจะรู้สึกอึดอัดแน่ๆ ตอนนี้นางไม่สามารถช่วยฉุยอวี้ได้ในขณะนี้ ไม่สู้ใช้คืนนี้ให้เป็นประโยชน์ ฝึกรวบรวมพลังยุทธ์ ไว้รอรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้เพื่อไม่ให้เหมยชิงเกอมีคำถามมากเกินไป ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงปิดหน้าจอแสดงผลในมิติ และนั่งขัดสมาธิบนเตียงหินนางใช้ความคิดระดมกำลังภายในทั้งหมด รวบรวมไว้ในจุดตันเถียน ทันใดนั้น การฝึกวิทยายุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนก็แวบเข้ามาในหัวของนางเองอินชิงเสวียนไม่เคยศึกษาวิทยายุทธ์เหล่านี้อย่างละเอียด วันนี้สงบจิตใจ ตัดสินใจที่จะพิจารณาให้ละเอียดยิ่งขึ้นในบรรดาวิทยายุทธ์ทั้งหมด มีวิชาฝ่ามือ วิชากระบี่ และวิชาดัชนี อินชิงเสวียนหลับตาเล็กน้อย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1068 วางแผน

    สีหน้าท่าทางของฉางเฮิ่นเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย“แม่นางอินหมายความว่า...”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ทำข้อตกลงกัน เราต่างคนต่างได้สิ่งที่เราต้องการ”ฉางเฮิ่นเทียนลังเล ถามว่า “แม่นางอินต้องการให้ข้าทำอะไร”อินชิงเสวียนพูดอย่างสงบ “ง่ายมาก ยืนอยู่ข้างข้า หลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าจะให้น้ำพุวิญญาณแก่เจ้าเท่าที่เจ้าต้องการ”ฉางเฮิ่นเทียนถามอย่างระมัดระวัง “แม่นางอินต้องการเผชิญหน้าสู้กับผู้อาวุโสหัน?”อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึเบาๆ “มีเรื่องกันมาขนาดนี้แล้ว เจ้าคิดว่าเขากับข้าจะยังสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้งั้นหรือ”“แต่เรื่องการตามหาเด็ก...ยังต้องการกำลังของตำหนักเทพ”ใบหน้าของฉางเฮิ่นเทียนจริงใจ แต่ดวงตามีความสงสัยเล็กน้อยอินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “ผ่านมาสองวันแล้ว ถ้าเขาหาเจอ คงจะมีข่าวคราวนานแล้ว ในเมื่อไม่เจอ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาไม่เห็นลูกชายของข้าอยู่ในสายตาเลย”ฉางเฮิ่นเทียนถอนหายใจ “จริงๆ แล้วจะโทษผู้อาวุโสหันทั้งหมดก็ไม่ได้ สองวันที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย วันก่อนข้าได้ยินมาว่าปีศาจที่ถูกคุมขังในผาเฟิงเริ่นหลบหนีไปได้ ผู้อาวุโส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1069 การคาดเดาที่บ้าบิ่น

    หลังจากออกจากบ้านถ้ำ ฉางเฮิ่นเทียนก็แสดงสายตาที่ไม่ระมัดระวังเหมือนก่อนอีกต่อไปเขาแทบรอไม่ไหวที่จะถอดฝาขวดออก และดื่มน้ำพุวิญญาณในอึกเดียวเขาต้องการสิ่งนี้มาก มีเพียงการฟื้นฟูความแข็งแกร่งสูงสุดโดยเร็วที่สุดเท่านั้น ถึงจะสามารถสู้กับเฮ่อยวนได้เขาต้องการทวงคืนทุกสิ่งที่ตัวเองสูญเสียไป ไม่ว่าจะเป็นเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง หรือทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ เขาอยากจะถือมันไว้ในมือของเขาตอนนี้สามารถลากอินชิงเสวียนเข้าสู่ตำหนักเทพได้ ก็เท่ากับว่าตัวเองมีเบี้ยต่อรองอันทรงพลัง หากเฮ่อยวนรู้ว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในมือของเขา เขาจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอนสำหรับผู้อาวุโสหัน เขาไม่พอใจมานานแล้ว หากสามารถขับเขาออกจากตำหนักเทพได้จริงๆ ก็จะเป็นประโยชน์ไม่มีโทษต่อฉางเฮิ่นเทียนอยู่แล้ว ตาแก่บ้านี่กล้าให้เขาทำงานเป็นวัวเป็นม้า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตู้เยี่ยนในตอนนั้นเลื่องชื่อเพียงใดเมื่อนึกถึงความรุ่งโรจน์ในอดีต ฉางเฮิ่นเทียนก็ค่อยๆ ยกมุมปากขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายหลังจากที่เขาจากไป อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วเช่นกันในเมื่อฉางเฮิ่นเทียนเชี่ยวชาญวรยุทธ์ที่น่ากลัวอย่างเช่นการฝังโลหิต ก็พิสูจน์ได้ว่าเขา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1070 คนเดียวที่ไม่เคยโกหกเขา

    ณ เมืองหลวงช่วงนี้เย่จิ่งอวี้ยุ่งมากเขาตื่นขึ้นไปประชุมเช้าทุกเช้า ในช่วงบ่ายก็ไปฟังนักพรตเต๋าเทศน์ที่อารามซ่างชิงกวน เมื่อเขากลับมาก็ขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือ ไม่พบปะใครเลยหลี่เต๋อฝูถูกย้ายกลับมารับใช้หน้าพระพักตร์ ปกติมักจะกลัวว่าฝ่าบาทจะถามนั่นถามนี่ ตอนนี้แม้ว่าฝ่าบาทจะให้เขากลับมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย ซึ่งความแตกต่างนี้ กลับทำให้หลี่เต๋อฝูรู้สึกไม่ชินกว่าเดิม“อาจารย์ มีจดหมายจากเสี่ยวอานจื่อ”หลี่เต๋อฝูกำลังยืดคอมองเข้าไปในห้อง แล้วศิษย์คนหนึ่งก็เข้ามาจากด้านนอกทันใดนั้นหลี่เต๋อฝูแสดงสีหน้าดีใจ รีบส่งสายตาให้ขันทีน้อย บอกเป็นความหมายว่าให้ไปคุยที่อื่นทั้งสองมาที่ด้านข้างของห้องโถง ขันทีน้อยยื่นผ้าที่ซ่อนอยู่ในอ้อมแขนให้หลี่เต๋อฝู แล้วถอยหลังออกไปด้วยความเคารพหลี่เต๋อฝูรีบเปิดอ่านดู แล้วกระซิบกับตัวเองว่า “เป็นเด็กลิงที่ฉลาดจริงๆ รู้จักไปหาครอบครัวของใต้เท้าอินด้วย นี่ก็ไม่มีข่าวคราวจากพวกเขามาหลายวันแล้ว ตอนนี้สบายใจได้แล้ว”เขาอ่านจดหมายซ้ำหลายครั้ง จากนั้นจึงหยิบตะบันไฟขึ้นมา นั่งยองๆ ลงบนพื้นแล้วเผาทิ้ง จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่“เฮ้อ คงจะดีไม่น้อยถ้าน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1071 ความคิดของเย่ไห่ถัง

    ณ ตำหนักชิงฮว๋าเย่ไห่ถังกำลังเล่นเกมที่เสด็จพี่สะใภ้ของนางมอบให้อย่างเบื่อๆ คนทั้งคนเป็นเหมือนดอกไม้ที่ไม่มีชีวิตชีวา ดวงตาของเขามืดมนคิดถึงเสด็จพี่สะใภ้จัง คิดถึงจ้าวเอ๋อร์จัง!ตั้งแต่ตอนแรกที่รู้จากหลี่เต๋อฝูว่าเสด็จพี่สูญเสียความทรงจำ เสด็จพี่สะใภ้ได้ออกจากวังไปแล้ว เย่ไห่ถังก็ตกใจมาก แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริงนางตำหนิหลี่เต๋อฟูด้วยความโกรธ ยืนกรานที่จะถามฝ่าบาทด้วยตนเอง แต่หลี่เต๋อฝูหยุดไว้ด้วยด้วยสีหน้าดื้อดึงจนกระทั่งนางเห็นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของอินชิงเสวียน และเครื่องเล่นเกมที่สามารถเติมแบตได้เมื่อวางไว้กลางแดด เย่ไห่ถังจึงเชื่อว่าเสด็จพี่สะใภ้ได้จากไปแล้วจริงๆ หลังจากทราบเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดแล้ว เย่ไห่ถังก็ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ต้องการบอกความจริงกับฝ่าบาทหลายครั้ง แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้นี่เป็นสิ่งที่เสด็จพี่สะใภ้เสียสละเพื่อตัวเองและครอบครัว หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น นางจะกลายเป็นคนบาปไปตลอดกาลอย่างแน่นอนแต่ใจข้ายังว่างเปล่า โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงอินปู้อวี่ที่จากไป ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปอีก“เฮ้อ!”เย่ไห่ถังไม่รู้ว่านางถอนหายใจกี่ครั้ง ดูเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1072 เสด็จพี่สะใภ้เป็นใคร

    “เอ่อ เสด็จ...พี่ใหญ่”เย่ไห่ถังดึงชายผ้าห่มอย่างดื้อดึง พร้อมทั้งกรีดร้องออกมาเย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกไปสัมผัสหน้าผากของนาง ซึ่งไม่ร้อนเลยสักนิด ดูเหมือนว่านางจะไม่เป็นหวัดเลยยิ่งกว่านั้นเสียงตะโกนยังเต็มไปด้วยพลัง ไม่มีสัญญาณของความเจ็บป่วยบนใบหน้าเลยเขาอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา“ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ”เย่ไห่ถังรีบดึงผ้าห่มขึ้น เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง พยายามลดความตื่นตระหนกในใจลง“เปล่า ข้าแค่ไม่คาดคิดว่าเสด็จพี่ฮ่องเต้จะมา ข้า...แปลกใจไปชั่วครู่”“ฮึ่ม เกรงว่าเจ้าจะไม่ได้แปลกใจที่ข้ามา แต่เจ้ากลัว กลัวการปรากฏตัวของข้า”ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้เย็นชา พูดตรงเข้าประเด็นเย่ไห่ถังไอแห้งๆ และพูดว่า “เสด็จพี่พูดแบบนี้ได้อย่างไร ทำไมน้องต้องกลัวที่จะเจอเสด็จพี่ด้วย น้องมีแต่จะคิดถึงเสด็จพี่มากกว่า”“ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงยังแสร้งทำเป็นป่วยอยู่”เย่จิ่งอวี้กางเสื้อคลุมออก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าเย่ไห่ถังรู้ว่าตัวเองปกปิดไม่ได้แล้ว นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกผ้าห่มขึ้นด้วยความเขินอาย บีบนิ้วแล้วพูดว่า “น้องไม่ได้แกล้งป่วย น้องรู้สึกไม่สบายจริงๆ เพ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1073 โซ่ตรวนที่มองไม่เห็น

    หลังจากผ่านไปราวๆ สิบห้านาที เย่จิ่งอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักเย็นเมื่อมองดูกำแพงสูงที่มีรอยด่างตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความรู้สึกพิกลที่อธิบายไม่ได้ในใจ แต่เมื่อคิดอย่างละเอียด กลับไม่มีความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้เลยหรือว่าที่พวกเขากำลังพูดถึง คืออินชิงเสวียนจริงๆ?ตอนที่เขาเป็นองค์รัชทายาท ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับเคยมีราชโองการให้เขาอภิเษกสมรสกับสตรีจากตระกูลอินจริงๆ เดิมทีต้องการปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นแขกคนสำคัญเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แต่ไม่คาดคิดว่าจะพบจดหมายการทรยศในตระกูลอินหลักฐานจากทุกฝ่ายได้ข้อสรุปแล้ว ในฐานะฝ่าบาท ย่อมไม่สามารถทนให้พยัคฆ์ร้ายนอนอยู่ข้างๆ เขาได้ ดังนั้นเขาจึงขังนางไว้ในตำหนักเย็นเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ที่ลานเรือน ครุ่นคิดอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าความทรงจำจะพร่ามัว แต่ก็ยังคงเข้าใจความคิดคร่าวๆ ได้เขาจำได้ว่าตัวเองไม่ได้สั่งให้ปฏิบัติอย่างโหดร้ายกับหญิงแซ่อิน แต่ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงตาย นอกจากนี้ยังมีขันทีและองครักษ์ผลัดเปลี่ยนเวรยามมาดูแลตำหนักเย็นอยู่ ถ้านางป่วยจริงๆ ทำไมนางไม่แจ้งหมอหลวง?ขณะที่คิดเรื่องนี้ เขาก็เหาะเข้าไปข้างในแล้ว มีเปลญวนหลังหน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1074 เสียการควบคุม

    ความเจ็บปวดรุนแรงราวกับคลื่นทะเล ได้ซัดเข้าที่หน้าผากของเย่จิ่งอวี้อย่างต่อเนื่องเป็นความเจ็บปวดในหัวราวกับจะระเบิด เย่จิ่งอวี้รู้สึกว่าดวงตากลายเป็นสีแดงเลือด นภาและพสุธาเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีแดงเขาค่อยๆ รู้สึกสูญเสียการควบคุม ราวกับว่าร่างกายไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไปยอมแพ้ไม่ได้!หากไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ก็จะยังคงสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดในครั้งต่อไปหยกเย็นบนคอปล่อยไอเย็นออกมาอีกครั้ง ซึ่งช่วยให้เย่จิ่งอวี้รักษาจิตใจให้มั่นคงได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่เสียสติไปอย่างสิ้นเชิง เย่จิ่งอวี้ก็หยุดการป้องกัน ระดมกำลังภายในทั้งหมด พุ่งเข้าสู่ทะเลแห่งจิต หลังจากทำซ้ำหลายครั้ง เสื้อผ้าของเย่จิ่งอวี้ก็เปียกโชกไปหมด แต่โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นในใจยังคงดื้อรั้นอย่างยิ่งทำไมถึงเป็นแบบนี้ใครกันที่มีความสามารถเพียงนี้ สามารถติดตั้งการควบคุมร่างกายของเขาไว้อย่างดึงดันเช่นนั้น เหตุใดคนผู้นี้จึงต้องการเอาความทรงจำของเขาออกไปในความทรงจำของเขามีเรื่องน่าอายที่บอกใครไม่ได้กระนั้นหรือความปรารถนาที่จะสำรวจของเย่จิ่งอวี้ถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ เขาคำรามลั่นอย่างทนไม่ไหว“ข้า

Bab terbaru

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status