หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 8 ให้เขาอยู่สุขสบายเกินไม่ได้

แชร์

บทที่ 8 ให้เขาอยู่สุขสบายเกินไม่ได้

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
อินชิงเสวียนเดินตามมาที่ประตูด้วย เธอซ่อนตัวแอบฟังอยู่ข้างๆ

ยายหลี่ถามอย่างอดรอไม่ไหวว่า "พี่ชายหวังทั้งสอง ของขายไปแล้วหรือยัง?"

หวังต้าหวู่พูดด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด "ขายแล้ว พวกเจ้าไปเอามาจากที่ไหนหรือ?"

ยายหลี่ว่า "เรื่องนั้นเจ้าอย่าสนใจเลย ส่งเงินเข้ามาเถอะ"

เสียงขบฟันดังขึ้น ประตูวังถูกผลักเปิดเป็นช่องแคบเล็กๆ เงินถุงหนึ่งถูกส่งเข้ามาจากด้านนอก

หวังเอ้อร์หวู่พูดตามหลังมาว่า "ยายหลี่ ของน่ะก็ขายดีอยู่หรอก แต่ราคาไม่ได้สูงอย่างที่เจ้าพูดมา ของสี่ชิ้นขายได้ทั้งหมดสามร้อยตำลึง เจ้าว่าได้ไหม?"

ยายหลี่มองไปที่อินชิงเสวียนแวบหนึ่ง อินชิงเสวียนขมวดคิ้วบางเล็กน้อย แล้วพยักหน้า

ยายหลี่รับเงินมาแล้วว่า "ได้สิ ครั้งหน้าพวกเจ้าต้องขายให้ราคาสูงๆ หน่อย เพราะของๆ เรามีเงินก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ"

หวังเอ้อร์หวู่หัวเราะ

"เจ้าวางใจเถอะ ถ้ามีของอีก ข้ารับรองจะทำทุกวิถีทางช่วยเจ้าขาย"

อินชิงเสวียนกลับเข้าบ้านไปแล้ว

ของสี่ชิ้นขายได้สามร้อยตำลึงนับว่าไม่น้อยแล้ว ในยุคนี้เงินสามร้อยตำลึงมากพอให้คนธรรมดาอยู่ได้ห้าถึงหกปีแล้ว

แต่เมื่อเทียบกับที่เธออยากจะออกจากพระราชวังแล้ว มันถือว่าน้อยมากๆ

ก่อนอื่นต้องเตรียมเสื้อผ้า และป้ายแขวนเอว ทหารที่เฝ้าประตูวังก็ต้องตระเตรียมค่าสินบนให้พร้อม ถ้าไม่มีเงินสักหลักพันตำลึงก็ไม่พอ

อีกอย่างเธอเองก็สงสัยว่าสองพี่น้องตระกูลหวังแอบโกงเงินของเธอ

ยังไม่ทันที่เธอจะพูด ยายหลี่ก็พูดว่า "สองคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าขายในวัง อย่างน้อยก็ขายได้ถึงหกเจ็ดร้อยตำลึงเพคะ"

อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ช่างเถอะ ข้ายอมให้พวกเขาโกง ใครใช้ให้เราหาหนทางอื่นในวังนี้ไม่เจอล่ะ ฐานะต่ำต้อยของพวกเขา ถ้าไปขายในวัง มันจะสะดุดตาจนถูกล้วงลึกทุกอย่างแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะขายเราไปด้วย ยายหลี่ เจ้าไปเอากระจกและน้ำหอมที่เหลือให้พวกเขาเถอะ ตอนที่มาครั้งหน้า ให้พวกเขาเอาชุดขันทีมาให้เราสามชุด แล้วก็ซื้อเนื้อมาด้วยสักหน่อย"

ยายหลี่รับคำและหยิบเอากระจกและน้ำหอมที่เหลือออกไป

สามวันต่อมา พี่น้องตระกูลหวังกลับมาส่งข่าว นอกจากเสื้อผ้าและเนื้อหมู พวกเขาเอามาให้เพียงแค่สี่ร้อยตำลึง

ยายหลี่อดโมโหไม่ได้

"สองสารเลวนี่ เห็นว่าพวกเราเอาเปรียบง่ายสินะ ของพวกนี้อย่างมากก็ราคาแค่ยี่สิบตำลึง"

อินชิงเสวียนหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน "แบบนี้อย่างไรล่ะที่เขาเรียกว่าหงส์ฟ้าตกอับไม่สู้ไก่บ้าน"

อวิ๋นฉ่ายพูดอย่างอดไม่ได้ว่า "พระสนม ถ้าเรายังปล่อยปละพวกเขา ครั้งหน้าเงินที่ได้จะไม่ยิ่งน้อยลงหรือเพคะ"

อินชิงเสวียนมองบน "แล้วจะทำอย่างไรล่ะ พวกเราก็ออกไปไม่ได้"

อวิ๋นฉ่ายชี้ไปที่รูบนกำแพง พูดเสียงเบา "พระสนม พระองค์ลืมแล้วหรือเพคะ ที่จริงพวกเราสามารถออกไปได้ พวกเราสามารถไปติดต่อขันทีใหญ่ได้เอง ให้พวกเขาช่วยเราขาย ต้องขายได้มากกว่านี้แน่นอนเพคะ"

ยายหลี่คัดค้านทันที "ไม่ได้ ถ้ามีคนถามว่าเราเป็นคนของวังไหน เราจะตอบว่าอย่างไร แบบนี้อันตรายเกินไป"

อวิ๋นฉ่ายจับแขนยายหลี่พูดว่า "ตอนที่พระสนมยังไม่คลอด ข้าได้ยินห้องพระเครื่องต้นบอกว่าในวังมีหญิงงามเข้ามาจำนวนไม่น้อย เราก็พูดที่ไหนก็ได้ไปสักที่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรให้คนอื่นหลอกโกงเงินจำนวนตั้งขนาดนั้น"

อินชิงเสวียนก็ปวดใจกับคะแนนของตนเอง เช้าวันนี้เธอไปดูในช่องว่าง ต้นกล้าเพิ่งจะเริ่มมีตาดอก ถ้ายึดความเร็วตามนี้ กว่าจะเก็บเกี่ยวได้ก็ต้องรออีกหลายวัน

ที่เหลือเธอก็ไม่กล้าใช้สุ่มสี่สุ่มห้า ยังต้องเก็บเอาไว้ซื้อนมผงให้เจ้าหมาน้อย

แต่ถ้าออกไปข้างนอก ตัวเองก็ไม่มีนางกำนัลที่สนิท มันเสี่ยงอันตรายเกินไป

คิดไปคิดมา ก็มีแต่ต้องยอมขาดทุนไปก่อน รอถึงเวลาที่เธอจะไป เธอจะต้องสั่งสอนสารเลวตระกูลหวังทั้งสองเสียให้เข็ด

หลังจากกินมื้อเที่ยง อินชิงเสวียนก็ทำใจไปแลกซื้อกระจกสองบานและน้ำหอมแบบลูกกลิ้งสองขวดในช่องว่างมาอีก แล้วให้ยายหลี่นำไปให้พี่น้องตระกูลหวัง

ทั้งสองคนเมื่อได้รับสินค้าต่างก็ดีใจอย่างมาก ครั้งแรกพวกเขาเอาไปขายที่ร้านอัญมณี แต่ละชิ้นขายได้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง ครั้งที่สองพวกเขาขายไปที่จวนของราชเลขาธิการลู่ ได้เงินมาทั้งหมดหนึ่งพันตำลึง

เมื่อเห็นว่ามีสินค้ามากมายขนาดนี้อีก ดวงตาของทั้งสองคนก็เป็นประกายขึ้นมา

หวังต้าหวู่พูดเสียงเบา "น้องชายเจ้ามันสุดยอดจริงๆ ของแค่นี้ก็ทำให้พวกเราทำกำไรได้หลายร้อยตำลึงแล้ว แต่...พวกเรายังแอบโกงเงินของพวกนางด้วย จะไม่ดีหรือไม่?"

หวังเอ้อร์หวู่ร้องหึแล้วพูดว่า "มีอะไรไม่ดีตรงไหน พระสนมถูกขังอยู่ในวังเย็น แม้แต่ประตูก็ยังออกมาไม่ด้วยซ้ำ พวกเราต้องกังวลอะไรกันอีก เกิดวันหนึ่งเราถูกโยกย้าย อยากจะหาเงินก็คงไม่มีที่ให้หาแล้ว ดังนั้นถือโอกาสตอนนี้ที่พวกนางยังมีของ เราก็ต้องกอบโกยเสียหน่อย"

หวังต้าหวู่คิดดูแล้ว รู้สึกว่ามันก็มีเหตุผลเหมือนกัน

เมื่อเข้าไปอยู่ในวังเย็นแล้ว ชาตินี้ก็อย่าได้คิดจะออกมา ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวจริงๆ

จากนั้นก็ถามต่อด้วยความสงสัย "เจ้าว่าพวกนางถูกขังอยู่ข้างใน แล้วของพวกนี้ไปเอามาจากไหน?"

หวังเอ้อร์หวู่พูดอย่างหงุดหงิดว่า "ช่างนางสิ แค่มีช่องทางหาเงินก็พอแล้วไม่ใช่รึ"

อินชิงเสวียนก็เจ็บแค้นใจมากเช่นกัน แม้ว่าของเหล่านี้แม้จะแลกด้วยคะแนนไม่กี่คะแนน แต่ว่าคะแนนของเธอก็ไม่ได้ได้มาฟรีๆ

ต้องหาวิธีสั่งสอนสารเลวสองคนนี้เสียหน่อย

กลางคืนอินชิงเสวียนสั่งให้อวิ๋นฉ่ายไปทำหมูน้ำแดง เมื่อได้น้ำตาลกับซีอิ้วมาปรุงรส ทั้งสีสันและรสชาติก็อัพเลเวลขึ้นไปอีกหลายระดับเลยทีเดียว

อวิ๋นฉ่ายถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

"พระสนม พระองค์ไปเรียนมากับใครหรือ เหตุใดอยู่ๆ ก็ทำอาหารเป็นตั้งหลายอย่างเลยเพคะ?"

"ก็ต้องเป็นท่านเซียนอยู่แล้ว ชิมดูสิว่าอร่อยไหม"

อินชิงเสวียนใช้ตะเกียบคีบเนื้อชิ้นหนึ่ง พอยกมือขึ้นก็ถูกปากใหญ่ๆ คาบเอาไป

อินชิงเสวียนรู้สึกทั้งโมโหทั้งตลก

"เจ้าสัตว์ตัวนี้นี่จมูกไวดีเหลือเกินนะ เวลาผัดผักไม่มา แต่พอตุ๋นเนื้อทีไรเร็วกว่าทุกคนตลอดเลย"

ไป๋เสวี่ยกลืนก้อนเนื้อเข้าไปแล้ว

มันเริ่มส่งเรียกร้องอู้อี้ๆ ในลำคอ ส่วนมือก็ยกไหว้อินชิงเสวียนไม่หยุด

อินชิงเสวียนโยนเนื้อส่วนมันให้มันชิ้นหนึ่ง แล้วลูบหัวมันไปและถามว่า

"นักเรียนเสี่ยวไป๋ ที่ข้าแต่งหน้าให้เจ้า เจ้านายของเจ้าโกรธไหม?"

ความสนใจของไป๋เสวี่ยอยู่ที่เนื้อ พอกินหมดมันก็เริ่มบอกขอบคุณ ขาหลังสองข้างกระโดดไปมาบนพื้นอย่างไม่หยุด แทบจะกระโจนเข้าไปในหม้อให้ได้เลย

อินชิงเสวียนโยนเนื้อให้มันอีกชิ้นหนึ่ง "กินเสร็จมาให้ข้าแต่งหน้าอีกล่ะ รับรองว่าเจ้านายเจ้าเห็นแล้วต้องดีใจแน่ๆ"

ครั้งนี้อินชิงเสวียนวาดให้ไป๋เสวี่ยกลายเป็นหมีแพนด้า และยังละเลงสีดำเป็นบริเวณกว้างบนตัวมันด้วย

ไป๋เสวี่ยดีใจมาก มันมุดออกไปจากรูพร้อมกับตาหมีแพนด้าของมัน

อวิ๋นฉ่ายกลั้นใจไว้อยู่นาน สุดท้ายก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"พระสนม พระองค์ช่างมีจินตนาการเหลือเกินเพคะ ถ้าฝ่าบาทเห็นคงจะโมโหเป็นแทบตายแน่ๆ เลย ตอนอยู่ที่จวนรัชทายาท ฝ่าบาทก็หวงแหนสุนัขตัวนี้มากอยู่แล้ว ขนาดขนร่วงแค่หนึ่งเส้นยังเศร้าอยู่ตั้งครึ่งค่อนวันเลยเพคะ"

อินชิงเสวียนปัดมือแล้วพูดว่า "โมโหให้ตายไปเลยสิดี ผู้ชายเฮงซวยแบบนี้จะให้อยู่สุขสบายมากเกินไปไม่ได้"

ขณะที่อินชิงเสวียนพูดประโยคนี้ ไป๋เสวี่ยก็วิ่งไปถึงห้องหนังสือแล้ว

เย่จิ่งอวี้กำลังอ่านฎีกา แต่เมื่อเห็นไป๋เสวี่ยวิ่งเข้ามาพร้อมกับตาดำๆ สองข้าง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

"ใครบังอาจมากขนาดนี้ กล้าทำร้ายเจ้าจนตากลายเป็นเช่นนี้"

ไป๋เสวี่ยกระโจนเข้ามาแล้ว เย่จิ่งอวี้ถึงมองเห็นชัดว่ารอบตาของมันถูกระบายด้วยขี้เถ้าก้นหม้อ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Toy M
ทำไมเอาเด็กนักเรียนทะลุมิติมาอยู่ในร่างสนมที่มีลูก น่าเกียดมากและนางก็ ไม่มีความสามารถอะไรเลยถ้าไม่มีพื้นที่พิเศษนั้นนางก็ทำอะไรไม่ได้เลย โดนยามโกงก็จัดการไม่ได้ ยังมานั้งเล่นกับหมาแต่งหน้าหมาเพื่ออะไร?
goodnovel comment avatar
김나다
จะหนีก็ไม่รีบ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status