Share

ตอนที่7ใครควรชดใช้

last update Last Updated: 2025-12-13 23:08:42

พลันหลินซื่อหานกลับชะงัก

เสียงฝีเท้าหนักเบาไม่เป็นจังหวะดังขึ้นจากนอกตำหนักเย็น ก่อนร่างอรชรในอาภรณ์งดงามจะก้าวเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ บรรยากาศที่เพิ่งอบอุ่นจากการร่ำลาของพ่อลูกพลันสลาย เยว่จื่อเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาเห็นกลุ่มสตรีหลายคนเดินเรียงตามกันเข้ามา นำหน้าด้วยสตรีผู้หนึ่ง งดงาม หยิ่งผยอง และแววตาเย็นเยียบราวน้ำแข็ง นางคือสนมเอกตัวจริง ผู้ครองอำนาจในฝ่ายใน

"โอ้ นี่หรือ สนมต้องโทษที่กำลังจะถูกเนรเทศไปชายแดน ห๊ะสนมอ้วนเจ้าเองหรือ ฮะฮ่าาาอ้วนเพียงนี้ยังกล้าหือกับฝ่าบาทกล้าหือกับบิดาข้าใต้เท้ากรมคลังวันนี้ข้าจะช่วยสั่งสอนเจ้าเอง"

เสียงนั้นนุ่ม แต่แฝงคมมีด

หลินซื่อหานรีบประสานมือ

“ถวายพระพรพระสนม”

เหมยจิ้งย่อกายลง เยว่จื่อเองก็ย่อกายตามอย่างสงบ นิ่ง และเงียบ

"ถวายบังคมพระสนมเอกเพคะ"

สนมเอกปรายตามองเยว่จื่อจากศีรษะจรดเท้า ก่อนหัวเราะเบาๆ อย่างดูแคลน

"ช่างน่าสงสารจริงๆ ส่งลูกสาวเข้าวัง หวังจะไต่เต้า สุดท้ายกลับถูกไล่ไปอยู่เมืองอี้ร้างๆ ป่านนี้คงไม่มีแม้แต่หลังคาดีๆ ให้ซุกหัวนอน"

สนมและนางกำนัลด้านหลังหัวเราะคิกคักตาม บางคนยกแขนเสื้อปิดปาก บางคนมองเยว่จื่อราวกับสิ่งสกปรก

"ได้ยินว่าที่เมืองอี้นั้น ลมแรง ฝุ่นหนา อาหารก็ขาดแคลน"

"เหมาะดีนะ สำหรับสนมที่ชอบกินไม่เลือกแบบนี้"

"ไปถึงที่นั่น คงผอมสมใจเสียที ว่าแต่นางชื่ออะไรนะ สนมอันดับที่เท่าไหร่นะ"นางกำนัลบรีบมากระซิบชื่อแซ่ของเยว่จือ

คำพูดแต่ละคำเหมือนหนามแหลมทิ่มแทง หลินซื่อหานกำมือแน่น เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ แต่เขากลับไม่อาจเอ่ยคำใดได้ นอกจากยืนนิ่ง ก้มหน้า และกลืนความโกรธลงคอ

เยว่จื่อยืนตัวตรง หลังเหยียด ใบหน้านิ่งสงบเกินคาด แม้หัวใจจะถูกเหยียบย่ำ นางก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา นอกจากแววตาที่เงียบงัน

"เจ้ารู้หรือไม่"

สนมเอกก้าวเข้ามาใกล้จนแทบชน

"หญิงอ้วนขี้เหร่อย่างเจ้า ต่อให้ไปตายที่เมืองอี้ ก็ไม่มีใครจดจำ"

เยว่จื่อก้มตาลงช้าๆ ปลายนิ้วสั่นเล็กน้อย แต่เสียงยังคงนิ่ง

"ข้าน้อมรับชะตาเพคะ พระสนมไม่ต้องห่วง"

คำตอบนั้นทำให้กลุ่มสนมชะงักไปชั่วครู่ ก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้นอีกครั้ง

"ดูสิ ยังทำท่าเป็นผู้ดีอีก เจ้าอ้วนแบบนี้ควรอยู่ในคอกหมู"

"อีกไม่นานก็จะกลายเป็นหญิงบ้านป่าแล้วยังทำท่าราวกับสตรีชั้นสูง"

หลินซื่อหานเม้มปากแน่น ดวงตาแดงก่ำ แต่ยังคงเงียบ เขารู้ดีว่าหากเอ่ยคำใดออกไป ลูกสาวของเขาจะลำบากยิ่งกว่าเดิม

เยว่จื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดของหลินซื่อหานตำแหน่งต่ำต้อยแค่ฉงจิ่วผิ่นจะกล้าหือกับสนมเอกอย่างนั้นหรือ นางจึงยืนนิ่งยิ่งกว่าเดิม ยอมให้คำดูถูกถาโถมเข้ามาเหมือนสายฝน ยอมให้ความอัปยศปกคลุมร่างกาย เพื่อแลกกับความปลอดภัยในตอนนี้

สนมเอกยกยิ้มบางๆ

"จำเอาไว้ดีๆ จากวันนี้ไป เจ้าไม่ใช่คนของวังหลวงอีกแล้ว"

บรรยากาศตึงเครียดปกคลุมตำหนักเย็น กลุ่มสตรีเหล่านั้นยังคงยืนอยู่ สีหน้าดูสนุกสนานราวกับยังไม่หนำใจ และดูเหมือนว่า… เรื่องราวนี้ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้

สนมเอกเสวียนซียกชายแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย ท่าทางสง่างามราวหงส์ แต่ดวงตากลับเย็นเฉียบ นางเดินวนรอบเยว่จื่อช้าๆ สายตากวาดมองตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า ราวกับกำลังประเมินสิ่งของไร้ค่าในตลาด

"เจ้าคงจำไม่ได้กระมัง ว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นอย่างไร"

เสียงนั้นแผ่ว แต่แฝงแรงกดดันจนบรรยากาศในตำหนักเย็นหนักอึ้ง หลินซื่อหานยืนนิ่ง สีหน้าซีดเผือด หัวใจเจ็บปวดแต่ทำได้เพียงกำหมัดแน่น

"วันๆ เอาแต่กิน เอาแต่ร้องไห้ เอาแต่ทำตัวน่าสมเพชเดินก็เดินไม่ได้ วิ่งก็วิ่งไม่ไหวยังกล้าฝันจะเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทอีกหรือ"

เสียงหัวเราะเยาะดังแทรกมาจากสนมและนางกำนัลด้านหลัง

"ข้าอุตส่าห์ทำให้เจ้าไม่ได้เจอฝ่าบาทแล้วนะ"

สนมเอกหยุดยืนตรงหน้าเยว่จื่อ เอียงศีรษะเล็กน้อย

"แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่สำนึก เอาแต่ทำเรื่องโง่ๆ หวังเรียกร้องความสนใจ ไม่เลิกคิดว่าทำแบบนี้แล้วฝ่าบาทจะสนใจเจ้าหรือ"

เยว่จื่อเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตานิ่งงัน แต่ในใจกลับปั่นป่วน ภาพความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางไหลทะลักเข้ามาไม่หยุด ภาพหญิงอ้วนที่ถูกผลัก ถูกหัวเราะเยาะ ถูกตัดชื่อออกจากรายชื่อเข้าเฝ้า ถูกสั่งให้กลับตำหนักทุกครั้ง และสุดท้ายถูกคนพวกนี้รุมทำร้ายเนื้อตัวเขียวช้ำไปทั่วตัว

"คิดว่าฝ่าบาทจะสงสารหรือ หรือคิดว่าการทำตัวน่ารังเกียจจะทำให้ถูกเรียกเข้าเฝ้า"สนมเอกเสวียนซีหัวเราะเบาๆ

"น่าสมเพชสิ้นดี"

คำพูดเหล่านั้นเหมือนมีดกรีดลงกลางอก

เยว่จื่อเม้มริมฝีปากแน่น

ที่แท้… ไม่ใช่แค่ถูกเมิน แต่ถูกกีดกันตั้งแต่ต้น และยังถูกทำร้ายซ้ำๆ มิน่าละเยว่จื่อนางถึงอยากจะตาย 

"ที่ผ่านมานี้"

สนมเอกยิ้มเย็น

"ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ได้รับโอกาส แต่เป็นข้า…ที่ไม่ให้เจ้าได้เข้าใกล้ฝ่าบาทแม้แต่ก้าวเดียว "

กลุ่มสนมหัวเราะพร้อมกันอย่างไม่ปิดบัง

"รายชื่อเข้าเฝ้า ข้าเป็นคนขีดชื่อเจ้าออกเอง ป้ายชื่อเจ้าถูกคัดออก

ทุกครั้ง"

"จดหมายถวายฎีกาของบิดาเจ้าไม่เคยถึงมือฝ่าบาทสักฉบับ"

หลินซื่อหานสะดุ้ง ตัวสั่นเล็กน้อย รู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบ

เยว่จื่อหลับตาลงชั่วครู่

ในหัวผุดภาพหญิงสาวในร่างนี้ นั่งกอดเข่าในตำหนักเงียบงัน กินไม่หยุด ร้องไห้ไม่หยุด ปล่อยตัวเองทรุดโทรม เพราะไม่เห็นทางออกไม่ใช่เพราะอ่อนแอแต่เพราะถูกปิดทางทุกทาง

"เจ้าคงไม่รู้สินะ"

สนมเอกก้มลงกระซิบใกล้หู

"คำพูดดูถูกนั่น คำซุบซิบพวกนั้น… ล้วนมาจากข้าทั้งสิ้น"

เยว่จื่อขนลุกวาบ

"พวกข้าทำให้เจ้ากลายเป็นตัวตลกในวัง ทำให้ไม่มีใครคบ ทำให้เจ้าไม่มีที่ยืนจนในที่สุด…เจ้าก็คิดสั้น แต่เจ้าเปลี่ยบนไปแบบนี้ ยิ่งเป็นภัย เช่นนั้นไปแล้วไปลับอย่ากลับมาอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้ไม่อยากอยู่เหมือนก่อนนั้น..ดีไหม"

หัวใจเยว่จื่อกระตุกแรง

ในเสี้ยววินาทีนั้น นางเข้าใจทุกอย่าง นี่เอง…ต้นเหตุของความตาย

ไม่ใช่อาหาร ไม่ใช่ความอ้วน ไม่ใช่ฝ่าบาทไม่เหลียวแลแต่เป็นการถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า และความโหดร้ายของวังหลัง

หลินซื่อหานกัดฟัน น้ำตาคลอ แต่ยังคงก้มหน้า

เขารู้… ว่าตอนนี้พูดอะไรไป ลูกสาวจะยิ่งลำบาก สนมเอกยืดตัวตรง ยกคางสูง

"แต่ถึงลุกขึ้นสู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว ต่อให้เจ้าอยากเจอฝ่าบาท ต่อให้เจ้าจะเปลี่ยนตัวเองเจ้าก็ไม่มีวันได้เจอฝ่าบาทอีกแล้วเพราะพรุ่งนี้…เจ้าจะถูกส่งไปเมืองร้าง เจ้ารู้ไหมเพราะอะไรข้าถึงจ้องจะจัดการกับเจ้า"

เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นอีกครั้งเยว่จื่อค่อยๆ ลืมตา แววตานั้นไม่สั่น ไม่ร้องไห้

มีเพียงความนิ่ง…ก็เรื่องทั้งหมดมันคือความทุกข์ของเจ้าของร่าง

“เพราะเจ้ามันงดงามเกินใครอย่างไรเล่าจึงสมควรตาย”

นางกำมือแน่น

ดี…ดีมาก…อย่างน้อยข้าก็รู้แล้วว่า ใครควรชดใช้ให้กับผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้

กลุ่มสนมยังไม่จากไป ยังคงยืนล้อม เย้ยหยัน ดูหมิ่น ราวกับรอชมการพังทลายของเยว่จื่อ

แต่พวกนางไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กำลังพัง… ไม่ใช่หัวใจของนางหากเป็นโซ่ตรวนสุดท้าย

ที่ผูกนางไว้กับความอ่อนแอของร่างเดิมต่างหาก

“เด็กๆ จับนางมัดไว้แล้วโบยให้หนัก ก่อนจะจับโยนเข้าไปในเกี้ยว ส่งนางเมืองอี้ ส่วนบิดานาง รัดนิ้วให้หนักต่อไปจะได้ไม่กล้าร่างฎีกาถึงฝ่าบาทอีก”

เยว่จือดิ้นรน ตามสัญชาตญาณแต่ช้าไปแล้วองครักษ์สองสามคนและขันทีร่างใหญ่นางกำนัลตัวยักษ์ช่วยกันจับเยว่จือคว่ำหน้า เหมยจิ้งที่ทำท่าจะวิ่งก็ถูกลากตัวมามัดไว้

“พระสนมได้โปรดๆๆๆๆๆ พระสนมได้โปรดอย่าทำร้ายลูกข้าเลย”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่13พึ่งพาตัวเอง

    "ถานถานเจ้าไปทำความสะอาดให้องให้นายหญิง" หนานซ่งสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าหันมามองเขาก่อนจะยิ้มให้ "ไม่เกินหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะจัดการให้เรียบร้อย" ถานถานรับปากอย่างมั่นใจ ก่อนที่จะก้มศีรษะและหันไปทางเหมยจิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ"ข้าไปช่วยเจ้าด้วย" เหมยจิ้งพูดขึ้น พร้อมยิ้มให้กับถานถาน สองสาวเดินจากไปพร้อมกันอย่างรวดเร็วหนานซ่งหันไปทางจือจื่อ ยิ้มและกล่าวด้วยความเคารพ"เชิญนายหญิงทางนี้ขอรับ ที่นั่นสะอาดพอให้ได้นั่งขอรับ ส่วนข้าน้อยจะไปช่วยทั้งสองคนจับไก่"จือจื่อพยักหน้ารับ ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่หินอ่อนก้อนใหญ่ที่ดูเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหนานซ่งและสองแฝดเดินไปยังประตูใหญ่ของจวน จือจื่อหันหลังให้พวกเขาแล้วถอนหายใจยาว เหมือนกำลังผ่อนคลายความกังวลที่สะสมมานาน "อย่างน้อยก็ไม่แย่นะ ทุกคนดี แวดล้อมดี และชีวิตแสนสบายดี..." เธอพูดเบาๆ พลางบิดขี้เกียจด้วยท่าทางผ่อนคลาย "เฮ้อ สาวแก่อย่างฉัน จะต้องเอาตัวรอดได้สิน่าฮุๆๆ ไม่มีอะไรในโลกที่จือจื่อทำไม่ได้ยกเว้นการมีผัว..." จือจื่อพูดเล่นหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะพูดต่อ"ก็สเปคฉันคือเทพเซียนนี่น่า ฮึ ถ้าไม่หล่อ

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่12เริ่้มต้นใหม่ได้เสมอ

    "พวกข้าก็พึ่งมาถึง เลยมาดูทำเลก่อน คิดกันว่าที่นี่รกร้าง ยึดสักห้องจะเป็นไรไป""พวกเจ้าตาถึงจริงๆ เลือกที่ดีเชียว ได้ข้าแบ่งให้พวกเจ้าช่วยกันครอบครองที่นี่" จือจื่อหัวเราะเบาๆ ดวงตาเป็นประกายเหมยจิ้งเดินกลับมาในจังหวะที่เสียงหัวเราะของจือจื่อกับสองแฝดยังดังไม่ขาดสามหัวสุมหัวเม้าท์มอยไปเรื่อยอย่างเข้าขา เหมยจิ้งมือถือตะกร้าใบเล็ก ภายในมีเข็ม ด้ายและเชือก อีกมือมีจานไม้ที่วางไก่สับแบ่งเรียบร้อยแล้ว กลิ่นอาหารลอยมาแล้วทำให้ทุกคนชะงักหันมามองด้านหลังเหมยจิ้งมีชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงและสาวน้อยคนหนึ่งเดินตามมาด้วย สีหน้าทั้งคู่ดูทั้งตื่นเต้นทั้งเกร็ง เสื้อผ้าสีทึมเกือบขาด ชายคนนั้นก้าวเข้ามา พอเห็นจือจื่อนั่งอยู่ก็รีบคำนับอย่างลนลาน"ข้าน้อยหนานซ่ง เป็นพ่อบ้านดูแลจวนหลังนี้ คารวะพระสนม…ข้า…ข้าน้อยผิดเองที่ไม่ทราบว่าจะมีผู้ใดมาพัก ยังปล่อยให้จวนทรุดโทรมถึงเพียงนี้" หนานซ่งก้มศีรษะต่ำลงอีกครั้ง"พูดตามตรง…ข้าน้อยไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาอยู่ที่นี่จริงๆ"โจวชวี่กับชูอวี่ที่กำลังแทะไก่ของตัวเองมองหน้ากัน ก่อนจะวางไก่ลงแล้วกอดอกยืดตัวเชิดหน้าโดยไม่รู้ตัว สีหน้าเหมือนเพิ่งได้ชัยชนะบางอย่างจากการ

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่11ที่ซุกหัว2

    "ตกปลา ล่าไก่หรือ เจ้าเป็นสนมอยู่ในวัง เป็นลูกขุนนาง คงไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้ทำยากขนาดไหน กว่าจะใช้ธนูยิงมาได้แต่ละตัว พวกข้าก็ไม่มีธนูตอนนี้"จือจือทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา"พวกเจ้านี่ไม่คิดจะพัฒนาบ้างหรือไร ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวข้าสอนวิธีดีๆ ให้ มีร้อยแปดวิธีในการจับไก่"โจวชวี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ"เจ้าเอาเครื่องมือมาหรือ ดีเลย"จือจือส่ายหน้าอย่างอารมณ์ดี"ข้าจะทำเองให้พวกเจ้าต่างหาก แต่ว่าต้องใช้เวลา"นางเอามือลูบท้องตัวเองที่ร้องประท้วงไม่หยุด เสียงดังจ๊อกเบาๆ"ตอนนี้เรื่องสำคัญอันดับหนึ่งคือข้ากำลังหิวมาก ไก่ย่างของพวกเจ้าก็เอามาแบ่งเท่าๆ กัน รองท้องไปก่อนเถอะ อิ่มด้วยกัน อดด้วยกัน"จือจือเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายอย่างคนเห็นภาพอนาคตไกล"ข้ารับรองว่าต่อจากนี้เราจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีสังกะสีคุ้มหัว เจ้าไม่ต้องห่วง"เหมยจิ้งยืนมองนายหญิงของตนอย่างตะลึง ส่วนเด็กหนุ่มทั้งสองยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ โจวชวี่กับชูอวี่เผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ความสดใสของจือจื่อทำให้บรรยากาศในตำหนักร้างที่มืดหม่นดูอ่อนลง หญิงอ้วนผู้มีแววตาสดใสคนนี้ประหลาดจริงเชียวโจวชวี่ก้มลงหยิ

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่10ที่ซุกหัว

    จือจื่อเดินตามเหมยจิ้งเข้าไปด้วย ในจวนใหญ่รกร้างนั่นนับว่าคนขับรถม้าใจดีไม่น้อยอย่างน้อยอากาศหนาวๆ แบบนี้ทั้งสองก็ยังพอมีที่ซุกหัวนอนความเงียบงันของตำหนักร้างทำให้ทุกก้าวที่เหยียบลงไปเหมือนเหยียบลงบนหัวใจตัวเอง จือจื่อกวาดสายตามองซ้ายมองขวา ผนังไม้ผุพัง เถาวัลย์เลื้อยพันรั้ว เดินทะลุผ่านโถงด้านในไปจนถึงด้านหลังที่ถูกกั้นไว้เหมือนสวนร้าง หญ้าขึ้นรกสูงเกือบถึงเข่า กลิ่นอับชื้นปะปนกับกลิ่นควันจางๆ ลอยมากระทบจมูกดวงตาของจือจื่อเบิกกว้าง เมื่อเห็นควันไฟลอยออกมาจากห้องเก็บฟืนเก่าด้านหลัง หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก"แย่แล้วเหมยจิ้ง ใครมาเผาบ้าน รีบมาช่วยกันดับไฟเร็ววววว"เสียงตะโกนของนางดังลั่นจนเหมยจิ้งสะดุ้ง จือจื่อไม่รอช้า วิ่งพรวดเข้าไปผลักประตูห้องเก็บฟืนอย่างแรง ประตูไม้ผุส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ก่อนจะเปิดออกพร้อมควันขาวลอยคลุ้งภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้นางชะงัก บุรุษหนุ่มสองคน อายุราวสิบห้าปี หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะจากพิมพ์เดียวกัน เสื้อผ้าขาดรุ่ย เนื้อตัวมอมแมม นั่งยองๆ อยู่ข้างกองไฟเล็กๆ ที่ก่อจากเศษไม้แห้งทั้งสองอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะหงายหลังล้มผงะออกจากกองไฟด้วยความตกใจ"อ๊าก"

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่9ตำหนักร้างที่เมืองอี้

    "ข้าจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้..." เยว่จื่อพูดในใจ รู้สึกถึงความหนักหน่วงที่กำลังจะมาถึง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหมยจิ้งจับมือของเยว่จื่อแน่นขึ้น รู้ดีว่าการสนับสนุนจากใครสักคนคือสิ่งเดียวที่สามารถทำให้เยว่จื่อผ่านพ้นจากความยากลำบากนี้ไปได้"เจ้าค่ะ นายหญิงจือจื่อ" ในยามที่ร่างกายอ่อนล้า ใจของเยว่จื่อยังคงแข็งแกร่งไม่แพ้ใครเยว่จื่อพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเริ่มหลับตาลง ทุกอย่างมันเหมือนกับภาพลวงตาแต่อย่างน้อย ร่างนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่...หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากการถูกเนรเทศมาที่ตำหนักร้างนั้น เต็มไปด้วยความเหน็บหนาวและความอดอยาก ตำหนักที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงศักดิ์ตอนนี้กลับกลายเป็นที่รกร้าง เต็มไปด้วยเถาวัลย์และฝุ่นเก่าทึม จนแทบไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาใกล้ รถม้านำทั้งสองคนมาทิ้งไว้ที่นี่"ไม่มีอะไรกินได้เลยเจ้าค่ะ... โธ่...นายหญิงของเหมยจิ้งต้องหิวมากๆ เลยใช่ไหมเจ้าค่ะ..." เสียงของเหมยจิ้งแผ่วเบาด้วยความห่วงใยจือจื่อลองยืนมองรอบๆ ตำหนักที่ถูกทิ้งร้าง บรรยากาศรอบๆ มืดมัวและเงียบสงัด เหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่น่าพึงพอใจเยว่จื่อหรือจือจื่อหันมองไปที่เหมยจิ้งอย่างเหนื่อยล้าและท้อแท้ ร่

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่8เริ่มต้นใหม่ของจือจื่อ

    เสียงฟาดของไม้กระหน่ำลงบนแผ่นหลังของเยว่จื่อดังสนั่น แรงของการตีทำให้ร่างอ้วนๆ ของนางสะท้านไปทั้งตัว แต่เยว่จื่อยังคงตั้งท่าหยัดยืน มือกุมที่แผ่นหลังที่กำลังเจ็บปวด ทว่าไม่ยอมร้องเสียงดัง ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอที่ทุกคนหวังจะได้เห็น แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัวก็ตาม"ฮึก... อึก…" เสียงหอบแห้งของนางดังขึ้น เฉพาะในใจที่เผชิญกับความเจ็บปวดจนแทบจะไม่สามารถทนได้ แต่ทุกคำพูดที่ออกจากปากกลับเป็นเสียงด่าทอ"พวกคนสารเลวข้าไม่มีทางอภัยให้พวกเจ้า" เยว่จื่อกัดฟันกรอดร่างของนางสะเทือนจากไม้ที่ฟาดลงอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้ว่าอับจนหนทางแล้วรอยยิ้มระรื่นก่อนหน้านั้นมลายหายไปบุรุษกำยำที่ยืนคอยจับตัวหากว่าจะหนี ขณะที่กลุ่มสนมเอกและพวกที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย เหมยจิ้งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงฟาดไม้สะท้านไปทั่วตำหนักแต่ก็ไม่สามารถหยุดการกระทำของกลุ่มคนที่อยู่รอบข้างได้ หลินซื่อหานยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าขยับตัวไปไหน แม้จะรู้สึกเจ็บปวดกับการเห็นลูกสาวของตัวเองโดนทำร้ายเช่นนี้"พระสนมได้โปรด... ข้าขอร้องเถิด" หลินซื่อหานร้องตะโกนออกไป สีหน้าของเขามืดมนไปด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวด แต่อีกด้านห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status