Home / รักโบราณ / สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก / ตอนที่9ตำหนักร้างที่เมืองอี้

Share

ตอนที่9ตำหนักร้างที่เมืองอี้

last update Last Updated: 2025-12-15 23:19:36

"ข้าจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้..." เยว่จื่อพูดในใจ รู้สึกถึงความหนักหน่วงที่กำลังจะมาถึง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

เหมยจิ้งจับมือของเยว่จื่อแน่นขึ้น รู้ดีว่าการสนับสนุนจากใครสักคนคือสิ่งเดียวที่สามารถทำให้เยว่จื่อผ่านพ้นจากความยากลำบากนี้ไปได้

"เจ้าค่ะ นายหญิงจือจื่อ" 

ในยามที่ร่างกายอ่อนล้า ใจของเยว่จื่อยังคงแข็งแกร่งไม่แพ้ใคร

เยว่จื่อพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเริ่มหลับตาลง ทุกอย่างมันเหมือนกับภาพลวงตาแต่อย่างน้อย ร่างนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่...

หนึ่งเดือนผ่านไป

หลังจากการถูกเนรเทศมาที่ตำหนักร้างนั้น เต็มไปด้วยความเหน็บหนาวและความอดอยาก ตำหนักที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงศักดิ์ตอนนี้กลับกลายเป็นที่รกร้าง เต็มไปด้วยเถาวัลย์และฝุ่นเก่าทึม จนแทบไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาใกล้ รถม้านำทั้งสองคนมาทิ้งไว้ที่นี่

"ไม่มีอะไรกินได้เลยเจ้าค่ะ... โธ่...นายหญิงของเหมยจิ้งต้องหิวมากๆ เลยใช่ไหมเจ้าค่ะ..." เสียงของเหมยจิ้งแผ่วเบาด้วยความห่วงใย

จือจื่อลองยืนมองรอบๆ ตำหนักที่ถูกทิ้งร้าง บรรยากาศรอบๆ มืดมัวและเงียบสงัด เหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่น่าพึงพอใจ

เยว่จื่อหรือจือจื่อหันมองไปที่เหมยจิ้งอย่างเหนื่อยล้าและท้อแท้ ร่างกายอ้วนท้วนของนางที่ซูบผอมลงไปบ้าง แต่ก็ยังอ้วนตุ๊ต๊ะดูยิ่งหนักอึ้งเมื่อเทียบกับที่เคยเป็นมา แม้ว่าเยว่จื่อจะเคยมีชีวิตที่เต็มไปด้วยสะดวกสบายแต่ตอนนี้กลับมีแค่ความโดดเดี่ยวรวมกับความหิวที่ทวีความรุนแรง

"เราจะต้องรอดสิน่าจะต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้ ต้องมีสิน่าหากเราไม่ยอมแพ้" เยว่จื่อตอบเสียงแหบแห้งเบาๆ เหมือนคนที่หมดหวัง แต่พูดออกมาเพื่อเตือนตัวเองว่า แม้ตอนนี้ชีวิตจะยากลำบากแต่ยังคงต้องมีความหวังอยู่บ้าง

จือจื่อพยักหน้ารัวๆ พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเหมือนกำลังพยายามข่มความหิวเอาไว้

"ไปค้นดูในตำหนักร้างนั่นเถอะ...ว่าพอจะมีอะไรกินได้หรือมีอะไรมาปรุงเป็นอาหารได้บ้าง" จือจื่อแนะนำ 

เหมยจิ้งมองไปที่ตำหนักร้าง ไม่อยากเชื่อเลยว่าการใช้ชีวิตของทั้งสองคนจะมาถึงจุดนี้ จากที่เคยได้ยินถึงชีวิตของพระสนมที่หิวเมื่อไหร่ก็ได้กิน ตอนนี้กลับต้องมาค้นหาข้าวปลาอาหารจากที่ที่เต็มไปด้วยเศษซากแบบนี้

"ข้าจะไปค้นดูในนั้นเองเจ้าค่ะ..." เหมยจิ้งพูดเสียงเบา แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเดาได้แล้วในใจว่าไม่มีอะไรดีรออยู่ในนั้น เหมยจิ้งก็ต้องเดินไปที่ตำหนักร้างนั้นด้วยใจที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล 

จือจื่อเดินตามไปเงียบๆ ในขณะที่เหมยจิ้งเปิดประตูที่มีร่องรอยของเวลาผ่านไป ข้างในเต็มไปด้วยฝุ่นหนา พื้นห้องเก่าเต็มไปด้วยเศษไม้แตกและกระดาษที่พัดมาอยู่ตามมุมต่างๆ ทำให้บรรยากาศภายในดูมืดหม่นและแย่ลงไปอีก

"ไม่มีอะไรเลย...ไม่มีอะไรที่พอจะกินได้" เหมยจิ้งมองไปรอบๆ ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของอาหารที่อาจจะเหลืออยู่ที่นี่

"มันแย่มากจริงๆ ...นายหญิง เราจะทำอย่างไรดี" เหมยจิ้งถามอย่างสิ้นหวัง

จือจื่อยืนนิ่งไม่ตอบ แต่ดวงตาของนางกับมองไปที่ความว่างเปล่าของห้อง ใจรู้สึกท้อแท้จนไม่สามารถจะรับความเป็นจริงนี้ได้ มันช่างโหดร้ายที่นางต้องตกมาอยู่ในที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการถูกเนรเทศจากวังหรือแม้แต่ความหิวที่ไม่มีทางออกแบบนี้ นี่เหมือนถูกไล่มาอดตายช้าๆ เลย

"ไม่เป็นไร..." เสียงจือจื่อแผ่วเบา แต่กลับมีความมุ่งมั่นอยู่ในนั้น

"ไปหากันต่อเถอะ...มันจะต้องมีอะไรสักอย่างที่กินได้สิน่า เราจะต้องหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้...ต้องทำให้ได้"

เหมยจิ้งมองไปที่จือจื่อด้วยความห่วงใย ในหัวของจือจื่อนั้นเต็มไปด้วยความคิดที่จะทำให้สถานการณ์นี้ดีขึ้น นางยังคงยิ้มให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะไม่มีอาหารและไม่มีอะไรที่น่าพอใจใดๆ เลย แต่การยิ้มของจือจื่อในตอนนี้ก็เหมือนกับการบอกให้ตัวเองและเหมยจิ้งมีกำลังใจที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งเลวร้ายต่อไป

"ไม่ต้องห่วง... เราจะไม่โชคร้ายตลอดไปหรอกน่า เจ้าอย่าพึ่งท้อไปเหมยจิ้ง" จือจื่อหันหลังกลับมาหาเหมยจิ้ง

แล้วเดินนำเข้าไปข้างในที่มืดมนและรกร้างหยากไหยที่ฟาดผ่านสร้างบรรยากาศชวนสยองหากเป็นเมื่อก่อนจือจื่อคงหรี๊ดร้อง แต่ตอนนี้ท้องหิวจนไม่สนใจเรื่องอื่นไปแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่13พึ่งพาตัวเอง

    "ถานถานเจ้าไปทำความสะอาดให้องให้นายหญิง" หนานซ่งสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าหันมามองเขาก่อนจะยิ้มให้ "ไม่เกินหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะจัดการให้เรียบร้อย" ถานถานรับปากอย่างมั่นใจ ก่อนที่จะก้มศีรษะและหันไปทางเหมยจิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ"ข้าไปช่วยเจ้าด้วย" เหมยจิ้งพูดขึ้น พร้อมยิ้มให้กับถานถาน สองสาวเดินจากไปพร้อมกันอย่างรวดเร็วหนานซ่งหันไปทางจือจื่อ ยิ้มและกล่าวด้วยความเคารพ"เชิญนายหญิงทางนี้ขอรับ ที่นั่นสะอาดพอให้ได้นั่งขอรับ ส่วนข้าน้อยจะไปช่วยทั้งสองคนจับไก่"จือจื่อพยักหน้ารับ ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่หินอ่อนก้อนใหญ่ที่ดูเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหนานซ่งและสองแฝดเดินไปยังประตูใหญ่ของจวน จือจื่อหันหลังให้พวกเขาแล้วถอนหายใจยาว เหมือนกำลังผ่อนคลายความกังวลที่สะสมมานาน "อย่างน้อยก็ไม่แย่นะ ทุกคนดี แวดล้อมดี และชีวิตแสนสบายดี..." เธอพูดเบาๆ พลางบิดขี้เกียจด้วยท่าทางผ่อนคลาย "เฮ้อ สาวแก่อย่างฉัน จะต้องเอาตัวรอดได้สิน่าฮุๆๆ ไม่มีอะไรในโลกที่จือจื่อทำไม่ได้ยกเว้นการมีผัว..." จือจื่อพูดเล่นหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะพูดต่อ"ก็สเปคฉันคือเทพเซียนนี่น่า ฮึ ถ้าไม่หล่อ

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่12เริ่้มต้นใหม่ได้เสมอ

    "พวกข้าก็พึ่งมาถึง เลยมาดูทำเลก่อน คิดกันว่าที่นี่รกร้าง ยึดสักห้องจะเป็นไรไป""พวกเจ้าตาถึงจริงๆ เลือกที่ดีเชียว ได้ข้าแบ่งให้พวกเจ้าช่วยกันครอบครองที่นี่" จือจื่อหัวเราะเบาๆ ดวงตาเป็นประกายเหมยจิ้งเดินกลับมาในจังหวะที่เสียงหัวเราะของจือจื่อกับสองแฝดยังดังไม่ขาดสามหัวสุมหัวเม้าท์มอยไปเรื่อยอย่างเข้าขา เหมยจิ้งมือถือตะกร้าใบเล็ก ภายในมีเข็ม ด้ายและเชือก อีกมือมีจานไม้ที่วางไก่สับแบ่งเรียบร้อยแล้ว กลิ่นอาหารลอยมาแล้วทำให้ทุกคนชะงักหันมามองด้านหลังเหมยจิ้งมีชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงและสาวน้อยคนหนึ่งเดินตามมาด้วย สีหน้าทั้งคู่ดูทั้งตื่นเต้นทั้งเกร็ง เสื้อผ้าสีทึมเกือบขาด ชายคนนั้นก้าวเข้ามา พอเห็นจือจื่อนั่งอยู่ก็รีบคำนับอย่างลนลาน"ข้าน้อยหนานซ่ง เป็นพ่อบ้านดูแลจวนหลังนี้ คารวะพระสนม…ข้า…ข้าน้อยผิดเองที่ไม่ทราบว่าจะมีผู้ใดมาพัก ยังปล่อยให้จวนทรุดโทรมถึงเพียงนี้" หนานซ่งก้มศีรษะต่ำลงอีกครั้ง"พูดตามตรง…ข้าน้อยไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาอยู่ที่นี่จริงๆ"โจวชวี่กับชูอวี่ที่กำลังแทะไก่ของตัวเองมองหน้ากัน ก่อนจะวางไก่ลงแล้วกอดอกยืดตัวเชิดหน้าโดยไม่รู้ตัว สีหน้าเหมือนเพิ่งได้ชัยชนะบางอย่างจากการ

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่11ที่ซุกหัว2

    "ตกปลา ล่าไก่หรือ เจ้าเป็นสนมอยู่ในวัง เป็นลูกขุนนาง คงไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้ทำยากขนาดไหน กว่าจะใช้ธนูยิงมาได้แต่ละตัว พวกข้าก็ไม่มีธนูตอนนี้"จือจือทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา"พวกเจ้านี่ไม่คิดจะพัฒนาบ้างหรือไร ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวข้าสอนวิธีดีๆ ให้ มีร้อยแปดวิธีในการจับไก่"โจวชวี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ"เจ้าเอาเครื่องมือมาหรือ ดีเลย"จือจือส่ายหน้าอย่างอารมณ์ดี"ข้าจะทำเองให้พวกเจ้าต่างหาก แต่ว่าต้องใช้เวลา"นางเอามือลูบท้องตัวเองที่ร้องประท้วงไม่หยุด เสียงดังจ๊อกเบาๆ"ตอนนี้เรื่องสำคัญอันดับหนึ่งคือข้ากำลังหิวมาก ไก่ย่างของพวกเจ้าก็เอามาแบ่งเท่าๆ กัน รองท้องไปก่อนเถอะ อิ่มด้วยกัน อดด้วยกัน"จือจือเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายอย่างคนเห็นภาพอนาคตไกล"ข้ารับรองว่าต่อจากนี้เราจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีสังกะสีคุ้มหัว เจ้าไม่ต้องห่วง"เหมยจิ้งยืนมองนายหญิงของตนอย่างตะลึง ส่วนเด็กหนุ่มทั้งสองยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ โจวชวี่กับชูอวี่เผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ความสดใสของจือจื่อทำให้บรรยากาศในตำหนักร้างที่มืดหม่นดูอ่อนลง หญิงอ้วนผู้มีแววตาสดใสคนนี้ประหลาดจริงเชียวโจวชวี่ก้มลงหยิ

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่10ที่ซุกหัว

    จือจื่อเดินตามเหมยจิ้งเข้าไปด้วย ในจวนใหญ่รกร้างนั่นนับว่าคนขับรถม้าใจดีไม่น้อยอย่างน้อยอากาศหนาวๆ แบบนี้ทั้งสองก็ยังพอมีที่ซุกหัวนอนความเงียบงันของตำหนักร้างทำให้ทุกก้าวที่เหยียบลงไปเหมือนเหยียบลงบนหัวใจตัวเอง จือจื่อกวาดสายตามองซ้ายมองขวา ผนังไม้ผุพัง เถาวัลย์เลื้อยพันรั้ว เดินทะลุผ่านโถงด้านในไปจนถึงด้านหลังที่ถูกกั้นไว้เหมือนสวนร้าง หญ้าขึ้นรกสูงเกือบถึงเข่า กลิ่นอับชื้นปะปนกับกลิ่นควันจางๆ ลอยมากระทบจมูกดวงตาของจือจื่อเบิกกว้าง เมื่อเห็นควันไฟลอยออกมาจากห้องเก็บฟืนเก่าด้านหลัง หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก"แย่แล้วเหมยจิ้ง ใครมาเผาบ้าน รีบมาช่วยกันดับไฟเร็ววววว"เสียงตะโกนของนางดังลั่นจนเหมยจิ้งสะดุ้ง จือจื่อไม่รอช้า วิ่งพรวดเข้าไปผลักประตูห้องเก็บฟืนอย่างแรง ประตูไม้ผุส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ก่อนจะเปิดออกพร้อมควันขาวลอยคลุ้งภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้นางชะงัก บุรุษหนุ่มสองคน อายุราวสิบห้าปี หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะจากพิมพ์เดียวกัน เสื้อผ้าขาดรุ่ย เนื้อตัวมอมแมม นั่งยองๆ อยู่ข้างกองไฟเล็กๆ ที่ก่อจากเศษไม้แห้งทั้งสองอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะหงายหลังล้มผงะออกจากกองไฟด้วยความตกใจ"อ๊าก"

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่9ตำหนักร้างที่เมืองอี้

    "ข้าจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้..." เยว่จื่อพูดในใจ รู้สึกถึงความหนักหน่วงที่กำลังจะมาถึง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหมยจิ้งจับมือของเยว่จื่อแน่นขึ้น รู้ดีว่าการสนับสนุนจากใครสักคนคือสิ่งเดียวที่สามารถทำให้เยว่จื่อผ่านพ้นจากความยากลำบากนี้ไปได้"เจ้าค่ะ นายหญิงจือจื่อ" ในยามที่ร่างกายอ่อนล้า ใจของเยว่จื่อยังคงแข็งแกร่งไม่แพ้ใครเยว่จื่อพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเริ่มหลับตาลง ทุกอย่างมันเหมือนกับภาพลวงตาแต่อย่างน้อย ร่างนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่...หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากการถูกเนรเทศมาที่ตำหนักร้างนั้น เต็มไปด้วยความเหน็บหนาวและความอดอยาก ตำหนักที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงศักดิ์ตอนนี้กลับกลายเป็นที่รกร้าง เต็มไปด้วยเถาวัลย์และฝุ่นเก่าทึม จนแทบไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาใกล้ รถม้านำทั้งสองคนมาทิ้งไว้ที่นี่"ไม่มีอะไรกินได้เลยเจ้าค่ะ... โธ่...นายหญิงของเหมยจิ้งต้องหิวมากๆ เลยใช่ไหมเจ้าค่ะ..." เสียงของเหมยจิ้งแผ่วเบาด้วยความห่วงใยจือจื่อลองยืนมองรอบๆ ตำหนักที่ถูกทิ้งร้าง บรรยากาศรอบๆ มืดมัวและเงียบสงัด เหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่น่าพึงพอใจเยว่จื่อหรือจือจื่อหันมองไปที่เหมยจิ้งอย่างเหนื่อยล้าและท้อแท้ ร่

  • สนมอ้วนที่ฮ่องเต้ไม่รัก   ตอนที่8เริ่มต้นใหม่ของจือจื่อ

    เสียงฟาดของไม้กระหน่ำลงบนแผ่นหลังของเยว่จื่อดังสนั่น แรงของการตีทำให้ร่างอ้วนๆ ของนางสะท้านไปทั้งตัว แต่เยว่จื่อยังคงตั้งท่าหยัดยืน มือกุมที่แผ่นหลังที่กำลังเจ็บปวด ทว่าไม่ยอมร้องเสียงดัง ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอที่ทุกคนหวังจะได้เห็น แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัวก็ตาม"ฮึก... อึก…" เสียงหอบแห้งของนางดังขึ้น เฉพาะในใจที่เผชิญกับความเจ็บปวดจนแทบจะไม่สามารถทนได้ แต่ทุกคำพูดที่ออกจากปากกลับเป็นเสียงด่าทอ"พวกคนสารเลวข้าไม่มีทางอภัยให้พวกเจ้า" เยว่จื่อกัดฟันกรอดร่างของนางสะเทือนจากไม้ที่ฟาดลงอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้ว่าอับจนหนทางแล้วรอยยิ้มระรื่นก่อนหน้านั้นมลายหายไปบุรุษกำยำที่ยืนคอยจับตัวหากว่าจะหนี ขณะที่กลุ่มสนมเอกและพวกที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย เหมยจิ้งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงฟาดไม้สะท้านไปทั่วตำหนักแต่ก็ไม่สามารถหยุดการกระทำของกลุ่มคนที่อยู่รอบข้างได้ หลินซื่อหานยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าขยับตัวไปไหน แม้จะรู้สึกเจ็บปวดกับการเห็นลูกสาวของตัวเองโดนทำร้ายเช่นนี้"พระสนมได้โปรด... ข้าขอร้องเถิด" หลินซื่อหานร้องตะโกนออกไป สีหน้าของเขามืดมนไปด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวด แต่อีกด้านห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status