หญิงสาวนั่งมองเขากินอยู่แบบนั้นหลายคำ จนคิดว่าเขาจะไม่เก็บไว้ให้เธอกินแล้ว มิลานก็เลยรีบแย่งช้อนในมือของเขาออกมา แล้วถือมันไปที่ตุ่มน้ำ
"เธอทำอะไร" ชายหนุ่มถามออกไปแบบสงสัย
"ล้างช้อน" ..ใครจะไปกล้ากินต่อจากเขาล่ะ เธอล้างจนสะอาดแล้วก็กลับมานั่งลงที่แคร่ไม้ นิ้วเรียวล้วงเอาข้าวเหนียวในกระติบออกมา
"..มันกินได้แน่นะ" หญิงสาวพูดออกมาเบาๆ กับตัวเอง
ใบหน้าหล่อเผลอยกยิ้มขึ้น แต่ต้องได้รีบสลัดอารมณ์นั้นออกไป
"กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน เอาไปเททิ้ง" เขาไม่พูดเปล่ามือหนายื่นไปยกถ้วยแกงปลาขึ้นมา
"จะบ้าเหรอฉันยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว"
ได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็เลยวางถ้วยลงที่เดิม
"รีบกิน แล้วเก็บไปล้างด้วย"
"แล้วนายจะไปไหน" พอเห็นเขาลุกเดินออกมาก็เลยตกใจ เพราะแถวนี้มันน่ากลัวมาก ยิ่งมองออกไปด้านนอกก็มืดทุกทิศทุกทาง
"ไม่ไปไหนไกลหรอก อยู่แถวนี้แหละ"
พอเขาไปแล้วเธอก็ลองตักน้ำซุปขึ้นมาชิมดู
"อืม..พอกินได้" มือเรียวปั้นข้าวเหนียวให้เป็นก้อนแล้ววางลงไปในน้ำแกง แล้วก็ตักมันขึ้นมามองดูก่อน
"..กินได้แน่นะ" ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยกินข้าวเหนียว แต่ก็รู้แหละว่ามันมีอยู่บนโลกใบนี้
เวลาผ่านไป..
เธอนั่งรออยู่ว่าเมื่อไรเขาจะกลับมา ถ้าเป็นตอนกลางวันป่านนี้คงจะหนีไปแล้ว แต่นี่กลางคืนไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี ถ้าหลงเข้าไปในป่าแย่เลย
เสียงคน?? พอได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินมา มิลานกำลังจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่มาคิดอีกที..ถ้าเป็นพวกโจรล่ะจะทำยังไง หญิงสาวก็เลยรีบดับไฟตะเกียงไว้
"ทำไมมืดแบบนี้"
"คุณ" เธอจำเสียงของเขาได้ก็เลยส่งเสียงออกมา
"ทำไมไฟดับ" ทีแรกก็ตกใจอยู่เหมือนกันคิดว่าเธอหนีไปแล้ว
"ลมพัด"
"แล้วทำไมไม่จุดใหม่"
"มันจุดยังไงล่ะ"
"ฉันจะบ้าตายกับเธอ ถ้าติดเกาะไม่ตายเลยเหรอ"
"ฉันไม่ติดหรอก ฉันไม่ชอบไปเกาะ"
เขาเลือกที่จะไม่พูดต่อ ชายหนุ่มเดินไปหยิบไม้ขีดไฟ เพื่อที่จะนำมันมาจุดตะเกียง
"นี่เสื้อผ้าของเธอ แล้วก็ไปอาบน้ำสะ"
"อาบที่ไหน"
"ก็อาบตุ่มนั่นแหละ"
"จะบ้าเหรอใครจะกล้าอาบ"
"ถ้างั้นก็ไปอาบในห้องน้ำ"
"แล้วห้องน้ำบ้านนายอยู่ไหน"
"ในป่าโน่น"
"ในป่า??" หญิงสาวมองตามมือที่เขาชี้ไป ห้องน้ำเป็นเพิงหมาแหงนมุงด้วยหญ้า
"ฉันไม่อาบ" น่ากลัวกว่าอาบที่ตุ่มอีก
"แล้วแต่นะ จากมิลานสงสัยจะกลายเป็นลานมัน"
"อะไรคือลานมัน?" หญิงสาวถามกลับแบบสงสัย
"ก็มันเหม็นไง"
"ไอ้บ้า!"
"หรือว่าตอนนี้เป็นลานมันแล้ว" จมูกโด่งคมสันของเขายื่นเข้ามาใกล้แล้วสูดดม ทันใดนั้นมือหนาก็รีบยกขึ้นมาปิดจมูกของตัวเองไว้
"ฮืออ...กลิ่นขึ้นจมูกเลย"
"ไอ้บ้า ไอ้หำน้อย!!"
"หยามกันชัดๆ เดี๋ยวจะให้ดูว่ามันน้อยหรือใหญ่" ว่าแล้วชายหนุ่มก็วางชุดของเธอที่ไปยืมมาลงไว้ที่แคร่ไม้ แล้วเขาก็รูดซิปกางเกงลง
"กรี๊ดดด!!" คนตัวเล็กตกใจสุดขีดรีบหันหลังให้ เพราะครั้งนี้เขาไม่ได้ขู่เหมือนทุกครั้ง เขาควักมันออกมาจริง
"ไอ้บ้าไอ้ลามกไอ้โรคจิต!!" ดันไปมองตาม เพราะคิดว่าเขาจะไม่กล้าเอาออกมา
ในขณะที่กำลังด่าเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
"เดี๋ยวนะ? นายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง??" ใบหน้างามค่อยๆ หันกลับมาหาคนตัวสูงที่อยู่ด้านหลัง ..เพราะเมื่อสักครู่เขาได้เอ่ยชื่อเธอออกมา
"นายรู้จักฉันใช่ไหม? นายเป็นใครบอกมาเดี๋ยวนี้นะ!" หญิงสาวเริ่มคิดทบทวนกลับไปในคืนงาน เธอผิดเองที่ไปขอให้เขาช่วยพาออกมาจากงานเลี้ยงนั่น แต่ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา เธอก็คงจะหนีลูกน้องของไอ้เฒ่าหัวงูไม่รอดแน่
แต่พอออกมาถึงข้างนอก เธอกลับหมดสติไปเหมือนกับถูกวางยา
"ใครจ้างนายมา เมียหลวงของเสี่ยนั่นเหรอ?" เธอเริ่มทบทวนคำพูดของเขาที่เคยพูดมา..เพราะดูถูกเธอเหมือนกับว่าตัวเธอเองไปเป็นเมียน้อยของใคร
"ทำไมฉันจะไม่รู้จักเธอ...รู้จักดีเลยล่ะ" เขาคิดว่าสืบประวัติเธอมามากพอสมควรแล้ว รู้แม้กระทั่งว่าเธอชอบไปช็อปปิ้งที่ประเทศไหน แถมเงินที่ไปซื้อของก็เป็นเงินของพ่อเขาทั้งนั้น
"นายต้องการอะไรกันแน่ ถ้านายต้องการเงินก็บอกมาสิ ฉันจะให้ตามที่นายต้องการ"
"ทีแรกก็คิดว่าจะเอาเงินนั่นแหละ แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว" คนร่างหนาค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาแบบช้าๆ
"ถอยออกไปนะ!" หญิงสาวกลัวจนก้าวถอยหลังไปชนกับตุ่มน้ำเข้า
"กรี๊ดดด" มิลานรีบเอามือขึ้นมาปิดใบหน้าไว้ เพราะตอนนี้ถูกเขาตักน้ำในตุ่มนั้นขึ้นมาเทราดตั้งแต่หัวลงมา
"ไอ้บ้า อืออ" เปิดออกมาด่าได้แค่คำเดียวก็ต้องได้รีบปิดหน้าไว้อีก เพราะเขาเทน้ำราดอีกหลายครั้ง
"กรี๊ดดด! นายจะทำอะไร!" หญิงสาวรีบเอามือมากอดอกตัวเองไว้ เมื่อเขาเอาสบู่มาขยี้ตามลำตัว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออก
"ก็ล้างความสกปรกออกจากตัวเธอไง" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ตักน้ำขึ้นมาเทราดอีกครั้ง
"แกนั่นแหละสกปรก!"
"ยังเก่งอยู่ใช่ไหม..ได้!"
"กรี๊ดดด!!" มิลานรีบหันหลังให้เมื่อเขาถอดเสื้อผ้าออก
"ไอ้บ้าแกจะทำอะไรอีก!"
"ก็อาบน้ำน่ะสิ เห็นไหมเนี่ยเปียกหมดแล้ว"
"อาบน้ำทำไมต้องถอดหมดขนาดนี้ด้วย"
"ฉันไม่ใช่เธอนี่ที่จะอาบทั้งชุดแบบนั้น" เขาตักน้ำขึ้นมาเทราดตัวเองทันทีที่พูดจบ แล้วถูสบู่แบบสบายใจ
หญิงสาวค่อยๆ เปิดนิ้วที่ปิดดวงตาไว้ออกมามองดู จังหวะนั้นเห็นเขาเอาสบู่ที่ถูตัวเธอไปถูไถตรงน้องชาย
"กรี๊ดดดดดด!!"
"จะร้องอะไรนักหนาไม่กลัวชาวบ้านชาวช่องเขาตื่นหรือไง" ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาปิดหูไว้ เกือบแก้วหูแตก
"อย่าบอกนะว่าก่อนที่นายจะเอามันมาถูตัวฉัน นายทำแบบนั้นกับมันมาก่อนแล้ว!??"
"เธอก็ดูหุ่นมันสิผอมขนาดนี้" เขายกสบู่ขึ้นมาให้เธอมองแบบชัดๆ เพื่อสื่อให้รู้ว่าเขาใช้มันทุกวัน
"ไอ้โรคจิต!!!" หญิงสาวรีบเข้าไปแย่งเอาขันในมือของเขามา แล้วตักน้ำล้างตัวเองอีก เพราะขยะแขยงสบู่ก้อนนั้นมาก
หลังอาบน้ำเสร็จ..
"นายเอาอะไรมาให้ฉันใส่" หญิงสาวก้มลงมองผ้าถุงและเสื้อคอกระเช้าที่อยู่บนตัวของเธอ
"ใส่ๆ ไปเถอะหน่าใครๆ เขาก็ใส่กัน"
"แล้วใครเขาใส่ล่ะ!"
"ก็ชาวบ้านแถวนี้แหละ"
"ฉันอยากกลับบ้าน"
"ถ้าอยากมีผัวหลายคนก็ไปสิ" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินขึ้นบ้านไป
"รอด้วย" เธอจำเป็นต้องได้เดินตามขึ้นไปข้างบน
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอพ่อ" เสียงบ้านอีกหลังกระซิบถามกัน เพราะตั้งแต่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่ด้านล่าง ลุงกับป้าก็ไม่ได้นอนเลย
"ไอ้หำมันบอกว่าเป็นเมียของมัน"
"มันมีเมียแล้วเหรอ"
"ไม่รู้สิ"
"นายจะให้ฉันนอนอยู่แบบนี้นะ?" ดวงตางามถึงกับเปิดกว้าง มองดูมุ้งและที่นอน ซึ่งไม่มีอะไรปูพื้นเลยนอกจากเสื่อผืนเดียว ผ้าห่มก็ผืนบางๆ แถมมีหมอนแค่อันเดียวด้วย
"ใครบอกจะให้เธอนอนด้วย เธอนอนข้างนอกนี่แหละ" แล้วเขาก็มุดเข้าไปในมุ้งแบบไม่สนใจ พอเข้ามาได้ก็เอนกายลงนอนแบบสบายอารมณ์
"นายยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ฉันเป็นผู้หญิงนะ!"
"ถ้าคิดว่านอนได้ก็เข้ามาสิ"
"นายจะให้ฉันนอนกับนายได้ยังไง!"
"ผัวเมียที่ไหนเขาก็นอนด้วยกันทั้งนั้นแหละ"
"แต่ฉันไม่ใช่เมียของนายนะ!"
"เดี๋ยวอีกหน่อยก็ใช่แล้ว"
สามเดือนผ่านไปตอนนี้ท้องของมิลานก็เริ่มโตขึ้นจนโผล่พ้นออกมาให้เห็นมากแล้ว"ทำไมกลับบ้านเร็วล่ะคะ" หลายวันมานี้สามีกลับบ้านก่อนเวลาตลอด"ว่าจะไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ""ทำไมล่ะ""ก็เป็นห่วงคุณไง ดูสิจะเดินจะนั่งก็ดูลำบากไปหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประคองภรรยาค่อยๆ นั่งลงที่โซฟา"ฉันอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลยค่ะ"ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้เป็นสามีก็อดห่วงไม่ได้ เพราะอยากจะดูแลเธอเอง มือหนาลูบไล้หน้าท้องของภรรยาซึ่งตอนนี้เด็กดื้อที่อยู่ในนั้นกำลังดิ้นแรงมาก"เหลืออีกตั้งสี่เดือนกว่า ลูกถึงจะคลอด ถ้าไม่ไปทำงานใครจะดูงานให้ล่ะคะ""ก็ให้ท่านรองประธานดูไปสิ""คุณเสกสรรนะเหรอ""ไอ้เสกมันทำงานเก่งไม่เป็นแบบที่คุณคิดหรอกนะ" ใครจะคิดว่าเสกสรรจะเก่งในการทำงานขนาดนี้ เพราะเคยเห็นแต่สำมะเลเทเมาไปวันวานพอรู้ว่าโปรเจคงานที่ก่อปัญหาในครั้งนั้นเป็นผลงานของเสกสรร เหนือตะวัน และพ่อของมิลานก็มองเสกสรรใหม่ จนตอนนี้ให้ตำแหน่งเขาเป็นถึงท่านรองประธาน เพื่อที่จะมาดูงานช่วยกันอีกแรงแต่เสกสรรจะยอมรับตำแหน่งนั้น ถ้าให้ภรรยาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว เพราะทีแรกจั๊กจั่นขอไปทำงานที่แ
เช้าวันต่อมา.."ถ้ามีโอกาส เราจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อีกนะ" ประไพเอ่ยพูดขึ้นกับลุงพงษ์และป้าวรรณีที่เดินมาส่งตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อจะขึ้นรถไปสนามบิน"เชิญพวกท่านทั้งสองได้เสมอเลยครับ" ลุงพงษ์ตอบกลับไปแบบนอบน้อม"ถ้าเมื่อไรอยากได้ถนน กับไฟฟ้า ให้บอกมาได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวให้คนมาจัดการให้" คำพูดนี้ท่านรัฐมนตรีเป็นคนพูดเอง เพราะถ้าเป็นคำสั่งของท่านคงใช้เวลาไม่นาน"ก็ไอ้หำน่ะสิ..เออ..ขอโทษครับ" ลุงพงษ์เผลอปากเรียกลูกชายท่านว่าหำต่อหน้า"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ลุงถนัดแบบไหนก็พูดแบบนั้นเถอะ" เหนือตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้พูดให้ลุงคลายกังวล"ลูกหลานมันอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ก็ทำตามคนที่เขาอยู่อาศัยต่อเถอะครับท่าน" มันยิ่งทำให้ป้าและลุงรักหลานชายคนนี้เพิ่มขึ้น เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ยังมาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ถือว่าบุญเก่าเคยทำมาร่วมกัน"คุณพ่อกับคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ถ้าพ้นช่วงฮันนีมูนแล้วเดี๋ยวผมจะพาลูกสะใภ้กลับไปหาเอง" เหนือตะวันพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ขึ้น"ฝากดูแลท่านทั้งสองด้วยนะเสก" เขายังหันไปพูดกับเสกสรรที่กำลังจะขึ้นรถอีกคัน"ได้สิ มึงอย่าลืมนะว่านี่ก็พ่อตาแม่ยายกูเ
"คิดถึง""คะ?" จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าคำที่ท่านบอกว่าคิดถึง หรือมือที่ท่านยื่นมาโอบกอด สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเจอมาเป็นสิบปีแล้ว ถึงแม้เวลามันจะยาวนาน แต่นางก็นับวันนับคืน ว่าเมื่อไรสามีจะหันหน้ากลับมาหา แต่ยิ่งท่านหันหลังให้ก็ยิ่งเดินห่างไกลออกไป วิ่งตามเท่าไรก็ตามไม่ทัน"ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" ความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว ส่วนมากถ้าคนที่เป็นโรคร้าย ชอบจะกลับมาตายรังแบบนี้เสมอ เพราะอีหนูพวกนั้นคงดูแลไม่ได้"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ""ก็ดูท่านเปลี่ยนไป" นอกจากคำว่าคุณแล้ว ประไพชอบเรียกสามีว่าท่าน เพราะยังไงนางก็อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี"ถ้าผมไม่สบายจริง คุณจะดูแลไหม"เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยาเก่า พร้อมกับมือที่ขยับขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออก"คุณเป็นอะไร" สำราญตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง จะจุดไฟตะเกียงก็ทำไม่ได้แล้วเพราะทำไม่เป็น"คุณป่วยระยะที่เท่าไรแล้วคะ""ระยะที่เท่าไรหมายความว่ายังไง""คุณเป็นมะเร็งใช่ไหม คุณไปหาหมอมาหรือยัง แล้วทำไมคุณไม่รีบกลับมาหาฉัน" สิ้นประโยคคำพูดเสียงสะอื้นของนางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ประไพคิดแบบนี้ ก็เพราะมีไม่กี่โรคหรอกคนรุ่นราวคราวนี้ที่จะเจอ"ใจเย็นก่อนสิคุณ""ทำไมคุณไม่รี
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลายนา..หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ลุงพงษ์กับป้าวรรณี และคู่ที่มาฮันนีมูนก็ได้กลับบ้าน ซึ่งปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีกับอดีตภรรยาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน ในบ้านหลังที่พ่อและแม่ของมิลานเคยอาศัยอยู่เรามารู้จักกับท่านรัฐมนตรีและภรรยาเก่ากันบ้าง สำราญ ชายวัย 57 ปี แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เป็นไปตามอายุเท่าไร เพราะดูแลร่างกายดี ส่วนประไพ ซึ่งอายุน้อยกว่าสามีเก่าถึง 10 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในปีนั้นนางก็ได้คว้าดาวมหาวิทยาลัยมาครอง ความสวยของนางก็ยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความไม่พอของสามี จึงยังต้องการเด็กสาวเข้ามาเติมเต็ม"คุณนอนได้ไหมล่ะคะ""นอนได้สิ" สำราญพูดพร้อมกับค่อยๆ หย่อนกายมุดเข้าไปในมุ้งแบบลำบากเพราะไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน"หึ..มันก็สรรหาที่มาอยู่นะ""แต่ผัวเมียคู่นั้นก็ดูรักลูกเราดีนะคะ""อืมม..ชีวิตแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ""คุณนอนไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะลงไปเล่นข้างล่าง" ว่าแล้วนางก็แยกตัวลงมาก่อน ..อายุปูนนี้แล้วทำไมหัวใจยังเต้นแรงอยู่อีกควรพอได้แล้วมั้งประไพ เข้าใกล้สามีเก่าแล้วรู้สึกหวั่นไหวจนต้องได้ตำหนิตัวเองพอลงมาถึงข้างล่างนางก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนน
"คนเจ้าเล่ห์" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยน"เจ้าเล่ห์ที่ไหนอยากรู้ความลับก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ" ใบหน้าหล่อคมขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางแบบห้ามใจตัวเองไม่อยู่"ครั้งนี้พี่จะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม" หญิงสาวไม่ปฏิเสธแถมเธอยังหลับตาให้ แต่อดที่จะถามออกไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าเรื่องแบบเดิมๆ มันจะกลับมาอีกครั้ง"ไม่แล้ว..และพี่จะไม่ขอโทษเราอีก แต่พี่จะทำให้เราเห็น" เสกสรรรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตอนนั้นเขายังคึกคะนองในตัวเอง และเสียดายความโสดของตัวเอง จึงได้พยายามผลักไสเธอออกไป"พี่จะทำอะไรให้ฉันเห็น" ดวงตากลมเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสบตา"ทำให้เห็นว่าพี่รักเราไง"น้ำตาได้ไหลลงมาจากดวงตางามคู่นั้น เธอสัมผัสได้ว่าที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ"ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่" จากที่จะจูบก็เลยได้เปลี่ยนมาเป็นซับน้ำตาให้"ฉันเก่งที่ไหน""เก่งสิ..ถ้าจั๊กจั่นของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ" เสกสรรคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้"ยังเจ็บอยู่ไหม"หญิงสาวตอบด้วยการส่ายหน้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีความ
"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจหญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วยจั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู""เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก"ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำร