"เลว" นอกจากคำนี้เธอไม่รู้จะเอาคำไหนมาบัญญัติได้อีกแล้ว เพราะพ่อกับลูกก็ไม่ต่างอะไรกันเลย "ขอบคุณครับที่ชม.. ค่ำแล้วไปดีกว่า" ชายหนุ่มทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร ลุกขึ้นได้เขาก็เดินตรงมาที่ประตู ซึ่งมีเธอยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น มือเรียวยื่นไปคว้าแขนของเขาไว้โดยที่ไม่มองสบตา และไม่ได้หันหน้าไปทางเขาเลยด้วยซ้ำ "คุณต้องการอะไรเพื่อแลกกับทุกอย่างของพ่อฉันคืนมา" เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับครอบครัวของเธออีกแล้ว เพราะเธอรู้ดี ว่าพ่อหวงสิ่งที่มีอยู่มาก หวงยิ่งกว่าตัวเธอสะอีก สายตาคมมองตั้งแต่ใบหน้า ต่ำลงไปจนถึงปลายเท้า แล้วก็มองกลับขึ้นมาอีกครั้ง "..ก็ลองเสนอมาก่อนสิ เผื่อฉันจะเก็บไปพิจารณา" "ฉันขอร้อง..ขอให้คุณช่วยพ่อของฉัน ช่วยให้ท่านพ้นคดีความ ช่วยให้ท่านได้ทุกอย่างคืนกลับมา ตัวฉันอาจจะไม่มีค่าอะไรมากพอ แต่ฉันก็มีแค่ตัวที่จะขอแลกกับทุกสิ่ง"
View Moreณ. โรงแรมหรู
"ดูแอสเซสเซอรี่ของคุณเธอสิตั้งแต่หัวจรดเท้ากลัวคนไม่รู้หรือไงว่ารวย"
"ได้ข่าวว่าตระกูลนี้รวยจริงไม่ใช่เหรอ"
"ถึงรวยพันล้าน แต่มีลูกสาวที่ชอบผลาญเงินแบบนี้ไม่นานก็คงหมด"
"ใช่ๆ ดีแต่ใช้เงินไปวันๆ เรียนจบมาเป็นปีแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นไปช่วยกิจการของพ่อแม่เลย"
"อย่าพูดแรงสิหล่อนกำลังเดินมาทางนี้แล้ว"
"ว่าไงคะคุณหนู เพิ่งไปเที่ยวยุโรปมาเหรอคะ" ที่ทักขึ้นแบบนี้เพราะชุดที่เธอสวมใส่ไม่มีขายทั่วไป
"แค่เบื่อๆ ก็เลยไปหาใช้เงินเล่นค่ะ"
"มิลาน!!" หญิงวัยกลางคนรีบเดินมาคว้าแขนของมิลาน ก่อนที่จะพูดไม่ดีอะไรออกไปมากกว่านั้น
"ฉันไม่พูดอะไรหรอกแม่"
"หนูมานั่งกับแม่ดีกว่า" ว่าแล้วนางก็พาลูกสาวมานั่งที่โต๊ะเดียวกัน
"แล้วคุณพ่อล่ะคะ"
"พ่ออยู่กับท่าน"
พอได้ยินแบบนั้นสายตางามก็ตวัดมองไปกลุ่มคนที่คิดว่าท่านคนนั้นจะนั่งอยู่
"หนูมาถึงนานหรือยัง"
"ลงเครื่องก็ตรงมาที่นี่เลยค่ะ"
"ลงเครื่องแล้วตรงมา?" ผู้เป็นแม่ถามออกไปแบบสงสัย เพราะว่าชุดที่ลูกสาวสวมใส่รวมทั้งเครื่องประดับดูพร้อมมากในงานราตรีนี้
"แค่แต่งตัวมันจะไปยากอะไรคะ ก็แต่งมันในรถนั่นแหละ"
"แม่บอกว่าอย่าทำแบบนั้นแล้วใช่ไหม" เพราะถ้าลูกสาวของนางแต่งตัวในรถ คนขับรถก็ต้องเห็นน่ะสิ
"ใครจะมองก็ช่างเขาปะไรแม่ มิลานมาได้ไม่นานนะ"
"พ่อยังไม่รู้เลยว่าเรามา จะรีบกลับไปไหน"
"นัดกับเพื่อนไว้"
"จะไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์อีกล่ะสิ"
"รุ่นนี้คงไม่ไปเที่ยววัดหรอกแม่ เข้าใกล้ไม่ได้มันร้อน"
"ไอ้ลูกคนนี้!"
ในขณะที่แม่กับลูกกำลังคุยกันอยู่นั้นก็ได้มีบอดี้การ์ดของท่านที่ถูกกล่าวถึงก่อนหน้านี้เดินเข้ามาหา
"คุณพ่อของคุณหนูให้เข้าไปพบหน่อยครับ"
"ไม่ค่ะ"
"มิลาน!!"
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมานิดหนึ่งแบบไม่พอใจที่ถูกแม่ตำหนิ แต่เธอก็จำเป็นต้องได้ทำตาม
"หนูห้ามทำเสียมารยาทกับท่านนะ" ดุจดาวกลัวใจมิลานมาก เพราะลูกสาวของนางเป็นคนพูดตรง คิดยังไงก็ชอบพูดออกไปแบบนั้น
"มิลานไม่รับปากค่ะ" ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินตามบอดี้การ์ดคนนั้นเข้าไป
"มาแล้วครับท่าน" บอดี้การ์ดอีกคนที่ยืนอยู่..ได้กล่าวพูดขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินเข้าไป
"อ้าว..หนูมิลาน นั่งสิ"
"พ่อให้คนไปตามลูกทำไมคะ" มิลานไม่เจรจากับผู้ชายคนนี้เลย แต่หญิงสาวเลือกที่จะหันไปพูดกับพ่อเพียงแค่คนเดียว
"อย่าเสียมารยาทสิลูก" ภูธรถึงกับตำหนิลูกสาว เมื่อทำเสียมารยาทต่อหน้าท่าน
"ลูกเพิ่งเดินทางมาถึงประเทศ เหนื่อยค่ะ ไม่อยากจะอยู่งานเลี้ยงนาน ขอตัวนะคะ" ว่าแล้วหญิงสาวก็ไหว้ผู้เป็นพ่อพร้อมกับกำลังจะเดินออกมาจากโต๊ะนั้น แต่ถูกบอดี้การ์ดเข้ามาขวางหน้าไว้ก่อน
"พวกแกไม่ได้ยินหรือไง ว่าหนูมิลานเหนื่อยอยากจะพัก" มันคือเสียงพูดของชายวัยกลางคน แต่ก็เอนเอียงไปทางชรามากแล้ว
"ผมต้องขอโทษท่านด้วยนะครับที่ลูกสาวเสียมารยาท"
หญิงสาวได้ยินแค่นั้นก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ..และก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าพวกเขาจะพูดอะไรกันต่อ
"แกเชื่อไหมว่าพ่อกำลังเสนอลูกสาวให้กับท่าน" หน่วยสอดแนมก็ยังคอยจับตามองไม่ยอมปล่อย
"ท่านเป็นถึงรัฐมนตรีใครล่ะจะไม่อยาก..."
"อย่าพูดต่อนะ! หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง" อีกคนในกลุ่มรีบสะกิดเพื่อนไว้ไม่ให้พูดพล่อยๆ ออกไป เพราะไม่งั้นได้หัวขาดแน่
อีกมุมหนึ่งของโรงแรม
"พวกแกเป็นใคร" ในขณะที่หญิงสาวเดินออกมาด้านนอก ก็ได้มีรถคันหรูวิ่งเข้ามาจอดด้านหน้าซึ่งไม่ใช่รถคันที่เธอนั่งมา
"เชิญคุณหนูไปกับพวกเราดีกว่าครับ"
"ฉันไม่ไป" ว่าแล้วใบหน้างามก็หันมองไปด้านหลังเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ..แต่ก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย
"ปล่อยนะ!!" มิลานพยายามดิ้นรนเมื่อถูกผู้ชายที่อยู่ในรถคันนั้นจับยัดขึ้นรถแล้วนั่งประกบซ้ายขวา
"พวกแกเป็นใครจะพาฉันไปไหน?!" แต่เธอก็ไม่ได้คำตอบ และทันใดนั้นหญิงสาวก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
"หรือว่าพวกแกจะจับฉันไปเรียกค่าไถ่ใช่ไหม ถ้าพวกแกต้องการเงินก็แค่บอกมาไม่ต้องจับฉันหรอกเดี๋ยวฉันโอนให้ตอนนี้เลย" ว่าแล้วมือเรียวรีบคว้าโทรศัพท์ออกมา แต่ก็ถูกพวกมันแย่งไป
เวลาผ่านไป.. เธอวูบหลับไปตั้งแต่ถูกแย่งโทรศัพท์ ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในห้องนอนอันกว้างขวาง
"ที่นี่ที่ไหน" พอรู้สึกตัวเต็มที่ เธอก็เริ่มเช็คร่างกายของตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติไหม
คนตัวเล็กรีบเดินมาเปิดผ้าม่านหน้าต่างดู
"เราอยู่ที่ไหนกันแน่" สายตางามมองออกไปในพื้นที่กว้างขวาง และเห็นผู้ชายเดินวนไปมา ไม่ใช่แค่คนสองคน
..มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่ คนแรกที่เธอคิดขึ้นมาได้ก็คือ
'ท่าน' หรือว่าจะเป็นไอ้เฒ่าหัวงูนั่น มิลานพยายามหลีกเลี่ยงจากท่าน..ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรี
และอีกสิ่งที่คิดขึ้นมา เธออยากจะรู้ว่าพ่อกับแม่รู้เรื่องนี้ไหม แต่เฒ่าหัวงูนั่นจะกล้าทำแบบพละการเหรอ ถ้าไม่เพราะความเห็นชอบของพ่อกับแม่ ร่างบางค่อยๆ ถอยก้าวไปนั่งลงบนเตียงกว้าง เธอคงไม่มีทางที่จะหนีได้แล้วใช่ไหม
จะโทรไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนก็ไม่ได้เพราะโทรศัพท์ถูกพวกมันยึดไปแล้ว
ก๊อก ก๊อก ที่จริงประตูต้องเคาะจากด้านนอก เพื่อให้คนด้านในเปิดให้ แต่ประตูบานนี้แปลกเคาะจากด้านในเพื่อให้คนด้านนอกเปิด
"พวกคุณจับฉันมาไว้ที่นี่ทำไม คุณรู้ไหมว่ามันข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว"
ก๊อก! ก๊อก!!
"เปิดให้ฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!" เธอพยายามอยู่แบบนั้นแต่ก็ไม่มีใครยอมมาเปิดให้
หลายชั่วโมงผ่านไป
แกร็ก~ เสียงประตูปลดล็อกกุญแจจากทางด้านนอก ทำให้หญิงสาวที่หลับใหลอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น
....??...
คฤหาสน์หรูในเวลาเดียวกันนั้น
"แม่โทรตามผมกลับมามีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้วครับ"
"ลูกจำได้ไหมว่ากลับบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อไร"
"พ่อทำอะไรอีกแล้ว"
"เปล่าา..ไม่มีอะไร แม่คิดถึงลูก" คงจะปีหนึ่งได้แล้วที่ลูกชายไม่กลับมาบ้าน
เขาเป็นคนที่ชอบสันโดษ ชอบธรรมชาติ แต่สิ่งที่ผลักไสเขาให้ชอบของพวกนี้ก็คือครอบครัว เพราะยิ่งได้อยู่ร่วมกันมันก็ยิ่งทำให้เขาเบื่อการมีครอบครัว ตั้งแต่เล็กจนโต เห็นสภาพที่แม่อดทนเรื่องผู้หญิงของพ่อ แต่ก็อดทนได้ไม่นาน แม่ของเขาก็มีรอยยิ้มขึ้นมา ถ้าเริ่มเห็นรอยยิ้มนั่นแสดงว่า พ่อไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้นมากมาย แต่ถึงขั้นที่แม่โทรตามเขากลับมันต้องมีอะไรแน่
สามเดือนผ่านไปตอนนี้ท้องของมิลานก็เริ่มโตขึ้นจนโผล่พ้นออกมาให้เห็นมากแล้ว"ทำไมกลับบ้านเร็วล่ะคะ" หลายวันมานี้สามีกลับบ้านก่อนเวลาตลอด"ว่าจะไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ""ทำไมล่ะ""ก็เป็นห่วงคุณไง ดูสิจะเดินจะนั่งก็ดูลำบากไปหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประคองภรรยาค่อยๆ นั่งลงที่โซฟา"ฉันอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลยค่ะ"ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้เป็นสามีก็อดห่วงไม่ได้ เพราะอยากจะดูแลเธอเอง มือหนาลูบไล้หน้าท้องของภรรยาซึ่งตอนนี้เด็กดื้อที่อยู่ในนั้นกำลังดิ้นแรงมาก"เหลืออีกตั้งสี่เดือนกว่า ลูกถึงจะคลอด ถ้าไม่ไปทำงานใครจะดูงานให้ล่ะคะ""ก็ให้ท่านรองประธานดูไปสิ""คุณเสกสรรนะเหรอ""ไอ้เสกมันทำงานเก่งไม่เป็นแบบที่คุณคิดหรอกนะ" ใครจะคิดว่าเสกสรรจะเก่งในการทำงานขนาดนี้ เพราะเคยเห็นแต่สำมะเลเทเมาไปวันวานพอรู้ว่าโปรเจคงานที่ก่อปัญหาในครั้งนั้นเป็นผลงานของเสกสรร เหนือตะวัน และพ่อของมิลานก็มองเสกสรรใหม่ จนตอนนี้ให้ตำแหน่งเขาเป็นถึงท่านรองประธาน เพื่อที่จะมาดูงานช่วยกันอีกแรงแต่เสกสรรจะยอมรับตำแหน่งนั้น ถ้าให้ภรรยาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว เพราะทีแรกจั๊กจั่นขอไปทำงานที่แ
เช้าวันต่อมา.."ถ้ามีโอกาส เราจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อีกนะ" ประไพเอ่ยพูดขึ้นกับลุงพงษ์และป้าวรรณีที่เดินมาส่งตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อจะขึ้นรถไปสนามบิน"เชิญพวกท่านทั้งสองได้เสมอเลยครับ" ลุงพงษ์ตอบกลับไปแบบนอบน้อม"ถ้าเมื่อไรอยากได้ถนน กับไฟฟ้า ให้บอกมาได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวให้คนมาจัดการให้" คำพูดนี้ท่านรัฐมนตรีเป็นคนพูดเอง เพราะถ้าเป็นคำสั่งของท่านคงใช้เวลาไม่นาน"ก็ไอ้หำน่ะสิ..เออ..ขอโทษครับ" ลุงพงษ์เผลอปากเรียกลูกชายท่านว่าหำต่อหน้า"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ลุงถนัดแบบไหนก็พูดแบบนั้นเถอะ" เหนือตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้พูดให้ลุงคลายกังวล"ลูกหลานมันอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ก็ทำตามคนที่เขาอยู่อาศัยต่อเถอะครับท่าน" มันยิ่งทำให้ป้าและลุงรักหลานชายคนนี้เพิ่มขึ้น เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ยังมาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ถือว่าบุญเก่าเคยทำมาร่วมกัน"คุณพ่อกับคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ถ้าพ้นช่วงฮันนีมูนแล้วเดี๋ยวผมจะพาลูกสะใภ้กลับไปหาเอง" เหนือตะวันพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ขึ้น"ฝากดูแลท่านทั้งสองด้วยนะเสก" เขายังหันไปพูดกับเสกสรรที่กำลังจะขึ้นรถอีกคัน"ได้สิ มึงอย่าลืมนะว่านี่ก็พ่อตาแม่ยายกูเ
"คิดถึง""คะ?" จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าคำที่ท่านบอกว่าคิดถึง หรือมือที่ท่านยื่นมาโอบกอด สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเจอมาเป็นสิบปีแล้ว ถึงแม้เวลามันจะยาวนาน แต่นางก็นับวันนับคืน ว่าเมื่อไรสามีจะหันหน้ากลับมาหา แต่ยิ่งท่านหันหลังให้ก็ยิ่งเดินห่างไกลออกไป วิ่งตามเท่าไรก็ตามไม่ทัน"ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" ความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว ส่วนมากถ้าคนที่เป็นโรคร้าย ชอบจะกลับมาตายรังแบบนี้เสมอ เพราะอีหนูพวกนั้นคงดูแลไม่ได้"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ""ก็ดูท่านเปลี่ยนไป" นอกจากคำว่าคุณแล้ว ประไพชอบเรียกสามีว่าท่าน เพราะยังไงนางก็อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี"ถ้าผมไม่สบายจริง คุณจะดูแลไหม"เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยาเก่า พร้อมกับมือที่ขยับขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออก"คุณเป็นอะไร" สำราญตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง จะจุดไฟตะเกียงก็ทำไม่ได้แล้วเพราะทำไม่เป็น"คุณป่วยระยะที่เท่าไรแล้วคะ""ระยะที่เท่าไรหมายความว่ายังไง""คุณเป็นมะเร็งใช่ไหม คุณไปหาหมอมาหรือยัง แล้วทำไมคุณไม่รีบกลับมาหาฉัน" สิ้นประโยคคำพูดเสียงสะอื้นของนางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ประไพคิดแบบนี้ ก็เพราะมีไม่กี่โรคหรอกคนรุ่นราวคราวนี้ที่จะเจอ"ใจเย็นก่อนสิคุณ""ทำไมคุณไม่รี
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลายนา..หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ลุงพงษ์กับป้าวรรณี และคู่ที่มาฮันนีมูนก็ได้กลับบ้าน ซึ่งปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีกับอดีตภรรยาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน ในบ้านหลังที่พ่อและแม่ของมิลานเคยอาศัยอยู่เรามารู้จักกับท่านรัฐมนตรีและภรรยาเก่ากันบ้าง สำราญ ชายวัย 57 ปี แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เป็นไปตามอายุเท่าไร เพราะดูแลร่างกายดี ส่วนประไพ ซึ่งอายุน้อยกว่าสามีเก่าถึง 10 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในปีนั้นนางก็ได้คว้าดาวมหาวิทยาลัยมาครอง ความสวยของนางก็ยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความไม่พอของสามี จึงยังต้องการเด็กสาวเข้ามาเติมเต็ม"คุณนอนได้ไหมล่ะคะ""นอนได้สิ" สำราญพูดพร้อมกับค่อยๆ หย่อนกายมุดเข้าไปในมุ้งแบบลำบากเพราะไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน"หึ..มันก็สรรหาที่มาอยู่นะ""แต่ผัวเมียคู่นั้นก็ดูรักลูกเราดีนะคะ""อืมม..ชีวิตแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ""คุณนอนไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะลงไปเล่นข้างล่าง" ว่าแล้วนางก็แยกตัวลงมาก่อน ..อายุปูนนี้แล้วทำไมหัวใจยังเต้นแรงอยู่อีกควรพอได้แล้วมั้งประไพ เข้าใกล้สามีเก่าแล้วรู้สึกหวั่นไหวจนต้องได้ตำหนิตัวเองพอลงมาถึงข้างล่างนางก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนน
"คนเจ้าเล่ห์" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยน"เจ้าเล่ห์ที่ไหนอยากรู้ความลับก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ" ใบหน้าหล่อคมขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางแบบห้ามใจตัวเองไม่อยู่"ครั้งนี้พี่จะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม" หญิงสาวไม่ปฏิเสธแถมเธอยังหลับตาให้ แต่อดที่จะถามออกไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าเรื่องแบบเดิมๆ มันจะกลับมาอีกครั้ง"ไม่แล้ว..และพี่จะไม่ขอโทษเราอีก แต่พี่จะทำให้เราเห็น" เสกสรรรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตอนนั้นเขายังคึกคะนองในตัวเอง และเสียดายความโสดของตัวเอง จึงได้พยายามผลักไสเธอออกไป"พี่จะทำอะไรให้ฉันเห็น" ดวงตากลมเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสบตา"ทำให้เห็นว่าพี่รักเราไง"น้ำตาได้ไหลลงมาจากดวงตางามคู่นั้น เธอสัมผัสได้ว่าที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ"ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่" จากที่จะจูบก็เลยได้เปลี่ยนมาเป็นซับน้ำตาให้"ฉันเก่งที่ไหน""เก่งสิ..ถ้าจั๊กจั่นของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ" เสกสรรคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้"ยังเจ็บอยู่ไหม"หญิงสาวตอบด้วยการส่ายหน้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีความ
"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจหญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วยจั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู""เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก"ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำร
Comments