"นายจะทำอะไร! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!"
"เธอนั่นแหละออกไปจากมุ้งนี้" ว่าแล้วมือแกร่งก็จับขาของเธอลากแบบไม่จริงจังนัก
"ไอ้บ้า! ฉันเจ็บนะ!!" ขาเรียวทั้งสองข้างเริ่มถีบแบบไม่ยั้ง
แต่เขาก็ยังพยายามจับขาของเธอกดไว้ "อย่าดิ้นแรงสิมันเหม็น"
"ไอ้!!" มิลานไม่รู้จะด่ายังไงดีแล้วผู้ชายบ้าอะไรกล้าพูดให้ผู้หญิงแบบนี้
"เงียบทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ด่าต่อ" เหนือตะวันคิดว่าตัวเองโรคจิตหรือเปล่าชอบฟังเธอด่า เพราะถ้าได้ยินเสียงเธอโวยวายมันรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวา
"ฉันขี้เกียจจะคุยกับนายแล้ว นายจะให้ฉันใส่อะไร ถ้าอาบน้ำก็ไม่มีอะไรใส่น่ะสิ" นี่แหละคือสิ่งที่เธอเป็นกังวล เพราะเมื่อวานเขาเอามาแค่ชุดเดียว
"ฉันยืมของป้าไว้ให้แล้ว"
"แล้วชุดชั้นในล่ะ"
"จะใส่ทำไมมีแค่นิดเดียวมองไม่เห็นหรอก"
"ไอ้!!"
"ไอ้อะไร"
"ไอ้บ้า!! ของนายนั่นแหละมีแค่นิดเดียว"
"อ้าวพูดแบบนี้..ออกมาก่อนลูก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็รูดซิบลงเพื่อที่จะงัดน้องชายของตัวเองออกมา
"กรี๊ดด!!" มิลานรีบออกจากมุ้งอย่างไว ..แล้วก็ลงมาข้างล่าง
เหนือตะวันก็ตามลงมาด้วย เพราะยังไม่ได้จุดตะเกียงไว้ให้เธอ
หญิงสาวอาบน้ำโดยการเอาผ้าถุง มาพันรอบหน้าอกไว้
"สบู่อันใหม่ไม่มีหรือไง" มองดูสบู่ก้อนนั้นแล้วรู้สึกขยะแขยง
"ไม่มี ใช้ๆ ไปเถอะน่า ทำเหมือนตัวเองสะอาดนักหนา"
"สะอาดกว่านายแล้วกัน! ผู้ชายอะไรปากปีจอ!" หญิงสาวมองไปเห็นยาสระผมพอดี เธอก็เลยใช้มันแทนสบู่
พออาบน้ำเสร็จก็ต้องได้ซักชุดชั้นในตากไว้ เพราะตอนเช้าเธอต้องได้ใช้มันอีก
"นี่นาย"
"หือ"
"นายจะให้ฉันอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไร"
ทั้งสองนอนคุยกันอยู่ในมุ้ง แต่ก็ไม่ได้นอนใกล้กัน ถึงแม้ว่ารอบข้างจะมืดมากแต่ก็พอมีแสงเดือนสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา
"ถามทำไม"
"นายคงไม่คิดจะเอาฉันมาไว้ที่นี่ตลอดไปหรอกใช่ไหม" เธอชวนเขาคุยดีๆ เพราะดูแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่โหดร้ายอะไร
"ยังไม่รู้! อยู่ไปก่อน"
"ทำไมต้องตะคอกด้วยคนอุตส่าห์ชวนคุยดีๆ" พอเขาเริ่มจะใช้อารมณ์เธอก็เลยนอนตะแคงหันหลังให้ ..และทั้งสองก็หลับไป
เช้าวันต่อมา..
"กรี๊ดด!! ไอ้เหนือนรกเอามือของนายออกไปเดี๋ยวนี้นะ!" หญิงสาวสะดุ้งตกใจอยู่ดีๆ มือของเขาก็พาดทับหน้าอกของเธอ
"อะไรของเธอ"
"นายมาจับหน้าอกฉันทำไม!"
"ก็นึกว่าหมอนข้าง"
"หมอนข้าง? ไอ้บ้า!!" นี่เขาว่าหน้าอกเราแบนเหมือนหมอนข้างอย่างนั้นเหรอ
"เธอจะมาชวนฉันทะเลาะอะไรแต่เช้าขนาดนี้ เบื่อโว้ย!" คนร่างหนาลุกขึ้นแล้วออกมาจากมุ้ง
"ไปซะได้ก็ดี"
สายๆ ของวันเดียวกัน
"ป้าทำอะไรคะ"
"เตรียมหาอาหารไว้เลี้ยงชาวบ้านที่จะมาช่วยเกี่ยวข้าว"
"ทำไมป้าไม่ใช้รถเกี่ยวข้าวคะ" เรื่องนี้เธอพอจะรู้ ว่ามันมีรถเกี่ยวข้าวใช้แทนแรงคน
"แถวนี้ไม่มีรถอะไรแบบนั้นหรอกหนู"
"ป้าอยากได้ไหมล่ะคะ เดี๋ยวหนูซื้อให้"
"ฮ่าาา ซื้อมาให้นั่งมองดูหรือไง"
"เออจริงแล้วใครจะใช้เป็นล่ะ"
หญิงสาวไปจับโน่นทำนี่ช่วยป้า เพราะแกกำลังเตรียมเครื่อง เพื่อไว้ทำอาหารในวันพรุ่งนี้
"ป้าคะ"
"อ้าว..ว่าไงแตน" ป้าวรรณีถามขึ้นเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่มาเรียก
"ได้ยินว่าพรุ่งนี้ป้าจะลงแขกเกี่ยวข้าว แตนก็เลยเอานี่มาให้ค่ะ"
"พรุ่งนี้มาช่วยป้าทำอาหารหน่อยนะ"
"ได้เลยค่ะป้า" ในขณะที่ตั๊กแตนกำลังพูดกับป้าวรรณีอยู่นั้น สายตาของเธอก็มองดูแต่ผู้หญิงอีกคน
ป้าเห็นสายตาของผู้หญิงที่นางรักเหมือนหลาน ก็นึกสงสารเพราะรู้ดีว่าตั๊กแตนมีใจให้กับเหนือตะวันอยู่มาก
"แตน" จังหวะนั้นเหนือตะวันก็กลับมาพอดี
"พี่ตะวัน"
"แตนมามีอะไรเหรอ"
"เอาเครื่องเคียงมาไว้ให้ป้าปรุงอาหารพรุ่งนี้"
"พี่หำน้อยกลับมาพอดีเลย" มิลานรีบเดินเข้าไปควงแขนของเขาไว้
"อะไรของเธอ" เขากระซิบพูดใกล้ๆ
"แฟนนายเหรอ" เธอก็กระซิบพูดกลับ
"ถามทำไม"
"นายไม่กลัวว่าแฟนนายจะโกรธเหรอ ที่นายเอาฉันมาไว้แบบนี้"
"แตนกลับก่อนนะคะป้า" ตั๊กแตนไม่สามารถที่จะอยู่ดูทั้งสองจู๋จี๋กันแบบนี้ได้อีกแล้ว
มิลานแอบมองสายตาของเขาที่มองตามผู้หญิงคนนั้นไป ก็เหมือนเขามีใจให้กับผู้หญิงคนนั้น แต่ทำไมถึงยอมแนะนำตัวเธอว่าเป็นเมีย เขาไม่กลัวคนรักของเขาเข้าใจผิดเหรอ ข้อนี้เธอก็สงสัยอยู่มาก
"พรุ่งนี้เตรียมตัว" พอตั๊กแตนเดินไปจนลับตาแล้ว ชายหนุ่มก็หันกลับมาพูดกับเธอบ้าง
"เตรียมตัวทำอะไร"
"ไปเกี่ยวข้าว"
"เกี่ยวข้าวคืออะไร"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอก็รู้ว่ามันคืออะไร"
"ฉันไม่ทำหรอก" หญิงสาวรีบปล่อยมือที่คล้องแขนเขาอยู่ออก
"แต่เธอต้องทำ" สายตาของเขามองดูแบบจริงจังมาก
มิลานคิดว่าเขาคงจะโมโหเรื่องที่เธอไปพูดใส่หน้าแฟนของเขาแบบนั้น แต่เกี่ยวข้าวงั้นเหรอ..น่าสนุกดีนะ
เย็นวันเดียวกัน..
"ได้ปลาเยอะเลยป้า" มะลิซ้อนต้องได้ออกไปหาปลาไว้ตั้งแต่วันนี้ แถวนี้แม่น้ำลำคลองอุดมสมบูรณ์ จนทำให้พวกเขาไม่อยากจะกลับไปอยู่เมืองที่วุ่นวาย
"นี่ตัวอะไร" คนที่มาส่องดูก่อนก็คือมิลาน
"เขาเรียกกบ" มะลิซ้อนรีบตอบออกไป
"กินได้เหรอ"
"กินได้สิ"
มองลงไปลึกๆ ก็เห็นตัวอะไรแว๊บๆ "กรี๊ดด!" หญิงสาวรีบหันกลับไปกอดคนตัวสูงที่ชะโงกหน้าลงมามองเช่นกัน
"เธอเป็นอะไรอีก!"
"ในนี้มีงูด้วย"
"มันไม่ใช่งูมันคือปลาไหล" มะลิซ้อนก็เลยจับปลาไหลออกมาให้ดูชัดๆ
"กรี๊ดดดด!" มิลานยิ่งตกใจไปใหญ่ จากที่กอดเอวเขาอยู่ เธอก็ได้กระโดดขึ้นเกาะเอวโดยเอาขาหนีบไว้ จนเหนือตะวันต้องได้รีบกอดไว้กลัวว่าเธอจะตกลงไป
"ฉันจะบ้าตายกับเธอ ลงเดี๋ยวนี้เลย"
"นะ..นาย"
"อะไร" ในขณะที่เขากำลังจะปล่อยลง เธอก็ได้กอดแน่นขึ้น
"นายอย่าปล่อยตอนนี้นะไม่งั้นผ้าถุงฉันหลุดแน่" มิลานจำเป็นต้องได้บอกก่อน เพราะสังเกตได้ว่าไอ้ที่เหน็บไว้มันหลุดออกแล้ว
เหนือตะวันอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก คนอะไรจะโก๊ะได้ถึงขนาดนี้ เขาก็เลยพาเธอมาวางลงที่แคร่ไม้ มืออีกข้างก็จับผ้าถุงไว้ไม่ให้มันหลุด ..พอนั่งลงได้หญิงสาวก็รีบจัดการกับผ้าถุงให้เรียบร้อย ..ตอนนี้ไม่รู้จะอายยังไงแล้ว เมื่อวานนี้ผายลมใส่เขา วันนี้ดันทำผ้าถุงหลุด
สามเดือนผ่านไปตอนนี้ท้องของมิลานก็เริ่มโตขึ้นจนโผล่พ้นออกมาให้เห็นมากแล้ว"ทำไมกลับบ้านเร็วล่ะคะ" หลายวันมานี้สามีกลับบ้านก่อนเวลาตลอด"ว่าจะไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ""ทำไมล่ะ""ก็เป็นห่วงคุณไง ดูสิจะเดินจะนั่งก็ดูลำบากไปหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประคองภรรยาค่อยๆ นั่งลงที่โซฟา"ฉันอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลยค่ะ"ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้เป็นสามีก็อดห่วงไม่ได้ เพราะอยากจะดูแลเธอเอง มือหนาลูบไล้หน้าท้องของภรรยาซึ่งตอนนี้เด็กดื้อที่อยู่ในนั้นกำลังดิ้นแรงมาก"เหลืออีกตั้งสี่เดือนกว่า ลูกถึงจะคลอด ถ้าไม่ไปทำงานใครจะดูงานให้ล่ะคะ""ก็ให้ท่านรองประธานดูไปสิ""คุณเสกสรรนะเหรอ""ไอ้เสกมันทำงานเก่งไม่เป็นแบบที่คุณคิดหรอกนะ" ใครจะคิดว่าเสกสรรจะเก่งในการทำงานขนาดนี้ เพราะเคยเห็นแต่สำมะเลเทเมาไปวันวานพอรู้ว่าโปรเจคงานที่ก่อปัญหาในครั้งนั้นเป็นผลงานของเสกสรร เหนือตะวัน และพ่อของมิลานก็มองเสกสรรใหม่ จนตอนนี้ให้ตำแหน่งเขาเป็นถึงท่านรองประธาน เพื่อที่จะมาดูงานช่วยกันอีกแรงแต่เสกสรรจะยอมรับตำแหน่งนั้น ถ้าให้ภรรยาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว เพราะทีแรกจั๊กจั่นขอไปทำงานที่แ
เช้าวันต่อมา.."ถ้ามีโอกาส เราจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อีกนะ" ประไพเอ่ยพูดขึ้นกับลุงพงษ์และป้าวรรณีที่เดินมาส่งตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อจะขึ้นรถไปสนามบิน"เชิญพวกท่านทั้งสองได้เสมอเลยครับ" ลุงพงษ์ตอบกลับไปแบบนอบน้อม"ถ้าเมื่อไรอยากได้ถนน กับไฟฟ้า ให้บอกมาได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวให้คนมาจัดการให้" คำพูดนี้ท่านรัฐมนตรีเป็นคนพูดเอง เพราะถ้าเป็นคำสั่งของท่านคงใช้เวลาไม่นาน"ก็ไอ้หำน่ะสิ..เออ..ขอโทษครับ" ลุงพงษ์เผลอปากเรียกลูกชายท่านว่าหำต่อหน้า"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ลุงถนัดแบบไหนก็พูดแบบนั้นเถอะ" เหนือตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้พูดให้ลุงคลายกังวล"ลูกหลานมันอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ก็ทำตามคนที่เขาอยู่อาศัยต่อเถอะครับท่าน" มันยิ่งทำให้ป้าและลุงรักหลานชายคนนี้เพิ่มขึ้น เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ยังมาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ถือว่าบุญเก่าเคยทำมาร่วมกัน"คุณพ่อกับคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ถ้าพ้นช่วงฮันนีมูนแล้วเดี๋ยวผมจะพาลูกสะใภ้กลับไปหาเอง" เหนือตะวันพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ขึ้น"ฝากดูแลท่านทั้งสองด้วยนะเสก" เขายังหันไปพูดกับเสกสรรที่กำลังจะขึ้นรถอีกคัน"ได้สิ มึงอย่าลืมนะว่านี่ก็พ่อตาแม่ยายกูเ
"คิดถึง""คะ?" จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าคำที่ท่านบอกว่าคิดถึง หรือมือที่ท่านยื่นมาโอบกอด สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเจอมาเป็นสิบปีแล้ว ถึงแม้เวลามันจะยาวนาน แต่นางก็นับวันนับคืน ว่าเมื่อไรสามีจะหันหน้ากลับมาหา แต่ยิ่งท่านหันหลังให้ก็ยิ่งเดินห่างไกลออกไป วิ่งตามเท่าไรก็ตามไม่ทัน"ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" ความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว ส่วนมากถ้าคนที่เป็นโรคร้าย ชอบจะกลับมาตายรังแบบนี้เสมอ เพราะอีหนูพวกนั้นคงดูแลไม่ได้"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ""ก็ดูท่านเปลี่ยนไป" นอกจากคำว่าคุณแล้ว ประไพชอบเรียกสามีว่าท่าน เพราะยังไงนางก็อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี"ถ้าผมไม่สบายจริง คุณจะดูแลไหม"เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยาเก่า พร้อมกับมือที่ขยับขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออก"คุณเป็นอะไร" สำราญตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง จะจุดไฟตะเกียงก็ทำไม่ได้แล้วเพราะทำไม่เป็น"คุณป่วยระยะที่เท่าไรแล้วคะ""ระยะที่เท่าไรหมายความว่ายังไง""คุณเป็นมะเร็งใช่ไหม คุณไปหาหมอมาหรือยัง แล้วทำไมคุณไม่รีบกลับมาหาฉัน" สิ้นประโยคคำพูดเสียงสะอื้นของนางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ประไพคิดแบบนี้ ก็เพราะมีไม่กี่โรคหรอกคนรุ่นราวคราวนี้ที่จะเจอ"ใจเย็นก่อนสิคุณ""ทำไมคุณไม่รี
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลายนา..หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ลุงพงษ์กับป้าวรรณี และคู่ที่มาฮันนีมูนก็ได้กลับบ้าน ซึ่งปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีกับอดีตภรรยาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน ในบ้านหลังที่พ่อและแม่ของมิลานเคยอาศัยอยู่เรามารู้จักกับท่านรัฐมนตรีและภรรยาเก่ากันบ้าง สำราญ ชายวัย 57 ปี แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เป็นไปตามอายุเท่าไร เพราะดูแลร่างกายดี ส่วนประไพ ซึ่งอายุน้อยกว่าสามีเก่าถึง 10 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในปีนั้นนางก็ได้คว้าดาวมหาวิทยาลัยมาครอง ความสวยของนางก็ยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความไม่พอของสามี จึงยังต้องการเด็กสาวเข้ามาเติมเต็ม"คุณนอนได้ไหมล่ะคะ""นอนได้สิ" สำราญพูดพร้อมกับค่อยๆ หย่อนกายมุดเข้าไปในมุ้งแบบลำบากเพราะไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน"หึ..มันก็สรรหาที่มาอยู่นะ""แต่ผัวเมียคู่นั้นก็ดูรักลูกเราดีนะคะ""อืมม..ชีวิตแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ""คุณนอนไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะลงไปเล่นข้างล่าง" ว่าแล้วนางก็แยกตัวลงมาก่อน ..อายุปูนนี้แล้วทำไมหัวใจยังเต้นแรงอยู่อีกควรพอได้แล้วมั้งประไพ เข้าใกล้สามีเก่าแล้วรู้สึกหวั่นไหวจนต้องได้ตำหนิตัวเองพอลงมาถึงข้างล่างนางก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนน
"คนเจ้าเล่ห์" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยน"เจ้าเล่ห์ที่ไหนอยากรู้ความลับก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ" ใบหน้าหล่อคมขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางแบบห้ามใจตัวเองไม่อยู่"ครั้งนี้พี่จะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม" หญิงสาวไม่ปฏิเสธแถมเธอยังหลับตาให้ แต่อดที่จะถามออกไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าเรื่องแบบเดิมๆ มันจะกลับมาอีกครั้ง"ไม่แล้ว..และพี่จะไม่ขอโทษเราอีก แต่พี่จะทำให้เราเห็น" เสกสรรรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตอนนั้นเขายังคึกคะนองในตัวเอง และเสียดายความโสดของตัวเอง จึงได้พยายามผลักไสเธอออกไป"พี่จะทำอะไรให้ฉันเห็น" ดวงตากลมเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสบตา"ทำให้เห็นว่าพี่รักเราไง"น้ำตาได้ไหลลงมาจากดวงตางามคู่นั้น เธอสัมผัสได้ว่าที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ"ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่" จากที่จะจูบก็เลยได้เปลี่ยนมาเป็นซับน้ำตาให้"ฉันเก่งที่ไหน""เก่งสิ..ถ้าจั๊กจั่นของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ" เสกสรรคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้"ยังเจ็บอยู่ไหม"หญิงสาวตอบด้วยการส่ายหน้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีความ
"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจหญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วยจั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู""เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก"ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำร