ณ เมืองเจียงเฉิน ท่ามกลางอากาศเย็นสบายและกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วเรือน สาวใช้เดินถือม้วนจดหมายเข้ามายังห้องเรือนกลางของลู่ฮูหยิน ผู้ซึ่งมาจากตระกูลที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรลึกซึ้งและเคยจัดยารักษาผู้ป่วยมานับไม่ถ้วน
“ฮูหยิน จดหมายจากท่านโหวสกุลเผิง ส่งมาด้วยม้าเร็ว” สาวใช้กล่าว พลางยื่นซองผนึกตราจวนเผิงโหวให้
อันเหม่ยฉินรับมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนจะใช้มีดปลายเรียวเฉือนผนึก เปิดออกแล้วอ่านอย่างตั้งใจ
ฮูหยินวัยสี่สิบที่ยังคงสง่างามแม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี ขมวดคิ้วแน่นเมื่ออ่านจบ แล้วหยิบพู่กันขึ้นมาวางไว้บนกระดาษขาวก่อนนิ่งคิด
“อุณหภูมิสูง ดวงตาแดง หายใจไม่สะดวก และชัก...นั่นไม่ใช่ไข้ธรรมดา” นางพึมพำ “อาจเป็นพิษที่ส่งผลต่อระบบเลือดและเส้นประสาท”
นางเปิดหีบตำราเก่าแก่ หยิบตำราเทียบยาสองเล่มมาวางเรียงต่อกัน เปิดไปยังหน้าอาการเกี่ยวกับไข้ระบาดในอดีตกาล แล้วเริ่มตรวจสอบอาการทีละข้อ
“หากตามตำราอาการเช่นนี้คล้ายกับ ‘ไข้ลมพิษร้อน’ ที่เคยเกิดทางตอนใต้เมื่อหลายสิบปีก่อน เกิดจากเชื้อโรคใ
ภายในจวนเผิงโหวกลางเมืองหลวง ลู่ซือหนานนั่งเงียบอยู่บนตั่งไม้หอม สายตาเหม่อมองออกไปไกล แม้จะเพิ่งลงมือปักผ้า แต่เข็มด้ายก็หยุดนิ่งอยู่นานแล้วเสียงฝีเท้าเร่งร้อนของเสี่ยวหลานที่เข้ามาพร้อมข่าวดี ทำให้บรรยากาศเงียบงันในเรือนเปลี่ยนไปทันที“ฮูหยิน ท่านโหวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ และท่านไม่ต้องเดินทางไปตุนโจวอย่างที่กังวล”ลู่ซือหนานลุกพรวดขึ้นแทบจะในทันที สายตาทอแสงแห่งความโล่งอก ความกังวลที่ซ่อนอยู่ในอกหลายวันเหมือนละลายหายไปประตูเรือนเปิดออก เผิงเหยียนเฉิงในชุดขุนนางกลับมาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข แม้สีหน้าจะเคร่งขรึมจากภาระหน้าที่ที่แบกรับ แต่พอเห็นภรรยาเขาก็ผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดไม่ทันให้เขากล่าวคำใด ลู่ซือหนานก็ผวาเข้ากอดแน่น ดวงตาของนางคลอเบ้า “ข้าคิดว่าจะต้องไปอยู่ที่หน้าจวน รอข่าวท่านทุกวันเสียแล้ว”เผิงเหยียนเฉิงโอบกายนางไว้ด้วยอ้อมแขนมั่นคง ลูบเส้นผมยาวของนางเบาๆ ในตอนนั้นสาวใช้และคนอื่นๆจึงออกไปให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ฝ่าบาทไม่ให้ข้าไปตุนโจว พระองค์ทรงเห็นว่าเราทำงานด้านการบริหารมาพอแล้ว ให้หมอหลวงแ
ณ เมืองเจียงเฉิน ท่ามกลางอากาศเย็นสบายและกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วเรือน สาวใช้เดินถือม้วนจดหมายเข้ามายังห้องเรือนกลางของลู่ฮูหยิน ผู้ซึ่งมาจากตระกูลที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรลึกซึ้งและเคยจัดยารักษาผู้ป่วยมานับไม่ถ้วน“ฮูหยิน จดหมายจากท่านโหวสกุลเผิง ส่งมาด้วยม้าเร็ว” สาวใช้กล่าว พลางยื่นซองผนึกตราจวนเผิงโหวให้อันเหม่ยฉินรับมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนจะใช้มีดปลายเรียวเฉือนผนึก เปิดออกแล้วอ่านอย่างตั้งใจฮูหยินวัยสี่สิบที่ยังคงสง่างามแม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี ขมวดคิ้วแน่นเมื่ออ่านจบ แล้วหยิบพู่กันขึ้นมาวางไว้บนกระดาษขาวก่อนนิ่งคิด“อุณหภูมิสูง ดวงตาแดง หายใจไม่สะดวก และชัก...นั่นไม่ใช่ไข้ธรรมดา” นางพึมพำ “อาจเป็นพิษที่ส่งผลต่อระบบเลือดและเส้นประสาท”นางเปิดหีบตำราเก่าแก่ หยิบตำราเทียบยาสองเล่มมาวางเรียงต่อกัน เปิดไปยังหน้าอาการเกี่ยวกับไข้ระบาดในอดีตกาล แล้วเริ่มตรวจสอบอาการทีละข้อ“หากตามตำราอาการเช่นนี้คล้ายกับ ‘ไข้ลมพิษร้อน’ ที่เคยเกิดทางตอนใต้เมื่อหลายสิบปีก่อน เกิดจากเชื้อโรคใ
กลางดึกคืนนั้น ภายในห้องหนังสือของจวนเผิงโหว ไฟตะเกียงส่องสว่างเพียงริบหรี่ เสียงพู่กันจุ่มหมึกและลากผ่านกระดาษอย่างมั่นคงแต่เร่งรีบ เผิงเหยียนเฉิงนั่งอยู่หน้าตั่งไม้หอม ใบหน้าเคร่งขรึมดั่งผู้แบกรับภาระของบ้านเมืองไว้บนบ่ารายงานฉบับล่าสุดจากตุนโจววางกางอยู่ข้างจดหมายฉบับใหม่ที่เขากำลังเขียน มุมกระดาษสั่นไหวเล็กน้อยจากลมยามค่ำ ทว่ามือของเขากลับไม่สั่นเลยแม้แต่น้อย[ เรียนท่านแม่อันเหม่ยฉินข้ามีเรื่องเร่งด่วนจำต้องรบกวนท่าน ขออภัยที่จดหมายนี้มิใช่เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แต่เพราะข้ามิอาจรอเวลาได้อีกข้าได้รับรายงานว่ามีโรคประหลาดระบาดในเมืองตุนโจว ลักษณะคล้ายไข้ร้อนแรง ผิวมีจุดคล้ำ หายใจติดขัด หากท่านพอจะมีตำรับสมุนไพร หรือเคยพบลักษณะโรคในอดีต ขอความกรุณาช่วยชี้แนะ ข้าจะให้คนไปนำตัวอย่างมาส่งให้หากจำเป็นข้ารู้ว่าเวลานี้ทุกวันคือชีวิตของผู้คน ขอท่านเมตตาเผิงเหยียนเฉิง ] เขาเขียนชื่อตนลงท้ายด้วยหมึกหนักแน่น พลันเรียกอาหมิงเข้ามา“
ในห้องทำงานของปลัดอำเภอตุนโจว ซ่งจื่ออวี้ยืนก้มหน้าอยู่เหนือแผนที่ของเมืองตุนโจว รายงานการเจ็บป่วยถูกวางเรียงไว้รอบตัว“จำนวนผู้ป่วยเพิ่มอีกหกรายในหมู่บ้านซูเหนียน หากยังเป็นเช่นนี้ ภายในไม่กี่วัน เราอาจต้องส่งข่าวไปยังเมืองหลวง...” เขาพึมพำกับตัวเอง สีหน้าหนักใจขณะที่เขากำลังไตร่ตรอง โจวจิงหยูก็เดินเข้ามาอย่างสง่างาม เสียงส้นรองเท้าสะท้อนเบา ๆ กับพื้นไม้“ท่านกำลังจะส่งข่าวไปรายงานหรือ”ซ่งจื่ออวี้เงยหน้าขึ้น “ข้าคิดว่าเราเริ่มไม่สามารถควบคุมได้แล้ว...หากไม่ระวัง อาจลามไปถึงเมืองใกล้เคียง”โจวจิงหยูมองเขาด้วยดวงตานิ่งลึก ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านลืมแล้วหรือ ว่าเราเริ่มต้นเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้ท่านได้แสดงความสามารถ”ซ่งจื่ออวี้ชะงัก“หากตอนนี้ท่านเร่งควบคุมโรค แล้วรายงานความสำเร็จไปที่เมืองหลวง ย่อมมีรางวัลตอบแทนไม่มากนัก เพราะโรคนี้ยังไม่ถูกมองว่าร้ายแรงพอ” นางกล่าวขณะเดินวนไปรอบ ๆ เขา“แต่หากปล่อยให้แพร่กระจายเพียงเล็กน้อยไปยังอีกสองสามหมู่บ้าน แล้วท่านค่อยแ
หมู่บ้านท้ายเมืองตุนโจวท้องฟ้าตอนเย็นมืดครึ้ม แดดร้อนคล้ายจะแผดเผาแม้ไม่แรง พื้นดินแล้งแห้งแตก บ้านเรือนหลังเล็ก ๆ ของหมู่บ้านท้ายเมืองยังคงปิดเงียบ แทบไม่มีใครเดินไปมากลิ่นยาขมตลบอบอวล คนเจ็บที่เริ่มมีอาการถูกกักรวมไว้ในศาลเจ้าร้าง มีเพียงชายฉกรรจ์ไม่กี่คนที่แต่งกายคลุมหน้าคล้ายทหารเงา คอยควบคุมไม่ให้ผู้ป่วยออกจากเขตโจวจิงหยูยืนอยู่ใต้ต้นท้อเก่าแก่บนเนินเขา ไม่ไกลจากศาลเจ้า เงามืดจากหมวกผ้าแพรปิดบังใบหน้านาง แต่แววตาใต้เงานั้นเปล่งประกายด้วยความมั่นใจซ่งจื่ออวี้เดินเข้ามาหานางหลังจากตรวจดูพื้นที่รอบนอก“คนเจ็บเพิ่มอีกห้าราย อาการยังไม่ถึงตาย แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจนัก” เขาพูดเสียงเรียบ“ดี” โจวจิงหยูพึมพำเบา ๆ แล้วหันมามองสามี“แต่ก็ยังต้องควบคุมไว้ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น เข้าใจหรือไม่”ซ่งจื่ออวี้นิ่งไปนิด ก่อนเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าแน่ใจหรือว่าวิธีนี้จะทำให้ข้าก้าวหน้าได้จริง”“แน่ใจ” เสียงนางแน่นิ่ง ดวงตาทอแววแหลมคม “หากเกิดโรคขึ้น แล้วท่านควบคุมได้ ก็จะ
เมืองหลวง จวนโหวเผิงในห้องนอนหลักของจวนโหว ลู่ซือหนานนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง ชายผ้าคลุมไหล่ผืนบางลู่ไปตามสายลม เสี่ยวหลานกำลังหวีผมให้นางช้า ๆ อย่างทะนุถนอม“ฮูหยินยิ้มอีกแล้วเจ้าค่ะ ฝันดีหรือเจ้าคะ” เสี่ยวหลานเอ่ยเย้าลู่ซือหนานเงยหน้าขึ้นสบตาตัวเองในกระจก แววตาของหญิงสาวที่ผ่านเรื่องราวมากมายกลับนุ่มนวลอย่างน่าประหลาด“ไม่ได้ฝัน... แต่เมื่อคืนเขาเล่าเรื่องตลกให้ฟัง” น้ำเสียงนางอบอุ่น นึกถึงใบหน้าของเผิงเหยียนเฉิงที่มักทำท่าขึงขังแต่แฝงรอยขี้เล่นเวลาสองต่อสอง ทำให้นางไม่กดดันที่จากบ้านเดิมมาอยู่ที่นี่หลังแต่งงาน ทั้งคู่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่น่าประทับใจ แม้จะต่างมีภาระงานมาก แต่ทุกเช้าหากไม่มีราชการเร่งด่วน เผิงเหยียนเฉิงจะร่วมโต๊ะอาหารกับภรรยาเสมอเช้านี้ก็เช่นกันเผิงเหยียนเฉิงในชุดเต็มยศสีเข้ม เดินเข้ามาในเรือนพร้อมรอยยิ้ม“เจ้าตื่นแต่เช้าอีกตามเคย ข้าเพิ่งให้ห้องครัวต้มน้ำขิง อากาศเช้านี้เย็นไปนิด”นางหันไปต้อนรับ ยื่นมือไปจับชายแขนเสื้อเขาเบา ๆ “ข้ายังติดนิสัยตื่นเช้าจากตอน