เกาะลอย
“ขนตะกร้าไปกันเลยเหยาจี เราจะเริ่มเก็บผลไม้ไว้ตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้จะได้เสร็จเร็วขึ้น”
“ท่านไม่บอกข้าก็จะทำอยู่แล้วเจ้าค่ะ” มู่เหยาจีเขย่าเงินเหรียญที่ท่านป้าคนหนึ่งมอบถุงใส่เงินให้นางมาผูกไว้กับผ้าคาดเอว รู้สึกว่าการมีเงินนี่มันช่างดีเสียจริง
ทั้งคู่ช่วยกันคัดเลือกผลไม้ด้วยความละเอียดถี่ถ้วนกว่าเดิม ผลไม้เนื้อแข็งจะถูกวางลงก้นตะกร้าและที่เนื้ออ่อนนุ่มอย่างเช่นมะม่วง ก็จะถูกวางไว้ด้านบน ผลที่มีร่องรอยแตก ช้ำ มีจุดด่างดำเล็กน้อยพวกเขาก็จะแยกเอาไปกองไว้อีกทางไม่นำเอาไปขาย
“ฟ้าใกล้จะมืดแล้วเหยาจี เราต้องกลับไปที่อุโมงค์กันแล้วล่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อแต่เช้าก็แล้วกัน” มู่สี่เสินเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม
“เพิ่งเก็บได้แค่ 8 ตะกร้าเอง ข้ายังไม่ทันเหนื่อยเลยเจ้าค่ะ เสียดายจัง”
“ไปเถิด ข้าวของตะกร้าอะไรก็วางเอาไว้ที่นี่ทั้งหมดนั่นล่ะไม่ต้องเก็บกลับไป ข้ารับรองไม่มีของสูญหายแน่”
“ข้าอยากเห็นแผ่นดินใหญ่ที่พวกเขากล่าวถึงกันจังเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่ามันน่าจะเจริญมากกว่าหมู่บ้านบนเกาะจิงเหมินนะเจ้าคะ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น เราต้องได้ไปแน่นอนเหยาจี เก็บเงินให้ได้มากๆ กันไว้ก่อน มนุษย์ใช้เงินในการซื้ออาหาร และซื้อความสะดวกสบาย สร้างเรือนเสร็จ เราก็จะซื้อเรือลำใหญ่ ข้าจะพาเจ้าไปที่แผ่นดินใหญ่เอง”
เช้าวันต่อมา
มู่สี่เสินตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เขารีบก่อไฟ ตั้งน้ำในกระทะใบเล็ก จัดการแล่ปลาด้วยมีดปอกผลไม้ของเหยาจี แล้วเอาปลาไปต้ม เตรียมอาหารทุกอย่างจนเสร็จถึงได้ไปปลุกน้องสาว
“เหยาจี ตื่นมากินอาหารก่อน”
“พี่ชาย ท่านแย่งข้าทำอีกแล้วนะ ข้าสาบานต่อไปข้าจะไม่กินอาหารที่ท่านทำอีกแล้ว” เหยาจีหน้างอตำหนิมู่สี่เสินยกใหญ่
นางต้องการแบ่งเบาภาระจากพี่ชายให้ได้มากที่สุด มู่สี่เสินใช้แรงในการขนผลไม้ใส่เรือเพียงลำพังก็หนักหนามากพออยู่แล้ว หากนางเผลอเขาก็จะแอบเอาเสื้อผ้าไปซักให้อีก สุดท้ายนางก็ต้องตัดสินให้แต่ละคนซักผ้าทันทีที่อาบน้ำ ห้ามมายุ่งเกี่ยวกัน เขาก็ยังตามมาแย่งเรื่องการทำอาหารจากนางไปอีกจนได้
“ตกลงๆ ต่อไปข้าจะมอบเรื่องการทำอาหารให้เจ้า แต่ว่า..” เด็กหนุ่มเกาศีรษะเบาๆ ท่าทางขัดเขิน
“ข้ารู้เพียงเราต้องกินข้าว แต่ข้าทำข้าวไม่เป็น เจ้ากินปลาต้มไปก่อนแล้วกันนะ”
“ท่านไม่รู้ แต่ข้ารู้ เป็นเพราะท่านนั่นล่ะที่มาแย่งงานของข้า ไม่เช่นนั้นเช้านี้เราก็จะได้กินข้าวสวยร้อนๆ กันแล้ว” เด็กสาวลอยหน้าลอยตาอย่างภาคภูมิใจ ที่ตนมีเรื่องที่เก่งกว่ามู่สี่เสินอีกเรื่องแล้ว
“เจ้ารู้ได้อย่างไร? ข้าไม่เคยสอนเจ้าไม่ใช่หรือ?”
“ก็ช่วงที่ท่านเอาแต่คำนับกันไปคำนับกันมากับท่านอาเกา ข้าก็ไปแอบถามจากพี่สาวท่านน้าท่านป้าหลายคนเลยทีเดียวล่ะ ข้ายังรู้จักผักเพิ่มขึ้นอีกด้วย”
“ข้าคุยกับท่านอาเกาไม่ถึงครึ่งเค่อ เจ้าคุยกับผู้อื่นได้ความมากมายเพียงนั้นเชียวหรือ?” เด็กหนุ่มเอ่ยชมแกมประชด
“หยุดก่อน! ท่านอย่าเพิ่งกิน ข้าเพิ่งมีความรู้ใหม่มาอีกเรื่องเจ้าค่ะ" มู่เหยาจีหยุดมือที่กำลังแกะเนื้อปลาใส่ปากของมู่สี่เสินเอาไว้
นางเดินไปที่ผลน้ำเต้าแตก หยิบกิ่งไม้ที่นางแช่น้ำเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมาสองชิ้น ยื่นส่งให้กับมู่สี่เสินไป 1 ชิ้น
“ท่านเคยได้ยินหรือไม่ ตอนเช้าใช้ฟันเคี้ยวไม้”
“เจ้าไม่ให้ข้ากินปลา แต่จะให้ข้ากินไม้เป็นอาหารเช้าเช่นนั้นหรือเหยาจี เจ้ามันใจร้ายยิ่งนัก!” มู่สี่เสินเบ้หน้าบิดเบี้ยว
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านดู ต้นนั้นคือต้นหลิว” มู่เหยาจีชี้มือไปที่ต้นไม้สูงที่อยู่ไม่ไกลจากถ้ำที่พวกตนอาศัยอยู่
“ข้าย่อมรู้ ต้นหลิวเป็นไม้มงคลบนแดนสวรรค์ย่อมมีให้เห็นมากมาย แล้วอย่างไรยังจะให้ข้ากินมันอีกหรือไม่”
“กิ่งหลิวใช้สีฟันได้เจ้าค่ะ เราต้องเคี้ยวปลายกิ่งหลิวให้แตกมันจะกลายเป็นเส้นใยเล็กๆ หลายเส้น จากนั้นก็ใช้ปลายไม้ถูฟันให้ทั่วทุกซี่เป็นการทำความสะอาดฟันเจ้าค่ะ” เด็กสาวไม่ได้พูดเปล่า นางยังสีฟันให้พี่ชายดูเป็นตัวอย่างอีกด้วย
มู่สี่เสินยกนิ้วให้น้องสาวด้วยความภาคภูมิใจ ช่วงเวลาสั้น ๆ มู่เหยาจีฉวยโอกาสถามข้อมูลมาได้หลายเรื่องเลยทีเดียว เป็นเช่นนี้ก็ดีให้นางใส่ใจเรื่องที่สตรีควรทำ ส่วนตนก็จะมุ่งหน้าในเรื่องใช้แรงงานหนักแทน
……….
“พี่ชาย เมื่อวานเราเก็บผลไม้ได้เพียง 8 ตะกร้าไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”
มู่เหยาจีวิ่งไปตะกร้าทั้ง 30 ใบที่วางทิ้งไว้ใต้ต้นมะกอกเมื่อวาน บัดนี้ในตะกร้าล้วนมีผลไม้ต่างขนิดกันถูกจัดเก็บใส่ตะกร้าไว้จนครบทั้งหมดแล้ว
“ใช่ เราเพิ่งเก็บได้ 8 ตะกร้าจริงๆ” มู่สี่เสินกลับว้าวุ่นใจมากกว่าดีใจ หากไม่ใช่พวกตนลงมือทำ เท่ากับบนเกาะนี้ยังมีผู้อื่นอาศัยอยู่อีกใช่หรือไม่?
“เหยาจีมาอยู่ใกล้ๆ ข้า ข้าว่ามันชักจะกลิ่นไม่ดีเสียแล้วสิ”
“พี่ชาย เราสำรวจจนทั่วเกาะมานานแล้วนะเจ้าคะ ไม่เคยพบเห็นผู้ใดมาก่อนเลย ข้าว่าเรื่องมีคนอื่นขึ้นมาอาศัยอยู่บนเกาะเป็นไปไม่ได้แน่นอน ข้าว่าเป็นท่านต่างหากที่ไม่ยอมหลับยอมนอน ลุกขึ้นมาเก็บผลไม้ตั้งแต่กลางดึกลำพัง”
มู่เหยาจีส่ายหน้า ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะมีผู้อื่นอยู่ที่นี่อีก นางตื่นมามู่สี่เสินก็ตื่นอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เป็นไปได้ว่าพี่ชายไม่อยากให้นางเหนื่อยก็เลยรีบแอบมาทำงานตั้งแต่เมื่อคืน
“เหยาจี ข้าไม่ได้ปด ข้าไม่ได้เป็นคนทำ”
“อย่างไรก็ช่างเถิด หากเป็นคนไม่ดีก็ต้องทำลายผลไม้หรือเทผลไม้ทิ้งสินะ แต่นี่กลับคัดแยกจัดเรียงช่วยเหลือให้งานเสร็จ คนผู้นั้นย่อมมีน้ำใจประเสริฐที่สุด ในเมื่อมีผลไม้แล้วเราก็รีบขนไปใส่เรือกันดีกว่าเจ้าค่ะ”
มู่เหยาจียังคงมั่นใจว่าเป็นมู่สี่เสินที่จัดการเรื่องทั้งหมดเพียงลำพัง เมื่อเขาอยากจะล้อเล่นแกล้งนาง นางก็จะแกล้งเชื่อ
เด็กหนุ่มไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ เขาถกเถียงและพยายามยืนยันกับมู่เหยาจีไม่ขาดปาก แต่มือก็ยังลำเลียงผลไม้ขึ้นใส่ลากเลื่อน โดยไม่ยอมปล่อยให้มู่เหยาจีอยู่บนเกาะเพียงลำพังแม้แต่ก้าวเดียว
ขนผลไม้ 30 ตะกร้าใส่เรือสองลำจนครบ มู่สี่เสินพายลำหนึ่ง ใช้เถาวัลย์ผูกเรือให้ติดกันน้องสาวพายอีกลำหนึ่งออกจากเกาะลอยไป เพราะหากต้องสำรวจทั่วเกาะอีกรอบก็ต้องกินเวลาทั้งวันเป็นแน่ ผลไม้กำลังสุกงอมไปทุกวันไม่อาจรอช้า
ครั้งนี้นอกจากจะแลกเอาผ้าปูนอนกับผ้าห่มมาสองผืน มู่สี่เสินก็แลกเอามีดและขวานเพิ่มขึ้นมาอีกสองชิ้นเพื่อไว้ป้องกันตัว
พวกเขากลับมาถึงเกาะลอยกันเร็วกว่าเมื่อวาน แต่เด็กหนุ่มตัดสินใจยังไม่เก็บผลไม้ไปส่งในรอบที่สอง เขาส่งมีดให้มู่เหยาจีถือไว้เล่มหนึ่ง ให้น้องสาวเดินตามหลังแล้วออกสำรวจป่าโดยรอบอีกครั้งด้วยความระมัดระวัง
“ท่านไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ หรือเจ้าคะ” มู่เหยาจีเริ่มลังเลใจว่าพี่ชายของนางอาจจะไม่ได้หลอกนางเล่น สีหน้าของมู่สี่เสินดูเคร่งเครียดจริงจัง ทั้งยังยอมหยุดงานเพื่อสืบหาร่องรอยผู้บุกรุกอีก
“ไม่ได้ทำ ข้าเคยโกหกเจ้าหรือเหยาจี หากเรายังไม่พบต้นเหตุที่แท้จริงเราอาจอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้นะ คิดดูเอาสิว่าคนผู้นี้หลบซ่อนตัวได้ดียิ่ง เราอยู่ที่นี่มานานไม่เคยเห็นร่องรอยเขาแม้แต่น้อย ข้าคิดว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้า” มู่สี่เสินกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น เจ็บใจก็เพียงเขาไม่อาจเติบโตให้เร็วกว่านี้ได้ ไม่อาจแข็งแกร่งจนปกป้องน้องสาวให้ปลอดภัยได้
“หากท่านแน่ใจว่าเป็นฝีมือมนุษย์ คืนนี้เราจะจับตัวเขากัน!”
“จับตัว? จะทำอย่างไร เราก็เป็นแค่เพียงเด็กสองคนเท่านั้น เจ้าเองก็เป็นสตรี”
“เอาเป็นว่าเราไม่จับตัวเขาก็ได้เจ้าค่ะ แต่เราต้องรอดูให้เห็นกับตาว่าผู้บุกรุกลึกลับผู้นี้เป็นใคร เราจะซ่อนตัวเฝ้ารอดูเขาอยู่ห่างๆ หากคิดว่าไม่ปลอดภัยจริงๆ เราก็คงต้องออกจากเกาะไปขออาศัยอยู่ร่วมกับชาวบ้าน”
ทางเลือกที่น้องสาวเสนอให้นั้นเสี่ยงอันตรายไม่น้อย มู่สี่เสินยังต้องถกเถียงกับนางอยู่อีกหลายประโยค เขาเชื่อว่าผู้บุกรุกย่อมมีไม่น้อยกว่าสองคน ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถเก็บผลไม้ใส่ตะกร้า 22 ตะกร้าได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนเป็นแน่
“พี่สี่เสินท่านอย่าลืมว่าเกาะนี้ไม่เคยมีผู้ใดผ่านเข้าออกมาก่อน หากจะมีผู้บุกรุกขึ้นมาบนเกาะก็เป็นเราสองคนต่างหากที่บุกรุก” มู่เหยาจีตั้งข้อสังเกตใหม่“อีกอย่างนะเจ้าคะ หากเราเป็นผู้บุกรุก เจ้าของเดิมสมควรขับไล่เราหาใช่มาช่วยเราเก็บผลไม้ ข้าว่าพวกเขาไม่ได้คิดร้ายกับเราสองคนเจ้าค่ะ”“จริงของเจ้า เอาอย่างนี้คืนนี้เรามาพิสูจน์กัน”สองพี่น้องตัดสินใจล้มเลิกการสำรวจรอบเกาะ แล้วมุ่งหน้ากลับไปที่ชายหาดดังเดิม ช่วยกันแบกตะกร้าเปล่าเข้าป่าไปกองไว้ที่ใต้ต้นมะกอกต้นเดิม พวกเขาเลือกผลไม้ที่สุกงอมมีสีคล้ำไปกองไว้ตามใต้ต้นไม้เพื่อให้มันกลายเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติ แต่ไม่ได้เก็บผลไม้ดีใส่ตะกร้าเลยแม้แต่ผลเดียวพอใกล้ค่ำ มู่สี่เสินก็ตะโกนเรียกน้องสาวให้กลับไปพักผ่อนตามปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด แต่เมื่อถึงจุดลับสายตาร่างสองร่างก็หายเข้าไปในโพรงของต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง เด็กทั้งคู่ต้องกินผลไม้และน้ำที่เตรียมเอาไว้ด้วยเสียงที่เบาที่สุด ขยับตัวให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเสียงใดๆ เฝ้ารอให้แสงสว่างรอบข้างเลือนหายไปทีละน้อยด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึกผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ ขณะที่ทั้งสองนั่งพ
“เอาไปวางไว้ทางด้านนั้น 30 ใบ” มู่สี่เสินออกคำสั่งกับน้องสาว เลือกวางตะกร้าผลไม้เปล่าๆ 30 ใบไว้ยังบริเวณต้นผลไม้นานาชนิดที่พวกตนยังเก็บเกี่ยวไปไม่ถึงบริเวณนั้น “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” มู่เหยาจีเลือกวางตะกร้าทั้ง 30 ใบให้กระจายไปทั่วๆ จากนั้นก็วิ่งตัวปลิวกลับมาหาพี่ชาย“ไป! เราไปกันอีกทาง” มู่สี่เสินตั้งใจจะทดลองดูว่า หากพวกตนไม่ได้อยู่ใกล้ตะกร้า กระรอกและกระต่ายจะมาช่วยเก็บผลไม้อีกหรือไม่ในเวลากลางวัน พวกเขาจึงซื้อตะกร้ามาเพิ่มใหม่อีก 30 ใบแล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไม่สนใจจะไปดูแล สองพี่น้องใช้ตะกร้าเก่า 30 ใบย้ายมาเก็บผลไม้อีกทิศทางหนึ่งกันลำพังแค่สองคน พอเก็บได้ 20 ตะกร้าก็ตัดสินใจพายเรือออกไปส่งที่หมู่บ้านอีกรอบหนึ่งก่อน เพราะหากรอให้ได้ครบ 30 ใบ เวลาอาจจะช้าเกินไป “ข้าตื่นเต้นจะแย่แล้วเหยาจี รู้หรือไม่ว่าหากเป็นไปตามที่เราคิด จากนี้เราจะมีหน้าที่แค่เพียงขนมันลงเรือแล้วพายมาส่งขายเท่านั้น เราอาจทำได้ถึงวันละ 3 รอบทีเดียวเลยนะ นั่นหมายถึงการรับเงินที่มากขึ้นทุกวัน!” ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายระยิบระยับ มีเงินมากก็จะสร้างบ้านให้น้องสาวได้อยู่เร็วขึ้น!“ไม่ได้นะเจ้าคะพี่สี่เสิน เรามีกัน
“เข้าใจแล้วท่านอาเกา จากนี้ข้าจะระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นขอรับ”“ดีแล้ว ที่ข้ายังไม่ไปพร้อมกับเจ้าเวลานี้ก็เพราะ หากเจ้าพาเราข้ามไปได้สำเร็จ เราต้องปกปิดเอาไว้ให้มิดว่ามนุษย์คนอื่นสามารถไปถึงที่นั่นได้ เราจะแอบข้ามไปตอนที่ไม่มีคนเห็นและเรื่องนี้ควรเป็นความลับที่รู้กันแค่พวกเราหกครอบครัวเท่านั้น” ประโยคสุดท้ายเกาโหลวหันไปกล่าวกับสหายที่เขาไว้วางใจ“วันนี้รอให้ฟ้ามืดอีกสักนิดข้าค่อยกลับก็แล้วกัน ท่านอาทั้งหกคนเตรียมเสื้อผ้าไปค้างคืนที่นั่นสักคืนเถิด ข้าคงไม่พายเรือกลับมาส่งท่านยามค่ำคืนเป็นแน่”ปากว่ากล้า ว่าอยากลองเสี่ยง แต่เมื่อได้รับคำเชิญให้ไปค้างคืนบนเกาะลอยจากเด็กหนุ่ม ชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำกันอยู่หลายอึดใจเลยทีเดียวพอฟ้ามืดเรือสองลำกับแพขนส่งผลไม้ก็เคลื่อนตัวออกไปจากเกาะจิงเหมินอย่างเงียบเชียบ โดยมีบุรุษห้าคนซ่อนตัวนอนราบไปกับพื้นเรือร่วมทางไปกับสองพี่น้องสกุลมู่ด้วย“ถึงไหนแล้วหลานชายหลานสาว” เกาโหลวกับสหายร้องถามออกมาเป็นรอบที่สิบด้วยความตื่นเต้น“ครึ่งทางแล้วขอรับท่านอา อีกไม่นานก็ถึงแล้ว”“หา!! ครึ่งทางแล้วหรือ? ข้างหน้าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าดูให้ดีเริ่มมีคลื
ตระกูลอ๋าว เมืองหลงเทียน“คุณชายสี่ตกน้ำ คุณชายสี่จมน้ำไปแล้ว ใครก็ได้รีบมาช่วยที ทางนั้น! เขาอยู่ทางนั้น!” เสียงกรีดร้องจากบ่าวรับใช้หญิงวัยกลางคนดังขึ้นมาจากทางสระบัวขนาดใหญ่ภายในจวนตระกูลอ๋าว บ่าวรับใช้สตรีผู้นี้มาเก็บดอกบัวเพื่อไปบูชาเทพมังกรตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่ากัว สตรีหม้ายที่เป็นทั้งผู้นำตระกูล และเป็นท่านย่าแท้ๆ ของคุณชายสี่อ๋าวหลวนหลงนางเห็นคุณชายสี่ยืนอยู่เพียงลำพังบนสะพาน และคิดว่าเขาก็คงจะมาชื่นชมความงามของดอกบัวที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ในสระจึงไม่ได้สนใจมากนัก เพียงครู่เดียวนางก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงแตกกระจายของน้ำและเห็นร่างของอ๋าวหลวนหลงจมลงสู่ก้นสระด้วยตาของตนเองบ่าวรับใช้บุรุษที่กำลังทำงานอยู่โดยรอบ วิ่งกรูกันไปยังทิศทางที่หญิงสาวชี้มือไป แต่เป็นเพราะดอกบัวกำลังบานสะพรั่งอยู่เต็มสระ กอปรกับผิวน้ำไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้บ่าวรับใช้ยังไม่เห็นว่าคุณชายสี่ของพวกตนจมน้ำไปจากบริเวณไหนกันแน่ก้นสระเซียนหนุ่มหลวนหลงกับทูตสวรรค์ฝูซีกลั้นหายใจกันจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่พ้นจากผืนน้ำของบ่อศักดิ์สิทธิ์กันเสียที จากทิศทางที่ตนเองกระโดดลงมาสองบุรุษผู้กล้าห
“นายท่านสาม” หูกุ้ยเป็นผู้คารวะอีกฝ่ายก่อนทำให้ฝูซีต้องทำตาม“หลงเอ๋อร์ไม่ให้ข้าเอาผิดจากเจ้า ไม่ต้องกลัวไปอากุ้ย” บุรุษที่ถูกเรียกว่านายท่านสามเอ่ยปากบอกกับเด็กหนุ่ม น้ำเสียงอ่อนโยน “ส่วนเจ้า เป็นคนใหม่ของหลวนหลงบุตรชายข้าเช่นนั้นหรือ?”“ขอรับนายท่านสาม ข้าน้อยฝูซีขอรับ” ฝูซีชำเลืองมองหน้านายท่านสามแวบหนึ่ง บุรุษผู้ดูสุภาพอ่อนโยนใบหน้าเศร้าหมองผู้นี้คือบิดาของหลวนหลงที่อยู่ด้านในแน่แล้ว“ใกล้วันบูชาเทพประจำตระกูลแล้ว เขาคงเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟังแล้วสินะ จำเอาไว้ก็แล้วกันว่าอย่างไรก็ต้องให้เกียรติคุณชายเหล่านั้นไว้บ้าง โดยเฉพาะกับบ้านใหญ่และบ้านรอง หวังว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรให้ข้าต้องลำบากใจ” ฝูซีโค้งคำนับเงียบๆ แทนการรับคำ ในใจยังมีคำถามนับร้อยพันที่ยังไม่รู้จะถามเอาคำตอบจากผู้ใด แต่ก็พอจะรู้สถานการณ์ของอ๋าวหลวนหลง หรือคุณชายสี่ตระกูลอ๋าวบ้างแล้วว่าชีวิตของเขาไม่น่าจะสบายนัก“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรายงานท่านแม่และฮูหยิน โชคดีที่ฝูซีช่วยเหลือหลงเอ๋อร์ได้รวดเร็ว เขาจึงไม่ได้ป่วยหนักอันใด อย่าให้ท่านแม่กับฮูหยินข้าต้องทุกข์ใจเรื่องของหลงเอ๋อร์อีกเลย” คำสั่งสุดท้ายของอ๋าวซีซวนนายท่านสามบิดา
อ๋าวซีซวนหน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาเห็นแล้วว่าบุตรชายเพียงคนเดียวพยายามกินอาหารและออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงกว่าเดิมมาตลอด เมื่อวานเขายังเข้าไปพูดคุยกับบุตรชายอยู่เลยว่าให้แสร้งป่วยไปก่อนไม่จำเป็นต้องรีบออกมาไม่คิดว่าบุตรชายจะรีบออกมาปรากฏตัวตั้งแต่พิธียังไม่เริ่มด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาการกระทำของอ๋าวหลวนหลงก็สร้างความไม่สบายใจให้ตนกับฟางฮูหยินไม่น้อย ด้วยเกรงว่าที่เขาเพียรพยายามออกกำลัง ก็คงทำเพื่อจะมาต่อยตีกับบรรดาพี่น้อง สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปเสียทุกครั้งไปกล่าวตามจริงอ๋าวหลวนหลงก็ไม่ได้มีความมั่นใจถึงเพียงนั้น แต่ตระกูลอ๋าวจะทำพิธีบูชาเทพประจำตระกูลทั้งที ตนจะไม่อยากรู้อยากเห็นวิถีชีวิตของมนุษย์ที่ไม่มีวันจะได้ข้องเกี่ยวกับเหล่าเทพแล้วได้อย่างไร ยังมีเรื่องการเป็นผู้ฝึกตนอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่เขาตัดสินใจมาเข้าร่วมพิธีในวันนี้“คำนับท่านย่า ผู้อาวุโส ท่านลุง ท่านอา…” อ๋าวหลวนหลงเดินเรียงคำนับญาติพี่น้องในตระกูลโดยเริ่มจากผู้นำตระกูลคือกัวฮูหยินผู้เป็นท่านย่า จากนั้นก็เป็นบรรดาน้องชายของท่านปู่ที่เป็นบ้านสายรอง สายสาม สี่ ไล่เลียงไปจนถึงรุ่นบิดาที่ใช่ชื่อน
พิธีบูชาเทพมังกรของตระกูลอ๋าวเริ่มจากการจุดธูปสักการะปักลงบนแท่นบูชากลางแจ้งขนาดใหญ่ตรงลานกว้างหน้าศาลบรรพชนประจำตระกูล มีผลไม้หลากหลายชนิด บ๊ะจ่างกับนกนางแอ่นย่างเป็นเครื่องถวายเพียงสามสิ่งเท่านั้น พวกเขาสร้างรูปปั้นมังกรเหยียบลูกแก้วสีดำสนิทเป็นตัวแทนในการบูชา กัวฮูหยินผู้นำตระกูลเป็นผู้กล่าวคำสวดเบาๆ ถ้อยคำเหล่านั้นอ๋าวหลวนหลงไม่อาจได้ยินว่าท่านย่าพูดอะไรบ้าง สุดท้ายก็เป็นการขอพรให้กับลูกหลานในสกุลอ๋าว แล้วคนอื่น ๆ จึงได้เข้าไปจุดธูปบูชาตามลำดับขั้นตอนง่ายๆ เพียงเท่านี้แต่กว่าจะแล้วเสร็จก็ใช้เวลาไปนานพอสมควร เพราะทายาทสกุลอ๋าวทั้งสายหลักสายรองที่มาเข้าร่วมพิธีมีราว 300 คน “ต่อไปก็เป็นการไหว้บรรพชน” ผู้อาวุโสหนึ่งคนเดิมประกาศเสียงดังหลังจากที่เห็นว่าทายาททุกคนได้บูชาเทพมังกรกันครบแล้วอ๋าวหลวนหลงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นไปเสียหมดในเรื่องการบูชาเทพมังกรของชาวมนุษย์ เขารู้ดีในฐานะที่ตนก็เป็นหนึ่งในสมาชิกแดนสวรรค์ การเคารพบูชาเทพมังกรนี้หาได้ส่งผลไปถึงเบื้องบนแต่อย่างใด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเทพมังกรชอบกินบ๊ะจ่างกับนกนางแอ่นย่าง!เมื่อมาเห็นกับตาก็ยังไม่ได้รู้สึกพิเศษอันใดกับการเคารพเหล่านี้
อ๋าวหลวนหลงยืนดูการต่อสู้สั้นๆ ที่ผู้อาวุโสในตระกูลไม่ปล่อยให้มันเลยเถิดเกินไปอยู่อีกหลายต่อหลายคู่ เมื่อมีคนชนะ ก็จะมีทายาทสกุลอ๋าวคนต่อไปเข้ามาท้าชิงไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากเด็กอายุน้อยและเริ่มสูงวัยขึ้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย“พี่สาม พวกเขาจะต่อสู้กันไปเช่นนี้แล้วจะสิ้นสุดที่ตรงไหน? ผู้ชนะย่อมเป็นผู้นำตระกูลที่มีวิชายุทธ์สูงกว่าผู้อื่นอยู่แล้วมิใช่หรือขอรับ” อ๋าวหลวนหลงอดรนทนไม่ไหว เขาดูการประลองระหว่างทายาทในตระกูลมานาน หากไม่มีการยุติอย่างไรท่านย่าผู้แข็งแกร่งก็ย่อมชนะ แล้วจะออกมาต่อยตีกันทำไมให้เจ็บตัว“ผิดแล้วหลวนหลง การต่อสู้นี้จะยุติตรงที่รุ่นเรา ผ่านมาหลายปีก็เป็นพี่ใหญ่หลวนเซี่ยเป็นผู้ชนะมาโดยตลอด รุ่นบิดาหรือรุ่นท่านปู่ท่านย่าเคยสลับกันเป็นผู้แพ้ผู้ชนะและได้ทดลองเปิดศาลเทพมังกรกันแล้วทั้งสิ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดออกได้”อ๋าวหลวนหลงเริ่มเข้าใจแล้ว การต่อสู้เพื่อหาผู้ชนะในวันนี้ เป็นเพียงการคัดเลือกผู้ที่จะทำหน้าที่เปิดประตูศาลเทพมังกรนั่นเอง และยังมีกำหนดขอบเขตของรุ่นอาวุโสในสกุล“ยังมีผู้ใดจะเข้าร่วมการประลองอีกหรือไม่ ข้ารออยู่” อ๋าวหลวนตงคุณชายรองบุตรชายของนายท่านรองอ๋าวซี
“นี่พวกเจ้าไม่คิดจะทำสิ่งอื่นนอกจากเกี้ยวพาราสีกันทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้บ้างหรือไร!” เสียงหวานใสของซินหรูอี้ดังมาแต่ไกล“หรูอี้!! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วให้พูดแต่คำหวานๆ รักษากิริยาให้สำรวมไว้หน่อยเถิด หากลูกในท้องติดนิสัยโผงผางเช่นเจ้ามาข้าคงต้องกลั้นใจตายสักวันเป็นแน่” เวยวั่งซูชักสีหน้าไม่พอใจแต่สองมือก็ประคองปกป้องร่างภรรยารักเอาไว้ราวกับไข่ในหิน“ท่านก็เลิกวุ่นวายกับชีวิตข้าเสียทีเวยวั่งซู!! ข้ามันคิดผิดจริงๆ ที่ยอมแต่งให้ท่าน ดูสิทุกวันนี้ข้าต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในแดนเหนือที่หนาวเย็นจนถึงกระดูก คลอดลูกออกมาเมื่อใดข้าจะย้ายมาอยู่กับเหยาจีที่ทางใต้เสียให้รู้แล้วรู้รอด”“ก็ข้าเป็นผู้ฝึกตนสายน้ำแข็งนี่นา ไม่อยู่กับหิมะจะให้ข้าไปอยู่ในกองเพลิงหรือไร แล้วเมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? คลอดบุตรแล้วเจ้าจะมาอยู่ทางใต้ คิดจะทิ้งเราสองพ่อลูกไว้ทางเหนือเพียงลำพังเช่นนั้นหรือ? ฝันไปเถิด!!" “เจ้าจะหงุดหงิดอันใดนักหนาเล่าวั่งซู นางยังไม่ทันคลอดด้วยซ้ำ ข้าแนะนำให้เอง!! กลับไปแดนเหนือคราวนี้ไม่สู้เจ้าแช่แข็งนางเอาไว้เป็นไร นางจะได้ไม่หนีไปเที่ยวเล่นที่ใดได้อีก”ซินหรูอี้ใช้สองมือประคองท้องกลมโตเดินอาดๆ ม
หญิงสาวก้าวออกมายืนด้านหน้าผู้คนแทนที่อ๋าวหลวนหลง“ชัยชนะของพวกเราในครั้งนี้จะไม่สำเร็จโดยง่ายหากปราศจากพวกเขาเช่นกัน” มู่เหยาจีผายมือไปด้านขวาของนาง สายตามองไปยังสัตว์เลี้ยง 12 ตัวที่ยังรอดชีวิตอยู่“สัตว์ปราณทั้ง 12 ตัว ได้รับผลท้อไปแล้ว 5 ตัว ข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะมอบผลท้อสวรรค์อีก 7 ผลให้กับพวกมันอย่างยุติธรรม วันใดที่มนุษย์ไม่อาจไว้วางใจกันเอง พวกท่านโปรดจำเอาไว้ว่าสัตว์ทั้ง 12 จะเป็นผู้ที่ปกป้องท่านจากภยันตรายทั้งปวง”สิ้นคำกล่าวของหญิงสาว ผีเสื้อเกล็ดแก้ว 7 ตัวก็โบยบินออกไปส่งมอบผลท้อสวรรค์ให้วานรสองตัว สุนัขจิ้งจอกสองตัว หวางผาง เต่าและปลาหมึก“ท้อสวรรค์ 7 ผลที่เหลือข้าจะให้ผีเสื้อเกล็ดแก้วเป็นผู้คัดเลือกผู้โชคดีขึ้นมาตามแบบอย่างที่เคยทำในแดนสวรรค์ และจากนี้ไปผลท้อที่สุกออกมาทั้งหมดก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้เช่นกัน”มู่เหยาจีวาดเรียวแขนงามออกมาโบกสะบัดชายแขนเสื้อยาวกรุยกรายสยายออกเป็นวงกว้างในอากาศพร้อมกับมีร่างของผีเสื้อเกล็ดแก้วลำตัวใสกระจ่างระยิบระยับเจ็ดตัวโบยบินไปวนเวียนอยู่เหนือศีรษะกลุ่มผู้ฝึกตนที่รวมกลุ่มกันอยู่ผู้โชคดีทั้งเจ็ดคนมีทั้งอดีตเซียนที่ลงมาจากแดนสวรรค์และผู้ฝึกต
“ยามนี้บนเกาะลอยที่เหลือเพียงครึ่งไม่มีผลท้อธรรมดาที่สามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บเลยสักผล ทำอย่างไรดีพี่สี่เสิน หวางเซี่ยเจ้าต้องหยุดพักรักษาตัวก่อน เราจะหาทางกลับไปเอาผลท้อมาช่วยเจ้ากันเอง!!” หญิงสาวละล่ำละลัก หันพูดทางนั้นทีทางนี้ทีตัดสินใจทำสิ่งใดไม่ถูก“น้องสาว ผลท้อธรรมดาไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บของหวางเซี่ยได้หรอก ต่อให้เจ้าฝืนเด็ดผลท้อสวรรค์ที่ยังไม่สุกหยิบยื่นให้เขาก็ยังไม่อาจรักษาบาดแผลที่สาหัสนั้นได้ ปล่อยให้เขาทำสิ่งที่เขาต้องการต่อไปเถิด”“ผลท้อช่วยไม่ได้ เช่นนั้นลูกแก้วมังกรของพี่หลวนหลงก็ต้องช่วยได้สิเจ้าคะ ท่านลองส่งสารบอกผีเสื้อเกล็ดแก้วดู ให้พวกเขาพาคุณชายสี่กลับมาที่นี่ก่อน” น้ำตาสองสายไหลออกมาเต็มใบหน้างาม อ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา“เจ้าตั้งสติให้ดีๆ อวัยวะภายในของหวางเซี่ยเสียหายรุนแรงเกินไป หาใช่ขาดแล้วเชื่อมต่อใหม่ได้เหมือนอย่างเส้นเอ็นของหลวนหลง เจ้าดูดวงตาของฝูซีสิ สิ่งที่ขาดหายไปแล้วน้ำลายมังกรไม่อาจสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้”ไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้มู่เหยาจีก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงอันหนักหน่วงบนร่างกายสหายรักใต้น้ำสองพี่น้องเดินลงไปที่ชายหาดจุดเดิมที
การเคลื่อนไหวอันทรงพลังของนกอินทรียักษ์รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด เพียงไม่นานมันก็พาอ๋าวหลวนหลงมาพบกับกลุ่มผีเสื้อเกล็ดแก้วที่กำลังรุมล้อมรอบเกาะลอยพุ่งโจมตีไส้เดือนปีศาจยี่สิบตัวกันไม่ยั้งมือ“นั่นมัน!!” ดวงตาคมกริบของอ๋าวหลวนหลงเบิกค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ คำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาก็พลันถูกกลืนลงคอไปด้วยความตื่นตะลึงชายหนุ่มขยี้ตาซ้ำๆ อีกหลายครั้งและสุดท้ายก็ต้องเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาตาไม่ฝาด ยามนี้บนต้นท้อสวรรค์มีผลท้อสีเขียวอมชมพูส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลล่องลอยไปทั่วบริเวณ“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ท้อสวรรค์ออกผลอีกแล้ว! ฮ่าๆๆๆ ผลงานของเหยาจีนี่ดูท่าจะลูกดกดีแท้!!” กล่าวจบชายหนุ่มก็ต้องรีบจับขนหลังคอนกอินทรีตัวเขื่องเอาไว้แน่น เจ้านกยักษ์แกล้งบินลงต่ำกะทันหันด้วยความหมั่นไส้กับคำพูดที่กำกวมของมนุษย์ไร้ขนที่ขี่หลังมันอยู่“ข้าหมายถึงผลท้อ เจ้าจะขัดเคืองอันใดนักหนา!!” อ๋าวหลวนหลงเอื้อมมือไปตบหัวนกอินทรีทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้ แต่ใบหน้าคมกลับแดงก่ำที่ถูกจับได้ว่าแอบคิดนอกลู่นอกทางในยามคับขัน“พวกเขาจัดการเจ้าหนอนเหล่านี้ได้แน่นอน เราต้องไปช่วยทางนั้น” อ๋าวหลวนหลงชี้มือไปยังบริเวณชายหาดเพิกเฉยกับการต
“ข้ายังมีพลังอ่อนด้อยเกินไป ไม่สามารถติดต่อกับผีเสื้อเกล็ดแก้วที่อยู่ทางใต้ไม่ได้ แต่การที่หวางเซี่ยและคู่ของมันลุกขึ้นมาสู้สุดใจเช่นนี้อาจเกิดเรื่องกับทางหลวนหลง” ฝูซีเอ่ยปากอย่างร้อนรน“คุณชายสี่อยู่ทางนั้นเพียงลำพังหรือเจ้าคะ” มู่เหยาจีก็เพิ่งรู้ว่าอ๋าวหลวนหลงไม่ได้อยู่ร่วมการต่อสู้ทางชายหาดบริเวณนี้“ใช่ เขาต้องรีบผนึกรอยแยกใต้ทะเล ทางนี้พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยให้พวกมันขึ้นมาบริเวณน้ำตื้นเพื่อจัดการมันได้ง่ายหน่อย แต่จะไม่ยอมปล่อยให้มันขึ้นฝั่ง การที่หวางเซี่ยพาเกาะลอยกลับลงทะเลลึกอยู่นอกเหนือจากที่เราตกลงกันไว้”“เช่นนั้นข้าจะส่งนกอินทรีออกไปสืบข่าว” ต้าโหวจื้อกระโดดลงจากหลังนกอินทรี แล้วปล่อยให้นกยักษ์บินกลับไปเพียงลำพังเพราะตัวเขายังมีประโยชน์ในการสู้รบกับกลุ่มปีศาจมากมายที่มารวมตัวกันบริเวณนี้ไม่มีเวลาให้ทุกคนได้ไตร่ตรองสิ่งใดต่อไป สัตว์ปีศาจที่เล็ดลอดออกจากรอยแยกใต้ทะเลรวมกับกลุ่มที่หลอกล่อให้มนุษย์หลงไปผิดทางก็มีไม่น้อย พวกเขายังไม่สามารถจัดการมันได้ทั้งหมดหากปราศจากความช่วยเหลือจากผีเสื้อเกล็ดแก้วที่แข็งแกร่งทั้งหกพันตัวอินทรียักษ์บินเลยผ่านหวางเซี่ยที่เคลื่อนตัวไปได้
เมื่อเห็นหวางเซี่ยพยายามชิงพื้นที่การควบคุมเกาะลอยใต้น้ำไว้อย่างยากลำบาก ผู้ฝึกตนระดับสูงทั้งหกคนก็มุ่งเข้ามาช่วยเหลือปูยักษ์สองสามีภรรยาโดยพร้อมเพรียงกัน“เหยาจี!! เป็นอย่างไรบ้าง” มู่สี่เสินทะยานขึ้นไปบนเกาะไปหาน้องสาวเป็นคนแรก“พี่สี่เสินข้าปลอดภัย พวกมันกำลังพยายามจะขึ้นไปบนฝั่งเจ้าค่ะ”“ฝูซีก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้วเช่นกัน เราจะไม่ยอมให้พวกมันเอาต้นท้อสวรรค์กลับลงไปยังแดนปีศาจได้สำเร็จแน่นอน”“พวกเราต้องช่วยหวางเซี่ย ไส้เดือนปีศาจเหล่านั้นแข็งแกร่งมากอีกไม่นานหวางเซี่ยอาจจะทนต่อไปไม่ไหวเจ้าค่ะ”หญิงสาวสงสารและเป็นห่วงปูยักษ์จับใจ ขาทั้งแปดของหวางเซี่ยขยับเขยื้อนได้เพียงเล็กน้อย ความสามารถในการป้องกันตัวแทบจะเป็นศูนย์ แต่โชคดีที่มันมีร่างกายใหญ่โตกว่าไส้เดือนตาบอดเหล่านั้นจึงยังใช้กระดองดันไส้เดือนปีศาจให้อยู่รอบนอกโดยมันควบคุมพื้นที่ใต้เกาะลอยส่วนใหญ่เอาไว้ได้พอดิบพอดีมู่สี่เสินคว้ามือของน้องสาวย่อตัวลงเล็กน้อยและออกแรงกระโดดขึ้นไปอยู่บนร่างของวานรทั้งสองตัวเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับปีศาจไส้เดือนที่กำลังพยายามยึดเอาเกาะลอยกลับคืนมาจากหวางเซี่ย……….รอยแยกใต้ทะเลลึกผีเสื้อเกล็ดแก้
ทางด้านบนนกอินทรีสองตัวก็ได้ยินคำสั่งของมู่สี่เสินแล้วเช่นกัน พวกมันส่งเสียงร้องเรียกสมาชิกสัตว์ปีกในบริเวณใกล้เคียงออกมาทั้งหมดฝูงนกจำนวนมหาศาลไม่ว่าเล็กหรือใหญ่คาบก้อนหินไว้ในปากแล้วทิ้งลงไปในน้ำเป็นการเปิดฉากการต่อสู้และสกัดกั้นให้ปีศาจเคลื่อนตัวได้ช้าลง หวางเซี่ยและคู่พามนุษย์เต็มแผ่นหลังแหวกว่ายขึ้นสู่ชายฝั่งทางทิศตะวันออกได้ก่อนที่ศัตรูจะฝ่าฝนหินขึ้นสู่ชายหาดได้ทันเวลา มันสองสามีภรรยาหันหลังให้กับท้องทะเลใช้กระดองอันใหญ่โตปกป้องผู้ฝึกตนให้รอดพ้นจากหนามแหลมคมที่สลัดออกมาจากสัตว์ปีศาจคล้ายเม่น“สร้างแนวป้องกันไว้อย่าให้พวกมันขึ้นมาได้!!""โจมตี!!”“โจมตี!!”"กี้ดดดด!!!เสียงกรีดร้องจากสัตว์ปีศาจดังระงมขึ้นมาในชั่วพริบตา พวกมันเป็นเป้าหมายที่ถูกโจมตีทั้งในน้ำบนบกและทางอากาศพร้อมกันในขณะที่ยังตั้งตัวไม่ทัน“กี้ดๆๆๆๆๆ!!!”“พวกมันกำลังส่งสัญญาณถึงกัน อีกไม่นานพวกมันจะมุ่งหน้ามาทางนี้เพิ่มขึ้น จัดการพวกที่อยู่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด!!”แม้อ๋าวหลวนหลงจะสั่งเอาไว้ว่าให้พวกเขารอจนกว่าเขาและผีเสื้อเกล็ดแก้วจะมาถึง แต่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้ฝูซีจำต้องขัดคำสั่ง เขาจะปล่อยให้ปีศาจเหล่านี้ขึ้
ต้าโหวจื้อขึ้นขี่หลังนกอินทรีและออกไปสำรวจเส้นทางเบื้องหน้า ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามนกอินทรีก็บินโฉบมาที่เรือของฝูซีเพื่อรายงานข่าว“พวกมันไม่ได้มุ่งหน้าไปกลางมหาสมุทร แต่กำลังอ้อมไปขึ้นฝั่งอีกด้านหนึ่งทางตะวันออก” “มันกำลังล่อเราให้มุ่งหน้าไปผิดทาง!!” เวยวั่งซูเข้าใจได้ในทันที กลุ่มสัตว์ปีศาจที่ออกจากรอยแยกก้นทะเลทำทีว่าพวกมันต้องการติดตามต้นท้อสวรรค์ไปจนแทบจะไม่สนใจเข้าร่วมการต่อสู้กับกลุ่มมนุษย์ ที่แท้สัตว์ปีศาจไส้เดือนมีเกล็ดกลับแยกออกไปอีกทางหนึ่งเพื่อหาทางนำต้นท้อสวรรค์ขึ้นบก“พวกมันดึงต้นท้อผ่านรอยแยกใต้ทะเลไปแดนปีศาจไม่ได้จึงต้องหาทางกลับเข้าฝั่ง” ฝูซีประเมินความคิดของศัตรูได้อย่างแม่นยำ“ต้าโหวจื้อ! เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าไม่มีรอยแยกบนแผ่นดินเพิ่มขึ้นมาอีก”“วางใจได้ข้าสำรวจอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว ที่พวกมันไม่ส่งสัตว์ปีศาจออกมาจากรอยแยกบนแผ่นดินเพิ่มก็เพื่อลวงเราให้คลายการป้องกันเป็นแน่”“เราจะทิ้งกำลังคนส่วนหนึ่งแสร้งลอยเรือไล่ตามพวกมันไปดังเดิม ส่วนสัตว์ทุกตัวก็ให้ซ่อนกำลังคนส่วนใหญ่กลับเข้าฝั่ง” ฝูซีออกคำสั่ง“พวกเราจะกลับไปป้องกันรอยแยกทั้งสองแห่งเอาไว้ใช่หรือไม่ฝูซี” ซินหรูอี้กั
อ๋าวหลวนหลงเดินตามฝูซีและกลุ่มพี่น้องเข้ามาในเรือนด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำไม่เป็นส่ำ เมื่อเข้ามาด้านในก็พบร่างของมู่สี่เสินกำลังก้มหน้านิ่งสีหน้าเคร่งเครียด เวยวั่งซูและซินหรูอี้ประกบอยู่ข้างกายเขาและกำลังพูดคุยกันเสียงเบาคล้ายกำลังปลอบประโลมอีกฝ่ายอยู่ก้อนโทสะและความหวาดกลัวอันแน่นไปทั่วร่างของชายหนุ่ม คาดเดาการหายไปของเกาะลอยบางส่วนได้อย่างรวดเร็ว“คนที่ได้กินผลท้อสวรรค์ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ยกเว้นมู่เหยาจี!!” อ๋าวหลวนหลงกัดกรามเอาไว้แน่น จ้องมองไปที่ดวงตาของมู่สี่เสินไม่กะพริบ หากมู่สี่เสินมีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว เขาก็พร้อมจะระเบิดอารมณ์ออกมาไม่ยั้งเช่นกัน!!ลมหายใจของอ๋าวหลวนหลงขาดห้วงไปนานหลายอึดใจ และในที่สุดมู่สี่เสินก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาดีเหลือเกิน!! แววตาของมู่สี่เสินมีเพียงความโกรธแค้นและทุกข์ใจหาได้มีน้ำตาไหลออกมาเฉกเช่นคนที่สูญเสีย!!อ๋าวหลวนหลงถึงกับพรั่งพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด หัวใจที่แขวนเอาไว้สูงเมื่อครู่ค่อยๆ ลดลงมาถึงระดับปกติ แต่สีหน้ายังคงมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย“ข้าพร้อมแล้วฝูซี เล่ามา!!”ฝูซีเล่าเหตุการณ์ในช่วงสี่วันที่อ๋าวหลวนหลงหลับไม่ได้สติออกมาช้าๆ