“ให้มันได้อย่างนี้สิ ดื่มเหล้ามงคลจนเมาเละ อาเจียนใส่ข้า ล่วงเกินข้าแล้วก็หลับ หลบหลีกเก่งเช่นนี้จนเป็นนิสัยสินะ”
เมื่อไม่อาจทนกับกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนต่อได้จิ่นลี่ก็ถอดชุดของตนออกเพื่อล้างหน้าล้างตัว เปลี่ยนทั้งเสื้อคลุมและเสื้อตัวในใหม่ พอกลับมายังเตียงของตนก็หยุดมองร่างเล็กที่นอนไม่ขยับพร้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วส่ายหน้า ยื่นมือจะปลดผ้าคาดตรงเอวบางหากกลับหยุดนิ่งอย่างชั่งใจ
“อย่าโทษข้า เจ้าดื่มจนเมาเอง”
เอ่ยเสียงเข้มแล้วก็ตัดสินใจจับผ้าคาดเอวของหญิงสาวแกะปม ก่อนจะค่อยๆ ปลดชุดสีแดงเข้มบนเรือนร่างอีกฝ่าย ตาคมเลี่ยงที่จะมองตรงๆ หากมือกลับสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายสตรีนั้นเขาไม่เคยเห็นด้วยไม่มีจิตใจฝักใฝ่ การเป็นองค์ชายสวรรค์นั้นต้องเติบโตขึ้นพร้อมความสามารถรอบด้าน จิ่นลี่กับเจิ้งหานฝึกปรือพลังปราณและศาสตร์การสู้รบมาด้วยกัน เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ก็เรียนรู้งานราชกิจ ต่างไม่ใส่ใจสิ่งอื่นเพราะภาระที่รอคอยนั้นยิ่งใหญ่
พี่ชายเขาเจิ้งหานไม่มีหญิงใดในสายตากระทั่งอภิเษกกับหนิงเฟิ่ง ส่วนเขาไม่ถูกกะเกณฑ์ด้วยชีวิตคู่ไม่มีผลต่อบัลลังก์สวรรค์ ต่างจากเวลานี้ที่ขึ้นมาเป็นไท่จื่อแทนพี่ชาย พระบิดาและพระมารดาเฟ้นหาคู่ครองที่เหมาะสมกับเขามาเนิ่นนาน และในที่สุดก็พบเจอกับนาง
ธิดาของเจ้าปีศาจ...ปีศาจน้อยที่ยังดื้อดึงและมีความพยศอยู่ไม่น้อย ดูจากที่กล้าดื่มจนเมามายในวันแต่งงานของตัวเองนี่สิ
จิ่นลี่ส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นนำชุดคลุมของหญิงสาวไปไว้ส่วนอื่นเช่นเดียวกับชุดของตน ไม่อย่างนั้นคงได้นอนดมกลิ่นชวนเอียนทั้งคืน
จากนั้นก็กลับมาห่มผ้าให้ร่างบอบบางที่มีเพียงเสื้อตัวในบางเบา พยายามไม่มองหรือใส่ใจนัก ก่อนจะเดินอ้อมฉากกั้นไปยังส่วนอ่านหนังสือของตน
‘คืนแต่งงานอ่านฎีกา ช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจนัก’
ซีหรูขยับตัวพลิกแล้วก็ปวดศีรษะอย่างหนักหน่วง คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นด้วยในหัวเหมือนมีหินถ่วงอยู่จนยกแทบไม่ขึ้น ลืมตาขึ้นมาในห้องที่บรรยากาศไม่คุ้นเคย สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็หลั่งไหลเข้ามาในมโนสำนึก ทั้งยังรู้สึกได้ว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่มุมหนึ่งจึงพยายามขยับนั่งจนได้ ร่างบางลงจากเตียงอย่างลำบากด้วยการควบคุมร่างกายยังไม่ค่อยดี หากยังพยายามพาตนเองก้าวช้าๆ ไปหลังฉากกั้น
ทว่าเมื่อมาถึงอีกฝั่งของฉากกั้นก็ต้องหยุดเท้าอยู่กับที่ มือที่กุมศีรษะซึ่งปวดหนักตกลง ดวงตาคู่งามขยายขึ้น ริมฝีปากอิ่มเผยอค้างกับภาพตรงหน้า ด้วยเจอเข้ากับแผ่นหลังกว้างหนากำยำที่กำลังขยับเสื้อขึ้นคลุมบ่าไหล่ แล้วร่างสูงใหญ่ก็หันกลับมาราวมีตาหลังส่งผลให้แผงอกแกร่งปะทะเต็มสายตา
“เจ้า...”
เสียงเข้มเงียบลงพร้อมสายตาคู่คมมองตนก่อนจะวกกลับขึ้นมาสบตา ทำเอาซีหรูรู้สึกตัวว่ามัวจ้องอกหนากำยำอยู่จึงเมินใบหน้าไปทางอื่นแล้วเอ่ย
“ขอโทษ ข้าไม่คิดว่าท่านกำลัง เอ่อ...”
นางไม่กล้าเอ่ยจึงเลี่ยงจะกลับไปยังส่วนห้องนอน ไม่คิดว่าไท่จื่อสวรรค์จะแต่งตัวเองไม่มีคนมาปรนนิบัติ หากก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังตามมานางจึงต้องหยุด
“ตื่นขึ้นมาแล้วเจ้าควรไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตัวเสียให้เรียบร้อย ตัวเจ้ามีแต่กลิ่นเหล้าดูไม่ดีนัก ข้าจะให้คนเข้ามาดูแลเรื่องอาบน้ำแล้วก็อาหารของเจ้า”
คำบอกที่ว่าตัวนางมีแต่กลิ่นเหล้าทำให้ซีหรูก้มลงดมตนเองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าสาบเสื้อของตนนั้นเปิดออกกว้างแทบจะหลุดจากไหล่อยู่แล้วจนมองเห็นเนินอกรำไร
“อุ๊ย...”
มือบางรีบรวบเสื้อตนทันที แล้วก็นึกได้ว่าเหตุใดไท่จื่อถึงมองนางเช่นนั้น หญิงสาวหันกลับไปจ้องเขาตาขุ่นทันใด ทั้งเสื้อนางยังเหลือเพียงตัวใน หมายความว่าต้องมีคนถอดมันออก
“ท่านถอดเสื้อของข้า”
จิ่นลี่ที่กำลังขยับเสื้อของตนให้เข้าที่เหลือบมองคนที่หันกลับมาขึ้นเสียงใส่ตนด้วยแววตาระอา
“ก็บอกไปแล้วว่าเจ้ามีแต่กลิ่นเหล้า แล้วยังอาเจียนใส่ข้ากับตัวเจ้าด้วย จำไม่ได้หรือ”
ถามแล้วก็อดย้ำค่อนเล็กน้อยไม่ได้
“หึ ความจำของเจ้าช่างสั้นเสียจริง”
เขาไม่ได้หมายถึงเพียงคืนที่ผ่านมา ยังนับที่ดินแดนมนุษย์ด้วย
ตาคู่งามกะพริบเล็กน้อยแล้วภาพตนเองทำเรื่องน่าละอายก็วูบขึ้นมา ไม่เพียงอาเจียน นางยังล้มลงประทับปากตนกับปากกระด้างด้วย ความร้อนวูบแล่นปราดทั่วใบหน้างาม แม้สติเลือนรางหากก็ยังจดจำได้บ้าง
ซีหรูจำต้องหลบสายตาคมเข้ม ความรู้สึกที่กายแกร่งกับริมฝีปากอุ่นกระด้างแนบชิดราวเกิดขึ้นอีกครั้ง จากที่หน้าร้อนกลับกลายเป็นร่างทั้งร่างวูบวาบไปหมด
จิ่นลี่มองออกว่าเจ้าตัวจำได้แล้ว เขาถอนหายใจบางเบาก่อนเอ่ย
“เข้าใจแล้วใช่หรือไม่ หากปล่อยเจ้านอนทั้งสภาพเช่นนั้นที่นี่คงเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าและอาเจียน...”
“พอเถิด ถือว่าข้าผิดเอง”
ซีหรูอดนึกภาพตามไม่ได้แล้วก็ต้องรีบห้าม ด้วยสภาพของตนเมื่อคืนนั้นย่ำแย่มาก กระนั้นก็ถือว่าการทำให้ไท่จื่อรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ตนสำเร็จ หากก็ช่างน่าขายหน้านัก
“ข้าต้องออกไปตรวจพลตอนเช้าแล้ว แล้วจะเลยไปจัดการงานฎีกา”
“เอ่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจรบกวนท่าน”
นางเข้าใจว่าไท่จื่อบ่นที่นางเข้าไปขัดเขาระหว่างแต่งตัว
“ความจริง ชายาเช่นเจ้าต้องช่วยข้า”
จิ่นลี่เอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้านิ่งสนิท
“คนของข้าไม่เข้ามาในวันนี้ คงเพราะเกรงจะรบกวนเวลาส่วนตัวของเจ้ากับข้า และหน้าที่ดูแลข้าย่อมต้องเป็นของเจ้า แต่ช่างเถิด เจ้าควรอาบน้ำก่อนเป็นอย่างแรก”
พูดจบแล้วร่างสูงใหญ่ก็หันกลับไปจัดการตนเองอย่างไม่ต้องการความช่วยเหลือ
ซีหรูอึ้งไปก่อนจะถอนหายใจหงุดหงิดเพียงสั้นๆ ด้วยเข้าใจชัดแจ้งว่าเพราะตัวนางเหม็นจนเขาไม่ต้องการให้เข้าใกล้นั่นเอง ใบหน้างามสะบัดแล้วหันหลังหนีไปนั่งลงบนเตียง ไม่สนใจผู้เป็นไท่จื่อสวรรค์อีก
‘จะเย็นชาหรือชิงชังรังเกียจเช่นไรก็ช่างเถิด ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับชายแก่คราวอาอย่างท่านนักหรอก’
หากเมื่ออีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จกลับมายังส่วนห้องนอนไม่ได้ออกไปทันใด
“เจ้าบอกให้ข้าเรียกชื่อของเจ้า...”
ท่าทางลังเลเล็กน้อยของไท่จื่อทำให้ซีหรูขมวดคิ้ว
“เช่นนั้นชื่อของเจ้าคือ...”
ปากอิ่มเผยอค้าง ยิ่งสบตาคมยิ่งเห็นความว่างเปล่าก็ได้แต่พยายามสงบสติอารมณ์ของตน ขัดเคืองใจไปก็หามีประโยชน์อันใด ในเมื่อเขาเป็นถึงไท่จื่อสวรรค์ทั้งยังเป็นเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ปราบราชาปีศาจผู้มีจิตมารเช่นเฮยตง ชื่อเสียงย่อมขจรขจายทั่วทั้งหกพิภพ ส่วนนางเป็นเพียงธิดาของเจ้าปีศาจคนรุ่นหลังอายุไม่กี่พันปี เขาจะไม่รู้จักนางคงไม่แปลกนัก
“ซีหรู โจวซีหรู...เพคะไท่จื่อ”
นางลงท้ายอย่างประชดประชันหน่อยๆ
“เจ้าพูดกับข้าธรรมดาก็ได้”
จิ่นลี่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ชิน และนางเป็นชายาของเขา ไม่จำเป็นต้องใช้คำห่างเหินนัก ทั้งอดรู้สึกผิดในใจไม่ได้ ด้วยเขาเคยได้ยินมารดาเอ่ยชื่อของนางแล้ว ทว่าไม่ได้ใส่ใจนัก
“เพิ่งขึ้นมาอยู่บนนี้ เจ้าคงต้องใช้เวลาปรับตัวสักหน่อย หากอยู่ในตำหนักแล้วรู้สึกเบื่อ อยากไปที่ไหนก็บอกนางกำนัลให้นำทางได้”
ซีหรูพยักหน้ารับไท่จื่อก็จากไปทันทีโดยไม่มีสิ่งใดต้องคุยกันอีกแล้ว นางมองตามผู้เป็นสวามีตนแล้วถอนหายใจอย่างหนักใจ
คนสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ปราศจากความรู้สึกที่มีต่อกัน ช่างโหดร้ายนัก ไม่รู้เลยว่าหนทางข้างหน้าและชีวิตบนสวรรค์ของนางจะเป็นเช่นไร
=========
ไท่จื่อถึงกับมือสั่นเมื่อถอดเสื้อชายา ซีหรูตื่นมาก็เจอกับแผ่นอกและหลังเปลือยของสวามี แต่ต่างคนก็ต่างยังมีช่องว่าง ไม่คุ้นเคย แล้วจะมีโอกาสใกล้ชิดกันเมื่อไรนะ ^-^"
ร่างอรชรเดินเข้ามายังส่วนอาบน้ำแล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นแผ่นหลังเปลือยอยู่ในน้ำ ใจกระตุกสั่นไหวจึงหันไปทางอื่น ทั้งยังลังเลไม่กล้าขยับเท้าต่อ“ซีซี”เสียงเข้มแม้จะทุ้มนุ่มหากก็ทำเอาคนได้ยินหน้าเจื่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรแต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปใกล้“ไท่จื่อให้หวังหย่งจางหย่งมาปรนนิบัติไม่ดีกว่าหรือเพคะ”ซีซวนถามเสียงเบาทั้งที่เข้ามาแล้ว เมื่อขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ ไท่จื่อก็บอกว่านางต้องปรนนิบัติทั้งเวลาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แน่นอนว่านางลำบากใจด้วยความขัดเขินแม้จะแนบชิดร่างกายกันมาหลายครั้งหลายครา“ไม่ปรนนิบัติก็ได้”พร้อมกับพูดร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นทำเอาผู้ที่ยืนชิดริมสระสะดุ้ง ทว่ายังไม่ทันถอยก็ถูกฉุดให้หล่นเข้าไปอยู่อ้อมอกแกร่งด้วยมัดกล้ามกำยำน่าอิงแอบ“อุ๊ย ไท่จื่อ”“มาอาบด้วยกันดีกว่า”ไม่เพียงพูดมือหนายังเคลื่อนไหวทั่วตัวต้องการถอดชุดของนางไปด้วย“เอ่อ อาถิงรออยู่ข้างนอกเพคะ นางคงได้ยินเสียงเป็นแน่”ซีซวนอุบอิบบอกพลางส่ายหน้า รู้ว่าอาบด้วยกันของไท่จื่อมีความหมายมากกว่านั้นนางขอกับบิดาให้เกาถิงมาอยู่ด้วยตั้งแต่วันที่พบท่านหลังพิธีอภิเษก ซึ่งบิดาก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด เพราะเกาถิงเองก็คง
เรือนร่างไร้อาภรณ์สองร่างกอดก่ายแนบชิด ก่อนจิ่นลี่จะยกร่างเล็กกว่าขึ้นมานั่งคร่อมตักตน ซีซวนดูลำบากใจหากเขาก็กอดเอวบางแล้วลูบไล้ฝ่ามือตนบนผิวนุ่มของร่างสาวจนไม่หลงเหลือสัดส่วนใดที่ไม่ได้แตะต้อง อกอวบสวยยิ่งเคล้นคลึงก็ยิ่งชวนให้อยากลงน้ำหนักมือมากขึ้น ทั้งยังน่าซุกซบกว่าอกหนาของเขาเสียอีก จิ่นลี่มั่นใจว่าตนสามารถนอนซุกอกอวบได้ทั้งคืนไม่เพียงแค่คิดเขาก้มลงดูดดื่มยอดทรวงสีหวานให้เต็มที่เท่าที่ต้องการ ใบหน้าคมคายฝังปรนเปรอสองปทุมกลมกลึงเนิ่นนาน หากมือก็ไม่ลืมปลุกปั่นกายสาวสุดบอบบาง ดอกไม้แสนพิสุทธิ์พร้อมพรักเพื่อเขาแล้ว หากจิ่นลี่ยังใจเย็นไม่รีบหักหาญ ซีซวนต้องการมากเท่าไรนางจะยิ่งรู้สึกดีเมื่อเป็นของกันและกันซีซวนรู้สึกเหมือนตนหอบจนเหนื่อยอ่อน มือเกาะบ่าหนาราวหาที่ยึดด้วยไม่กล้านั่งลงเต็มสะโพก แต่ก็ฝืนเกร็งไม่ได้นานเพราะร่างกายปวกเปียกไร้กระดูกจากการรุมเร้าฉกาจฉกรรจ์“ไท่จื่อ ได้โปรด”นางเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่าร้องขอสิ่งใด รู้เพียงร่างกายตนต้องการบางอย่างและแล้วจิ่นลี่ก็พาร่างงามลงไปนอนระทดระทวยใต้ร่างตน มอบจูบอันร้อนแรงครู่หนึ่งพร้อมกับค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แม้อีกฝ่ายจะเริ่มดิ้
“เจ้าทำเช่นนี้ข้าชักกลัวแล้วว่าเจ้าอยากกลับสวรรค์กับข้าหรือไม่ กลัวเจ้าจะอยากกลับเผ่าปีศาจมากกว่า”“ข้ากลัวว่าจะไม่ได้กอดท่านพ่ออีกแล้ว”เมื่อชายาตนทำเสียงงอแงนิดๆ ผู้เป็นไท่จื่อก็ใจอ่อน“เอาเถิด ข้าจะพาเจ้าไปเผ่าปีศาจในทุกครั้งที่เจ้าต้องการ อย่างน้อยก็...”เขาหยุดไปชั่วอึดใจก่อนจะบอกต่อ“เอาดอกไป่เหอไปให้เจ้าในทุกปี”หัวใจของซีซวนกระตุกวูบหนึ่งกับคำพูดนี้ ราวตอบรับความรู้สึกที่ไท่จื่อมีต่อซีหรู“ข้ายังอยากทำเหมือนเดิม ร่างของเจ้าอยู่ที่นั่น แม้แต่งกับเจ้าที่เป็นเซียนแล้ว ข้าก็ไม่อาจลืมเจ้าที่เป็นปีศาจครึ่งมนุษย์ได้”ซีซวนไม่ได้ขุ่นเคืองใจ นางรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ไท่จื่อยังผูกพันกับตนในชาติก่อนอยู่ และยิ้มกว้างให้กับสวามีของตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข“ข้าขอถามเจ้าปีศาจเรื่องนึงได้หรือไม่”ไท่จื่อมีโอกาสเอ่ยถึงสิ่งที่ตนสงสัย“ท่านรู้ว่าซีหรูมาเกิดใหม่ยังเผ่าบุปผา แล้วเหตุใดจึงไม่เคยบอกข้า”“ในตอนแรกข้าเพียงหวังจึงให้จางฉวนนำแหวนมาที่นี่ ไม่ได้มั่นใจแต่อย่างใด และเมื่อได้รู้ว่าในแหวนมังกรมีดวงจิตวิญญาณอยู่ อดีตเทพธิดาสามารถสร้างชีวิตใหม่ให้ซีหรูได้ ข้าก็ดีใจนัก ไม่ได้คิดว่านางจะเหม
หลังไท่จื่อเอ่ยปากขอซีซวนแต่งงานแล้วแจ้งความนี้กับอดีตเทพธิดาบุปผาเพียงวันเดียว ขบวนสู่ขอจากสวรรค์กับของกำนัลก็มาถึงยังเผ่าบุปผา“ข้าให้หวังหย่งกับจางหย่งจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้ว รอเพียงซีซวนตอบรับ”ไท่จื่อเอ่ยเมื่อหลิงเซียวมองของกำนัลมากมายที่นำเข้ามาในตำหนักด้วยความประหลาดใจ“ส่วนฤกษ์ยามนั้น พระมารดารอคำตอบจากเทพชะตา และพระบิดากับพระมารดายินดีให้จัดงานที่เผ่าบุปผา ทั้งสองพระองค์จะมารับชายาข้ากลับสวรรค์พร้อมกับข้า”จิ่นลี่ไม่ได้กลับสวรรค์ก็จริง ทว่าส่งสารขอราชโองการกับบิดาตนนับแต่บอกกับอดีตเทพธิดาไปว่าจะทำให้ถูกต้องทุกประการ บิดากับมารดาตนยินดีรับซีซวนเป็นสะใภ้สวรรค์โดยไม่ติดใจในข้อใด ด้วยสถานะของนางเป็นธิดาของอดีตเทพธิดาเซียนขั้นสูงสุดในเผ่าบุปผาซีซวนจะได้รับตำแหน่งพระชายาเอกไม่ต่างจากซีหรู“องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเมตตาซีซวนยิ่งนัก”หลิงเซียวทำได้เพียงตอบรับ รู้สึกใจหายไม่น้อยเมื่อบุตรสาวกำลังจะห่างไปจากอกตน นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน“ซีซวนไม่เคยต้องอยู่ห่างจากข้า ได้แต่หวังว่าเมื่อไปอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าไท่จื่อจะเอ็นดูนาง”“ท่านก็ทราบดีว่าข้ารักซีซีมากเพียงใด นางคือชายาเพ
“เจ้าพร้อมปลอบข้าแล้วใช่หรือไม่”ไม่เพียงถามร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามยังบดเบียดให้รับรู้ได้ถึงความกร้าวร้อนที่น่าเกรงกราม ซีซวนหลบสายตาคม หน้าท้องร้อนวูบทว่าจิตใจกลับเฝ้ารอให้ไท่จื่อแตะต้อง คาดหวังพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงกระทบหน้าอกข้างซ้าย“ร่างกายที่ยังไม่หายดีของเจ้าอาจยังรับไม่ไหว ข้าจะเบามืออย่างที่สุด”ในชั่วอึดใจร่างของทั้งสองก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือจิ่นลี่ ร่างอรชรสั่นเบาๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้เขาอยากปลอบ แม้ซีซวนจะจำเมื่อครั้งเป็นซีหรูได้แล้วแต่ความจริงข้อหนึ่งก็คือนางยังผุดผ่องด้วยวัยแรกแย้ม อย่างไรก็ไม่อาจรับเขาได้โดยง่าย ทั้งหัวใจที่บาดเจ็บหนักยังไม่แข็งแรงดีทำให้จิ่นลี่เลือกไม่เอาแต่ใจหลังจูบอย่างดูดดื่มแล้วร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนลงพร้อมนาบปากตนฝากรอยร้อนรุ่มผ่านลำคอ กลางอกอวบ ระเรื่อยลงมายังหน้าท้องแบนราบจูบเม้มผิวอ่อนบางทุกจุดที่ผ่านซีซวนขยับกายอย่างไม่เป็นสุข ทรวงอกสะท้อนสูงตามลมหายใจที่รุนแรงด้วยอารมณ์หวาม ไฟปรารถนาลุกพรึ่บในร่างจากที่ค่อยๆ ถูกจุดให้ระอุก่อนหน้านี้ ยิ่งมือหนาลูบไล้ต้นขากับสะโพกซีซวนก็ยิ่งร้อนรน ทั้งลมหายใจร้อนกับปากอุ่นจัดยังเลื่อนต่ำลงอีก บดจูบแผดเผาร่างสาวด
“เจ้าทิ้งข้าไปนานนัก แต่ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็ไม่เคยลืมเจ้าไปจากใจ”ซีซวนร้องไห้หนักขึ้นจนตัวสั่นเทา นางเองไม่ได้รับรู้สิ่งใด มีความสุขกับชีวิตใหม่ของตน ทว่าผู้ที่อยู่กับการจากลาอันแสนเศร้านั้นต้องจมอยู่กับความทุกข์ทนนานนัก รู้ซึ้งถึงหัวอกไท่จื่อที่พยายามไขว่คว้าพระชายาที่สูญเสียไปกลับคืนมา หากเป็นนางเอง แม้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มอีกเพียงวันเดียวนางก็จะทำทุกอย่างให้กลับไปอยู่เคียงข้างไท่จื่อเช่นเดิม ในเมื่อซีหรูจากมาโดยไร้คำร่ำลาจิ่นลี่จับมือบางสองข้างที่ประคองแก้มตนไปจูบด้วยความดีใจและแสนคิดถึง ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าประชิด แตะปากได้รูปประทับจูบซับน้ำตาบนแก้มนวลให้ซีซวนหลับตาลงให้สัมผัสอ่อนโยนและอบอุ่นจากริมฝีปากไท่จื่อปลอบประโลม ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงแนบชิดเหนือกลีบปากตน นางจึงขยับตอบรับจุมพิตด้วยความเต็มใจเมื่อหัวใจสองดวงที่ต่างผูกพันรักใคร่กลับมาใกล้ชิดความโหยหาจึงก่อเกิด จูบผะผ่าวแผ่วเบาจึงค่อยเพิ่มความดูดดื่มขึ้น ปลายลิ้นอุ่นรุกไล่ซีซวนก็ยินดีเปิดรับเกี่ยวกระหวัดลิ้นตนกับอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณและความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจ ใจดวงน้อยเต้นเร่า เนื้อตัวร้อนวูบวาบทว่าใจกลับต้องการแนบกายบดเบียด