Share

เตรียมใจไว้

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-03 09:58:17

วันถัดมา

เสียงเครื่องยนต์รถบรรทุกขนาดใหญ่ดังก้องไปทั่วลานโล่งข้างสะพาน รถเครนและคนงานหลายสิบชีวิตเริ่มขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์สีขาวขนาดใหญ่ลงจากรถ ภายในติดตั้งแอร์เสร็จสรรพ พื้นที่กว้างพอให้ตั้งโต๊ะทำงานและเก็บอุปกรณ์ได้ครบครัน ซีลีนที่เพิ่งขับรถมาถึงชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“คีออสฉันหายไปไหน”

เธอถามเสียงเรียบ แต่เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น คนงานที่กำลังปรับระดับพื้นตอบกลับขณะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ

“คุณลมสั่งให้คนมายกออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ”

 ยังไม่ทันได้ซักต่อ เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง

“ตู้เล็กแค่นั้นจะยัดทุกคนเข้าไปยังไง เดี๋ยวก็บ่นอึดอัดอีก”

เธอหันขวับไปมอง ชายหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ไม่ห่าง ในมือยังถือบุหรี่ก่อนจะยกขึ้นสูบด้วยสีหน้าสบาย ๆ เหมือนคนไม่ได้ทำอะไรผิด

“แล้วใครบอกว่าฉันจะให้นายเข้ามาอยู่ด้วย”

“ตู้ใหม่นี่กว้างกว่า แอร์ก็มีจะได้ทำงานได้สะดวกแบบที่ ‘คนบางคน’ ว่าไว้เมื่อวาน”

 เขาเอ่ยย้อนคำพูดของเธอ พร้อมยกยิ้มเยาะที่เต็มไปด้วยรอยขบขันในแววตา ซีลีนเม้มปากแน่น มองตู้ขนาดใหญ่ตรงหน้า สุดท้ายก็ถอนหายใจเพราะรู้ว่าคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้

“เปลืองเงินโดยใช่เหตุ”

“ไม่เป็นไร พอดีรวย”

คำตอบเรียบ ๆ จากชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่คิดอะไร ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานเขาเพิ่งว่าเธอไปเองแท้ ๆ ทำให้เธอชะงัก หันมามองเขาอีกครั้งแต่เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาจึงเลือกจะเดินหนีเข้าไปด้านในแทน

ภายในตู้คอนเทนเนอร์มีทั้งประตู หน้าต่าง โต๊ะสีขาวสะอาดริมหน้าต่างที่มองเห็นสะพานเก่าและต้นหลิวที่ลู่ไปตามแรงลม รวมถึงทางเดินที่เมื่อวานยังเป็นแผ่นหินธรรมดาก็ถูกเทด้วยปูนคอนกรีตเรียบกริบ

“สวยจัง”

เธอพึมพำเบา ๆ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ ในตู้ที่อากาศเย็นสบายเพราะเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงาน บนโต๊ะมีทั้งไม้บัตซ่ากระดานและอุปกรณ์ออกแบบ ตัดโมเดลที่ครบกว่าของที่เธอมีใช้เองเสียอีก

“ขาดอะไรอีกไหม เพราะหลังจากนี้เธอคงต้องย้ายโปรเจกต์ของตัวเองมาทำที่นี่แทน” เขาถามเสียงเรียบ

“ไม่นะ แล้วเมฆกับเพื่อนนายล่ะ ยังไม่มาเหรอ”

“เมื่อวานมันแค่มาเป็นเพื่อน”

“งั้นเราไปดูจุดก่อสร้างเลยไหม จะได้ไม่เสียเวลา”

ลมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามหลังร่างบางในชุดนักศึกษาออกไป ทว่าในขณะที่คนตัวเล็กกำลังเอ่ยอธิบายรูปแบบของสะพานที่คิดเอาไว้ สายตาคมกับไปสะดุดเข้าที่สะโพกกลมมนภายใต้กระโปรงตัวเล็กที่อีกคนสวมใส่

ฝ่ามือหนาทาบลงบนอากาศ แล้วเลื่อนทั้งสองมือเข้าหากันช้า ๆ คล้ายกำลังวัดขนาดเอวบางเมื่อเทียบกับฝ่ามือเขา แม้จะรู้ว่าเธอตัวเล็ก แต่พอเดินใกล้ ๆ ถึงได้รู้ว่าเอวคอดนั้นเล็กจนน่าจะใช้สองมือกำได้รอบ ‘แล้วกูมาคิดเรื่องนี้ทำไมวะ’ เขาบ่นกับตัวเองในใจ

“ดูจากพื้นที่ เราคงเปลี่ยนจุดสร้างสะพานไม่ได้ คงต้องรื้อของเก่าออกก่อนถึงจะเริ่มสร้างของใหม่ได้”

อื้ม”

เสียงหวานที่ร่ายยาวออกมาหลายประโยคนานนับนาที กลับถูกตอบรับสั้นกลับไปแค่สั้น ๆ คำเดียว จนเธอต้องหันกลับมามองอีกครั้ง

“ก็อื้มไง”

เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องตอบรับอะไรกลับไปถึงจะตรงกับสิ่งที่หญิงสาวกำลังอธิบายก่อนหน้า หากให้พูดกันตามตรงเขาไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่อีกคนพูดเลยสักนิด

“ทีมงานมาแล้ว รออยู่นี่”

หลังจากที่เสียงรถกระบะดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมนักศึกษาทีมวิศวะหลายสิบคนที่ทยอยลงจากรถ ทั้งคู่หันไปมองตามเสียง ชายหนุ่มรีบเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาทันที

“งั้นนายไปเถอะ ฉันจะนั่งทำงานของตัวเองตรงนี้แหละ”

พรึบ!!

ลมถอดเสื้อช็อปของตัวเองวางปูลงบนขอนไม้เก่าใต้ร่มไม้ที่หญิงสาวเคยนั่งเมื่อวาน เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงเรื่องเยอะอย่างซีลีนที่ไม่ชอบฝุ่น ควัน แสงแดดจะนั่งลงบนขอนไม้เก่า ๆ ได้

“ทำอะไร”

“นั่งไปเถอะ พูดมาก”

ซีลีนยืนมองเสื้อช็อปสีน้ำเงินที่ถูกวางลงตรงหน้าตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของเสื้อที่ยืนกอดอกมองเธออยู่

“คิดว่าฉันจะซาบซึ้งสิ่งที่นายทำให้เหมือนสาว ๆ ของนายหรือไง” เธอเลิกคิ้วถาม

“ไม่คิด จะนั่งได้หรือยัง พูดมากนะ”

เขาตอบสั้น ๆ แต่เสียงราบเรียบนั้นกลับมีบางอย่างที่ฟังแล้วทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้นั่งลงโดยปริยาย ซีลีนถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วหยิบเสื้อขึ้นมา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนขอนไม้แล้ววางเสื้อช๊อปสีน้ำเงินไว้บนตักอย่างเสียไม่ได้

“หึ”

ลมมองภาพนั้นแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกถูกใจในการกระทำและท่าทีนั้นของหญิงอย่างบอกถูก แล้วหันไปสนใจเสียงทีมงานที่กำลังยกอุปกรณ์ลงจากรถ ทว่าหางตายังเหลือบเห็นเธอค่อย ๆ เลื่อนเสื้อมาพาดบนไหล่ตัวเองอย่างเงียบ ๆ ไม่ยอมนั่งทับลงบนเสื้อของเขา

บ่ายวันนั้น การทำงานทุกอย่างดูราบรื่นดี แสงแดดเริ่มอ่อนลงแต่ลมก็ยังพัดแรงพอให้ใบไม้เหนือหัวไหวสั่น ขณะที่ซีลีนกำลังนั่งเก็บงานลงรายละเอียดแบบบนกระดาษ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าแบรนด์หรูก็ดังขึ้น เธอเหลือบมองหน้าจอที่ขึ้นชื่อเพื่อนสนิท เมฆ ก่อนจะรับสาย

“ว่าไง”

เสียงอีกฝ่ายดูเหนื่อยหอบเล็กน้อย เหมือนเพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมา

“ซี… คือเราขอโทษนะ แต่เราคงช่วยงานไม่ได้สักพัก” คิ้วเธอขมวดเข้าหากันทันที

“เกิดอะไรขึ้น”

“เมื่อเช้าเรามอเตอร์ไซค์ล้ม ขาซ้ายหัก ตอนนี้ใส่เฝือกอยู่ รพ. หมอบอกพักอย่างน้อยหนึ่งเดือน เราคงต้องถอนตัวจากโปรเจกต์นี้เพราะคงต้องกายภาพหลังจากนั้นอีก”

มือที่ถือดินสอของเธอหยุดค้างกลางอากาศ ดวงตากวาดมองกองเอกสารและแปลนงานที่กองอยู่ ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ จากอาการที่เพื่อนสนิทบอกเล่ามันไม่ใช่แค่มาช่วยงานไม่ได้สักพัก แต่มันไม่สามารถมาช่วยงานได้เลยต่างหาก

“เดียวเราไปหา”

“ไม่เป็นไร ที่บ้านเรากำลังมา เมฆขอโทษนะซี”

“โอเคไม่เป็นไรเลย ไม่ต้องห่วงที่นี่เดียวฉันจะจัดการเอง นายดูแลตัวเองก่อน หายไว ๆ”

ลมที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันมามองด้วยสายตาหงุดหงิด มองดูคนตัวเล็กที่กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ไม่รู้ว่าจะคุยกันเสียงอ่อนเสียงหวานไปถึงไหน เขาไม่พูดอะไร แค่ยืนรอให้อีกฝ่ายคุยกับปลายสายให้จบ แล้วก้าวเข้ามาใกล้ร่างบางอีกนิด

“เกิดอะไรขึ้น”

“เมฆรถล้ม ขาหักคงทำงานนี้ต่อไม่ได้”

“แล้วทำคนเดียวไหวเหรอ”

เขาถามเสียงทุ้มต่ำ หลังจากที่ได้ฟังอารมณ์ขุ่นมัวที่เคยมีก่อนหน้าหายไปเป็นปลิดทิ้ง แล้วมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเห็นใจยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง

“ก็ต้องไหว ไม่มีทางเลือก”

เขามองหน้าเธออยู่นาน เหมือนกำลังพยายามค้นหาคำตอบในดวงตาคู่สวยนั้นก่อนจะพูดออกมาแค่สั้น ๆ

“งั้นก็เตรียมใจไว้… เพราะจากนี้จะต้องเจอหน้าฉันบ่อยขึ้น”

เธอเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หากเธอต้องเตรียมใจก็ควรเตรียมใจเพราะหน้างานที่หนักขึ้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เธอต้องเจอเขาบ่อย ๆ แต่ยังไม่ทันถามอะไร เขาก็หันหลังเดินไปคุยกับคนงานต่อ ทิ้งให้เธอจ้องตามแผ่นหลังกว้างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ แล้วก้มหน้ากลับไปทำงานต่อ

เย็นวันเดียวกัน แสงพระอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มอ่อนแสงลง แต่ลมกลับแรงขึ้น เสียงเครื่องมือและแรงกระแทกจากการรื้อถอนสะพานดังสลับกับเสียงคุยของคนงานยังคงดังต่อเนื่อง

ลมยืนคุมทีมอยู่บนหัวสะพาน ฝุ่นปูนลอยคลุ้งเป็นระยะ อีกฝั่งหนึ่ง ร่างบางยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้หัวสะพานด้านที่ไม่ได้ปิดกั้น ก้มหน้าวาดแบบต่อโดยไม่สนใจความวุ่นวายรอบตัว จนกระทั่ง

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

เสียงร้องตะโกนดังลั่นมาจากริมคลอง ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นทันที สายตากวาดไปทางเสียง พบร่างเล็กของเด็กผู้ชายกำลังตะเกียกตะกายกลางแม่น้ำ ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยว

“อดทนก่อนนะ”

ซีลีนไม่ทันรอช้าทิ้งสมุดสเก็ตซ์ในมือตกลงบนพื้น เธอลุกพรวดถอดรองเท้า กระโจนลงจากริมฝั่งโดยไม่คิดสักวินาที สายน้ำเย็นจัดโถมเข้าใส่ทันที ก่อนจะเริ่มกวาดสายตามองหาเด็กคนนั้นอีกครั้ง

เธอว่ายฝ่ากระแสน้ำอย่างรวดเร็ว มือเอื้อมไปคว้าตัวเด็กคนนั้นไว้ได้พอดี เสียงคนงานกับเพื่อน ๆ ตะโกนระงม และในวินาทีถัดมา เกิดเสียงของน้ำหนักคนกระแทกเข้ากับสายน้ำดังขึ้นอีกครั้ง

ตูม!!

ลมทิ้งทุกอย่างในมือแล้วรีบกระโดดตามลงไปช่วยคนตัวเล็กในแม่น้ำทันที สิ่งที่เห็นทำเอาเขาใจหายไปชั่วขณะ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องช่างเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรเกินตัวซะจริง

“ช่วยด้วย”

เสียงหวานเริ่มร้องขอความช่วยเหลือ เพราะน้ำหนักของเด็กในอ้อมแขนและแรงน้ำที่ซัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอแทบหมดแรง แต่ยังกัดฟันพยายามพยุงตัวเด็กให้สูงพ้นน้ำมากที่สุด

“จับไว้!”

เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้หู ก่อนที่แขนแกร่งของลมจะโอบรอบตัวเธอจากทางด้านหลังไว้ทั้งคู่ แล้วพาพวกเขาฝ่ากระแสน้ำเข้าฝั่งอย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงริมฝั่ง ลมทิ้งตัวลงนอนกับพื้นดินพร้อมหอบหายใจแรง ก่อนจะส่งคืนเด็กในอ้อมแขนให้คนงานที่รีบเข้ามาช่วย จากนั้นเขาหันขวับมามองซีลีนที่เปียกโชกอยู่ข้าง ๆ

“บ้าไปแล้วเหรอ กระโดดลงไปทั้งที่ว่ายน้ำไม่แข็งแบบนั้น”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย ดวงตาคมเต็มไปด้วยความกังวลและแฝงไปด้วยโทสะ ซีลีนยังหอบหายใจ ร่างกายสั่นจากทั้งความเย็นและความตื่นกลัว แต่ก็สวนกลับทันที

“แล้วจะให้ยืนมองดูเฉย ๆ หรือไง”

เขาจ้องเธออยู่อึดใจ ก่อนถอนหายใจแรงเหมือนจะพยายามระงับสติอารมณ์คำพูดอะไรบางอย่างไว้ แล้วเดินไปหยิบเสื้อช็อปที่ตกอยู่ไม่ไกลมาคลุมให้เธอแทน

 “วันนี้พอแค่นี้ ทุกคนเก็บของแล้วแยกย้ายได้”

ลมหัวไปบอกกับหัวหน้าคนงานให้เก็บของทันที เพราะตอนนี้เขาคงไม่สามารถคุมงานต่อได้อีกแล้ว

ลมมองเด็กชายที่เนื้อตัวเปียกปอนวิ่งไปหาพ่อแม่หน้าตื่น น้ำเสียงขอบคุณจากทั้งคู่ดังสะท้อนออกมายังติดสั่นเล็กน้อย เขาพยักหน้ารับเพียงสั้น ๆ ก่อนหันหลังกลับมาหาซีลีน

“ทำอะไร”

ลมขมวดคิ้วทันที เมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังจะดึงเสื้อคลุมออก ไม่รู้เลยหรือไงว่าเสื้อตัวเองเปียกน้ำจนเห็นไปถึงต่อไหน ก่อนจะดึงเสื้อช็อปตัวหนามาคลุมให้อีกครั้ง

“อย่าถอด ไม่กลัวคนอื่นเห็นหรือไง แต่ถ้าอยากโชว์ไปถอดกับฉันสองคน”

“…”

 น้ำเสียงเรียบแต่แฝงแรงบังคับจนเธอได้แต่เม้มปากเงียบ ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร มือใหญ่ก็สอดผ่านข้อพับขาแล้วช้อนร่างบางขึ้นแนบอกอย่างง่ายดาย

“ทำอะไร ฉันเดินเองได้”

“เงียบ”

เขาตัดบทสั้น ๆ พร้อมก้าวยาว ๆ ออกจากจุดนั้น ขณะเดินผ่านลานกว้าง ลมเหลือบเห็นกระเป๋าและของใช้ของเธอวางอยู่บนขอนไม้ จึงส่งสายตาไปทางรุ่นน้องในทีมให้วิ่งเข้ามาเก็บให้ทันที

คนตัวโตที่มีสภาพเปียกปอนพาเธอมาหยุดตรงบิ๊กไบค์สีดำเงาที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนวางเธอลงบนเบาะด้านหน้าแล้วสวมหมวกกันน็อกที่มีให้โดยไม่พูดอะไรอีก จากนั้นตัวเขาเองก็ขึ้นคร่อมรถแล้วเอื้อมแขนดึงมือบางของเธอมากอดรอบลำคอเขาไว้แน่น

“กอดดี ๆ ล่ะ”

 เสียงทุ้มเอ่ยใกล้หู คนตัวเล็กหันหน้าหลบหนีด้วยความเขินอายที่อยู่ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ แต่มันกลับยิ่งทำให้ดูเหมือนเธอกำลังหันหน้าซุกเข้ากับอกแกร่งเสียมากกว่า

ทันทีที่เครื่องยนต์คำราม ลมก็เร่งออกตัวพาเธอเคลื่อนออกจากหน้างานไปตามถนนเลียบแม่น้ำ แม้จะมีเสียงเครื่องยนต์และเสียงสายลมปะทะร่างกายดังรอบตัว แต่ซีลีนกลับได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงภายใต้อ้อมกอดและกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวชายหนุ่มเท่านั้น

ความเย็นจากเสื้อที่เปียก ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นจากอ้อมแขนคนตัวโต อกแกร่งแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน

ไอร้อนจากร่างชายหนุ่มที่คล้ายกับกำลังโอบกอดเธอทางอ้อม เป็นความอบอุ่นที่ไม่อาจถอยหนี มีเพียงเสียงหัวใจที่ดังหนักแน่นสะท้อนอยู่ตรงข้างหู ความอบอุ่นนั้นทั้งปลอบโยนและกดดันในคราวเดียวกัน ยิ่งเขาขยับใกล้ ความเย็นที่เกาะผิวก็ถูกกลืนหาย เหลือเพียงแรงสั่นสะท้านที่แล่นไปทั่วร่าง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สะพานรักซีลีน   เล่นใหญ่

    เสียงเครื่องยนต์ดังคำรามตลอดเส้นทาง ลมขับรถตรงดิ่งไปที่คณะ ใบใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์นัก แต่ความคิดในหัวกลับตีกันวุ่นวาย ต่าง ๆ นานา คิดถึงแต่ใครบางคนที่หายไปตั้งแต่เช้าไม่นาน แมคเคลเรล720S All Black คันคุ้นเคยก็เลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถคณะวิศวะฯ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินจากรถตรงไปยังกลุ่มเพื่อนที่กำลังนั่งรวมกันใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกคนได้แต่ชะงักและหันมามองแทบพร้อมกัน เสียงฮือฮาของผู้คนรอบข้างดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นหนุ่มฮอตปรากฏตัว โดยเฉพาะพวกสาว ๆ ที่ดูจะกรี้ดกร้าดเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ที่มีโปรเจกต์ลมก็ไม่ค่อยได้เข้าคณะเลย“เฮ้ย ไอ้ลม! มาได้ไงวะ ปกติมึงน่าจะอยู่ที่ไซต์”“หน้าเครียดเชียว กูว่าต้องมีเรื่องแน่ ๆ”เสียงทุ้มของเดย์เอ่ยถามทันที เมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา ตามด้วยเสียงของไนท์ที่หันไปมองตามเสียงของแฝดตัวเองลมเดินเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งไม้ กวาดตามองพวกมันทีละคน เสยผมขึ้นด้วยท่าทีหงุดหงิด“กูมาหาพวกมึงไม่ได้หรือไง”เขาพูดเสียงเรียบ ก่อนเอนหลังพิงพนัก มือยกโทรศัพท์ขึ้นไถ่ฟีดเลื่อนไปมาอย่างหงุดหงิด เพราะไม่รู้จะไปตามหาอีกคนที่ไหน เขาเลยตัดสินใจขับรถมาหาเพื่อน ๆ ที่คณะแทน“สรุปว

  • สะพานรักซีลีน   ช่วยด้วยครับ

    แสงแดดในช่วงสายของวันที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเข้มเข้ามา ทำให้ลมค่อย ๆ รู้สึกตัว ก่อนมือหนาจะคว้านหาร่างบางที่เขากอดมาตลอดทั้งคืน แต่ปรากฏว่าข้างกายเขากลับว่างเปล่า มีเพียงร่องรอยยับย่นบนผ้าปูที่ยืนยันว่า เมื่อคืนเขาไม่ได้อยู่คนเดียว กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของร่างบางยังติดอยู่บนปลอกหมอน ในเมื่อเขาเป็นคนอุ้มเธอกลับมาจากที่ไซต์งานมาต่อที่ห้องด้วยตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับหายไปไหน“หนีไปอีกแล้วสินะ”ร่างแกร่งหยัดกายลุกเอนหลังพิงหัวเตียง มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียง ก่อนจะเปิดเช็กบางอย่าง เพราะเขารู้ดีว่าคนตัวเล็กมักจะชอบโพตทุกอย่างไว้บนสตอรี่ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ตาม แต่เช้านี้มันกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยเรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความเงียบในห้องยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในวาวโรจ์นขึ้นมา ลมโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นนั่ง เสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด“ได้ฉันแล้วจะทิ้งเหรอ”เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทิ้งเขาไว้คนเดียวบนเตียงแบบนี้ร่างแกร่งลุกขึ้นจากเตียงด้วยร่างกายเปื่อยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยแดงและการขีดข่วนจากปลายเล็บ ลมยังคงเดินหาใครบางคนจน

  • สะพานรักซีลีน   ไม่ปล่อย

    จูบที่เริ่มจากการรุกเร้าเบา ๆ กลับกลายเป็นไฟราคะที่ลุกโชน ริมฝีปากหนาไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้พัก มือใหญ่เลื่อนจากแผ่นหลังขึ้นมากดท้ายทอยเล็ก รั้งเธอให้รับแรงจูบลึกขึ้นเรื่อย ๆ“อื้อออออ”มือหนาอีกข้างเลื่อนต่ำมาทาบเอวบาง ลากปลายนิ้วไปตามสันโค้งจนเธอสั่นสะท้าน ร่างเล็กที่นั่งบนตักเผลอขยับเบียดแน่นขึ้นทุกครั้งที่เขาดึงให้เข้าใกล้“ต้องการกันไหมครับ”ลมกระซิบเสียงพร่าแนบข้างหู ก่อนจะเล็มจูบลงมาตามแนวสันกรอบหน้า สัมผัสกับผิวเนียนที่แดงจัด“ฉัน…ไม่”คำคัดค้านเอ่ยขึ้นอย่างติด ๆ ขัด ๆ เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวซุกลงมาตรงลำคอขาว มือเล็กเผลอเกาะบ่ากว้างแน่นเพื่อหาที่พยุง เสียงหัวเราะทุ้มพร่าเล็ดลอดจากลำคอเขา เมื่อเห็นร่างบางสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน“ร่างกายเธอมันกำลังต้องการฉัน”ลมกดจูบหนักลงที่ซอกคอ ฝากทิ้งร่องรอยรักแดงสีกุหลาบอย่างไม่ยอมออมแรง ขณะมือหนาบีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม มืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามเอวบางและสะโพกกลม จนเธอคล้อยตามไปกับสิ่งที่เขากำลังนำพาเธอไปคนตัวเล็กเริ่มหอบหายใจถี่ หน้าแดงจัดจนแทบลามไปถึงหู ทั้งร้อน ทั้งอาย แต่กลับมีเพียงเสียงครางกระเส่าที่หลุดออกมาเบา ๆ เท่านั้น“อื้มมม ลม”แต่คนตั

  • สะพานรักซีลีน   หนีไม่พ้น

    ลมเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ ด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ แต่กลับกดดันจนเธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับกลาย ๆ ร่างบางชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนั่งลงไปอย่างเสียไม่ได้ ทว่าประตูปิดลง กลิ่นกายอุ่นที่คุ้นเคยจากเมื่อคืนก็โอบล้อมเข้ามาในพื้นที่แคบทันทีร่างบางรีบเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่าง เพราะกลัวจะเผลอใจสั่นจากความใกล้ชิดที่ที่เกิดขึ้น“ทำหน้าเหมือนถูกลากมาขาย”น้ำเสียงทุ้มแฝงรอยหัวเราะดังขึ้นจากเบาะข้าง ๆ ซีลีนหันขวับไปมองตาขวางทันที“แต่นายบังคับฉันมาอย่างไม่เต็มใจ”ลมเหลือบตามองเธอเพียงเสี้ยววินาที ริมฝีปากหนายกยิ้มกวน ๆ ก่อนโน้มตัว เอื้อมมือข้างหนึ่งมาดึงสายคาดเบลต์ข้ามตัวเธอแล้วกด ล็อกแน่น ด้วยท่าทีธรรมดาราวกับไม่มีอะไร แต่ใกล้ชิดกันจนลมหายใจของเขาเป่ารดต้นคอ ก่อนที่เข้าจะใช้ปลายจมูกไล้ผิวแก้มเธอเบา ๆ ทำเอาหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง“บังคับ?” เขาทวนคำแล้วกระซิบเสียงต่ำข้างใบหู แต่ไม่ยอมขยับออกไปไหน“ฉันแค่มาตามหาคนรับผิดชอบ เพราะเมื่อคืนมีคนขโมยกอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย”แก้มใสของซีลีนแดงวาบขึ้นทันที เธอยกมือผลักอกเขาแรง ๆ พลางหันหน้าหนี“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะลม!”เสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นในรถ เขายกมือกลับไปจับพวงมาลัยอย่

  • สะพานรักซีลีน   ความลับ

    เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านสีขาวร่ำไร ร่างสูงขยับพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตา ภาพตรงหน้าคือห้องสีขาวเรียบดูสะอาดตาแต่กลับเป็นห้องที่เขารู้สึกไม่คุ้นชิน ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบมันกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดที่บอกตัวตนเจ้าของห้องชัดเจนกรอบรูปหญิงสาวในชุดต่าง ๆ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และกลิ่นน้ำหอมบางเบาที่เป็นเอกลักษณ์ของใครบางคนที่เขาจำได้ดี“ปวดหัวชะมัด”เสียงทุ้มพร่าต่ำเอ่ยกับตัวเอง เขาลุกขึ้นนั่งพลางยกมือกุมขมับความหนักอึ้งจากอาการแฮงค์เมื่อคืน ยังตามมาหลอกหลอนเขาในเช้านี้ สายตาคมยังคงมองหาเจ้าของห้องที่ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน และเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง“หึ ยัยคุณหนูตัวแสบ”ทว่ายังไม่ทันที่ลมจะทำอะไรต่อ ภาพเลือนรางในหัวก็ปรากฏขึ้นมาในตัวทีละน้อย สัมผัสอ่อนนุ่ม และกลิ่นกายหอมบางเบาเหมือนกลิ่นของเจ้าของห้อง อ้อมแขนที่เขาโอบรั้ง และริมฝีปากนุ่มที่เขาบดจูบซ้ำ ๆ ไม่ยอมปล่อยก็ฉายชัดขึ้นมาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ โดยไม่รู้ตัว แต่ทันทีที่เดินสำรวจไปรอบห้องกลับไม่เจอคนตัวเล็ก ความสงสัยก็แล่นเข้ามาแทนที่“หายไปไหน”เขาพึมพำเบา ๆ ขณะทอดสายตาไปยังผ้าห่มที่พับวางเรียบร้อยข้างกันบนเ

  • สะพานรักซีลีน   ทิ้งไว้กลางทาง

    เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยคึกคักในช่วงหัวค่ำค่อย ๆ จางหาย เหลือเพียงเสียงแมลงและสายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านกายแทน โต๊ะไม้ที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนและอาหาร ตอนนี้เหลือแค่แก้วเหล้ากระจัดกระจาย และทีมงานที่กำลังฟุบหน้าลงบนโต๊ะเมาหลับไปทีละคนลมเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้อย่างทิ้งตัว ดวงตาคมแสนเจ้าเล่ห์เริ่มพร่ามัวเล็กน้อย บนตัวเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลคละคลุ้งจนคนตัวเล็กต้องส่ายหน้าระอา“นายเมามากแล้วนะ”ซีลีนกดถามเสียงต่ำ ขมวดคิ้วมองร่างสูงที่หมดสภาพไม่ต่างจากคนอื่น ๆ“ใครเมา ไม่มี” เขาตอบเสียงต่ำแหบพร่ายืดยาวจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองช้า ๆ“สภาพแบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เมา”“ฉันไม่ได้เมาสักนิด”“ยกไม่พักแบบนั้นจะเหลือเหรอ” เธอบ่นพลางดันแก้วออกห่าง เขาหัวเราะเบา ๆ สภาพของทุกคนตอนนี้ดูไม่ต่างกันเลยสักนิด“ที่ห้าม เพราะเธอเป็นห่วงฉันใช่ไหม ยัยตัวแสบ”“พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย”เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากหนาเฉียดแก้มเนียนใสไปเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อตั้งสติจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาพร่ามัว แต่แฝงไปด้วยจริงจังจนหัวใจของเธอเต้นแรง ใบหน้าร้อนผาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ แต่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status