LOGINRe-grand คอนโด
เสียงเครื่องยนต์บิ๊กไบค์ค่อย ๆ เงียบลงเมื่อจอดสนิทหน้าคอนโดหรู ลมดึงหมวกกันน็อกออก วางลงบนเบาะอย่างไม่รีบร้อน ก่อนเอื้อมมือมาประคองคนตัวเล็กให้ก้าวลงจากรถ
“ขอบคุณนะ”
ซีลีนดึงเสื้อช็อปสีน้ำเงินให้กระชับขึ้นเล็กน้อย ก่อนหมุนตัวจะเดินเข้าตึก เสื้อผ้าที่เปียกชื้นจนแนบไปกับผิวแบบนี้ไม่ใช่สภาพที่จะยืนคุยกับเขาท่ามกลางสายตาของผู้คนที่กำลังมองอย่างสนอกสนใจมาได้เลย
“จะไปไหน”
“กลับห้องสิ”
“แล้วมีกุญแจเหรอ”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม เขายังคงยืนพิงรถอย่างใจเย็น ใบหน้าเรียบนิ่งแต่ดวงตากลับมีแววขบขัน ลมจุดบุหรี่ สูดลึก แล้วพ่นควันขาวลอยกระจายอย่างช้า ๆ เพื่อรอคำตอบ
“ยะ… อยู่ในกระเป๋า”
เสียงหวานเริ่มพูดตะกุกตะกัก ก่อนทุกอย่างจะหยุดลงกะทันหัน เมื่อภาพกระเป๋าผ้าสีครีมที่เธอทิ้งไว้บนขอนไม้หน้างานแล่นเข้ามาในหัว
“อยู่ที่ไซต์งาน”
“หึ งั้นก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องฉันก่อน”
“แต่...”
“จะเดินเอง หรือให้อุ้มขึ้นไป”
เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีกุญแจ และการไปขอกุญแจสำรองในสภาพนี้ก็ดูจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดี สุดท้ายซีลีนก็ถอนหายใจยอมเดินตามเขาไปอย่างเสียไม่ได้ โดยไม่รู้เลยว่ากระเป๋าผ้าใบนั้น ชายหนุ่มตั้งใจให้รุ่นน้องเก็บเอาไว้แล้วปล่อยทิ้งไว้ที่นั่นตั้งแต่แรก
เสียงคีย์การ์ดประตูดังขึ้นเมื่อระบบไฟฟ้าเริ่มทำงาน บานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ปะทะผิวกายทำเอาเธอรู้สึกหนาวจนขนลุก
ลมก้าวเข้าไปในห้องที่ทั้งชั้นมีเพียงห้องของเขาและเธอที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนหมุนตัวมองคนที่ยังยืนรีรออยู่หน้าห้อง
“จะยืนให้พื้นเปียกอยู่ตรงนี้ หรือจะเข้ามา”
ซีลีนทำเสียงจิ๊ปากเบา ๆ แต่ก็ยอมก้าวเข้าไป ก่อนจะมองสำรวจห้องขนาดใหญ่ที่ถูกแบ่งสัดส่วนเอาไว้อย่างลงตัว บ่งบอกถึงตัวตนของเจ้าของห้องได้จากการตกแต่งที่ต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง
“ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า”
เขาพูดพลางเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วเปิดตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเลือกหยิบตัวที่คิดว่าคนตัวเล็กน่าจะพอใส่ได้ออกมา
“ฉันไม่มีชุด”
“รู้”
น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับราวกับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร เขาหยิบเสื้อยืดสีดำกับกางเกงวอร์มมาวางบนเตียง
“ใส่ของฉันไปก่อน”
สายตาซีลีนกวาดมองชุดที่ใหญ่กว่าตัวเธอเกือบสองไซซ์ แค่เสื้อก็คงคลุมเกือบถึงหัวเข่า ส่วนกางเกงที่ไม่มีเชือกรัดเอวแบบนี้ เธอจะใส่ได้ยังไง
“จะให้ฉันใส่ชุดนี้จริงเหรอ ขาฉันไม่ได้ยาวเป็นเปรตเหมือนนายนะ”
“ก็ดีกว่าเดินให้คนทั้งคอนโดเห็นเสื้อนักศึกษาบาง ๆ นั่น คิดว่ามันน่ามองมากเหรอ มันไม่น่าดูขนาดนั้นหรอก เห็นแล้วลูก ๆ ฉันยังเสื่อม”
ปากเขาว่าเรียบ ๆ แต่สายตากลับเลื่อนผ่านเนินไหล่เปียกชื้น ไล่ลงถึงสาบเสื้อที่แนบเนื้อจนเห็นเรือนร่างผิวขาวเนียนละเอียดข้างใน ทำเอาเธอร้อนวูบทั้งใบหน้า แต่ความอยากเอาชนะที่โดนสบประมาทในใจเธอมันกลับมีมากกว่า
“แน่ใจเหรอ ว่าเห็นแล้วนายเสื่อม”
เธอคว้าเสื้อยืดในมือเขามาพาดลงบนเรียวแขนเล็ก ก่อนจะตั้งใจถอดเสื้อช็อปสีน้ำเงินที่สวมคลุมไว้ออก แล้วปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาช้า ๆ ลงอีกเม็ดจนมองเห็นเนินอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นสาบเสื้อมาเล็กน้อย
“จะทำอะไร”
“สนใจทำไม ไหนบอกเห็นแล้วเสื่อมไง”
“ก็งั้น ๆ แหละ”
“ก็ดี ฉันจะได้เปลี่ยนชุดอาบน้ำสบายใจ”
ร่างบางก้าวเข้ามาใกล้ จ้องสายตาคมอย่างไม่คิดหลบสายตา แล้วแย่งผ้าขนหนูจากมือเขามาพันรอบอก ก่อนถอดเสื้อผ้าเปียกออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงเรือนร่างเกือบจะเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าสีขาวห่มหุ้มเอาไว้
“ไปถอดในห้องน้ำ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันมันจืดไม่น่ามอง เห็นไปนายก็ไม่รู้สึกอยู่ดี”
เธอก้มตัวเล็กน้อย เผยให้เห็นความโค้งมน ก่อนจะเลื่อนมือเรียวเกี่ยวผ้าลูกไม้สีดำชิ้นจิ๋วออกจากเรียวขาช้า ๆ อย่างจงใจ
“แบบนี้ก็ไม่รู้สึกหรอกเนอะ”
“ยัยตัวแสบ”
คำพูดสั้น ๆ แต่กดน้ำเสียงให้ต่ำดูคล้ายว่าเขากำลังจะหมดความอดทน ทำเอาซีลีนรีบหมุนตัวเข้าห้องน้ำแทบจะทันที เพื่อซ่อนรอยยิ้มบางบนใบหน้าที่แม้ตัวเองก็ไม่เข้าใจ
ลมที่เห็นคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำไปพร้อมปิดประตูล็อกกลอน ก็ได้แต่กัดฟันข่มความรู้สึกปวดหนึบที่กลางลำตัวอย่างเจ็บใจที่โดนยัยตัวแสบเล่นงานเข้าจนได้
ชายหนุ่มรีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าของคนตัวเล็กเพื่อเอาไปซักอบแห้งแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนในตู้ ก่อนจะรีบตรงออกไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกแทน เพราะหากเขายังยืนอยู่ตรงนี้ความอดทนเขาคงขาดสะบั้นลงซะก่อนที่ยัยนั่นจะอาบน้ำเสร็จแน่ ๆ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ซีลีนใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสักพักใหญ่ ก่อนจะกลับออกมาพร้อมเสื้อยืดสีดำของเขาที่คลุมเกือบถึงเข่า โดยที่เธอไม่ได้สวมกางเกงที่เขาเตรียมไว้ให้เพราะมันมีขนาดที่ใหญ่เกินไปและยาวจนลากไปกับพื้น โดยที่ปลายผมยังเปียกชื้น
“มานี่”
“อะไรอีก”
“เช็ดผม”
เขากางผ้าขนหนูผืนหนาบนตัก ซีลีนขมวดคิ้วสงสัยว่าเขาจะมายุ่งอะไรกับผมของเธอ
“ฉันเช็ดเองก็ได้”
“เช็ดเองก็แฉะไปถึงพรุ่งนี้”
ว่าพร้อมคว้าข้อมือเธอเบา ๆ ดึงให้มานั่งหันหลัง สัมผัสของผ้าขนหนูเสียดสีกับเส้นผมนุ่ม ไม่เบาและไม่แรงเกินพอดี กลิ่นครีมอาบน้ำปนกลิ่นแชมพูติดปลายผมทำเอาคนตัวโตรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างประหลาด ไม่รู้ว่าทำไมทั้ง ๆ ที่ก็เป็นครีมอาบน้ำและแชมพูที่เขาใช้อยู่ประจำ แต่พอมาอยู่บนตัวหญิงสาวเขากลับรู้สึกว่ามันหอมกว่าปกติ
“หัวเล็กขนาดนี้ แต่เถียงโคตรเก่ง” เสียงทุ้มเอ่ยติดขำ
“หัวเล็กมันเกี่ยวอะไร”
“ก็… ช่างเหอะ”
เขาพูดเรียบ ๆ เพื่อตัดจบบทสนทนาไป แต่ปลายนิ้วกลับเกลี่ยปอยผมที่ติดแก้มเธออย่างจงใจ ทำเอาแก้มขาวนวลขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายจากสัมผัสร้อนจากปลายนิ้วของเขา
ซีลีนเลือกเงียบ ปล่อยให้เขาจัดการเช็ดผมต่ออย่างเงอะงะ เพราะตอนนี้เธอเองก็รู้สึกทั้งร้อนและหนาวเหมือนจะเป็นไข้และหมดแรงจะเถียงเขาแล้วจริง ๆ
“ผมแห้งแล้ว”
“อื้มมม”
ซีลีนที่ทิ้งตัวซบไหล่เขาอยู่เริ่มส่งเสียงครางเบา ๆ เหมือนคนหมดแรง ลมมองใบหน้าที่แดงระเรื่อคาดว่าน่าจะเกิดจากพิษไข้แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
ฝ่ามือหนาทาบลงบนหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากร่างบางที่ดูอ่อนแรงจนเขาอดรู้สึกหงุดหงิดแทนไม่ได้ ที่เธอฝืนตัวเองมาทั้งวัน อีกทั้งยังใจกล้ากระโดดลงไปในน้ำจนเนื้อตัวเปียกปอน
ลมขยับตัวอุ้มช้อนเธอช้า ๆ วางร่างบางลงบนเตียง ก่อนลุกไปยังห้องครัว เพื่อหยิบขวดน้ำกับยาในลิ้นชักมาให้คนป่วย แล้วกลับมานั่งข้าง ๆ คนตัวเล็ก เขาแตะไหล่เธอเบา ๆ แค่พอให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว
“ยัยตัวแสบ ตื่นขึ้นมากินยาก่อน”
“อืมมม”
ซีลีนส่งเสียงครางงึมงำในลำคออย่างไม่อยากลืมตา แต่ก็ขยับตัวเล็กน้อย
“ยัยตัวแสบ ลุกมากินยาก่อน”
น้ำเสียงฟังดูดุกว่าปกติ แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใย ร่างสูงสอดแขนประคองแผ่นหลังบางให้เอนหลังพิงตัวเอง มืออีกข้างยื่นน้ำให้ แต่ดูเหมือนอีกคนจะอ่อนเพลียเกินกว่าจะตอบรับเขา ลมเอื้อมมือแตะไหล่เล็กเบา ๆ อีกครั้งเพื่อปลุกอีกคนให้ลืมตา
“กินยาก่อน เดี๋ยวไข้ไม่ลด”
“ไม่เอา จะนอน”
เสียงงึมงำดังอยู่ในลำคอพร้อมเสียงหวานที่เอ่ยปฏิเสธ ซีลีนขยับตัวหนีเล็กน้อยไม่ต่างจากเด็กที่กำลังงอแง เขาเลิกคิ้วอย่างเอ็นดู แต่ขืนปล่อยไว้แบบนี้ เธอคงไม่ยอมลุกขึ้นมากินยาแน่
“จะกินดี ๆ หรือให้บังคับ”
น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงแรงกดดันทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธอีกครั้ง
“ไม่เอา…ง่วง”
เธอพึมพำทั้งที่ตายังปิดแน่น ลมหยิบซองยาแก้ไข้ออกมา ฉีกซอง ดันเม็ดยาลงใต้ลิ้นตัวเอง แล้วจิบตามด้วยน้ำเพียงเล็กน้อย ก่อนโน้มตัวลงมาใกล้คนป่วย มือหนาประคองท้ายทอยเธอช้า ๆ ปลายนิ้วแทรกกับเส้นผมที่แห้งสนิท
เสียงลมหายใจของทั้งคู่ใกล้เสียจนแทบจะผสมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วเขาก็กดริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากบางของเธออย่างจงใจ ความอุ่นและความชื้นจากน้ำที่แทนกซึมเข้ามาในปาก ทำให้ซีลีนเบิกตากว้างด้วยความตกใจได้ แต่ปล่อยให้เม็ดยาลื่นไหลเข้าสู่ปากเธอโดยไม่ทันตั้งตัว
“อื้มม”
“หวาน”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยพึมพำออกมาแผ่วเบา ริมฝีปากร้อนจัดของเขายังคงกดทาบคลอเคลียอยู่ไม่ห่างก่อนจะกดทาบลงมาอีกครั้ง ไม่ต่างจากครั้งแรก
คนตัวเล็กที่ตั้งใจจะผลักเขาออก แต่เธอกลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เกินกว่าที่ปฏิเสธสัมผัสแสนอ่อนโยนจากเขา ราวกับการทำงานของความคิดกับร่างกายไม่สัมผัสกัน เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างครอบงำจนร่างกายไม่ยอมทำตาม
มือเล็กเผลอจิกลงบนแขนเขาแน่นเหมือนจะยึดไว้ ความร้อนจากลมหายใจของเขา ความชื้นอุ่นในโพร่งปาก และแรงดูดดึงรุกไล่ไม่ให้เธอได้ตั้งตัว ทำให้คนตัวเล็กเผลอขยับริมฝีปากตอบรับแบบเก้ ๆ กัง ๆ แต่กลับเต็มไปด้วยความซื่อและความลังเลที่เขาสัมผัสได้ชัดเจน
ปลายลิ้นเธอแตะตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนจะถอยหนี แต่เขากลับจับจังหวะนั้นไว้แล้วดูดดึงกลับมาอีกครั้ง ราวกับกำลังสอนให้เธอรู้ว่าควรจูบอย่างไร อีกทั้งความเงอะงะของเธอกลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้หัวใจเขาเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
“อื้มมม”
เสียงครางในลำคอของเธอเล็ดลอดออกมาแผ่วเบา ยิ่งทำให้ลมเผลอกดริมฝีปากแน่นขึ้นอย่างลืมตัว มือหนาที่โอบเอวบางเลื่อนขึ้นมาประคองซ้อนแผ่นหลัง ดึงเธอเข้ามาชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง
ลมหายใจร้อนผ่าวปะปนกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ แรงจูบดำดิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ จนซีลีนแทบหายใจไม่ทัน ริมฝีปากของเธอที่เคลื่อนไหวตอบอย่างเงอะงะเริ่มเข้าจังหวะกับเขาโดยไม่รู้ตัว
ความร้อนจากร่างกายของทั้งคู่ปะปนกันจนแยกไม่ออกว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือเพราะแรงดึงดูดที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน
ปลายนิ้วของลมเลื่อนจากแผ่นหลังขึ้นมาสอดเข้าที่ท้ายทอย ลูบไล้ผมยาวสลวยเบา ๆ เพื่อกดเธอให้รับแรงจูบลึกซึ้งขึ้นอีก เสียงหอบแผ่ว ๆ ของเธอทำให้หัวใจเขาเต้นแรงผิดจังหวะ ราวกับถูกยั่วย้วนโดยไม่ตั้งใจ
แต่แล้วสายตาคมก็เหลือบเห็นใบหน้าที่แดงจัดกว่าปกติและลมหายใจร้อนผ่าวของเธอ เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่เพราะเขาเพียงอย่างเดียว ความร้อนจากพิษไข้กำลังกัดกินเธออยู่ทุกขณะ ลมชะงัก ก่อนจะค่อย ๆ ผละริมฝีปากออกช้า ๆ จนได้ยินเสียงหอบเบา ๆ จากเธอที่ยังหลับตาปรือ ใบหน้าเล็กยังโน้มอยู่ใกล้ราวกับไม่อยากให้ห่าง ก่อนจะตั้งสติได้จึงรีบก้มหน้าซุกอกแกร่งด้วยความเขินอาย
ร่างสูงสูดลมหายใจลึก พยายามกดแรงปรารถนาที่คุกรุ่นในอกให้สงบลง มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกพอใจ แต่ดวงตากลับนิ่งลงอย่างรวดเร็วเพื่อเก็บอาการและทำราวกับมันเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีผลอะไรกับหัวใจของเขา
“นอนซะ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นเหมือนสั่งตัวเองมากกว่าบอกกับอีกฝ่าย มือหนาลูบศีรษะเธอแผ่ว ๆ อย่างปลอบโยน ทั้งที่ไม่ใช่สิ่งที่ตั้งใจจะทำตั้งแต่แรก แต่กับคนป่วยที่อุณหภูมิร่างกายสูงขนาดนี้ น่าสงสารเกินกว่าที่เขาคิดจะรังแก
ลมเอนหลังพิงหัวเตียง ปล่อยให้ซีลีนเอนซบอกเขาต่อไป เสียงลมหายใจของเธอค่อย ๆ ดังสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเธอเข้าสู้ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่มือเขายังโอบกอดเธออยู่หลวม ๆ ราวกับต้องการปกป้องดูแล
มุมปากเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย ทั้งเอ็นดู ทั้งหลงใหล แบบนี้มันไม่ใช่ภาพที่เขาวางแผนไว้ตอนชวนเธอขึ้นห้องสักนิด จากตอนแรกแค่คิดว่าจะได้แกล้งให้เธอเท่านั้น แต่พอเห็นคนตรงหน้าหน้าแดงเพราะไข้ มือเท้าเย็นซีด ทั้งเนื้อทั้งตัวแค่แรงจะนั่งยังแทบไม่มี ความคิดนั้นก็ถูกดับลงในพริบตา
“เฮ้อ…”
เขาถอนหายใจลากยาว ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ร่างบาง มือหนายังคงลูบเรือนผมยาวสลวยเบา ๆ เหมือนกล่อมเด็ก นัยน์ตาคมที่ปกติเต็มไปด้วยความยียวน กลับนิ่งและอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
‘ครั้งนี้จะยอมให้ก่อนแล้วกัน’
เสียงเครื่องยนต์ดังคำรามตลอดเส้นทาง ลมขับรถตรงดิ่งไปที่คณะ ใบใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์นัก แต่ความคิดในหัวกลับตีกันวุ่นวาย ต่าง ๆ นานา คิดถึงแต่ใครบางคนที่หายไปตั้งแต่เช้าไม่นาน แมคเคลเรล720S All Black คันคุ้นเคยก็เลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถคณะวิศวะฯ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินจากรถตรงไปยังกลุ่มเพื่อนที่กำลังนั่งรวมกันใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกคนได้แต่ชะงักและหันมามองแทบพร้อมกัน เสียงฮือฮาของผู้คนรอบข้างดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นหนุ่มฮอตปรากฏตัว โดยเฉพาะพวกสาว ๆ ที่ดูจะกรี้ดกร้าดเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ที่มีโปรเจกต์ลมก็ไม่ค่อยได้เข้าคณะเลย“เฮ้ย ไอ้ลม! มาได้ไงวะ ปกติมึงน่าจะอยู่ที่ไซต์”“หน้าเครียดเชียว กูว่าต้องมีเรื่องแน่ ๆ”เสียงทุ้มของเดย์เอ่ยถามทันที เมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา ตามด้วยเสียงของไนท์ที่หันไปมองตามเสียงของแฝดตัวเองลมเดินเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งไม้ กวาดตามองพวกมันทีละคน เสยผมขึ้นด้วยท่าทีหงุดหงิด“กูมาหาพวกมึงไม่ได้หรือไง”เขาพูดเสียงเรียบ ก่อนเอนหลังพิงพนัก มือยกโทรศัพท์ขึ้นไถ่ฟีดเลื่อนไปมาอย่างหงุดหงิด เพราะไม่รู้จะไปตามหาอีกคนที่ไหน เขาเลยตัดสินใจขับรถมาหาเพื่อน ๆ ที่คณะแทน“สรุปว
แสงแดดในช่วงสายของวันที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเข้มเข้ามา ทำให้ลมค่อย ๆ รู้สึกตัว ก่อนมือหนาจะคว้านหาร่างบางที่เขากอดมาตลอดทั้งคืน แต่ปรากฏว่าข้างกายเขากลับว่างเปล่า มีเพียงร่องรอยยับย่นบนผ้าปูที่ยืนยันว่า เมื่อคืนเขาไม่ได้อยู่คนเดียว กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของร่างบางยังติดอยู่บนปลอกหมอน ในเมื่อเขาเป็นคนอุ้มเธอกลับมาจากที่ไซต์งานมาต่อที่ห้องด้วยตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับหายไปไหน“หนีไปอีกแล้วสินะ”ร่างแกร่งหยัดกายลุกเอนหลังพิงหัวเตียง มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียง ก่อนจะเปิดเช็กบางอย่าง เพราะเขารู้ดีว่าคนตัวเล็กมักจะชอบโพตทุกอย่างไว้บนสตอรี่ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ตาม แต่เช้านี้มันกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยเรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความเงียบในห้องยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในวาวโรจ์นขึ้นมา ลมโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นนั่ง เสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด“ได้ฉันแล้วจะทิ้งเหรอ”เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทิ้งเขาไว้คนเดียวบนเตียงแบบนี้ร่างแกร่งลุกขึ้นจากเตียงด้วยร่างกายเปื่อยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยแดงและการขีดข่วนจากปลายเล็บ ลมยังคงเดินหาใครบางคนจน
จูบที่เริ่มจากการรุกเร้าเบา ๆ กลับกลายเป็นไฟราคะที่ลุกโชน ริมฝีปากหนาไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้พัก มือใหญ่เลื่อนจากแผ่นหลังขึ้นมากดท้ายทอยเล็ก รั้งเธอให้รับแรงจูบลึกขึ้นเรื่อย ๆ“อื้อออออ”มือหนาอีกข้างเลื่อนต่ำมาทาบเอวบาง ลากปลายนิ้วไปตามสันโค้งจนเธอสั่นสะท้าน ร่างเล็กที่นั่งบนตักเผลอขยับเบียดแน่นขึ้นทุกครั้งที่เขาดึงให้เข้าใกล้“ต้องการกันไหมครับ”ลมกระซิบเสียงพร่าแนบข้างหู ก่อนจะเล็มจูบลงมาตามแนวสันกรอบหน้า สัมผัสกับผิวเนียนที่แดงจัด“ฉัน…ไม่”คำคัดค้านเอ่ยขึ้นอย่างติด ๆ ขัด ๆ เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวซุกลงมาตรงลำคอขาว มือเล็กเผลอเกาะบ่ากว้างแน่นเพื่อหาที่พยุง เสียงหัวเราะทุ้มพร่าเล็ดลอดจากลำคอเขา เมื่อเห็นร่างบางสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน“ร่างกายเธอมันกำลังต้องการฉัน”ลมกดจูบหนักลงที่ซอกคอ ฝากทิ้งร่องรอยรักแดงสีกุหลาบอย่างไม่ยอมออมแรง ขณะมือหนาบีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม มืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามเอวบางและสะโพกกลม จนเธอคล้อยตามไปกับสิ่งที่เขากำลังนำพาเธอไปคนตัวเล็กเริ่มหอบหายใจถี่ หน้าแดงจัดจนแทบลามไปถึงหู ทั้งร้อน ทั้งอาย แต่กลับมีเพียงเสียงครางกระเส่าที่หลุดออกมาเบา ๆ เท่านั้น“อื้มมม ลม”แต่คนตั
ลมเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ ด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ แต่กลับกดดันจนเธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับกลาย ๆ ร่างบางชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนั่งลงไปอย่างเสียไม่ได้ ทว่าประตูปิดลง กลิ่นกายอุ่นที่คุ้นเคยจากเมื่อคืนก็โอบล้อมเข้ามาในพื้นที่แคบทันทีร่างบางรีบเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่าง เพราะกลัวจะเผลอใจสั่นจากความใกล้ชิดที่ที่เกิดขึ้น“ทำหน้าเหมือนถูกลากมาขาย”น้ำเสียงทุ้มแฝงรอยหัวเราะดังขึ้นจากเบาะข้าง ๆ ซีลีนหันขวับไปมองตาขวางทันที“แต่นายบังคับฉันมาอย่างไม่เต็มใจ”ลมเหลือบตามองเธอเพียงเสี้ยววินาที ริมฝีปากหนายกยิ้มกวน ๆ ก่อนโน้มตัว เอื้อมมือข้างหนึ่งมาดึงสายคาดเบลต์ข้ามตัวเธอแล้วกด ล็อกแน่น ด้วยท่าทีธรรมดาราวกับไม่มีอะไร แต่ใกล้ชิดกันจนลมหายใจของเขาเป่ารดต้นคอ ก่อนที่เข้าจะใช้ปลายจมูกไล้ผิวแก้มเธอเบา ๆ ทำเอาหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง“บังคับ?” เขาทวนคำแล้วกระซิบเสียงต่ำข้างใบหู แต่ไม่ยอมขยับออกไปไหน“ฉันแค่มาตามหาคนรับผิดชอบ เพราะเมื่อคืนมีคนขโมยกอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย”แก้มใสของซีลีนแดงวาบขึ้นทันที เธอยกมือผลักอกเขาแรง ๆ พลางหันหน้าหนี“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะลม!”เสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นในรถ เขายกมือกลับไปจับพวงมาลัยอย่
เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านสีขาวร่ำไร ร่างสูงขยับพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตา ภาพตรงหน้าคือห้องสีขาวเรียบดูสะอาดตาแต่กลับเป็นห้องที่เขารู้สึกไม่คุ้นชิน ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบมันกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดที่บอกตัวตนเจ้าของห้องชัดเจนกรอบรูปหญิงสาวในชุดต่าง ๆ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และกลิ่นน้ำหอมบางเบาที่เป็นเอกลักษณ์ของใครบางคนที่เขาจำได้ดี“ปวดหัวชะมัด”เสียงทุ้มพร่าต่ำเอ่ยกับตัวเอง เขาลุกขึ้นนั่งพลางยกมือกุมขมับความหนักอึ้งจากอาการแฮงค์เมื่อคืน ยังตามมาหลอกหลอนเขาในเช้านี้ สายตาคมยังคงมองหาเจ้าของห้องที่ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน และเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง“หึ ยัยคุณหนูตัวแสบ”ทว่ายังไม่ทันที่ลมจะทำอะไรต่อ ภาพเลือนรางในหัวก็ปรากฏขึ้นมาในตัวทีละน้อย สัมผัสอ่อนนุ่ม และกลิ่นกายหอมบางเบาเหมือนกลิ่นของเจ้าของห้อง อ้อมแขนที่เขาโอบรั้ง และริมฝีปากนุ่มที่เขาบดจูบซ้ำ ๆ ไม่ยอมปล่อยก็ฉายชัดขึ้นมาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ โดยไม่รู้ตัว แต่ทันทีที่เดินสำรวจไปรอบห้องกลับไม่เจอคนตัวเล็ก ความสงสัยก็แล่นเข้ามาแทนที่“หายไปไหน”เขาพึมพำเบา ๆ ขณะทอดสายตาไปยังผ้าห่มที่พับวางเรียบร้อยข้างกันบนเ
เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยคึกคักในช่วงหัวค่ำค่อย ๆ จางหาย เหลือเพียงเสียงแมลงและสายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านกายแทน โต๊ะไม้ที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนและอาหาร ตอนนี้เหลือแค่แก้วเหล้ากระจัดกระจาย และทีมงานที่กำลังฟุบหน้าลงบนโต๊ะเมาหลับไปทีละคนลมเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้อย่างทิ้งตัว ดวงตาคมแสนเจ้าเล่ห์เริ่มพร่ามัวเล็กน้อย บนตัวเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลคละคลุ้งจนคนตัวเล็กต้องส่ายหน้าระอา“นายเมามากแล้วนะ”ซีลีนกดถามเสียงต่ำ ขมวดคิ้วมองร่างสูงที่หมดสภาพไม่ต่างจากคนอื่น ๆ“ใครเมา ไม่มี” เขาตอบเสียงต่ำแหบพร่ายืดยาวจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองช้า ๆ“สภาพแบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เมา”“ฉันไม่ได้เมาสักนิด”“ยกไม่พักแบบนั้นจะเหลือเหรอ” เธอบ่นพลางดันแก้วออกห่าง เขาหัวเราะเบา ๆ สภาพของทุกคนตอนนี้ดูไม่ต่างกันเลยสักนิด“ที่ห้าม เพราะเธอเป็นห่วงฉันใช่ไหม ยัยตัวแสบ”“พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย”เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากหนาเฉียดแก้มเนียนใสไปเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อตั้งสติจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาพร่ามัว แต่แฝงไปด้วยจริงจังจนหัวใจของเธอเต้นแรง ใบหน้าร้อนผาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ แต่







