เข้าสู่ระบบผู้ชายที่เขาให้เกียรติเธอได้แค่ริมถนนแบบนั้น ทำไมฉันต้องอยากได้ เรื่องย่อ เรื่องราวความวุ่นวายหลังจากที่ทางมหาวิทยาลัย มีโปรเจกต์ สานสัมพันธ์กับชุมชนในพื้นที่มีมติให้มีการสร้างสะพาน ปราณวริทธิ์ นิธิวราดล (นักศึกษาวิศวะปี4) หรือลม จึงได้จัดการวางแผนใส่ชื่อเพื่อนของตัวเองเพื่อเอาตัวรอด แต่ใครจะรู้ว่าฟ้ามีตา เพราะท้ายที่สุดลมก็ต้องกับมาทำโปรเจกต์นี้ด้วยตัวเอง โดยที่จะต้องทำงานร่วมกัย พรพระจันทร์ ธาดาภิวัฒน์(ซีลีน) หญิงสาวที่สวยสะดุดสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่การเจอกันระหว่างเขากับเธอกลับไม่ใช่เรื่องราวที่น่าประทับใจ เรื่องราวความรัก ความวุ่นวายจากโปรเจกต์สะพานครั้งนี้จึงเกิดขึ้น ท่ามกลางปัญหาและเรื่องราวที่ทั้งสองต้องจัดการไปด้วยกัน
ดูเพิ่มเติมDragon Club
เสียงบีทกระหึ่มสะเทือนทั่วสถานบันเทิงชื่อดังที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน ที่เข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน บ้างมาเพื่อปลดปล่อย บ้างมาเพื่อผ่อนคลายตามวิถีของตัวเอง เช่นเดียวกับกลุ่มนักศึกษาจากคณะ สถาปัตย์ที่นัดรวมตัวกันเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้องและสายรหัส
โต๊ะยาวหน้าเวทีถูกจองไว้ล่วงหน้า ป้ายชื่อ “ซีลีน” วางเด่นอยู่กลางโต๊ะ เธอคือนักศึกษาสาวปีสี่ เจ้าของฉายา นางฟ้าสถาปัตย์ ความสวยและรูปร่างเย้ายวนของเธอมักสะดุดตาคนที่พบเจอเสมอ
ใบหน้าสวยรับกับผมบลอนด์ยาวสลวยไล่ลงมาถึงกลางหลัง ตัดกับชุดเดรสรัดรูปสีดำแนบเรือนร่างอย่างพอดิบพอดี เรียกสายตาทุกคู่ให้เหลียวมองแทบจะพร้อมกันในขณะที่ร่างบางกำลังเดินเข้ามาด้านใน
บรรยากาศบนโต๊ะคึกคักไปด้วยขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำแข็ง และเสียงหัวเราะ บอมยืนยิ้มทักทายพี่ ๆ ในคณะทีละคน รวมถึงพี่รหัสสาวสวยอย่างซีลีน ก่อนจะหยิบแก้วขึ้นจิบเบา ๆ
“บอม มาคนเดียวเหรอ? แล้วไอริสไปไหน?”
เสียงหวานของซีลีนเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ หลานรหัสของเธอที่ควรจะมาถึงนานแล้ว แต่กลับยังไม่เห็นแม้แต่เงา บอมหันกลับมาตอบรุ่นพี่สาว ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ไม่ได้มาครับ พอดีน้องกำลังเตรียมย้ายร้าน”
“ย้ายร้านเหรอ?”
ซีลีนเลิกคิ้ว วางแก้วลงบนโต๊ะด้วยความงุนงง เพราะเท่าที่เธอรู้ ไอริสเช่าร้านของแฟนหนุ่มอยู่ แล้วจะย้ายทำไม?
“ผมก็เพิ่งรู้จากเพื่อนน้องว่าไอริสเพิ่งเลิกกับแฟนไม่กี่วันก่อน ที่นี่”
“หมายความว่ายังไง ที่นี่?”
บอมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ ทำมือป้องปาก ก่อนจะค่อย ๆ เล่าเรื่องที่ตัวเองเพิ่งได้รู้มาให้คนตรงหน้าฟัง
“เพื่อนสนิทน้องเล่าให้ฟังว่า ไม่กี่วันก่อนไอริสมาส่งเค้กให้ลูกค้าที่นี่ แล้วดันจับได้ว่าแฟนของเธอนอกใจ จับได้แบบหลักฐานคาตาเพราะผู้ชายคนนั้นกำลังฉลองวันเกิดให้กับผู้หญิงอีกคน”
“ผู้ชายนี้ยังไง เหมือนกันหมด เอาไม่เลือก”
ซีลีนพึมพำเบา ๆ ขณะหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาหมายจรดริมฝีปาก บอมหันไปมองแล้วยิ้มขำก่อนจะยกแก้วขึ้นบ้าง
“โธ่ เจ๊ อย่าเพิ่งขึ้น มาชนแก้วดีกว่า”
ร่างบางไม่ได้ตอบอะไรกลับ เธอเพียงนั่งนิ่ง ขณะที่ในใจกลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิดกับเรื่องที่เพิ่งได้ยิน ทำไมไอริสถึงไม่บอกอะไรเธอสักคำ แค่น้องรหัสเธอเอ่ยปากคำเดียว เธอก็พร้อมจะหาทำเลดี ๆ ให้ เปิดร้านที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องลำบากแบบนี้เลยสักนิด
แต่สุดท้ายซีลีนก็ทำได้แค่ถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจ ไอริสไม่ใช่คนที่จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือใครง่าย ๆ และเหตุผลที่ไม่ยอมบอกก็คงเพราะความเกรงใจ และคงรู้ดีว่าถ้าปริปากบอกกันสักนิด เธอจะไม่ปล่อยให้หลานรหัสของตัวเองต้องแบกรับทุกอย่างอยู่คนเดียวแน่นอน
ซีลีนยกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ ปล่อยให้รสชาติความขมไหลกลืนลงคอไปพร้อมกับความคิดฟุ้งซ่าน แต่แล้วสายตาก็เผลอเลื่อนมองไปยังอีกฝั่งของคลับ ก่อนจะบังเอิญสบเข้ากับสายตาของใครคน หนึ่งในกลุ่มนั้นเข้าอย่างจัง เขายืนอยู่ด้านข้าง ไม่ได้โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม แต่ดวงตาคมกริบใต้เส้นผมที่ถูดจัดแต่งมาอย่างดี กลับตรึงสายตาและความรู้สึกเธอไว้ได้อย่างประหลาด
ดวงตากลมโตกะพริบตา ไล่ความรู้สึกบางอย่างที่เพิ่งพุ่งเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเบือนหน้ากลับมาที่โต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ปลายนิ้วยังลูบขอบแก้วอย่างลืมตัว อีกทั้งในใจยังจดจำแววตาคู่นั้นไว้ชัดเจน
“เจ๊ซีคนสวย” เสียงของน้องรหัสเรียกเธอ ทำให้ร่างบางกลับมาได้สติอีกครั้ง
“มีอะไร”
“พรุ่งนี้ว่างป่ะ ไปหาน้องกันไหมครับ ผมว่าจะเอาของไปให้เขาพอดี”
ซีลีนกระพริบตาเรียกสติ ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
“ก็ดีนะ ไปสิ เพื่อน้องมีอะไรให้ช่วย เจอกันกี่โมงดีเจ๊”
“บ่าย ๆ ก็ได้ครับ ผมเรียนแค่เช้า”
“โอเค งั้นเจอกันหน้าคณะเหมือนเดิม”
ซีลีนพูดเสียงเรียบ ยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แม้ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างจะยังค้างคาอยู่ในใจ
เสียงดนตรีเริ่มเร่งจังหวะขึ้นอีกครั้ง ผู้คนเริ่มลุกออกไปเต้น บางคนแยกย้าย บางคนย้ายโต๊ะ เธอเองก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋า สะบัดผมเบา ๆ ก่อนจะหันมาบอกบอม
“เจ๊กลับก่อนนะ คืนนี้รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
“ได้ครับ เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้”
ซีลีนก้าวเดินออกจากโต๊ะ ผ่านผู้คนที่ยังสนุกสนาน ท่ามกลางแสงไฟสลัว แต่ขณะที่เธอกำลังเดินผ่านฝั่งตรงข้าม รู้ตัวอีกทีสายตาของเธอก็แอบหันไปมองโต๊ะกลุ่มชายหนุ่มอีกครั้ง แต่ครานี้เธอกลับไม่เห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ที่โต๊ะแล้ว
“ไม่อยู่ก็ไม่อยู่เธอกำลังสนใจอะไรอยู่ซีลีน”
เสียงหวานบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมกับสลัดภาพความคิดในหัวออกไป แล้วก้าวเดินออกมาจากสถานบันเทิงตรงไปที่รถมินิ คูเปอร์เวิร์ก สีดำคู่ใจที่จอดอยู่ในลานจอดรถด้านในสุด
แต่ยังไม่ทันที่จะกดปลดล็อก สายตาก็สะดุดเข้ากับรถญี่ปุ่นสีขาวคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้าง ๆ กัน ตัวรถโยกแรงจนเธอไม่ต้องเดาว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในนั้น เธอชะงักค้าง สองคิ้วขมวดเข้าหากันแทบจะทันที
“โอ๊ย…ให้มันได้อย่างนี้”
เสียงบ่นหลุดออกมาอย่างอดไม่อยู่ เธอส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างหงุดหงิด แต่ก็อดเหลือบมองกลับไปอีกครั้งเพื่อเช็กแค่ให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ตาฝาด และใช่… มันยังโยกอยู่
ซีลีนถอนหายใจออกมาแรง ๆ ยกมือขึ้นกดรีโมตปลดล็อกรถตัวเอง หวังจะให้คนที่อยู่ในรถรู้ตัวแล้วหยุดทำเรื่องทุเรศ ๆ ในลานจอดรถแบบนี้ ก่อนจะพยายามเดินอ้อมเข้าด้านคนขับอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ส้นสูงจะอำนวย
“กลางลานจอดรถก็ไม่เว้นเหรอเนี้ย”
ทว่ายังไม่ทันที่ซีลีนจะก้าวไปถึงตัวรถ รองเท้าส้นสูงสีดำก็ต้องหยุดชะงักลง ดวงตากลมโตสะดุดเข้ากับร่างหญิงสาวที่เพิ่งก้าวลงมา
หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสด ยิ้มมั่น ๆ ราวกับเป็นนางเอกเอ็มวี และแล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อผู้หญิงคนนั้นหยิบลิปสติกสีแดงฉ่ำไม่ต่างกับสีชุดที่เธอสวมใส่ออกมา ทาลงบนปากตัวเองอย่างมั่นใจ ก่อนจะโน้มตัวไปจูบกระจกของ รถเธอ อย่างจัง
“เหอะ”
ซีลีนยืนค้างไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะพุ่งเข้าไปตรงนั้นด้วยความเร็ว
“ขอโทษนะคะ” เธอส่งเสียงหวานเจือเย็น เอ่ยออกมาด้วยความอดทน
“…”
“รถของฉัน ไม่ใช่พร็อพให้ใครมาซ้อมบทเลิฟซีน”
หญิงสาวเจ้าของรอยลิปหันมามองอย่างไม่มีท่าทีสำนึกผิดสักนิด ซีลีนกลับมองเห็นแววตากวน ๆ แบบผู้หญิงคนนั้นที่คิดว่าโลกคงหมุนรอบสะดือตัวเอง
“อ้าวเหรอคะ นึกว่ารถแฟนเลยฝากรอยไว้หน่อย”
แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมายิ่งทำให้ร่างบางยิ่งรู้สึกอารมณ์เสีย เพราะเจ้าตัวกลับแสดงท่าทียักไหล่ ไม่ทุกข์ร้อน ในสิ่งที่ตัวเองทำสักนิด ซีลีนยิ้มหวานกลับไป ก่อนตอบกลับอย่างเฉียบขาด
“อ๋อ งั้นแปลว่าเธอเอาปากไปทาบกับทุกอย่างที่เป็นของผู้ชายคนนั้นสินะ ปากเธอคงสกปรกน่าดู” อีกฝ่ายชะงักไปแวบหนึ่ง แต่ก็ยังไม่คิดยอมแพ้
“พูดแบบนี้ หวงรถ หรืออยากได้ผู้ชายของฉันกันแน่?”
“ทำไมฉันต้องอยากได้ ผู้ชายของเธอ”
ซีลีนหัวเราะเบา ๆ พร้อมปรายตามองคราบลิปสติกที่เปรอะเปื้อนบนกระจก แล้วมองตรงเข้าไปนัยย์ตาอีกฝ่ายราวกับคนที่อยู่เหนือกว่า แล้วเปร่งเสียงหวานออกมาช้า ๆ อย่างตั้งใจ
“ผู้ชายที่เขาให้เกียรติเธอได้แค่ริมถนนแบบนั้น ทำไมฉันต้องอยากได้”
พูดจบร่างบางก็หยิบสเปรย์แอลกอฮอล์ขวดเล็กจากกระเป๋าถือ พ่นใส่กระจกแบบไม่ยั้งมือ กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยตลบอบอวล ชนิดที่ถ้าคราบลิปมีชีวิตก็คงร้องขอชีวิตไปแล้ว
เธอหยิบทิชชูในกระเป๋าออกมาเต็มกำมือ เช็ดกระจกแรง ๆ จนสะอาดเอี่ยม จากนั้นม้วนกระดาษเช็ดที่เปื้อนลิปสติกอย่างตั้งใจ แล้วโยนใส่มืออีกฝ่ายเต็ม ๆ แบบไม่ไว้หน้า หญิงสาวในชุดแดงผงะนิด ๆ มองเศษทิชชูในมือพร้อมกับสลัดออกมานึกรังเกียจ
“สองพัน ค่าล้างรถจ่ายมา”
“เธอจะบ้าเหรอ? แค่คราบลิปสติกบนกระจก จะคิดเงินขนาดนั้นได้ไง ในเมื่อเธอก็เช็ดออกแล้ว?”
“เช็ดแล้วยังทิ้งคราบ ทิ้งเชื้อโรค ฉันไม่ขับรถสกปรกแบบนี้หรอกนะ หรือว่าเธอไม่มีปัญญาจ่าย”
“…”
“อ้อ...ลืมไป แค่เปิดโรงแรมดี ๆ ยังทำไม่ได้ เลยต้องมาสมสู่กันริมถนน เหมือนลูกหมา”
ซีลีนยักไหล่ ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้มเชือดเฉือน มองหญิงสาวในชุดแดงนิ่งค้างไปทันที ราวกับถูกคำพูดของซีลีนฟาดเข้าเต็มแรง ดวงตาเธอแข็งกร้าว ใบหน้าเริ่มแดงจัดด้วยความโกรธ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรโต้กลับ
“เอาไป”
เสียงทุ้มนิ่ง ๆ จากด้านหลังกลับแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทั้งสองสาวหันขวับไปพร้อมกัน และเป็นซีลีนที่เบิกตาขึ้นเพียงเสี้ยววินาที
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีเข้ม มือหนึ่งล้วงกระเป๋า มืออีกข้างยื่นแบงก์พันสองใบมาตรงหน้าเธอ เขามองเธอด้วยแววตาเรียบเฉย เขาคือผู้ชายคนเดียวกันที่เธอเพิ่งเจอด้านในคลับ
ซีลีนยืนนิ่ง มองธนบัตรในมือเขาสลับกับดวงตาคมคู่นั้น แล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะรับเงินมาอย่างเชื่องช้า แต่ยิ้มเยาะที่มุมปาก มือบางอีกหยิบเงินสองพันมายื่นคืนให้หญิงสาวในชุดแดงอย่างจงใจ
“ฝากเอากลับไปด้วย จะได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก เผื่อวันหลังอยากทิ้งรอยไว้ตรงไหน จะได้คิดก่อน”
หญิงสาวเม้มปากแน่น ไม่กล้ารับ แต่ก็ไม่กล้าปัด เพราะกลัวจะดูไม่ดีในสายตาของชายหนุ่มที่เธอเพิ่งมีโอกาสเข้าหาเขาได้ครั้งแรก หลังจากตามให้ท่าอยู่นาน
“หรือจะเอาไว้ไปเปิดโรงแรมก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องผสมพันธุ์เหมือนสัตว์เดือนสิบสอง”
“กรี้ดดดด อีบ้า!!!”
ลมมองคนตัวเล็กที่เพิ่งก้าวขึ้นรถ แล้วปิดประตูรถ โดยไม่หันกลับไปอีกแม้แต่นิด เขายังมองตามรถมินิ คูเปอร์สีดำที่แล่นออกไปจากลานจอด ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินกลับไปที่รถของตัวเองโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของผู้หญิงอีกคน
แสงแดดในช่วงสายของวันที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเข้มเข้ามา ทำให้ลมค่อย ๆ รู้สึกตัว ก่อนมือหนาจะคว้านหาร่างบางที่เขากอดมาตลอดทั้งคืน แต่ปรากฏว่าข้างกายเขากลับว่างเปล่า มีเพียงร่องรอยยับย่นบนผ้าปูที่ยืนยันว่า เมื่อคืนเขาไม่ได้อยู่คนเดียว กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของร่างบางยังติดอยู่บนปลอกหมอน ในเมื่อเขาเป็นคนอุ้มเธอกลับมาจากที่ไซต์งานมาต่อที่ห้องด้วยตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับหายไปไหน“หนีไปอีกแล้วสินะ”ร่างแกร่งหยัดกายลุกเอนหลังพิงหัวเตียง มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียง ก่อนจะเปิดเช็กบางอย่าง เพราะเขารู้ดีว่าคนตัวเล็กมักจะชอบโพตทุกอย่างไว้บนสตอรี่ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ตาม แต่เช้านี้มันกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยเรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความเงียบในห้องยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในวาวโรจ์นขึ้นมา ลมโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นนั่ง เสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด“ได้ฉันแล้วจะทิ้งเหรอ”เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทิ้งเขาไว้คนเดียวบนเตียงแบบนี้ร่างแกร่งลุกขึ้นจากเตียงด้วยร่างกายเปื่อยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยแดงและการขีดข่วนจากปลายเล็บ ลมยังคงเดินหาใครบางคนจน
จูบที่เริ่มจากการรุกเร้าเบา ๆ กลับกลายเป็นไฟราคะที่ลุกโชน ริมฝีปากหนาไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้พัก มือใหญ่เลื่อนจากแผ่นหลังขึ้นมากดท้ายทอยเล็ก รั้งเธอให้รับแรงจูบลึกขึ้นเรื่อย ๆ“อื้อออออ”มือหนาอีกข้างเลื่อนต่ำมาทาบเอวบาง ลากปลายนิ้วไปตามสันโค้งจนเธอสั่นสะท้าน ร่างเล็กที่นั่งบนตักเผลอขยับเบียดแน่นขึ้นทุกครั้งที่เขาดึงให้เข้าใกล้“ต้องการกันไหมครับ”ลมกระซิบเสียงพร่าแนบข้างหู ก่อนจะเล็มจูบลงมาตามแนวสันกรอบหน้า สัมผัสกับผิวเนียนที่แดงจัด“ฉัน…ไม่”คำคัดค้านเอ่ยขึ้นอย่างติด ๆ ขัด ๆ เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวซุกลงมาตรงลำคอขาว มือเล็กเผลอเกาะบ่ากว้างแน่นเพื่อหาที่พยุง เสียงหัวเราะทุ้มพร่าเล็ดลอดจากลำคอเขา เมื่อเห็นร่างบางสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน“ร่างกายเธอมันกำลังต้องการฉัน”ลมกดจูบหนักลงที่ซอกคอ ฝากทิ้งร่องรอยรักแดงสีกุหลาบอย่างไม่ยอมออมแรง ขณะมือหนาบีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม มืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามเอวบางและสะโพกกลม จนเธอคล้อยตามไปกับสิ่งที่เขากำลังนำพาเธอไปคนตัวเล็กเริ่มหอบหายใจถี่ หน้าแดงจัดจนแทบลามไปถึงหู ทั้งร้อน ทั้งอาย แต่กลับมีเพียงเสียงครางกระเส่าที่หลุดออกมาเบา ๆ เท่านั้น“อื้มมม ลม”แต่คนตั
ลมเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ ด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ แต่กลับกดดันจนเธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับกลาย ๆ ร่างบางชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนั่งลงไปอย่างเสียไม่ได้ ทว่าประตูปิดลง กลิ่นกายอุ่นที่คุ้นเคยจากเมื่อคืนก็โอบล้อมเข้ามาในพื้นที่แคบทันทีร่างบางรีบเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่าง เพราะกลัวจะเผลอใจสั่นจากความใกล้ชิดที่ที่เกิดขึ้น“ทำหน้าเหมือนถูกลากมาขาย”น้ำเสียงทุ้มแฝงรอยหัวเราะดังขึ้นจากเบาะข้าง ๆ ซีลีนหันขวับไปมองตาขวางทันที“แต่นายบังคับฉันมาอย่างไม่เต็มใจ”ลมเหลือบตามองเธอเพียงเสี้ยววินาที ริมฝีปากหนายกยิ้มกวน ๆ ก่อนโน้มตัว เอื้อมมือข้างหนึ่งมาดึงสายคาดเบลต์ข้ามตัวเธอแล้วกด ล็อกแน่น ด้วยท่าทีธรรมดาราวกับไม่มีอะไร แต่ใกล้ชิดกันจนลมหายใจของเขาเป่ารดต้นคอ ก่อนที่เข้าจะใช้ปลายจมูกไล้ผิวแก้มเธอเบา ๆ ทำเอาหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง“บังคับ?” เขาทวนคำแล้วกระซิบเสียงต่ำข้างใบหู แต่ไม่ยอมขยับออกไปไหน“ฉันแค่มาตามหาคนรับผิดชอบ เพราะเมื่อคืนมีคนขโมยกอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย”แก้มใสของซีลีนแดงวาบขึ้นทันที เธอยกมือผลักอกเขาแรง ๆ พลางหันหน้าหนี“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะลม!”เสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นในรถ เขายกมือกลับไปจับพวงมาลัยอย่
เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านสีขาวร่ำไร ร่างสูงขยับพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตา ภาพตรงหน้าคือห้องสีขาวเรียบดูสะอาดตาแต่กลับเป็นห้องที่เขารู้สึกไม่คุ้นชิน ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบมันกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดที่บอกตัวตนเจ้าของห้องชัดเจนกรอบรูปหญิงสาวในชุดต่าง ๆ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และกลิ่นน้ำหอมบางเบาที่เป็นเอกลักษณ์ของใครบางคนที่เขาจำได้ดี“ปวดหัวชะมัด”เสียงทุ้มพร่าต่ำเอ่ยกับตัวเอง เขาลุกขึ้นนั่งพลางยกมือกุมขมับความหนักอึ้งจากอาการแฮงค์เมื่อคืน ยังตามมาหลอกหลอนเขาในเช้านี้ สายตาคมยังคงมองหาเจ้าของห้องที่ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน และเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง“หึ ยัยคุณหนูตัวแสบ”ทว่ายังไม่ทันที่ลมจะทำอะไรต่อ ภาพเลือนรางในหัวก็ปรากฏขึ้นมาในตัวทีละน้อย สัมผัสอ่อนนุ่ม และกลิ่นกายหอมบางเบาเหมือนกลิ่นของเจ้าของห้อง อ้อมแขนที่เขาโอบรั้ง และริมฝีปากนุ่มที่เขาบดจูบซ้ำ ๆ ไม่ยอมปล่อยก็ฉายชัดขึ้นมาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ โดยไม่รู้ตัว แต่ทันทีที่เดินสำรวจไปรอบห้องกลับไม่เจอคนตัวเล็ก ความสงสัยก็แล่นเข้ามาแทนที่“หายไปไหน”เขาพึมพำเบา ๆ ขณะทอดสายตาไปยังผ้าห่มที่พับวางเรียบร้อยข้างกันบนเ