“โธ่! ไม่แน่จริงนี่หว่า เก่งจริงอย่าหนีสิวะ ไอ้ลูกหมา ไอ้หน้าตัวเมีย”
ผู้พูดถลกแขนเสื้อทั้งสองขึ้น ชี้นิ้วไปยังร่างชายคนหนึ่งที่วิ่งหนีเธออย่างไม่คิดชีวิต จากนั้นเท้าเอวมองคนผู้นั้นอย่างแค้นเคือง พร้อมพูดไล่หลังดังลั่น
“อย่าให้เจออีกครั้งนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่ แม่จะเตะให้ก้นยุบ ม้ามทะลุ ฟันหัก แก้มโย้เลยคอยดู”
เสียงที่ดังลั่นซอยเรียกความสนใจจากบ้านใกล้เรือนเคียงที่ดูเหมือนจะชาชินกับเสียงและท่าทางนักเลงโตของหญิงสาว อีกทั้งยังไม่มีใครกล้าว่าเธอสักคน ใครล่ะจะไปกล้ายุ่งกับนักมวยหญิงสมัครเล่นหรือมาเฟียแห่งซอยต้นมะขาม ใครกล้าแหยมจะเจอทั้งหมัดทั้งเท้าที่สุดแสนจะหนักของเธอไม่รู้ตัว
“พี่ปรางไปทำอย่างนั้นกับพี่ลาภได้ยังไง ดูสิวิ่งหนีไปโน่นแล้ว”
องุ่นหรืออิสรียา น้องสาวคนเล็กของภัทรียา เจ้าของค่ายมวย จ่าดาบ ศิษย์จอมทอง ที่รับสืบทอดจากบิดา เอ่ยกับพี่สาวซึ่งยืนทำท่าทางเอาเรื่องหน้าบ้าน
“ก็ไอ้คนนี้ไม่ใช่เหรอที่แกบอกว่าชอบมายุ่งวุ่นวายกับแกจนแกรำคาญ พี่ก็จัดการให้แล้วไง เห็นรึเปล่าว่ามันวิ่งหางจุกตูดไปโน่นแล้ว โธ่! นึกว่าจะแน่”
ภัทรียาไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลกิจการของบิดาเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวหน้าครอบครัว เลี้ยงมารดา เลี้ยงน้องสาวคนเล็ก และเลี้ยงลูกสาวของน้องสาวคนรองที่เสียชีวิตไปเมื่อสี่ปีก่อน เธอจึงเป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ไม่ยอมคน และเป็นที่พึ่งของทุกคนในครอบครัว ใครมาแหยมกับคนในครอบครัวของเธอ รับรองได้ว่าเจ็บจนจุก
“ใช่พี่ลาภที่ไหนกันล่ะพี่ปราง พี่ลาภเขามาส่งองุ่นต่างหาก” น้องสาวแย้ง ท่าทีของภัทรียาเปลี่ยนไปทันที เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ลดมือที่เท้าเอวลง
“แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก” นางมารร้ายแห่งซอยต้นมะขามแก้ตัวหน้าตาเฉย “องุ่นบอกพี่ช้าเองนะช่วยไม่ได้ พี่ฝากไปขอโทษไอ้ลาภคนนั้นด้วยก็แล้วกัน พี่ไปละ” จากนั้นก็เดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย
“พี่มะปรางเป็นอย่างนี้ทุกที น่าจะฟังกันก่อน”
อิสรียารู้ดีว่าพี่สาวสุดแสบหวังดีและเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน เพราะพี่สาวคนนี้ไม่ต้องการให้เธอเป็นเหมือนวิริยา พี่สาวคนที่สองที่จบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ภัทรียาจึงคุมเข้มผู้ชายที่เข้ามาใกล้ชิดเธอ สแกนจนแทบจะเห็นกระดูกก็ว่าได้ ด้วยกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
“อะไรกันอีกล่ะองุ่น พี่แกไปสร้างวีรกรรมอะไรอีก”
วลัยพร มารดาสุดที่รักถามขณะเดินออกมาจากบ้าน สวนทางกับลูกสาวคนโตพอดี
“จะอะไรอีกล่ะแม่ พี่ปรางลุยผิดคนน่ะสิ ไม่ถามอะไรสักคำ มาถึงก็ออกฤทธิ์เลย” คนถูกถามตอบมารดาด้วยสีหน้าละห้อยละเหี่ย
“แหมๆ นิสัยตบไว้ก่อนพ่อสอนไว้แก้ไม่หายเลยนะ ไม่ถามไม่ไถ่ ซัดได้แม่เป็นซัด ห้าวอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีผัววะ สงสัยต้องซื้อหมู่บ้านคานทองนิเวศน์ให้พี่แกอยู่ซะแล้ว” ผู้เป็นแม่พูดเชิงประชด
“ถ้ารอให้มีผู้ชายมาจีบ มีหวังขึ้นคานเหมือนที่แม่พูดแน่ๆ” ลูกสาวคนเล็กเห็นพ้องด้วย
“แม่ก็ว่าอย่างนั้น ใครจะกล้ามาจีบ ใครพูดไม่เข้าหูเข้าหน่อยก็ไล่ชก ไล่เตะเขาซะงั้น แถมยังไล่ตะเพิดจนผู้ชายหงอกันทั้งบาง พี่แกมีแววเป็นสาวโสดโหนคานทองแน่ๆ” วลัยพรคาดเดาอนาคตลูกสาวคนโตแบบตาเห็น และคิดว่าไม่ผิดจากที่คาดเดาเป็นแน่
“เอาน่าแม่ ไม่แน่นะ บางทีอาจมีพระเอกใจกล้าเข้ามาประชิดตัวพี่ปราง ไม่กลัวหมัด ไม่กลัวเท้าของพี่ปรางแล้วจีบพี่ปรางก็ได้นะแม่” อิสรียาพูดอย่างมีความหวัง แม้ว่าจะน้อยนิดก็ตาม
“แล้วแต่บุญแต่กรรมก็แล้วกัน เข้าบ้านเถอะ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วจะได้กินกัน” คนเป็นแม่พูดตัดบท ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านชั้นเดียว ซึ่งสร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของนางและสามีที่เสียชีวิต วลัยพรไม่รู้ว่าจะรักษาบ้านนี้ไว้กับตัวได้นานแค่ไหน เนื่องจากหนี้สินที่มากกว่ารายรับกำลังบีบรัดนางและคนในครอบครัวอย่างหนัก ทว่าทุกชีวิตที่อาศัยในบ้านหลังนี้ ไม่มีใครสักคนที่ย่อท้อหรือสิ้นหวัง ทุกคนมีความหวังว่าสักวันหนึ่งจะปลดหนี้สินทุกบาททุกสตางค์ให้จงได้
สุมณฑาเดินถือถุงส้มตำปลาร้ารสแซ่บ น้ำตกหมู ไก่ย่าง และข้าวเหนียวร้อนๆ เข้ามาในค่ายมวยจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง อาหารโปรดของเธอกับภัทรียาเพื่อนรัก เธอรู้สึกกระชุ่มกระชวยทุกครั้งเมื่อเดินเข้ามาในค่ายมวย เพราะได้เห็นผู้ชายล่ำบึ้กอวดมัดกล้ามซ้อมมวยกันอย่างขะมักเขม้น บางคนเตะกระสอบทราย บางคนกระโดดเชือก บางคนซ้อมมวยอยู่บนเวทีกับเทรนเนอร์ ส่วนคนที่เธอมาหาก็กำลังซ้อมลงนวมกับจ่าเอก ครูมวยที่ปั้นมะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง ตั้งแต่เริ่มหัดชกมวยครั้งแรก พอภัทรียาเห็นเพื่อนเดินมาหาจึงหยุดซ้อม แล้วเท้าเอวมองหน้าเพื่อน
“ไหนแกบอกฉันว่าจะมาตอนเย็น แล้วมาทำไมตอนนี้”
ภัทรียาทัก คนถูกทักยังไม่ตอบคำถาม แต่กลับพนมมือไหว้และทักทายจ่าเอกก่อน
“สวัสดีค่ะครูจ่า ไม่เจอครูตั้งนาน คิดถึงกระแตบ้างไหมจ๊ะ”
“เอ็งนี่ท่าจะรั่วหนักเหมือนไอ้ปรางมันนะ เอ็งกับข้าเพิ่งเจอกันเมื่อวานนี่เอง ยังจะมาพูดว่าไม่ได้เจอตั้งนาน” จ่าเอกเขกหัวสุมณฑาไม่แรงมากอย่างมันเขี้ยวคำพูดเกินจริงของสุมณฑา
“อ้าวครู ไหงมาว่าปรางรั่วล่ะ คนสวยๆ อย่างปรางไม่มีรั่วหรอก มีแต่น่ารัก สวยสะดุดตา สะดุดใจ” คนถูกพาดพิงโวยกลับ แถมท้ายด้วยการพูดเข้าข้างตัวเอง ทำให้โดนจ่าเอกเขกหัวอีกคน
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน พรุ่งนี้ต้องมาซ้อมแต่เช้านะ ใกล้วันแข่งแล้วจะมัวมาอ่อนซ้อมไม่ได้”
“รับทราบครับผม” เจ้าของค่ายมวยพูดเสียงหนักแน่นพร้อมตะเบ๊ะ ก่อนจะพนมมือไหว้จ่าเอกที่เดินไปยังห้องพักนักมวยเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวกลับบ้าน
“ฉันซื้อส้มตำป้าเอียดมาฝากแกด้วยนะ ไปกินกันดีกว่า” สุมณฑาโชว์ถุงส้มตำให้เพื่อนดู
“แกบอกฉันว่าจะมาตอนเย็นไม่ใช่เหรอ แล้วมาทำไมซะหัววัน” ภัทรียาถามคำถามเดิมอีกครั้ง ขณะถอดนวมแล้วนำไปวางไว้ตรงชั้นวางนวม
Chapter35“ก็ไม่รู้ไงว่าจะมีให้เมื่อไหร่ถึงตอบไปแบบนั้น” เจ๊เพียงตอบกวนๆ กระแทกเสียงและทำเสียงดังใส่ “เสริมมาเก็บไม่เห็นถามมากมายอย่างนี้เลย เอาเป็นว่าถ้าฉันมีแล้วจะจ่ายก็แล้วกันนะ”ภัทรียารู้สึกเฉยๆ กับคำพูดคำจาและท่าทางของเจ๊เพียง อาจเพราะซอยต้นมะขามที่เธออยู่มาตั้งแต่เกิดมีคนประเภทนี้อยู่มาก หญิงสาวจึงไม่สะทกสะท้านเท่าไรนัก และไม่มีความหวาดกลัว“ของใหม่ป้าก็ไม่จ่าย ของเก่าก็ค้างไว้ ป้าไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือคะ” ภัทรียาย้อนคนถูกย้อนหยุดโบกพัดในมือ จ้องหน้าสาวรุ่นลูกเขม็ง ก่อนจะตะเบ็งเสียงใส่ “แกว่าฉันหน้าด้านอย่างนั้นเหรอ”“หนูพูดอย่างนั้นเหรอคะ” เธอแกล้งทำไขสือ “ป้าว่าตัวเองนะคะ หนูไม่ได้ว่าป้าสักคำ”“แกไม่ต้องมาย้อนยอก คำพูดของแกมันหมายความอย่างนั้น” เจ๊เพียงตะโกนใส่อย่างเดือดดาล ทำให้คนในตลาดเริ่มหันมามองเจ๊ส้มแม่ค้าเขียงหมูกับเจ๊ตุ๊กแม่ค้าขายปลาสด สองเพื่อนสนิทของเจ๊เพียง รีบลุกจากแผงเดินมาดูเหตุการณ์“ถ้าป้ารู้ตัวว่าหน้าด้านก็รีบจ่ายค่าเช่าแผงมาสิคะ ของใหม่ห้าพันห้า ของเก่ารวมๆ แล้วก็สี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยบาท รีบจ่ายมาอย่าให้เด็กมาถอนหงอกหรือให้คนอื่นรับรู้นิสัยของป้าไปมากกว่าน
Chapter34 สามวันต่อมา ภัทรียาทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นทีมลักขณานั่งครบองค์ประชุม คิดว่าจะเลี่ยงการปะทะคารมแล้วเชียว สุดท้ายก็หนีไม่พ้น แต่ละคนมองเธอเป็นตาเดียว แถมยังทำปากขมุบขมิบราวกับว่ากำลังนินทาซึ่งหน้าก็ไม่ปาน อีกทั้งยังยิ้มเยาะให้อีกต่างหาก คงจะปรามาสเรื่องที่เธอจะไปเก็บค่าเช่าแผงในตลาดรุ่งอุดมอยู่เป็นแน่ “ว่าไงยะเธอ เตรียมตัวไปเก็บเงินค่าเช่าแผงใช่ไหม” ลักขณาถาม แสยะยิ้ม “ใช่ค่ะคุณแม่สามี” ภัทรียาหยุดเดิน ตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันก็อวยพรให้หล่อนโชคดีสำลีแปะหัว เอ๊ย! ไม่ใช่ ขอให้เก็บเงินได้ทั้งหมดนะ” ลักขณาพูดจบ เสียงหัวเราะของลูกทีมก็ดังขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย ลักษิณา อังคณี และศิริพรแม่บ้านสูงวัย “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณแม่สามี รับรองว่าคุณลูกสะใภ้จะเก็บเงินมาให้ทุกบาททุกสตางค์ ไม่ให้ตกหล่นเลยค่ะ แถมยังจะเก็บเงินค้างเก่าให้ด้วยอีกค่ะ” ภัทรียาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย “ให้มันเก่งอย่างปากว่าก็แล้วกัน ฉันกลัวจะได้ไม่ครบซะมากกว่า ฉันไม่เห็นจะมีใครหน้าไหนเก็บได้ครบสักคน” แม่สามีสบป
Chapter33ภมรหนุ่มเริ่มลุกล้ำมากขึ้น สูดเก็บกักสายธารหวานล้ำ ที่ไหลบ่าเนืองนอง มือใหญ่ข้างหนึ่งกอบกุมบงกชคู่งามสลับกันไปมา มืออีกข้างปลุกกระตุ้นอารมณ์พิศวาสให้โหมหนัก ภัทรียาถูกรุกทั้งสามทางพร้อมกัน มีหรือจะทานทนเก็บกลั้นอารมณ์ไหว หญิงสาวกรีดร้องรับความสุขสมจากการปรนเปรอของธัชธรรม์“อา...คุณอ๋อง...คุณอ๋องขา” เสียงของเธอเบาหวิวคล้ายกำลังขาดใจ จะไม่ให้เธอไม่ขาดใจได้อย่างไร เมื่อเขายังไม่ละใบหน้าจากความเป็นอิสตรี ดื่มด่ำราวพบโอเอซิสกลางทะเลทรายแห้งผาก ทั้งยังเฝ้าดอมดมความหอมชื่นใจอย่างหลงใหลดั่งต้องมนตร์ ทุกอณูบนสรรพางค์กายสาว ไม่มีที่จะคลาดคลาจากสัมผัสเสน่หาแห่งบุรุษเพศ“คุณอ๋องขา...คุณอ๋อง...ปราง...ปรางต้องการคุณ” เธอยังคงส่งเสียงครวญกระเส่าไม่หยุด ร่างกายอัดแน่นไปด้วยความร้อนจนกายแทบระเบิด ต้องการให้เขามาเติมเต็มความสุข ร้องขอธัชธรรม์อย่างลืมอายไม่ได้มีเพียงภัทรียาเท่านั้นที่ร่างกำลังระเบิด ธัชธรรม์ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ความปรารถนาระอุเดือดในกาย เผาผลาญทุกสรรพางค์จนแทบไม่เหลือชิ้นดี ชายหนุ่มจุมพิตกลีบดอกไม้งามเป็นการส่งท้าย ก่อนจะยันตัวขึ้น ใช้หัวเข่าดันขาเรียวสวยทั้งสองข้างออกเพื่อจะ
Chapter32“วันไปเก็บเงิน ฉันจะไปเป็นเพื่อนนะ มีอะไรจะได้ช่วยเธอ” ธัชธรรม์อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เพราะรู้กิตติศัพท์พ่อค้าแม่ขายในตลาดดีว่าเป็นอย่างไร“ไม่ต้องค่ะ ปรางไม่อยากให้คุณแม่มาอ้างว่าปรางทำงานนี้ไม่ได้จึงให้คุณอ๋องช่วย เชื่อมือปรางนะคะ ปรางทำได้ค่ะ”“ฉันเชื่อมือเธอและเป็นห่วงเธอด้วยนะปราง เพราะเรื่องที่เธอทำอยู่นี้มันนอกเหนือข้อตกลงของเรา ถึงยังไงฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดี”“เอาอย่างนี้ดีไหมคะ เพื่อความสบายใจของคุณอ๋อง ถ้าปรางทำงานนี้สำเร็จคุณอ๋องต้องจ่ายเงินให้ปรางหนึ่งแสนบาท เท่ากับคุณอ๋องจ้างปรางทำงานนี้” เธอหาทางออกให้เขา“อืม ก็ดีเหมือนกัน งั้นตกลงตามนี้” ธัชธรรม์ตอบแบบไม่คิด“ค่ะ ตกลงตามนี้ค่ะ” เธอยิ้มให้อีกฝ่ายรอยยิ้มสดใสของภัทรียาทำให้คนที่เห็นรอยยิ้มรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองทำงานหนัก เต้นถี่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นัยน์ตาสีนิลของธัชธรรม์นิ่งมองดวงหน้าสวยฉาบรอยยิ้มซึ่งมองแล้วไม่รู้สึกเบื่อ พร้อมกันนี้ความรู้สึกดีที่มีต่อเธอยังถักทอขึ้นในจิตใจของเขาอีกด้วยภัทรียาหน้าแดงทันใดเมื่อชายหนุ่มมองแบบตาไม่กะพริบ เธอตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูก ไม่น่าเชื่อว่าคนก๋ากั่นและไม่กลัวใครจะใจเต้นโค
Chapter31 สมุดบัญชีเล่มใหญ่สองเล่มและเล่มขนาดกลางอีกหนึ่งเล่มกางอยู่บนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยภายในห้องนอนของธัชธรรม์ ภัทรียานั่งอยู่บนพื้น อ่านสมุดบัญชีสองเล่มใหญ่ที่เพิ่งไปขอมาจากเสริมศักดิ์ เจ้าหน้าที่ดูแลตลาดซึ่งคุณหญิงลักขณาว่าจ้างมาหลายปี เพื่อมาตรวจว่าเธอต้องเก็บเงินค่าเช่าแผงใดบ้าง และแผงไหนมียอดค้างจ่ายเท่าไร โดยสมุดบัญชีที่ได้มาคือ สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายของตลาด สมุดบัญชีรายชื่อบุคคลที่เช่าแผงขายของที่ระบุว่าแผงใดจ่ายหรือค้างค่าเช่าในแต่ละเดือนจากนั้นเธอก็ไปซื้อสมุดบัญชีมาอีกหนึ่งเล่ม ซึ่งถือว่าเป็นสมุดบัญชีส่วนตัวเพื่อรวบรวมข้อมูลว่าแผงใดต้องจ่ายค่าแผงเป็นจำนวนเงินเท่าไร ค้างจ่ายกี่บาท เพื่อทวงถามได้อย่างถูกต้อง“โห...กว่าจะเสร็จ เล่นเอาปวดหมองเลย”ภัทรียาพูดหลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น วันพรุ่งนี้ก็จะได้เวลาไปเก็บค่าเช่าแผงเสียที และนั่นทำให้เธอวิตกกังวลไม่น้อย เพราะจำนวนคนที่ค้างจ่ายซึ่งระบุด้วยปากกาสีแดงมีอยู่เกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนคนเช่าพื้นที่ทั้งหมด คงเป็นเรื่องยากน่าดูที่จะเก็บเงินให้ได้ภายในระยะเวลาที่ลักขณากำหนด แต่ไม่ว่าจะยากยิ่งเพียงใด ภัทรียาก็มั่นใจว่าต้องทำได
Chapter30 “คุณเรย์...แตกลัว” เธอกล่าวอย่างขลาดกลัว ใจสั่นหนักเมื่อหลุบตาเห็นขนาดของกายแกร่ง กลัวร่างกายตัวเองจะฉีกขาด “แตไม่เคยค่ะ”เรวินยิ้มพอใจกับประโยคที่ได้ยิน เขาพอเดาได้ว่าเธอไร้เดียงสากับเรื่องนี้ การแสดงออกทุกอย่างไม่เหนียมอาย ขวยเขิน จูบ การตอบสนองที่ไม่ได้เรื่อง หรือร่างกายที่สั่นอยู่ตลอดเวลา เป็นการแสดงออกโดยธรรมชาติ ทว่าเขาจะพอใจมากขึ้นหากพิสูจน์ด่านสุดท้ายว่าเธอบริสุทธิ์จริงหรือไม่ “ไม่ต้องกลัว ใหม่ๆ ก็อย่างนี้แหละ พอได้ลองครั้งแรกแล้วเธอจะติดใจ”เขาพูดปลอบ ก่อนจะแยกขาเรียวทั้งสองข้างให้กว้างมากขึ้น ก้มใบหน้ามองดอกไม้สีชมพูสดใสแล้วใจกระตุก เพราะมันสวยงามจนเขาอยากฝังใบหน้าลงไปซุกซบ สูดดมกลิ่นสาบสาวเพื่อไม่ให้เสียเวลา เขาจดแก่นกายชายตรงปากถ้ำ แล้วดันฝ่าความคับแน่นที่แทบจะทำให้หัวใจเขาหยุดทำงาน“คุณเรย์...จะ...เจ็บค่ะ...อืม...เอาออกไป...กะ...ก่อน”ความเจ็บแปลบวิ่งปราดสู่ร่างน้อยของสุมณฑาทันทีที่เขานำความแข็งแกร่งเข้าสู่ถ้ำสวาท ซึ่งไม่เคยถูกรุกรานมาก่อน เธอเกร็งตัวจนแข็ง ใบหน้าเหยเก ริมฝีปากขบเม้ม น้ำตาไหลเป็นทาง“โอ้...ฉะ...ฉันก็เจ็บปวดเหมือนกัน อา...ดีช