Share

บทที่ 10

ตอนนี้ไม่ใช่แค่คนของฟู่ซื่อหน้าตึงแล้ว แม้แต่คนของทีมฉู่ซืออี๋ก็เริ่มปั้นหน้าไม่ถูกเหมือนกัน ผู้ช่วยแอบกระตุกแขนเสื้อของหวังเหยียนใต้โต๊ะ

หวังเหยียนกลับเชิดหน้าเหมือนเดิม

“ความหมายของหัวหน้าหวังคือ ประธานใหญ่ฟู่ไม่ได้เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อน เห็นแต่ผลประโยชน์เหรอคะ?” เวินเหลียงใจเย็นโต้กลับ

หวังเหยียนหน้าแข็งทื่อ “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

ตอนนี้เอง ประตูห้องวีไอพีเปิดออก ฟู่เจิงเดินเคียงข้างฉู่ซืออี๋เข้ามา

ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ชาติตระกูลมีฐานะ ผู้หญิงรูปโฉมสวยหวาน ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน พอยืนอยู่ด้วยกันแล้วก็ชวนให้คนอิจฉาถ้วนหน้า

ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กระเถิบมาทางเวินเหลียง กระซิบ “ประธานฟู่กับคุณฉู่เหมาะสมกันจริง ๆ ดูท่าเราจะได้เถ้าแก่เนี้ยเพิ่มมาอีกคนแล้วนะคะ”

เวินเหลียงเจ็บแปลบในใจ หน้าซีดฉีกยิ้ม พลางลุกขึ้นยืนต้อนรับพวกเขาสองคนนั่ง

“ประธานฟู่ให้เกียรติจริง ๆ มาค่ะ เชิญนั่งทางนี้ ซืออี๋ เธอก็นั่งด้วยสิ” หวังเหยียนชิงตัดหน้าเวินเหลียง จัดแจงให้ฟู่เจิงนั่งกับฉู่ซืออี๋

คนที่เหลือก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วย

“นั่งลงเถอะ”

รอจนฟู่เจิงเอ่ยปาก ทุกคนถึงจะนั่งลงเหมือนเดิม

บรรยากาศยังถือว่าสมานฉันท์

บรรยากาศอีหลักอีเหลื่อบนโต๊ะอาหารเมื่อครู่เปลี่ยนไป พวกหวังเหยียนเริ่มชวนคุยก่อน พูดถึงฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋เป็นระยะ

ฟู่เจิงพูดน้อย แต่การพูดคำหนึ่งในบางครั้งกลับแทงใจดำ

เวินเหลียงนิ่งกว่าปกติ แต่แค่มีฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋อยู่ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นจุดนี้

ระหว่างการสนทนา หวังเหยียนเห็นจานตรงหน้าฉู่ซืออี๋จึงเตือน “ซืออี๋ ระวังประมาณอาหารด้วย”

ดาราต้องควบคุมรูปร่างมากเป็นพิเศษ

“รู้แล้วน่า...” ฉู่ซืออี๋เบะปาก คีบหมูสามชั้นใส่จานของฟู่เจิง “อาเจิง ฉันกินไม่หมด คุณช่วยฉันกินหน่อยนะ”

ตรงหน้าคือหม้อสองช่อง หมูสามชั้นชิ้นนั้นลวกจากฝั่งเผ็ดมาก ซึ่งมีน้ำมันพริกสีแดงสดติดอยู่

ฟู่เจิงกระเพาะไม่แข็งแรง จึงมักกินจืด ไม่กินเผ็ด

เวินเหลียงกำลังคิดว่าจะเตือน กลับเห็นเขาคีบหมูสามชั้นชิ้นนั้นกินลงไปอย่างสงบด้วยสีหน้าคงเดิม

ถ้อยคำที่กำลังจะออกจากปากของเวินเหลียงติดแหง็กอยู่ในลำคอทันที เธอกระเดือกมันลงไปด้วยความลำบาก

ของที่คนที่ชอบยื่นมา ถึงจะเป็นยาพิษก็ยังหวาน นับประสาอะไรกับแค่พริก

ชั่ววินาทีหนึ่ง เวินเหลียงรู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้พูดเตือน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการหาเรื่องให้ตัวเองขายหน้า

เมื่อมีคนมาชนแก้วกับเวินเหลียง เธออ้างว่าระยะนี้ท้องไส้ไม่ค่อยดีจึงบอกปัดไป และเปลี่ยนเป็นดื่มน้ำชาแทน

หลังจากวนดื่มสามรอบ หวังเหยียนก็เบนเรื่องมาที่ตัวเวินเหลียงอีก โดยถามฟู่เจิงอย่างไม่ใส่ใจ “ได้ยินว่าผู้อำนวยการเวินเป็นน้องสาวของประธานฟู่ ทำงานเป็นลูกน้องของคุณด้วย ต้องสนิทกันมากแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ?”

ฟู่เจิงเงยหน้ามองเวินเหลียงแวบหนึ่ง แล้วมองฉู่ซืออี๋ที่อยู่ด้านข้างอีกที ก่อนจะตอบชืด ๆ “เห็นแก่คุณปู่เลยดูแลนิดหน่อย”

คำพูดนี้คนอื่นฟังแล้วรู้สึกปกติ ได้ยินว่าตอนที่ผู้อำนวยการเวินไปตระกูลฟู่ก็อายุยี่สิบแล้ว ไม่ได้โตมาด้วยกันสักหน่อย จะมีสายใยพี่น้องอะไรได้?

เวินเหลียงปอดฉีกหัวใจแหลกลาญเลือดสดไหลนอง

ไม่รู้ว่าคำพูดนี้เขาพูดเพื่อขีดเส้นแบ่งแยกเธอต่อหน้าฉู่ซืออี๋ให้ชัดเจน หรือว่าพูดออกมาจากใจจริง

หรืออาจจะทั้งสองอย่าง

เป็นสามีภรรยากันมาสามปี อย่างไรเธอก็ทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นไม่ได้

ทุกอย่างในสามปี ที่เขาดีกับเธอเพราะเห็นแก่คุณปู่เท่านั้น

เวินเหลียงยิ้มบางเรียบ ๆ “ฉันกับประธานฟู่เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น ยังจะสนิทอะไรได้คะ แต่ดูหัวหน้าหวังสนใจเรื่องฉันจังเลยนะ?”

หวังเหยียนยิ้มออกหน้าออกตา “ต่อจากนี้เราต้องทำงานด้วยกัน มันก็สนใจอยู่แล้ว ผู้อำนวยการเวินอย่าถือสาเลยนะคะ”

อาหารมื้อนี้กินเวลาสองชั่วโมงกว่า ตอนจะจบใกล้เวลาเลิกงานพอดี

เวินเหลียงให้คนอื่นเลิกงานก่อน ส่วนตัวเองกลับไปยุ่งงวดที่ห้องทำงาน

สองทุ่ม เธอเปิดไฟออกมา

ทั้งชั้นเงียบเชียบ

แต่ไฟห้องทำงานของประธานบริษัทยังสว่างอยู่

เวินเหลียงลังเลเล็กน้อย แต่ยังเดินไปทางห้องนั้นและเคาะประตู

หลังจากมีเสียงขานรับจากข้างใน เธอเปิดประตูออกและยืนถามฟู่เจิงในระยะห่างหนึ่งช่วงตัว “คืนนี้คุณมีธุระหรือเปล่าคะ?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status