Share

บทที่ 7

ฟู่เจิงมองเธอด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์ แล้วมองอู๋หลิงอีกที พร้อมแผ่รังสีเย็นชาอันเย็นเฉียบออกมาจากทั่วร่าง “พวกคุณอารมณ์ดีจังเลยนะ ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการ กลับทะเลาะวิวาทต่อหน้าพนักงาน พวกคุณทำตัวเป็นแบบอย่างกันอย่างนี้เหรอ? เห็นบริษัทเป็นสถานที่อะไร?”

พนักงานทุกคนรีบหดคอ ได้แต่แอบชำเลืองเล็กน้อย

อู๋หลิงพูดเหตุผลอย่างมั่นใจ “ประธานฟู่ ฉันทำงานอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ผู้อำนวยการเวินก็เข้ามาเอะอะโวยวาย แล้วยังตบฉันแบบไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี คนแบบนี้จะเป็นผู้จัดการแบรนด์ได้ยังไงคะ...”

สายตาของฟู่เจิงจ้องไปยังร่างของเวินเหลียง น้ำเสียงเย็นชา “ขอโทษซะ”

เวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก กำหมัดที่ทิ้งตัวแน่น ๆ “หลังจากผู้อำนวยการอู๋ขอโทษฉันแล้ว ฉันก็จะขอโทษเขาเองนั่นแหละ!”

เป็นถึงผู้อำนวยการแต่ตบหน้าคนในบริษัท เธอทำไม่ถูก แต่ก็ไม่นึกเสียใจ

เธอจะรับผลที่ตามมาแต่อู๋หลิงต้องขอโทษเธอก่อน

อู๋หลิงมองไปทางฟู่เจิงแบบน้อยเนื้อต่ำใจ “ประธานฟู่ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรผิด...”

เวินเหลียงกำลังจะค้าน แต่ฟู่เจิงพูดแทรกฉับพลัน “ขอโทษ!”

น้ำเสียงแข็งกร้าว ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

เวินเหลียงแหงนหน้ามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อมองใบหน้าเย็นชาของเขา ดวงตาพลันรู้สึกขื่นขม

เขาไม่แม้แต่จะถามว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

ลูกกระเดือกฟู่เจิงขยับขึ้นลงเล็กน้อยทีหนึ่ง “ผมจะพูดอีกครั้ง ขอโทษ”

เล็บของเวินเหลียงจิกเข้าเนื้อตรงฝ่ามือ อดกลั้นอาการสั่นสะท้านอย่างหนัก มองอู๋หลิอย่างคับแค้นและเค้นคำว่า “ผู้อำนวยการอู๋ ขอโทษ” ออกมาจากลำคออย่างแข็งขืน

อู๋หลิงฉายรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องบนใบหน้า “ผู้อำนวยการเวิน อย่าได้มีคราวหน้าอีกนะคะ”

“แต่ผู้อำนวยการอู๋ต้องอธิบายหน่อยหรือเปล่า ทำไมถึงเปลี่ยนคนที่จะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ผลิตภัณฑ์?” เวินเหลียงถามเสียงเย็น

อู๋หลิงหัวเราะ มองฟู่เจิง “แน่นอน ก็ประธานฟู่ให้เปลี่ยนน่ะสิ”

เวินเหลียงอึ้ง มองไปทางฟู่เจิงด้วยความตะลึง

ฟู่เจิงไม่ได้ปฏิเสธ แต่หมุนตัวสาวเท้าไปทางห้องทำงานประธานบริษัท “ผู้อำนวยการเวิน มาที่ห้องทำงานผม”

เวินเหลียงหายใจเข้าลึก เหลือบตามองอู๋หลิงอย่างเย็นชาทีหนึ่งก่อนจะตามไป

ห้องทำงานของประธานบริษัท

เวินเหลียงตามหลังอีกฝ่ายติด ๆ และผลักประตูเข้ามา “ประธานฟู่ ทำไมถึงเปลี่ยนตัวหลินเยียนหรันคะ?”

ฟู่เจิงนั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะทำงาน มองเวินเหลียงชืด ๆ ไม่ตอบคำถาม “ดูหนังสือสัญญาหย่าไปถึงไหนแล้ว?”

เวินเหลียงตัวแข็งไปในทันที ทุกครั้งที่หายใจต้องออกแรงสุดกำลัง “สองวันนี้ยุ่งนิดหน่อยเลยยังไม่ทันดูค่ะ ในเมื่อประธานฟู่ร้อนใจ คืนนี้ฉันจะดูแล้วกัน”

ฟู่เจิงชะงัก มองเวินเหลียงอย่างเคร่งขรึมและเน้นคำ “ได้”

เวินเหลียงได้ยินการตอบรับแบบเด็ดขาด หัวใจสัมผัสรสขมยากจะทานทน “ถ้า...ฉันหมายถึงถ้า...พวกเรามีลูก คุณยังจะยืนกรานหย่าไหมคะ?”

ฟู่เจิงตอบเสียงเย็นชืด “ไม่มีถ้านี้ แต่ถึงจะมี ฉันก็จะไม่ให้เขาได้เกิดมาดูโลกหรอก”

“...ฉันเข้าใจแล้ว”

เวินเหลียงลมหายใจติดขัด อยากรีบจัดการธุระแล้วออกไป “ประธานฟู่ คุณให้แผนงานผ่านแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมจะเปลี่ยนตัวหลินเยียนหรันอีกล่ะ?”

เรื่องเล็ก ๆ อย่างนี้ ไหนเลยจะคู่ควรให้เขาที่เป็นประธานบริษัทเข้ามายุ่ง?

“ฉันต้องมีเหตุผลเปลี่ยนตัวเขาอยู่แล้ว”

เวินเหลียงกล่าวตามตรง “นับจากวันที่เอ็มคิวได้ก่อตั้ง ฉันเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด คุณแทบไม่ได้แทรกแซงความก้าวหน้าของเอ็มคิวเลย ตอนนี้คุณจะเปลี่ยนคน ยังไงก็ควรหารือกับฉันก่อนนะคะ”

เขาอยากเปลี่ยนคน นี่เป็นเรื่องที่พูดแค่คำเดียว แต่ไม่รู้จะปลอบฝั่งหลินเยียนหรันอย่างไร เธอกับลูกน้องเป็นคนจัดการเรื่องการกำหนดแผนโฆษณาและกลยุทธ์เปิดตัวโฆษณาตามลักษณะของคนที่จะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ตลอดจนการประสานงานเวลาของช่างภาพแบรนด์แอมบาสเดอร์ ถ้าเปลี่ยนคน ทิศทางของแบรนด์และแผนส่งเสริมการขายก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย

ฟู่เจิงเอนหลังพิงกับพนักพิงเก้าอี้พลางนั่งไขว่ห้าง “เปลี่ยนเป็นซืออี๋”

เหมือนศีรษะโดนทุบอย่างจัง สมองเวินเหลียงดังวิ้ง ๆ อย่างว่างเปล่า ผ่านไปเนิ่นนานถึงได้สติ ถามด้วยความงุนงง “เปลี่ยนเป็นฉู่ซืออี๋เหรอ?”

“ใช่” ฟู่เจิงงอนิ้วมือเคาะกับโต๊ะดังตึก ๆ “ซืออี๋จะกลับมาทำงานในประเทศ ต้องการใช้การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์นี้เพื่อเปิดตัว”

เวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าเพียงแม้แต่อากาศก็ยังคมกริบเหมือนใบมีด เฉือนหัวใจและปอดของเธอจนเจ็บรุนแรง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status