สามปีก่อน ฟู่เจิงเคยพาฉู่ซืออี๋กลับบ้านใหญ่ตอนนั้นเธอยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ทั้งที่มหาวิทยาลัยห่างจากบ้านใหญ่มาก แต่เธอก็เดินทางกลับไปทุกวัน ซึ่งสาเหตุที่ทำก็เพื่อจะได้ไม่พลาดการมาเป็นครั้งคราวของเขาวันนั้นเธอไม่พลาดเธอเห็นฟู่เจิงแนะนำฉู่ซืออี๋กับทุกคนในฐานะแฟนสาวเห็นพวกเขาโอบกอดจูบกันที่สวนหลังบ้านกับตาเธอคิดว่าชาตินี้คงได้แต่มองดูเขาอยู่ไกล ๆ แล้ววันที่แต่งงานกับฟู่เจิง เธอยังถึงกับนึกว่าตัวเองกำลังฝันในเมื่อเป็นความฝัน ก็ต้องตื่นขึ้นสักวันและฉู่ซืออี๋ก็คือคนนั้นที่ปลุกเธอหัวใจเวินเหลียงพลันเกิดความเจ็บถี่ยิบ ก่อนจะยิ้มบางตอบ “ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณฉู่เฉิดฉายน่าประทับใจกว่าเดิม”เวลานี้ เธอคงเรียกคำว่า ‘พี่สะใภ้รอง’ ไม่ออกอีกแล้วฉู่ซืออี๋ยิ้มพูด “ขอบใจนะ เธอก็เหมือนกัน จริงสิ อาเหลียง เธอชอบซีดีลายเซ็นของแอลเอกซ์ไหม? เมื่อก่อนเคยได้ยินว่าเธอชอบแอลเอกซ์ เขาเป็นเพื่อนที่ฉันรู้จักตอนอยู่เมืองนอกพอดี กลับมาเที่ยวนี้เลยให้เขาเซ็นชื่อของเธอให้เป็นพิเศษเลยนะ”เวินเหลียงเหมือนถูกสายฟ้าฟาดผ่าเดี๋ยวนั้น เธอที่ไม่ว่าเจอกับเรื่องอะไรจะรักษาสีหน้าได้เสมอ วินาทีนี้กลับเหม่อ
ตอนนี้ไม่ใช่แค่คนของฟู่ซื่อหน้าตึงแล้ว แม้แต่คนของทีมฉู่ซืออี๋ก็เริ่มปั้นหน้าไม่ถูกเหมือนกัน ผู้ช่วยแอบกระตุกแขนเสื้อของหวังเหยียนใต้โต๊ะหวังเหยียนกลับเชิดหน้าเหมือนเดิม“ความหมายของหัวหน้าหวังคือ ประธานใหญ่ฟู่ไม่ได้เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อน เห็นแต่ผลประโยชน์เหรอคะ?” เวินเหลียงใจเย็นโต้กลับหวังเหยียนหน้าแข็งทื่อ “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”ตอนนี้เอง ประตูห้องวีไอพีเปิดออก ฟู่เจิงเดินเคียงข้างฉู่ซืออี๋เข้ามาผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ชาติตระกูลมีฐานะ ผู้หญิงรูปโฉมสวยหวาน ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน พอยืนอยู่ด้วยกันแล้วก็ชวนให้คนอิจฉาถ้วนหน้าผู้จัดการผลิตภัณฑ์กระเถิบมาทางเวินเหลียง กระซิบ “ประธานฟู่กับคุณฉู่เหมาะสมกันจริง ๆ ดูท่าเราจะได้เถ้าแก่เนี้ยเพิ่มมาอีกคนแล้วนะคะ”เวินเหลียงเจ็บแปลบในใจ หน้าซีดฉีกยิ้ม พลางลุกขึ้นยืนต้อนรับพวกเขาสองคนนั่ง“ประธานฟู่ให้เกียรติจริง ๆ มาค่ะ เชิญนั่งทางนี้ ซืออี๋ เธอก็นั่งด้วยสิ” หวังเหยียนชิงตัดหน้าเวินเหลียง จัดแจงให้ฟู่เจิงนั่งกับฉู่ซืออี๋คนที่เหลือก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วย“นั่งลงเถอะ”รอจนฟู่เจิงเอ่ยปาก ทุกคนถึงจะนั่งลงเหมือนเดิมบรรยา
“ไม่”ฟู่เจิงพิงพนักเก้าอี้ นวดระหว่างคิ้ว ปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ”พอกลับถึงบ้าน คนรับใช้ก็เตรียมมื้อค่ำไว้แล้วหลังจากกินมื้อค่ำแบบเรียบง่าย ฟู่เจิงก็เข้าไปทำงานต่อในห้องทำงานอีกเวินเหลียงนั่งดูโทรทัศน์ที่ห้องรับแขกพักหนึ่ง เทน้ำอุ่นให้ตัวเอง แล้วหยิบยาจากลิ้นชักออกมากินพร้อมกับน้ำอุ่น“เธอกำลังกินยาอยู่เหรอ? เป็นอะไรไป? ไม่สบายเหรอ?”เสียงฟู่เจิงดังมาจากข้างหลังกะทันหันเวินเหลียงหัวใจหล่นตุบ หันไปมองเขาและตอบแบบใจเย็น “ช่วงนี้ท้องไส้ไม่ค่อยดีค่ะ”ฟู่เจิงเดินเข้ามาหา เทน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง “ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหรือยัง?”เขานึกถึงข้ออ้างของเวินเหลียงบนโต๊ะอาหารตอนกลางวัน แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร“หามาแล้วค่ะ”“งั้นก็ดี ร่างกายตัวเอง ต่อไปก็ต้องดูแลเองดี ๆ”ได้ยินถ้อยคำเป็นห่วงเป็นใยจากเขา เวินเหลียงผงกศีรษะเล็กน้อย ทว่าในใจกลับรู้สึกปวดร้าว……เช้าตรู่ เวินเหลียงถูกเสียงโทรศัพท์รบกวนจนตื่นเธอลืมตาที่ขมุกขมัวทั้งสองข้างพลางควานหาโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะหัวเตียง แล้วมองหน้าจอแวบหนึ่งก่อนจะรับสาย “ฮัลโหล”เสียงร้อนรนของผู้ช่วยดังมาจากปลายสาย “ผู้อำนวยการเวิน แ
ในฐานะที่ฟู่เจิงเป็นประธานบริษัทของฟู่ซื่อ จึงเคยโผล่หน้าในข่าวเศรษฐกิจหลายครั้ง ด้วยหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง ชาติตระกูลที่สวรรค์ลำเอียงมอบให้ กอปรกับไม่มีข่าวฉาว ทำให้สะสมแฟนคลับได้กลุ่มหนึ่ง เรียกเขาว่าเป็นพระเอกในนิยายแต่กำเนิดส่วนฉู่ซืออี๋นั้น หน้าตาค่อนข้างดี ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เคยสร้างผลงานดีที่ต่างประเทศมาก่อน ทั้งสองคนเรียกได้ว่าเป็นกิ่งทองใบหยก คู่สร้างคู่สมกอปรกับการชักนำของคลื่นใต้น้ำ ชาวเน็ตจึงพากันส่งคำอวยพร แถมยังดึงดูดแฟนคลับคู่จิ้นมาจิ้นกันได้อีกเป็นกองเดี๋ยวเดียวก็สร้างซูเปอร์ท็อปปิกคู่จิ้นขึ้นมา ซึ่งชื่อของซูเปอร์ท็อปปิกเรียกว่า ข้อโต้เถียงสามีภรรยา ‘เจิงอี๋’แค่ในเวลาสั้น ๆ แฟนคลับของซูเปอร์ท็อปปิกพุ่งทะลุหลายหมื่นคนแฟนคลับที่เป็นนักเขียนได้เขียนเรื่องราวความรักประทับใจของทั้งสองให้พวกเขาโดยเฉพาะ แฟนคลับที่เป็นนักวาดภาพก็ใช้ภาพเดิมของพวกเขาวาดรูปโปรไฟล์คู่รักฉบับการ์ตูนให้พวกเขา ส่วนพวกนักตัดต่อก็เอาซีรีส์ที่ฉู่ซืออี๋เคยเล่นตัดต่อกับข่าวเศรษฐกิจของฟู่เจิง จิ้นกันสุดฤทธิ์สุดเดชเวินเหลียงกดเข้าซูเปอร์ท็อปปิก ยังเห็นแฟนคลับคนหนึ่งเปลี่ยนชื่อ
เขานิ่งงันและเงียบครู่หนึ่งฟู่เจิงจึงเอ่ยปากเสียงหนัก “ฉันร้อนใจไปเอง ขอโทษ...”ขอโทษ...เฮอะชีวิตแต่งงานสามปี เขาเหลือไว้ให้เธอเพียงแค่คำว่าขอโทษ“เป็นฉันที่ผิดต่อเธอ เธอต้องการอะไรฉันจะชดเชยให้หมด แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับซืออี๋ เขาไม่รู้เรื่องที่ฉันแต่งงาน เธออย่าเพ่งเล็งไปที่เขา”เวินเหลียงหัวเราะแห้งนี่ก็คือฟู่เจิง สามีของเธอขอโทษเธอพร้อมข่มขู่เธอแทนฉู่ซืออี๋เวินเหลียงอ่อนล้าเต็มประดา ไม่มีอารมณ์พูดกับฟู่เจิงอีก “ตามใจคุณเถอะ”เธอสาวเท้ายาวออกจากห้องทำงานประธานบริษัทเงาหลังบอบบาง อ่อนแอ เศร้าหมองฟู่เจิงมองเงาหลังของเวินเหลียง หรี่ดวงตา ในดวงตาดำมืดทันใดได้นั้นเสียงสายเรียกเข้าดังขึ้นฟู่เจิงมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือทีหนึ่งก่อนจะรับสาย“อาเจิง คุณเห็นเรื่องคำค้นหายอดฮิตแล้วใช่ไหม ขอโทษนะคะ ถ้าฉันระวังหน่อยคงไม่โดนถ่าย” เสียงฉู่ซืออี๋ดังมาจากปลายสายพอไม่ได้ยินเสียง ฉู่ซืออี๋จึงเรียกอีก “อาเจิง?”ฟู่จึงคืนสติ “ไม่เป็นไร ผมจัดการแล้วครับ ไม่ส่งผลอะไรกับคุณหรอก”“จริงเหรอคะ? ขอบคุณมากเลยค่ะ อาเจิง คุณดีกับฉันจริง ๆ”พอวางสายก็หวังเหยียนอดสะท้อนใจไม่ได้ “แผนนี้ข
พอถึงบ้านใหญ่ คนรับใช้เข้ามาเชิญพวกเขาเข้าไป “คุณหญิงกำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวค่ะ พวกคุณนั่งก่อนนะคะ”ว่าแล้วแม่บ้านก็ไปยกน้ำ เสิร์ฟผลไม้ให้พวกเขาคุณย่าตระกูลฟู่เกิดในครอบครัวธรรมดา ถึงจะเสพสุขมาครึ่งชีวิต แต่ก็ยังเหมือนคนแก่ทั่วไป ชอบเลี้ยงเด็ก ชอบเข้าครัวทำอาหารและถักผ้าพันคอให้เด็ก ๆ ในบางครั้งถึงลับหลังเด็ก ๆ ตระกูลฟู่จะไม่ถูกกัน แต่ก็ยังเคารพคุณย่าท่านนี้มากเวินเหลียงถามคนรับใช้ช่วงที่เปลี่ยนรองเท้า “คุณปู่ล่ะ?”คนรับใช้ชี้ไปชั้นบน “พักผ่อนอยู่ค่ะ ช่วงนี้คุณท่านซึมมากขึ้นทุกที”เวินเหลียงกับฟู่เจิงได้ยินแล้วต่างแสดงสีหน้ากังวลธุรกิจครอบครัวของตระกูลฟู่เริ่มจากรุ่นคุณปู่และสืบทอดลงมา แต่พัฒนาใหญ่โตในสมัยที่อยู่ในมือของคุณปู่ สมัยเขาหนุ่ม ๆ จึงทำงานจนเสียสุขภาพ พออายุมากร่างกายก็ไม่สู้ดีตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังเคยเปลี่ยนตับและกินยากดภูมิคุ้มกันเป็นประจำ“ผอ.หลินว่ายังไงบ้าง” ฟู่เจิงถามผู้อำนวยการหลินคือผู้อำนวยการโรงพยาบาลเต๋อซิง และเป็นแพทย์ประจำตัวของคุณปู่ด้วยเช่นกัน“เขาได้พยายามสุดความสามารถค่ะ”ฟู่เจิงพยักหน้าขรึมเวินเหลียงไปเป็นลูกมือคุณย่าในห้องครัว“อาเ
เวินเหลียงรีบแก้สถานการณ์โดยใช้ตะเกียบกลางคีบอาหารให้คุณปู่ “คุณปู่คะ ลองชิมมะเขือผัดเปรี้ยวหวานนี่สิคะ หนูทำเองกับมือเลยนะ เมื่อก่อนคุณปู่ชอบกินที่สุดเลย”คุณย่าก็สมทบอีกแรง “ดูสิ อาเหลียงยังจำได้ว่าคุณชอบ ฉันงอนแล้วนะ”“ยังเป็นอาเหลียงที่กตัญญู” คุณปู่ชายหยิบตะเกียบ พยักหน้าหัวเราะชอบใจ “ไม่เหมือนใครบางคนที่ไม่มีหัวใจ ดีแต่ทำให้ฉันโมโห ฉันว่านะ คงต้องให้ฉันโมโหตายก่อนเขาถึงจะพอใจ”ฟู่เจิงผู้ไม่มีหัวใจ “...”“คุณปู่คะ คุณปู่อย่าพูดอย่างนี้สิคะ คุณปู่ต้องอายุยืนร้อยปีแน่ค่ะ”พ่อแม่ของเวินเหลียงหย่ากันตั้งแต่ตอนที่เธอเด็กมาก เธอถูกตัดสินยกให้พ่อ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือแม่ไม่ต้องการเธอ อย่างหลายปีมานี้ แม่ก็ไม่เคยมาเยี่ยมเธอสักครั้งพ่อทำงานยุ่งมาก ตอนแรกเธออยู่กับปู่ย่าที่บ้านนอก เพียงแต่ไม่กี่ปีให้หลังปู่กับย่าก็ทยอยจากไป พ่อจึงรับเธอมาอยู่ด้วยตอนที่เธออายุสิบหก พ่อก็จากไปเหมือนกัน เธอจึงตัวคนเดียวแล้วจริง ๆ กระทั่งคุณปู่ คุณย่าในตอนนี้รับตัวเธอมา มอบความอบอุ่น มอบบ้านอีกหลังให้เธอความทุกข์ที่ครอบครัวจากไปทีละคน เธอไม่อยากสัมผัสอีกไม่มีใครหวังให้คุณปู่สุขภาพแข็งแรงอายุยืนร้อ
ตอนบ่ายขณะที่ทั้งสองคนออกมาจากบ้านใหญ่แล้วระหว่างอยู่บนรถเวินเหลียงก็พูดขึ้น “คุณคงดูท่าทีของคุณปู่ออก เขาไม่สนับสนุนให้เราหย่ากัน หลังจากนี้คุณคิดจะทำยังไงคะ?”ฟู่เจิงมองไปนอกหน้าต่าง พลันถอนหายใจ “เราเอาใบสำคัญการหย่ามาก่อนก็ได้ ปิดคุณปู่เอาไว้ แล้วหลังจากนั้นค่อย ๆ บอกเขา”เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เขาก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้อยู่ดี ไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนความคิดแม้คุณปู่จะพูดจารุนแรงกับเขา แม้จะต้องปิดบังคุณปู่ ต่อต้านคุณปู่ก็ตามเวินเหลียงหายใจอย่างหนัก ทุกลมหายใจราวกับถูกมีดแทงเธอก้มหน้าแล้วส่ายหัวเงียบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “โอเคค่ะ จะไปเอาใบสำคัญการหย่าเมื่อไรเหรอคะ?”ฟู่เจิงเลื่อนดูกำหนดการในโทรศัพท์ “หลายวันนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง วันจันทร์หน้าก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ”เห็นเวินเหลียงตอบอย่างไม่ลังเล ฟู่เจิงก็เม้มริมฝีปากแล้วมองเธอสองสามทีหากวิจารณ์อย่างไม่มีอคติ เวินเหลียงหน้าตาสะสวยเป็นอย่างมากหางตาดอกท้อเชิดขึ้น ดวงตาคมชัด บางครั้งก็ดูอ่อนโยนบางครั้งก็ดูดุเดือด ตอนที่ดูอ่อนโยนจะมีเสน่ห์แสนตรึงใจอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ผู้คนจมดิ่งลงไปอยู่ในนั้น ทว่าตอนที่ดูดุเดือดกลับมีคว