LOGINชายหนุ่มเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง มือหนาค่อยๆ ถอดเสื้อสูทลงทิ้งกับพื้นตามด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ไม่ขาวอีกต่อไป สายตาคมกริบจ้องมองตัวต้นเหตุเขม็งราวกับกำลังฉีกร่างเธอออกเป็นชิ้นๆ
เคทอ้าปากค้างยังช็อคกับภาพตรงหน้าไม่หาย ถึงเธอจะชอบอ่อยหนุ่มหล่อแต่ก็ไม่ใช่การอ่อยด้วยสิ่งนี้ เหอะๆ คงรู้สึกถึงความประทับใจแรกเจอแบบสุดๆ
“ฉะ...ฉัน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ อุ๊บส์!!!”
หญิงสาวผลักร่างสูงให้พ้นทางก่อนจะพุ่งตัวไปยังห้องน้ำหญิง ก่อนโก่งตัวอาเจียน ปลดปล่อยเอาทุกอย่างที่สร้างความปั่นป่วนในร่างกายออกมาอีกระรอกจนหมด
“ฮืออออ แสบคอไปหมดแล้ว”
เคทกวักน้ำมาล้างหน้าล้างตาพลางตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ
ปกติเธอดื่มหนักแค่ไหนก็ไม่ค่อยแฮงค์หรืออาเจียน แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ยับเยินนักล่ะยัยเคท!?
หลังทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวรีบเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อกลับมารับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง แต่ทว่าชายแปลกหน้าคนนั้นก็หายตัวไปเสียแล้ว เหลือไว้เพียงเสื้อผ้าท่อนบนที่ถูกโยนทิ้งอยู่บนพื้นราวกับเป็นขยะเปียกชิ้นหนึ่ง
เคทใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้หนีบเสื้อผ้าขึ้นมา ย่นจมูกเบือนหน้าหนีภาพและกลิ่นที่ไม่ค่อยน่าพิสมัยมากนัก เดินย้อนกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
ล้างน้ำเปล่าไปก่อนแล้วกันนะ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปอาบน้ำที่ร้านซักรีด
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันสีหน้าแปลกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่มีความแข็งและรูปร่างสี่เหลี่ยม มือเล็กลูบคลำด้านนอกก่อนจะตัดสินใจล้วงมือเข้าไปหยิบสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าลับด้านในเสื้อสูทออกมา
“Holy shit!!”
โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่ายผลไม้ในสภาพเปียกชื้นและหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นละมุดนานา เคทค่อย ๆ ทำความสะอาดและประคองของมีค่าในมือวางลงบนขอบอ่างล้างหน้าอย่างระมัดระวัง
“เป็นการกินเหล้าที่มีค่าที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลย ดี๊ดี!!!”
ถึงปากจะบ่นแต่มือก็ทำงานไปด้วยอย่างขะมักเขม้น
ไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย เธอมองผลงานในมือด้วยสีหน้าพึงพอใจ แม้จะยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘สะอาด’ แต่ทว่าก็ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ลงไปได้เยอะ เอาล่ะกลับบ้านได้!
ทันทีที่ก้าวขาออกมาจากคลับ ร่างบางก็ถูกคว้าไปกอดก่อนจะโดนเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอนพร้อมกับเสียงตะคอกดุดัน
“ยัยบ้า! หายไปไหนมา รู้ไหมว่าฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว!”
“ขอโทษ”
เคทยิ้มแห้งทำสีหน้าสำนึกผิด ยอมรับคำด่าแต่โดยดี เพราะรอบนี้เธอประมาทเองที่ไปโดยไม่บอกไม่กล่าว แถมโทรศัพท์ก็ยังมาเจ๊งจนใช้งานไม่ได้อีกต่างหาก
“แกหายไปไหนมายะ แล้วนี่ไปเอาเสื้อใครมา เชี้ย! เหม็นมาก!! เอาไปทิ้งเลยจะเก็บกลับมาทำไม!!!!!”
ขวัญข้าวย่นจมูกรีบถอยออกห่างจากเพื่อนสาวพลางทำหน้ารังเกียจ บ้านก็รวยยังจะไปเก็บเสื้อสกปรกๆ กลับบ้านอีก งกไม่เข้าเรื่องเลยเพื่อนฉัน
“พอดีฉันไปอ้วกใส่เขามาอ่ะ ก็เลยเก็บจะเอาไปซักให้เขา”
“เอ้า! แล้วแกรู้เหรอว่าจะคืนเขายังไง”
“ไม่รู้อ่ะ แต่ฉันมีไอ้นี่!”
เคทส่ายหน้าแล้วชูตัวประกันที่เธอนำกลับมาด้วยให้เพื่อนทั้งสองดู
“อิบ้า! นี่แกไปฉกมือถือเขามาด้วยทำไม”
ขวัญข้าวโวยวายทำหน้าจะเป็นลม รู้สึกไม่เข้าใจกับเพื่อนสาวมากขึ้นไปอีก เก็บเสื้อกลับมาว่าบ้าแล้ว นี่ถึงขนาดฉกชิงวิ่งราวเอาทรัพย์สินเขาติดมาด้วยเนี้ยนะ
ถึงจะโมโหแค่ไหนแต่ความเป็นห่วงก็ยังมีมากกว่า ซันกุมขมับ พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด แล้วดึงหญิงสาวมาสำรวจร่างกายหาร่องรอยฟกช้ำ
เขากวาดสายตามองไปทั่วร่างบางจนแน่ใจว่าเธอปลอยภัยไร้รอยขีดข่วนเพิ่มเติม จึงจับเธอยัดกลับเข้าไปในรถยนต์ ก่อนที่เขาจะเผลอทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านี้
บรรยากาศในรถเงียบงันเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งความอึมครึม อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ทั้งยังพุ่งทะยานไปตามถนนด้วยความเร็วสูง
เคทนั่งตัวเกร็ง พลางแอบลอบชำเลืองมองสีหน้าของคนขับเป็นระยะ ๆ ในขณะที่มือเล็กยื่นเสื้อผ้าที่ยังมีกลิ่นออกไปนอกตัวรถ พยายามเกร็งแขนต้านลมและกำเสื้อเอาไว้แน่นจนแทบเป็นตะคริว
ขวัญข้าวนั่งคดตัวอยู่เบาะหลังอันแสนคับแคบบวกกับบรรยากาศมาคุของคนสองคน ทุกอย่างยิ่งดูอึดอัดขึ้นหลายเท่าตัว เธอชำเลืองมองสองคนข้างหน้าสลับกันไปมาแล้วลอบถอนหายใจเบา ๆ
เคลียร์กันเอาเองนะจ๊ะ รอบนี้เธอไม่หาร
คชาเดินทอดน่องไปตามชายหาด ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นที่แสนเย็นสบาย คลี่ยิ้มบาง ๆ ด้วยความผ่อนคลาย ดีจริง ๆ ที่มาเที่ยวตามคำเชิญของมิริน ไว้เย็นนี้ค่อยแวะไปทักทายครอบครัวนั้นหน่อยแล้วกันขณะกำลังชื่นชมกับความงามทางธรรมชาติอยู่นั้น พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของใครบางคนที่วนเวียน ติดอยู่ในหัวของเขามาตั้งแต่งานแต่ง คชาแอบเดินตามหลังหมอสาวไปเรื่อย ๆ เว้นระยะห่างพอสมควรเพื่อไม่ให้เธอรู้ตัวสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทอดมองแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวที่กำลังเดินเหม่อลอยอยู่บนชายหาดด้วยความสงสัย ใบหน้าหวานดูเศร้าหมองเสียจนคชาเกิดความอยากรู้ถึงสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่คชาชะงักฝีเท้า รีบกระโดดเข้าไปหลบหลังต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้ ๆ เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวหยุดฝีเท้ากะทันหันพลางเหลียวหลังกลับมามอง คล้ายรู้ตัวว่ากำลังถูกเดินตาม“ก็ไม่มีอะไรนี่นา”นิลขมวดคิ้วทำหน้างุนงง รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้องจากสายตาคู่หนึ่ง แต่ทว่าพอเหลียวหลังกลับไปตรวจดู ก็พบว่าผู้คนในละแวกนั้นต่างก็เพ่งความสนใจไปที่กิจกรรมของตัวเอง ไม่มีอะไรผิดปกติอย่างที่เธอนึกสงสัย“สงสัยเราจะดูหนังมากไปจริง ๆ”นิลด
“กล้าดียังไงถึงใส่เสื้อคนอื่นที่ไม่ใช่ผัว”ร่างบางชะงักหยุดทุกความเคลื่อนไหวทันที หลังได้ยินเสียงทุ้มต่ำคำรามอย่างเกรี้ยวกราดข้างๆ หู“พะ...พี่วิน”เคทถอนหายใจโล่งอกเมื่อหันมาพบว่าเจ้าของการกระทำที่แสนหยาบคายเมื่อครู่คือสามีของเธอเอง ดีใจอยู่ชั่วครู่ใบหน้าหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นหงิกงอ ก่อนจะฟาดกำปั้นลงบนอกกว้างอย่างแรง“หายไปไหนมาคะ ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รู้ไหมว่าเป็นห่วงเนี้ย”“ก็รีบบินกลับมาหาเมียไง”มือหนาถอดเสื้อยืดของตัวออกมาสวมให้หญิงสาวแทนตัวเก่าที่ถูกโยนทิ้งอยู่มุมลิฟท์อย่างไม่ใยดีกวินรั้งร่างบางเข้ามาโอบกอด ซุกไซ้จมูกโด่งเข้ากับซอกคอขาวผุดสูดกลิ่นกายสาวด้วยความคิดถึง มือเอื้อมไปบีบเคล้นเนื้อนุ่มใต้เสื้อยืดที่คลุมหมิ่นเหม่ปิดแค่ครึ่งสะโพก คำรามในลำคอเบา ๆ อย่างรู้สึกดี“คิดถึงผัวบ้างไหมครับ หื้มมม”"ไม่ต้องมาพูดเลย!"เคทเบี่ยงหน้าหลบกวินที่ยื่นหน้าเข้ามาฉกจูบ ทำให้จมูกโด่งฝังเข้าที่แก้มนุ่มแทน ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกจากลิฟท์ตรงไปยังห้องพักอย่างแง่งอนติ้ด!ขาเรียวก้าวออกไปยืนนอกระเบียงโดยไม่สนใจสามีที่กำลังเดินตามมาติด ๆ เมินใส่สามีที่ทำให้เธอเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อคืนอยู
อาทิตย์ถัดมา @โรงแรม Nava สาขาประจำจังหวัดกระบี่“เคท!”หญิงสาวหันตามเสียงเรียก ก่อนจะหวีดร้องด้วยความดีใจทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาทักทายร่างบางถลาเข้าสวมกอดพี่สาวคนสนิทแล้วหอมแก้มซ้ายขวาไปหลายฟอดแทนความคิดถึงมิรินหัวเราะร่ากับความน่ารักสดใสไม่เคยเปลี่ยนของเธอ แล้วกอดตอบอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจหลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงพี่สาวจนหนำใจแล้ว เคทจึงคลายกอดแล้วหันไปยกมือขึ้นประนมไหว้ชายผู้เป็นสามีของพี่สาวอย่างอ่อนช้อย"สวัสดีค่ะพี่ชินท์"เตชินท์ยิ้มรับบาง ๆ มองสาวน้อยด้วยความเอ็นดู คิ้วหนามุ่นเข้าหากับเล็กน้อย เกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาในใจแปลกๆ ว่าครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นความบังเอิญอย่างที่คาดคิดไว้สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณที่มองหาตัวการอีกคนที่คาดว่าน่าจะดักซุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล“หุยยยยย เคทคิดถึงพี่มิรินจังเลย ขอกอดอีกที ๆ ๆ”“ฮ่า ๆ มาเที่ยวไกลเชียวนะ แล้วนี่มากับใครเนี้ย คชาล่ะ? เจ้าตัวเล็กล่ะมาด้วยกันไหม?”มิรินยืดตัวขึ้นพลางชะโงกมองหาเพื่อนชายคนสนิทไปด้วย ถ้ามาด้วยกันก็คงดีเพราะเธอก็ไม่ได้เจอคนทั้งคู่มานานจนแทบลืมหน้าไปแล้วเคทคลายอ้อมกอดออก ส่ายหัวไปมาแล้วเบ้หน้าทำปากคว่ำด้วยความหมั
“ปา ป๊า”คีรินทร์ร้องเรียกเสียงอ้อเอ้ พร้อมกับอ้าแขนออดอ้อน ขอให้คุณพ่ออุ้มเธอเดินเล่นอย่างที่ชอบทำอยู่ทุกวัน“เรียกปะป๊าเหรอครับ หื้มมม เจ้าตัวยุ่ง”กวินช้อนตัวลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาอุ้มแนบอก ชูร่างเล็กขึ้นสูงก่อนจะใช้ใบหน้าซุกหน้าพุงป่อง หยอกเย้าจนลูกสาวส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจดังลั่น“ชอบใช่ไหมครับ จั๊กจี้ใช่ไหมมมม”“ปา ป๊า เอิ๊ก ๆ ปา ป๊า”กวินทำอีกซ้ำ ๆ พลางหัวเราะประสานไปกับเสียงของลูกสาว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกที่ขากางเกง เขาขบต้นขาลูกสาวเบา ๆ ส่งท้ายก่อนจะก้มลงมองร่างกลมขาวจั๊วะที่เกาะข้อเท้า เงยหน้ามองเขาตาใสแป๋วเพราะอยากเล่นแบบนี้บ้าง“อยากเล่นเหมือนกันเหรอครับคิมหันต์”กวินหัวเราะเบา ๆ กำลังจะส่งลูกสาวตัวน้อยคืนให้เมียรัก เพื่อผลัดเปลี่ยนมาหยอกล้อกับลูกชายบ้าง แต่ไม่ทันอีกคนที่ไวกว่าเควินช้อนตัวหลานชายขึ้นมาอุ้มแนบอก สายตาสงสัยจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่เกิดจากการผสมผสานความสวยหล่อของพี่ชายและภรรยาอย่างพินิจพิจารณาเขาใช้ปลายนิ้วจิ้มเข้าไปที่แก้มนุ่มหยุ่นสองสามที ดวงตาฉายแววประหลาดใจขณะมองแก้มป่องที่เด้งดึ๋งสู้มือถ้าเขามีลูกบ้าง จะมีหน้าตาเป็นแบบ
@คฤหาสน์ประจำตระกูลกวินจำต้องพาลูกเมียมายังคฤหาสน์ตามคำสั่ง เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และทนการรบเร้าของคนเป็นปู่ต่อไปไม่ไหวแล้วคิมหันต์และคีรินทร์มีอายุได้ 1 ขวบกว่าๆ กำลังอยู่ในช่วงหัดพูดเป็นคำ ๆ เงยหน้ามองผู้เป็นปู่ตาใสแป๋ว สลับกับปรบมือเปาะแปะทำตามผู้ใหญ่"อ๊ะ! จ๊ะเอ๋! ว่าไงครับหลานปู่ หิวหรือยังงงงง หื้มมม หิวหรือยังงง""แอะ แอะ หม่ำ"กฤษดานั่งหยอกเย้าหลานทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เสียงอ้อเอ้ของหลานตัวน้อยผลัดกันขานรับทุกประโยคที่คุยด้วย น่ารักน่าชังเสียจนคุณปู่ผู้เห่อหลานแต่ไม่ยอมรับ ทั้งรักทั้งหลงจนแทบจะประเคนทุกอย่างให้หมดแล้ว"มาลี! เอาขนมมาให้หลานฉันสิ!""เจ้าค่ะ"ไม่ถึงนาที ขนมนมเนยที่เหมาะสมกับเด็กในวัยนี้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ กวินมองอาการเห่อหลานจนเข้าขั้นวิกฤตของพ่อตัวเองแล้วส่ายหัวไปมาทั้งแก้วแหวนเงินทอง ทั้งของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กที่กองพะเนินจนล้นลัง กว่าลูก ๆ ของเขาจะเล่นครบทุกชิ้นคงกินเวลาไปทั้งปี แถมยังมีที่ดินย่านใจกลางเมืองที่ให้เพื่อรับขวัญหลานคู่แรกของตระกูล มูลค่ากว่าห้าสิบล้านอีกผืนอีกหน่อยถ้าลูก ๆ พูดได้แล้วขอนู้นนี่นั่น เพนท์เฮ้าส์ของเ
“อะ...อะไรของนายเนี้ย!?”คชาสบเข้ากับสายตาคำถามของหญิงสาว เบือนหน้าหนีไปอีกทางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“รับไปสิ ฉันให้”“อุ้ย! ได้สองช่อติดขนาดนี้ สงสัยเจ้าบ่าวจะอยู่ใกล้ ๆ ตัวนะคะหมอนิล คิกคิก”มิรินกระเซ้าเหย้าแหย่ ขยั้นขยอให้หมอสาวยอมรับช่อดอกลิลลี่ไว้ พลางพยักเพยิดไปทางเพื่อนชาย บอกเป็นนัย ๆ ว่าเจ้าบ่าวคนต่อไปก็อาจจะยืนอยู่แถว ๆ นี้ก็เป็นได้“นั่นสิ! หมอผีที่โสดนาน ๆ อย่างเธอ คงไม่อยากแต่งงานกับภูติผีที่เลี้ยงไว้หรอกใช่ไหม หรือว่าอากาศข้างบนมันดีซะจนไม่อยากลงจากคาน?”“ไอ้…..!!!”นิลกัดฟันกรอด ๆ อยากจะด่าต่ออีกสักชุด แต่พอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวจึงกลืนคำด่าลงท้องไปก่อน เพราะการกระทำของชายหนุ่มทำให้เธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนในงานกว่าครึ่ง"อย่างน้อย ๆ ผีที่ฉันเลี้ยงไว้ก็ไม่ปากเสียแบบนาย!"นิลตีหน้ายักษ์ใส่คชาแล้วสะบัดหน้าเดินหนีอย่างแง่งอน ทั้งหงุดหงิดและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องปล่อยหมาออกมากัดเธอทุกครั้งที่พบกันมิรินเดินเข้ามาหาเพื่อนชายคนสนิท ตบบ่าเขาหนัก ๆ สองสามที นึกอยากจะปรามความปากเสียของเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่คชาคงจะแก้นิสัยนี้ไม่หายแล้วล่ะมั้ง จึงเปลี่ยนเป







