Mag-log inตอนที่ 12 ยิ่งพยายามใกล้ยิ่งห่างไกล
อคิณกลับเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้าอ่อนล้าจากการประชุมที่ยาวนานกว่าที่คิด เขามองไปที่พราวตะวันที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง ใบหน้าของเธอหันออกไปมองทิวทัศน์ข้างนอก แต่แววตาของเธอกลับว่างเปล่า ราวกับว่าความคิดของเธอกำลังล่องลอยไปในที่ไกลแสนไกล
อคิณเดินเข้ามาใกล้เธอช้าๆ เขารู้สึกผิดที่บังคับเธอให้มารอเขาประชุม
“ผมขอโทษนะครับพราว ที่ทำให้คุณต้องรอนาน” อคิณกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พราวตะวันไม่ตอบอะไร เธอยังคงนิ่งราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องกับเธอ ราวกับว่าการมีตัวตนของเขาไม่มีผลอะไรต่อเธอเลยแม้แต่น้อย
อคิณถอนหายใจเบาๆ เขาเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นแล้วเอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้เบาๆ
“ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่ผมขอโทษได้ไหม” พราวสะบัดมือของเขาออกอย่างแรง
“ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันรำคาญที่ต้องอยู่ใกล้ๆ คุณอย่างนี้และยิ่งตอนนี้ฉันก็ยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ๆ คุณ”
“ผมรู้ว่าคุณรำคาญผมแต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้อยากทำให้คุณอึดอัด” อคิณบอกกับเธอ
อคิณเงียบไปชั่วขณะ เขามองพราวตะวันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และตัดพ้อ
“พราวคุณไม่เคยคิดเลยหรือไงว่าที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ ผมหวังดีกับคุณทุกเรื่อง” อคิณพูดขึ้นมาแล้วก็มองหน้าของพราวตะวันอย่างหมดหวัง
“ทำไมฉันต้องเชื่อว่าคุณหวังดีกับฉัน เพราะถ้าคุณหวังดีกับฉันคุณคงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานแบบบีบบังคับฉันอย่างนี้” พราวตะวันพูดขึ้นมาพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว “ผมอยากบอกคุณนะพราว ว่าผมหวังดีกับคุณ ทุกอย่างที่ผมทำผมหวังดีกับคุณทั้งนั้น” อคิณกล่าวเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด
“แต่คุณไม่เคยเปิดใจรับฟังผมเลย”
“แล้วทำไมฉันต้องเปิดใจรับฟังคุณด้วยล่ะ” พราวตะวันตอบกลับทันควัน
“ในเมื่อทุกอย่างที่คุณทำ มันก็เพื่อประโยชน์ของครอบครัวคุณ” อคิณส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่จริงพราว ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณ”
“เพื่อฉัน ตลกสิ้นดี” พราวตะวันแค่นหัวเราะ
“ถ้าคุณทำเพื่อฉันจริง คุณคงไม่พาฉันมาที่นี่ คุณคงไม่บังคับให้ฉันแต่งงานกับคุณ คุณคงไม่ทำให้ฉันต้องเจ็บปวด” น้ำเสียงของพราวตะวันสั่นเครือเล็กน้อย แววตาของเธอเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า อคิณเห็นดังนั้นก็รู้สึกปวดร้าวในใจ เขาเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นแล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่คลออยู่ตรงหางตาของเธอ พราวตะวันสะดุ้งเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้ปัดมือของเขาออก
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณเจ็บปวด” อคิณกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างที่สุด
“แต่คุณจงรู้ไว้ว่าที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อคุณ สักวันคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ ผมจะทำให้คุณมีความสุข” อคิณกล่าว
“ผมจะทำทุกอย่างให้คุณเชื่อใจผมให้ได้”
พราวตะวันมองเข้าไปในดวงตาของเขา เธอเห็นความจริงใจที่ฉายชัดอยู่ในนั้น มันไม่ใช่สายตาของชายเจ้าชู้ที่เธอเข้าใจ แต่มันคือสายตาของชายที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาดีที่มันออกมาจากใจจริง
“ผมรู้ว่าคุณอาจจะไม่ได้รักผม ผมเจ็บปวดแต่ไม่ใช่เพราะคุณไม่รักผม”
“แล้วคุณเจ็บปวดอะไร” พราวตะวันถามขึ้นมาทันทีทีที่เข้าพูดจบ
“ผมเจ็บปวดที่เห็นคุณต้องทุกข์ใจ” อคิณกล่าว “ผมอยากให้คุณมีความสุข”
“คุณจะทำให้ฉันมีความสุขได้ยังไงในเมื่อคุณก็ทำให้ฉันทุกข์ใจมาตลอด” พราวตะวันพูดขึ้นมาแล้วก็มองหน้าของเขาทั้งน้ำตา
“ผมรู้ว่าผมไม่ใช่ความสุขของคุณ แต่ผมจะรอ รอวันที่คุณมองผมเป็นความสุขของคุณ แม้จะไม่มีวันนั้นผมก็จะรอ” น้ำเสียงของอคิณเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน พราวตะวันเงียบไป เธอรู้สึกจุกแน่นในลำคอ เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธออยากจะเชื่อเขาแต่หัวใจของเธอตอนนี้มันมีแค่ฟิล์มเท่านั้น
“มันคงไม่มีวันนั้นตามที่คุณเข้าใจ” น้ำเสียงของพราวตะวันหนักแน่นแต่ก็สั่นเครือ เธอมองเข้าไปในดวงตาของอคิณอย่างไม่ยอมแพ้
“ผมไม่เชื่อ” อคิณกล่าว “ผมจะรอจนกว่าคุณจะเปลี่ยนใจ” พราวตะวันส่ายหน้า เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เธอยังคงรักฟิล์มอยู่หมดหัวใจ และเธอก็ไม่สามารถทำใจที่จะรักใครได้อีก
“ผมรู้ว่าคุณรักเขา” อคิณกล่าว พราวตะวันนิ่งไป เธอเถียงเขาไม่ออก เพราะสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดมันคือความจริง ฟิล์มไม่ได้สนใจเธอเลยในช่วงเวลาที่เธอต้องการเขามากที่สุด
“ผมจะทำทุกอย่างให้คุณลืมเขาให้ได้” อคิณกล่าว “ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้” พราวตะวันรู้สึกอึดอัดกับคำพูดของเขา เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี เธออยากจะเชื่อเขา แต่ในใจของเธอก็ยังมีกำแพงที่แข็งแกร่งขวางกั้นอยู่
“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหน” พราวตะวันเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน อคิณมองกลับมาที่เธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนและจริงใจ
“ผมจะรอคุณ” อคิณกล่าว “ผมจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมที่จะเปิดใจให้ผม”
“พอเถอะ กลับบ้านดีกว่า ฉันอยากกลับบ้าน” พราวตะวันเลือกที่จะเลิกพูดเรื่องนี้ เธอไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่สับสนภายในใจอีกต่อไป จู่ๆ ท้องของเธอก็ร้องออกมาเสียงดัง ทำให้ทั้งคู่ต้องเงียบไปชั่วขขณะ พราวตะวันเขินหน้าแดง เธอพยายามจะทำเป็นไม่สนใจแต่ก็ทำไม่ได้ อคิณเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ผมว่าเราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะครับ” อคิณกล่าว
“ฉันไม่หิว” พราวตะวันปฏิเสธเสียงแข็ง “แต่ท้องของคุณไม่ได้พูดแบบนั้น” อคิณพูดขึ้นมาแล้วก็แอบอมยิ้มเล็กน้อย ซึ่งทำให้บรรยากาศสบายขึ้น
“ฉันจะกลับบ้าน” พราวตะวันยืนยัน “ผมคิดว่าเราไปทานข้าวกันดีกว่า” พราวตะวันรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเขา เธออยากจะปฏิเสธแต่ท้องของเธอก็ยังคงร้องออกมาอีกครั้ง ราวกับจะตอกย้ำให้เธอได้รู้ว่าเธอไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้อีกต่อไป
“ก็ได้ เบื่อจะเถียงคุณแล้ว” พราวตะวันตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ อคิณพาพราวตะวันไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก บรรยากาศในร้านเงียบสงบและดูอบอุ่น อคิณสั่งอาหารที่พราวตะวันชอบโดยที่เธอไม่ได้บอก พราวตะวันมองเขาด้วยความสงสัย
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบอาหารพวกนี้” พราวตะวันถาม
“ผมเคยเห็นคุณทานอาหารพวกนี้ที่บ้านบ่อยๆ” อคิณตอบ
“ผมก็เลยคิดว่าคุณน่าจะชอบ” พราวตะวันเงียบไป เธอรู้สึกประหลาดใจกับการใส่ใจของเขาที่ไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน ความรู้สึกผิดในใจของเธอเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ
“ผมขอโทษนะครับพราว ที่ทำให้คุณต้องรู้สึกอึดอัด” พราวตะวันได้ยินเธอก็เลือกที่จะเงียบแทนที่จะพูดอะไรออกไป
หลังจากทานข้าวเสร็จ อคิณก็พาเธอกลับมาที่บ้าน พราวตะวันเดินเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเธอกำลังสับสนในความรู้สึกของเธอ
เมื่อเข้ามาในบ้าน พราวตะวันยังคงพยายามทำตัวห่างเหิน
“คุณไปพักเถอะ ผมจะไปที่ห้องทำงาน” อคิณกล่าว
“ฉันอยากอยู่คนเดียว” พราวตะวันตอบกลับ
“ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกผมได้นะ” อคิณกล่าวแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
พราวตะวันเดินตรงไปที่ห้องรับแขก เธอทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เธอรู้สึกคิดถึงฟิล์มเหลือเกิน เธออยากจะกลับไปอยู่กับเขาเหมือนเดิม เธอเปิดดูโซเชียลมีเดียของเขา แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับทำให้หัวใจของเธอร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
รูปภาพล่าสุดที่ถูกโพสต์โดยหญิงสาวผมบลอนด์คนนั้น เป็นรูปที่เธอกำลังกอดอยู่กับฟิล์มที่ทะเล ฟิล์มกอดเอวเธอไว้พร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุขและแคปชั่นที่เขียนว่า "รักเธอที่สุด" และมีการแท็กชื่อของฟิล์มเอาไว้ด้วย
พราวตะวันรู้สึกชาไปทั้งตัว ความจริงที่เธอพยายามปฏิเสธมาตลอดหลายวันพุ่งเข้ามากระแทกใจเธออย่างจัง น้ำตาของเธอไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
พราวตะวันพยายามปลอบใจตัวเองว่ามันอาจจะเป็นแค่รูปภาพที่ถ่ายเล่นกันเฉยๆ ก็ได้ แต่ในใจของเธอก็รู้ดีว่ามันไม่จริง
เธอพยายามกดโทรศัพท์หาฟิล์มซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ไม่ยอมรับสายเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงมาตรงหน้า เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่สุดท้ายแล้วเขากลับทำอย่างนี้กับเธอ
เสียงสะอื้นของพราวตะวันดังขึ้นเรื่อยๆ จนอคิณที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของเขาได้ยิน เขาเดินเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเขาเห็นพราวตะวันกำลังร้องไห้อย่างหนัก เขาก็รีบเดินเข้าไปหาเธอทันที
“เกิดอะไรขึ้นพราว” อคิณถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พราวตะวันเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย อคิณเห็นดังนั้นก็ก้มลงไปมองโทรศัพท์มือถือของเธอที่เปิดค้างไว้ เขามองไปที่รูปภาพนั้นแล้วถอนหายใจออกมาอย่างยาวนาน
เขารู้ดีอยู่แล้วว่าความจริงมันเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่คิดว่าพราวตะวันจะได้เห็นมันเร็วขนาดนี้
อคิณไม่ได้พูดอะไรอีก เขากอดเธอเอาไว้แน่น พราวตะวันเองก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาบนไหล่ของอคิณอย่างไม่หยุดยั้ง
เธอรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงไปในความมืดมิดและอ้อมกอดของอคิณเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“เขาไม่ได้รักคุณหรอกพราว เขาแค่หลอกใช้คุณ” อคิณกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างที่สุด
“ผมรู้ว่ามันเจ็บปวด แต่คุณต้องเข้มแข็งนะ” พราวตะวันเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่สับสน
“ทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้”
“ผมให้ชวินสืบเรื่องนี้มานานแล้ว” อคิณตอบ
“ผมไม่อยากให้คุณต้องเจ็บปวด”
“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉัน” พราวตะวันถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ผมอยากให้คุณเห็นมันด้วยตาของคุณเอง” อคิณกล่าว
“ผมรู้ว่าคุณคงไม่เชื่อคำพูดของผม”
พราวตะวันเงียบไป เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงมาตรงหน้าเธอ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอรักเขามากแต่เขากลับทำอย่างนี้กับเธอ
พราวตะวันผลักอคิณออกแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนอย่างรวดเร็ว อคิณไม่ได้ตามเธอไป เขาปล่อยให้เธออยู่คนเดียวเพราะเขารู้ว่าเธอต้องการเวลา
พราวตะวันทิ้งตัวลงบนเตียง เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น ความเจ็บปวดในใจของเธอรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเจอมาในชีวิต เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอรักมากที่สุดจะทำร้ายเธอได้ขนาดนี้
อคิณยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของเธอ เขาไม่ได้เข้าไปข้างในแต่เขาแค่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ เขารู้ดีว่าความเจ็บปวดที่เธอได้รับมันรุนแรงแค่ไหน
เขาอยากจะเข้าไปกอดเธอเอาไว้แน่น ๆ แต่เขาก็รู้ว่าเธอต้องการเวลาอยู่คนเดียว เขาจึงตัดสินใจที่จะยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้เธอ
ตอนที่100พังทลายในรุ่งอรุณ เช้าตรู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านไร่ อากาศยังคงเย็นสบายและชื้นเล็กน้อยจากน้ำค้างยามดึก แสงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มสาดส่องลงกระทบหลังคาจากที่มุงอย่างเรียบง่าย พราวตะวันในชุดคลุมท้องกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยหลังเคาน์เตอร์ไม้เก่าๆ ที่เธอใช้เป็นพื้นที่เตรียมงาน เธอพยายามใช้เวลาช่วงเช้าที่เงียบสงบนี่คัดพักและเตรียมเครื่องก๋วยเตี๋ยวให้เรียบร้อยก่อนที่ลูกค้าจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามา แม้ท้องจะแก่ขึ้นเรื่อยๆ จนอายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เจ็ดแล้ว แต่เธอก็ยังคงสนุกกับกิจวัตรเหล่านี้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเช็กดูเรื่องราวต่างๆ เธอแทบไม่ค่อยได้ใช้โซเชียลเลยนับตั้งแต่หนีมาอยู่ที่นี่ เพราะกลัวว่าการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกจะทำให้อคิณตามหาเธอเจอ แต่บางครั้งเธอกก็อดไม่ได้ที่จะเปิดดูความเคลื่อนไหวบ้าง นิ้วเรียวเลื่อนผ่านหน้าจอไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ในที่สุด ดวงตาของเธอก็สะดุดเข้ากับรูปภาพและพาดหัวข่าวจากเพจซุบซิบนินทาชื่อดัง ที่เพื่อนคนหนึ่งได้แชร์ไว้ในหน้าฟีดสาธารณะ หัวใจของเธอพลันหยุดเต้นทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้น เพราะเขาคืออคิณ
ตอนที่99ข่าวลือ หลังจากการปรากฏตัวของแพทย์หญิงมณีรัตน์ ในฐานะแพทย์หัวใจคนใหม่ของโรงพยาบาล บรรยากาศในการทำงานของอคิณก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด มณีรัตน์ไม่ได้มาแค่ทำงาน เธอมาพร้อมความตั้วใจที่จะทวงคืนความสนใจจากรุ่นพี่ที่เธอคิดว่ายังคงมีใจให้เธออยู่ไม่เสื่อมคลาย เธอเชื่อมั่นในสายตาที่เขาเคยแอบมองเธอเมื่อก่อน และมั่นใจว่าเมื่อความห่างไกลหายไป ความสัมพันธ์ย่อมพัฒนาได้ไม่ยาก มณีรัตน์มักจะหาโอกาสเข้าใกล้อคิณอยู่เสมอ เธอใช้ความเชี่ยวชาญของตนเองเป็นข้ออ้างในการติดต่อสื่อสารที่ถี่ขึ้นกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอกสารสำคัญเกี่ยวแผนกหัวใจเข้าพบที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยตัวเองทุกครั้ง ทั้งที่สามารถสั่งการผ่านเลขานุการได้ หรือการเข้าปรึกษาเรื่องคนไข้ที่ต้องผ่าตัดอย่างละเอียดเกินความจำเป็นในยามวิกาล “ท่านผู้อำนวยการคะ เคสนี้ละเอียดอ่อนมากค่ะ มณีรัตน์อยากปรึกษาเรื่องการเลือกใช้อุปกรณ์ผ่าตัดหัวใจโดยเฉพาะเลยค่ะ” มณีรัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้โต๊ะทำงานของอคิณ เธอตั้งใจให้ร่างกายของเธออยู่ใกล้เขาในระยะที่สัมผัสได้ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ใช้ก็ส่งกลิ่นอ่อน
ตอนที่98คนใหม่ใกล้หัวใจ บรรยากาศที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านไร่ ในช่วงสายของวันยังคงคึกคักไปด้วยลูกค้าประจำและนักท่องเที่ยวที่ตามรอยอินฟลูเอนเซอร์มา พราวตะวันที่ท้องแก่ 6 เดือน เริ่มมีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ท้องของเธอนูนโตออกมาอย่างเห็นได้ชัด พราวตะวันยังคงยืนลวกเส้นและตักเครื่องก๋วยเตี๋ยวอยู่อย่างนั้น อยู่หลังเคาน์เตอร์ แม้จะไม่ได้ว่องไวเหมือนก่อน แต่ทุกดารเคลื่อนไหวของเธอก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจและพิถีพิถัน ความเหนื่อยล้าเริ่มแสดงออกทางสีหน้าของเธอมากขึ้น บางครั้งเธอต้องใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอวเพื่อพยุงตัว และหายใจถี่ขึ้นเมื่อต้องยืนติดต่อกันเป็นเวลานาน ธามไม่เคยปล่อยให้พราวตะวันต้องแบกรับภาระหนักเกินไป เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของร้าน ธามเป็นคนคอยเดินเสิร์ฟ รับออเดอร์ เก็บโต๊ะ และดูแลความเรียบร้อยทั้งหมด เขาคอยสังเกตพราวตะวันอยู่เสมอ และจะรีบเข้ามาช่วยทุกครั้งที่เห็นเธอเริ่มหอบหรือแสดงอาการเหนื่อยออกมา ธามที่ตั้งใจมาอยู่บ้านยาวๆ พักผ่อนก่อนจะกลับไปทำงานที่ต่างประเทศแต่เหมือนว่าตอนนี้ธามคงไม่ไปแล้วแน่ๆ “พราวไปนั่งพักก่อนเถอะครับ” ธามเดินมาที่เคาน
ตอนที่97แพทย์หญิงคนใหม่ดูหน้าคุ้นๆ พราวตะวันชะงักไปเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมามองมีนาอย่างรวดเร็วแต่ก็รีบก้มลงทันที ใบหน้าของเธอแสดงความตื่นตระหนกออกมาเพียงเสี้ยววินาที เธอปฏิเสธทันทีอย่างสุภาพแต่หนักแน่น“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ชอบ แต่ฉันขอปฏิเสธการสัมภาษณ์ค่ะ” พราวตะวันกล่าวขึ้นมา“แต่คุณสามารถถ่ายภาพอาหารและถ่ายบรรยากาศในร้านได้เต็มที่เลยนะคะ แต่ขอควากรุณา ห้ามถ่ายติดภาพฉันในวิดีโอเด็ดขาดค่ะ และพราวขอไม่เปิดเผยใบหน้าหรือตัวตนในสื่อสาธารณะทุกช่องทางค่ะ” ธามที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความสงสัย “พราวครับทำไมไม่ให้สัมภาษณ์ล่ะครับ นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลยนะครับ ร้านจะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” พราวตะวันมองหน้าธามและจำต้องหาคำตอบเพื่อปกปิดความลับของเธอ “พราวแค่ไม่ชอบออกกล้องเท่านั้นค่ะพี่ธาม” พราวตะวันตอบด้วยรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย “พราวอยากใช้ชีวิตสงบๆ ที่นี่ค่ะ ไม่อยากเป็นที่รู้จักหรือตกเป็นเป้าสายตาของใคร” ธามแม้จะไม่ค่อยเชื่อใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตาม มีนาจึงตัดสินใจรีวิวอาหารและบรรยากาศร้านอย่างละเอียด โดยทำตามคำขอของเจ้าของร้านอย่างเคร่งค
ตอนที่96ก๋วยเตี๋ยวโบราณแสนกลมกล่อม ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ชวินกับกานต์ และอคินัยกับพราวฟ้านัดเจอกันเพื่อหาทางช่วยอคิณที่กำลังท้อแท้กับการตามหาพราวตะวัน “ฉันสงสารพี่คินน์นะ แต่ก็คิดถึงพราวมากเหมือนกัน” กานต์พูดด้วยความเป็นห่วงอคิณและความคิดถึงพราวตะวัน” “ใช่กานต์ผมเองก็ไม่ต่างกัน” อคินัยกล่าวขึ้นมาอีกคน “พี่คินน์บอกให้ผมไปจัดการเรื่องคดีของฟิล์มต่อ แต่เรื่องตามหาพี่พราวพี่เขาบอกจะหาเอง แต่สุดท้ายก็ขับรถกลับมาอย่างหมดหวัง ชวินที่นั่งเงียบฟังอยู่นานก็วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะด้วยเสียงดังเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนหันมาสนใจ “เราจะมานั่งเศร้ากันอยู่ไมได้นะ” “แต่เราจะทำยังไงคะพี่ชวิน” พราวฟ้าถามด้วยความเครียด “ไม่มีรู้เบาะแสของพราวเลยจริงๆ” “มันต้องมีแหละสักทาง แต่ตอนนี้ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เราก็ทานข้าวกันก่อนแล้วกัน ไว้เราค่อยหาทางไปเรื่อยๆ แม้จะน้อยนิดก็เถอะ แต่ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอก” ชวินเอ่ยขึ้นมาอย่างหนักใจ ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อพวกเขาตัดสินใจพักเรื่องหนักๆ
ตอนที่95บทพิสูจน์ความรัก ที่บ้านของอคิณ บรรยากาศยังคงเงียบสงบและหนักอึ้งหลังจากที่เขาได้ฟังการสารภาพที่โหดร้ายของฟิล์ม อคิณนั่งอยู่ที่ขอบเตียงอย่างอ่อนล้า มือยังคงกุมกรอบรูปของพราวตะวันที่วางข้างหมอน ความจริงที่ว่าภรรยาของเขาจากไปเพราะถูกจัดฉากและหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ความโกรธแค้นของเขายิ่งทวีคูณ เขาได้มอบหมายให้ทนายจัดการเรื่องคดีของณิชาและฟิล์มอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่เรื่องคดีความไม่ได้ทำให้หัวใจเขาหายเจ็บปวดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาพราวตะวันและลูกของเขา อคิณลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปในความมืดมิดของค่ำคืน ความท้อแท้เข้าจู่โจมเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฟิล์มก็ไม่รู้ว่าพราวอยู่ที่ไหน ใครๆ ก็ไม่รู้” อคิณพยายามนึกถึงสถานที่ที่พราวตะวันเคยพูดถึง หรือทุกความสัมพันธ์ที่เธอเคยมี แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนไม่มีทางให้เขาเดิน พราวตะวันเป็นผู้หญิงที่ชอบเก็บความรู้สึกและโลกส่วนตัวสูง เมื่อเธอตัดสินใจหนี เธอย่อมไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ “พี่จะตามหาพราวทที่ไหน ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปถ่ายของพราวตะวั







